WDS Chapter 100 เหล่าฑูตมาเยือน
ขณะที่แสงแรกของพระอาทิตย์ส่องสว่างมายังแลนธานอร์ มันก็มีสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า วันนี้เป็นวันพิเศษ
โดยปกติแล้วในเวลานี้ ผู้คนจะตื่นขึ้นจากการนอน และทำกิจกรรมประจำวันของพวกเขา แต่ในวันนี้ บ้านส่วนใหญ่ในราชอาณาจักรว่างเปล่า
ถนนที่เคยว่างเปล่า คึกคักไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ที่ถือป้ายสีแดงโลหิตและป้ายสีทองไว้ในมือ การตกแต่งทุกๆพื้นที่ของเมือง ส่งผลให้เกิดบรรยากาศที่เบิกบาน คนส่วนใหญ่ยิ้มแย้มออกมา มีความภาคภูมิใจและความสุขปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเกือบทุกคน
ในบรรดาคนเหล่านี้ หลายคนสวมเสื้อผ้าธรรมดา และมองไปรอบๆราวกับพวกเขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับเมือง อย่างไรก็ตาม พวกเขาทุกคนมีความสุขกับมัน คนเหล่านี้เป็นคนที่ราชาเชิญชวนให้มาพักในเมืองหลวง เพื่อเข้าร่วมพิธีราชาภิเษก
ในความเป็นจริง แดนีลได้เป็นราชาในหัวใจของประชาชนอย่างแท้จริง ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้าพิธีราชาภิเษกอย่างเป็นทางการแล้ว
ในวันที่แดนีลเข้าไปในคลังสมบัติ เขาได้เข้าใจในทันทีว่า ราชาองค์ก่อนขูดรีดภาษีจากประชาชนมากเพียงใด
อัญมณีเคอร์เป็นสิ่งที่หายากอย่างมาก และแม้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ที่ 100,000 แลนทอง/เม็ด มันก็ยากที่จะหาผู้ขายได้ ดังนั้น ราชาจึงได้สะสมทองคำเอาไว้ เพื่อที่จะสามารถซื้อมันได้ทุกเมื่อที่มีโอกาส
จำนวนเงินทั้งหมดในคลังสมบัติของราชอาณาจักรในปัจจุบัน มีมากถึง 50 ล้านแลนทอง นี่เป็นจำนวนเงินสำรองที่ไม่นับรวมเงินที่จะต้องใช้เพื่อให้ราชอาณาจักรดำเนินต่อไปได้ วิธีการทำงานของระบบก็คือ ไม่ใช่คลังทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการหมุนเวียนสภาพคล่อง ยังมีคลังสมบัติอื่นแยกต่างหาก ซึ่งมันจะมีเงินเก็บไว้ภายใน โดยใช้สำหรับการจ่ายเงินเดือน, การซื้อวัสดุ, การสนับสนุนกองทัพ และอื่นๆ แตกต่างจากคลังสมบัติหลวงที่มีเพียงราชาเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ ผู้จัดการการเงินที่ผูกคำสาบานตน สามารถจะเข้าถึงคลังสมบัติอื่นๆ เพื่อความสะดวกในการทำกิจกรรมประจำวันของราชอาณาจักร
อัตราภาษีของราชาองค์ก่อนเลวร้ายเกินกว่าจะยอมรับได้ ประชาชนทุกคนจำเป็นจะต้องจ่าย 40%ของทุกสิ่งที่พวกเขาได้รับในราชอาณาจักร นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ตัดการให้บริการและสินค้าที่ขายภายในราชอาณาจักร
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เจ้าหน้าที่เก็บภาษีเป็นคนที่น่าหวาดกลัวมากที่สุดเป็นอันดับสองของประชาชน เป็นรองเพียงตำรวจทุจริตหรือคนชั้นสูงที่อาจจะก่ออาชญากรรมโดยตรง
ดังนั้น แดนีลจึงไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆเลยในงานเฉลิมฉลอง อาหาร, ไวน์ และเสื้อผ้า ถูกแจกจ่ายไปทั่วทั้งเมืองหลวง เพื่อความสุขและปลาบปลื้มของประชาชน
นี่ไม่ใช่แค่การตัดสินใจส่วนตัวของแดนีล เขาให้เหตุผลว่า งานเฉลิมฉลองที่โอ่อ่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการขึ้นครองบัลลังก์ ต่อหน้าสายตาของเหล่าผู้มีเกียรติ มันจะทั้งสร้างความสุขให้กับประชาชน และทำให้แขกที่เดินทางมาไกล ได้เห็นวิสัยทัศน์ที่ดีของราชาองค์ใหม่
ด้วยเหตุนี้ แดนีลจึงดำเนินแผนการลับกับเหล่าผู้บัญชาการ, กองทัพการปกครอง และเคลเลอร์
เป้าหมายหลักก็คือ การสร้างความประทับใจที่ดีให้กับเหล่าคนที่มาเยือนแลนธานอร์ และป้องกันไม่ให้เกิดความไม่สงบใดๆที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนอำนาจ
พิธีราชาภิเษก จะจัดขึ้นที่โพเดียมที่เพิ่งจะสร้างขึ้นหน้าพระราชวัง
เวลาเกือบ 10.00 น. ประชาชนเริ่มหลั่งไหลเข้าไปยังเมืองชั้นในเหมือนเมื่อครั้งที่เชิร์ชแห่งความเที่ยงธรรม ได้นำการโจมตีพระราชวัง
แต่ในครั้งนี้ ไม่มีความโกรธและความรังเกียจอยู่บนใบหน้าของพวกเขาเหมือนในครั้งก่อน
ทางเดินขนาดใหญ่จากเมืองชั้นนอกเข้ามายังหน้าประตูพระราชวัง เนืองแน่นไปด้วยผู้คน ขณะที่ผู้คนที่อยู่นอกประตูชั้นใน ก็พยายามชะเง้อมอง หวังว่าพวกเขาจะได้เห็นราชาองค์ใหม่
แดนีลเข้าใจความคิดของพวกเขาดี ก่อนหน้านี้ กองทัพการปกครองได้รับคำสั่งให้เข้าไปในเมือง และใช้พื้นที่โล่งกว้างอย่างในตลาด ติดตั้งเครื่องประดับเวทมนต์แผงหน้าจอ เพื่อถ่ายทอดสดพิธีราชาภิเษก
ผู้ที่ไม่สามารถจะเข้ามาภายในประตูชั้นในได้ก่อนที่มันจะเต็ม สามารถเลือกมาดูพิธีจากแผงหน้าจอได้ ซึ่งมีการประกาศโดยเครื่องประดับเวทมนต์ลำโพงไปทั่วทั้งเมือง
ในขณะนั้น ที่ชายแดน มีคน 4 คน ปรากฎตัวขึ้นที่ประตูทางเข้าราชอาณาจักร จากทิศทางที่แตกต่างกัน
ก้าวออกมาจากอากาศ แต่ละคนในหมู่พวกเขาแสดงสีหน้าที่แตกต่างกัน ขณะที่มองไปยังเหล่าทหารที่จดจ้องพวกเขาจากบนกำแพง
คนแรกสวมชุดคลุมสีเทา ที่มีตรารูปกาเหมือนมีชีวิต ประดับอยู่บนหน้าอกของเขา เหล่าที่ทหารที่จดจ้องเขารู้สึกสั่นสะท้าน ราวกับพวกเขาจดจ้องไปที่ความมืดไร้ก้นบึ้งที่สามารถจะกลืนกินพวกเขาได้
คนที่สองสูงอย่างน้อย 12 ฟุต พร้อมด้วยแขนที่ยาวเกือบจะถึงพื้น ฝ่ามือของเขามีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับร่างของเขา และมีผ้าปิดตาบนใบหน้า ที่มีรอยแผลเป็นของเขา เขาสวมชุดคลุมสีแดง และชายร่างยักษ์คนนี้ มีภาพของผู้หญิงอยู่บนหน้าอกของเขา
คนที่สามทำให้ผู้ที่พบเห็นอ้าปากค้าง แทนที่จะเป็นมนุษย์ เขากลับดูคล้ายกับมนุษย์งู ที่เคบปรากฎตัวขึ้นกลางอากาศเหนือพระราชวัง เกล็ดบนผิวหนังของเขาสะท้อนแสงแดด และเขาแสดงความปิติยินดีบนใบหน้า ขณะที่รอให้ทหารอนุญาติให้เข้าไป
สำหรับคนสุดท้าย เธอเป็นเอลฟ์หญิงที่มองไปยังประตูพร้อมด้วยการแสดงออกเยาะเย้ยบนใบหน้า แน่นอนว่าเธอมีดวงตาขนาดใหญ่ ที่เกือบจะถึงหนึ่งในสามของใบหน้า และหูของเธอก็ดูราวกับเป็นดาบที่ทำมาจากผิวหนัง ขณะที่เธอสูดอากาศด้วยจมูกแหลมเล็กของเธอ ใบหน้าของเธอก็กลายเป็นน่าเกลียด แสดงถึงความขยะแขยง จากนั้น เธอก็ร่ายคาถาเพื่อดับกลิ่นเหงื่อ ซึ่งดูเหมือนเธอจะพบว่า มันไม่ค่อยดีมากนัก
คนเหล่านี้เป็นฑูตที่ได้แจ้งต่อพระราชวังว่าพวกเขาจะมา เหล่าทหารได้รับคำสั่งให้เปิดประตูต้อนรับพวกเขาเข้ามาจากชายแดนทั้งสี่ทิศ เพื่อให้พวกเขาเดินทางอีกครั้งมายังเมืองหลวง
ในขณะนั้น แดนีลกำลังยุ่งอยู่กับกองเสื้อผ้าเชื้อพระวงศ์ แม้ของเขายืนอยู่ข้างๆ ขณะที่พ่อของเขาจ้องมองด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“ท่านแม่ ท่านจู้จี้เกินไป เพียงแค่เลือกหนึ่งในพวกมันก็พอ ความดูดีไม่ใช่เรื่องสำคัญใดๆ”
มาเรียแสดงออกถึงความโกรธบนใบหน้าของเธอ ขณะที่ขว้างชุดคลุมตัวหนึ่งออกไปด้านข้าง ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นพิธีราชาภิเษกของลูกชายเธอ
“แดนีล เจ้าจะต้องดูดีที่สุด เจ้าไม่ต้องการให้พ่อแม่ของเจ้ามีหลานมากเล่นด้วย ในเวลาที่เจ้ายุ่งอยู่กับการจัดการราชอาณาจักรหรือ? ตอนนี้มันเป็นโอกาสอันดี ที่จะทำให้เหล่าหญิงสาวในราชอาณาจักรหลงรักเจ้า”
ได้ยินเช่นนั้น ความอายเล็กน้อยก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของแดนีล นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยิน แม่ของเขาเริ่มกล่าวถึงสิ่งนี้ตั้งแต่คืนในห้องบัลลังก์ ดูเหมือนว่า หลังจากที่เห็นช่วงเวลายุ่งวุ่นวายทั้งหมดของเขาแล้ว แม่ของเขาก็ได้เปลี่ยนลำดับความสำคัญในหัวใจของเธอไป
“ท่านแม่ ข้าเพิ่งจะอายุ 16 ปีเท่านั้น ไม่มีใครแต่งงานด้วยอายุเพียงเท่านี้ และพวกท่านก็จะอยู่ในพระราชวัง ข้าจะอยู่ใกล้ๆพวกท่าน และพวกท่านจะมีอะไรให้ทำกันอีกมาก หลังจากที่ข้าทำการรักษาร่างกายของท่านพ่อแล้ว…”
ในความเป็นจริง คาถาที่ทำให้พ่อของเขาพิการ ถูกพบในบันทึกความทรงจำภายในห้องสมุดลับ แดนีลได้สั่งให้โรงหมอราชวัง เตรียมการรักษาพ่อของเขาแล้ว แม้ว่าเขาจะสามารถพัฒนาคาถาต่อต้านได้ด้วยตัวเอง แต่แดนีลก็ตัดสินใจว่า เขาจะไม่ทำมันเว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย เพื่อที่จะไม่ดึงดูดประหลาดใจมาที่ตัวเขาและอาจารย์ลึกลับของเขามากขึ้น นี่เป็นเพราะคาถาที่ใช้ในการทำร้ายพ่อของเขา เป็นหนึ่งในคาถาจอมเวทย์ผู้น่ายกย่องระดับมนุษย์ ซึ่งมันจำเป็นจะต้องให้อย่างน้อยจอมเวทย์ระดับนักรบ เป็นผู้พัฒนาคาถาต่อต้าน โชคดีที่คาถาต่อต้านนั้น มีรายละเอียดอยู่ในบันทึกความทรงจำอยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้ ราชาจึงกำลังทะเลาะกับพ่อแม่ของเขาด้วยความรักอยู่ ฑูตและประชาชนค่อยๆมารวมตัวกันที่ด้านหน้าของแผงหน้าจอหรือทางเดินเมืองชั้นใน เพื่อรอให้พิธีราชาภิเษกเริ่มต้นขึ้น
ไม่กี่นาทีต่อมา แดนีลก็พบว่า เขากำลังจ้องภาพของตัวเองในกระจก ขณะที่เขาสงสัยว่า แม่ของเขาค้นหาชุดนี้พบได้อย่างไร มันมีธีมสีแดงโลหิตและสีทอง ดูสง่างามในแบบของมังกร เหมือนรูปสลักบนบัลลังก์ มันล้อมรอบชุดคลุม โดยมีส่วนหัวมังกรวางอยู่บนไหล่ของเขา
ชุดคลุมสีทองตัดกับมังกรสีแดงโลหิตนี้ ทำให้ภาพของแดนีลดูน่าเกรงขามอย่างมาก
ในขณะที่ทั้งราชอาณาจักรกำลังรอคอยอย่างจดจ่อ แดนีลก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นรอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของแม่เขา ซึ่งมันมีความหมายว่า ในที่สุดเธอก็พอใจกับชุดที่เขาใส่