WDS Chapter 101 พิธีราชาภิเษก
“สแครซ จักรพรรดินีของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ในพื้นที่ด้านหน้าโพเดี้ยม ที่ถูกกั้นไว้ให้บุคคลสำคัญและเสนาบดีนั่ง ฑูตทั้งสี่นั่งข้างกันขณะรอพิธีเริ่ม
พื้นที่โดยรอบนี้ถูกปิดกั้นการร่ายคาถาเอาไว้ ชายที่สวมชุดคลุมกา กล่าวกับชายที่มีเกล็ดบนผิวหนังด้วยเสียงลึก
ชายที่มีเกล็ดบนผิวหนังหันไปจ้องมองเขา และแสดงให้เห็นถึงความโกรธหลังจากได้ยินคำถามนี้
“เบวิส หากข้าไม่ได้ทำภารกิจทางการฑูต ข้าจะฉีกลำไส้ของเจ้าออกมาซะตอนนี้ เจ้ารู้ปีสุดท้ายในชีวิตของนางดี ไม่เหมือนกับราชาของเจ้าที่เพิ่งจะขึ้นครอบบัลลังก์ได้เพียงแค่ 10 ปี” ชายคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ด้วยเสียง เหอะ จากนั้น ชายคนนั้นก็หันไปเยาะเย้ยอีก 2 คน
“แล้วเกี่ยวกับเจ้าล่ะ เอลดร้า? และก็เจ้า โบส? ผู้ปกครองของพวกเจ้าบอกให้พวกเจ้าทำอะไร?”
คำตอบแรกของคำถามสำหรับเอลฟ์ก็คือ การแสดงความไม่พอใจบนใบหน้า เธอเหลือบมองชายที่เพิ่งจะถูกเรียกเบวิส ก่อนที่จะแสดงความเยอะเย้ย แล้วกลับมามองที่โพเดียม
สำหรับชายร่างยักษ์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พิเศษ รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาขณะที่ได้ยินคนเรียกชื่ของเขา
“โบสได้รับคำสั่งให้กล่าวทักทายราชาองค์ใหม่ โบสมีความสุขที่ได้ออกมาฝึกฝน โบสรอคอยที่จะเชื่อมสัมพันธ์กันพันธมิตรใหม่ และโบสก็ดีใจที่เห็นประชาชนมีความสุข ไม่ได้โศกเศร้าเหมือนครั้งก่อนที่มา”
ได้ยินคำกล่าวแปลกประหลาดของชายร่างยักษ์ ทั้งสามพยักหน้าราวกับมันเป็นเหตุการปกติทั่วไป
ในฉับพลัน การสนทนาของพวกเขาก็ถูกขัดจังหวะ เพราะมันได้เกิดเสียงดังกึงก้อง ซึ่งราวกับเป็นแผ่นดินไหวที่สั่นสะเทือนอยู่ใต้พื้นดิน
มองไปรอบๆ ทั้งสี่สังเกตเห็นว่า มันเป็นกระโดดโลดเต้นและการส่งเสียงโห่ร้องของผู้คน หลังจากที่ได้เห็นราชาของพวกเขาปรากฎตัวขึ้นบนโพเดียม
มันดูราวกับว่า เขาสวมมังกรทั้งตัวไว้รอบร่างของเขา เกล็ดสีแดงโลหิตเปร่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์ ราวกับมันกำลังจะฉีกชุดคลุมสีทองออกเป็นชิ้นๆ แสงที่กระทบกับหัวมังกรบนไหล่ของเขา ทำให้มันดูสมจริงเป็นอย่างมาก ราวกับมันกำลังอาบแดดอย่างเพลิดเพลิน ขณะที่จ้องมองไปรอบๆ
ฑูตทั้งสี่สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศรอบๆ แม้ว่าเสียงทั้งหมดจะถูกปิดกั้นด้วยถาคาก็ตาม ชายร่างยักษ์ลุกขึ้นและกระโดดไปพร้อมกับผู้คน เขายกมือทั้ง 2 ข้างขึ้น เพื่อเชียร์ราชาองค์ใหม่ และความสุขปรากฎให้เห็นบนใบหน้าของเขา ราวกับเขาเป็นเด็กที่กำลังเฉลิมฉลองโดยที่ไม่รู้สาเหตุของมัน
ใบหน้าของชายที่มีเกล็ดบนผิวหนัง กลับมาแสดงถึงความร่าเริงอีกครั้ง ขณะที่เขาลุกขึ้นและปรบมืออย่างเงียบๆ
สำหรับเบวิส และเอลฟ์ที่ถูกเรียกว่าเอลดร้า พวกเขายังคงนั่งและจ้องมองไปที่โพเดียม
ในขณะนั้น แดนีลกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาความสงบของเขา ที่เผชิญหน้ากับทะเลผู้คนด้านหน้า ซึ่งส่งเสียงเชียร์ออกมาในทันทีที่เขาเทเลพอร์ตมาปรากฎตัวขึ้นบนเวที
ก่อนหน้านี้ เขาได้กล่าวกับพวกเขาด้วยวิธีทางอ้อม โดยใช้เครื่องประดับเวทมนต์ แต่ตอนนี้ สายตามากมายจ้องมองมาที่เขา แดนีลรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วกระดูกสันหลังของเขา ราวกับสัญชาตญาณหลบหนีก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา
เวทีนี้น่ากลัวหรือไม่?
กัดฟันแน่นและอดกลั้นความรู้สึก แดนีลยืนยืดหลังตรง
‘เปิดใช้งานโมดูลแนะนำมารยาท’
มีร่างผีปรากฎตัวขึ้นที่ตรงหน้าของเขา มันยกมือขวาขึ้นและโบกช้าๆ ขณะที่เคลื่อนไปทางซ้าย
เห็นเช่นนั้น แดนีลก็เลียนแบบร่างนั้น
นี่เป็นโมดูลที่แดนีลเพิ่งจะซื้อมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน หลังจากที่เขาตัดสินใจยกเลิกการนัดอาจารย์สอนมารยาท แดนีลเลือกที่จะไปที่ห้องสมุดพระราชวัง เพื่อให้ระบบรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับมารยาท
ห้องสมุดพระราชวังมีขนาดใหญ่กว่าห้องสมุดสถานศึกษาอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ทำให้แดนีลตัดสินใจว่า จะกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมด เหมือนที่เขาเคยทำให้ห้องสมุดสถานศึกษา แน่นอนว่า ครั้งนี้เขามีเวลาไม่จำกัด เขาจึงสามารถทำได้อย่างสงบและไม่ต้องหักโหมเหมือนครั้งก่อน
ขณะที่เขาสัมผัสกับหนังสือได้ราว 300 เล่ม ก็มีการแจ้งเตือนใหม่ดังขึ้นในใจของแดนีล
[เครื่องมือใหม่ : โมดูลแนะนำมารยาท มีให้ซื้อแล้ว โฮสต์มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว สามารถสร้างเครืองมืออำนวยความสะดวกใหม่ได้ ราคา 500 แต้มประสบการณ์]
‘ระบบ การสร้างเครื่องมือใหม่ มันยังไม่เคยมีมาก่อนใช่หรือไม่?’
[ยืนยัน การสร้างเครื่องมือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ได้รับการปลดล็อกหลังจากอัพเกรดระบบ สามารถสร้างโมดูลแนะนำได้ หากโฮสต์ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆเพียงพอ]
การอัพเกรดระบบเป็นสิ่งที่ดีอย่างแท้จริง แดนีลตัดสินใจว่า จะ คิดเกี่ยวกับคุณสมบัตินี้ในภายหลัง และเขาไม่ลังเลใดๆที่จะซื้อเครื่องมือใหม่ เขาไม่มีความตั้งใจที่จะให้โอกาสผู้ที่มาเยือนดูถูกเขาแม้เพียงเล็กน้อย
ตอนนี้ แดนีลควบคุมร่างของเขาให้ทำเหมือนอย่างร่างแนะนำ และในที่สุด เขาก็มีโอกาสได้เห็นฑูตทั้งสี่
ท่ามกลางการกระโดดโลดเต้นและการส่งเสียงเชียร์จากเหล่าเสนาบดีและบุคคลสำคัญ ฑูตอีก 2 คน ยังคงนั่งอยู่ราวกับกำลังไม่พอใจ
เอลฟ์เป็นคนแรกที่ดึงดูดความสนใจของเขา มองเข้าไปในดวงตาของเธอ และเขาสังเกตเห็นความเยาะเย้ยอย่างแท้จริง สำหรับชายร่างยักษ์ มันเป็นการแสดงออกราวกับเด็ก ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก
สำหรับชายที่มีเกล็ด เขาเคยเห็นมาก่อนในระหว่างการเจรจากับสมาคมคอบร้า
คนสุดท้าย ชายในชุดคลุมสีเทาที่ยังคงนั่งอยู่ แดนีลคาดการณ์ว่า พวกเขาต้องการที่จะแสดงท่าทีของพวกเขาผ่านทางการกระทำของพวกเขา
มันเป็นธรรมเนียมที่จอมเวทย์ราชสำนักใหญ่จะเป็นผู้สวมมงกุฎให้กับราชา ดังนั้น แดนีลจึงลดตำแหน่งจอมเวทย์ราชสำนักใหญ่คนก่อน และเลื่อนตำแหน่งเคลเลอร์ขึ้นไปแทนที่
เคลเลอร์สวมชุดคลุมสีเหลืองอย่างเป็นทางการ หัวล้านของเขาสะท้อนแสงอาทิตย์ ขณะที่เขายิ้มกว้างบนใบหน้า
ข้างตัวเขา จอมเวทย์ราชสำนักใหญ่คนก่อน ยืนถือหมอนผ้าผลัฌสีแดง
มงกุฎทรงกลมมี 8 ยอด ซึ่งเปร่งประกายด้วยอัณมญีที่แตกต่างกัน 8 เม็ด ยอดด้านหน้าอยู่สูงที่สุด ขณะที่ยอดที่เหลือมีความสูงใกล้เคียงกับมงกุฎ ยอดที่สูงที่สุดมีอัญมณีสีแดงขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือประดับอยู่ด้านหน้า ใครก็ตามที่เห็นมันจะต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ขณะที่เหล่าฑูตเฝ้ามองอย่างเคร่งขรึม เคลเลอร์ก็ขยายเสียงของเขาด้วยคาถาและเริ่มกล่าวว่า
“ท่าน แดนีล แอนิวรอน สาบานว่าจะไม่ทรยศต่อความหวัง ที่ประชาชนทุกคนเลือกให้ท่านเป็นราชาของพวกเขาหรือไม่?”
“ข้าสาบาน”
เสียงเชียร์ดังมากขึ้น เมื่อเสียงอันคมชัดของแดนีลดังกระจายไปทั่วทั้งราชอาณาจักร
“ท่านสาบานว่าจะปฏิบัติต่อประชาชนอย่างเป็นธรรม ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนยากจนหรือคนชั้นสูงหรือไม่?”
“ข้าสาบาน”
“ในฐานะราชา ท่านสาบานว่าจะทำงานเพื่อการเติบโตและความรุ่งเรืองของแลนธานอร์ ขณะที่รักษาผลประโยชน์สูงสุดของราชอาณาจักรไว้ในหัวใจของท่านหรือไม่?”
“ข้าสาบาน”
“ด้วยความต้ังใจของประชาชน นับจากนี้ไป ท่านจะได้เป็นราชาแห่งแลนธานอร์อย่างเป็นทางการ คำนับราชาองค์ใหม่แห่งแลนธานอร์ คำนับราชาแดนีล!”
เคลเลอร์หยิบมงกุฎขึ้นมา แล้วเดินไปหาแดนีลด้วยย่างก้าวที่เคร่งขรึม
พร้อมกับคำกล่าวสุดท้าย มงกุฎถูกวางลงบนศีรษะของแดนีลอย่างเหมาะสม
เช่นเดียวกับชุดราชวงศ์ มันหดตัวเข้ากับเขาอย่างสมบูรณ์ ราวกับมันถูกสร้างขึ้นมาให้พอดีกับเขา
เสียงเชียร์ตรงหน้าของแดนีล ราวกับเป็นเสียงคำราวที่สามารถจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางมันได้
เมื่อฑูตทั้งสี่เห็นเช่นนั้น ใบหน้าของเบวิสและเอลดร้าก็เริ่มแสดงออกถึงความตกใจ
“ถึงรุ่งอรุณยุคใหม่สำหรับราชอาณาจักรแลนธานอร์แล้วหรือ ด้วยการสนับสนุนนี้ เป็นไปได้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการปลดล็อกจิตวิญญาณ แผนการต่างๆจำเป็นจะต้องเดินหน้าต่อไป”
แม้เบวิสจะกล่าวคำกล่าวนี้ออกมาราวกับกำลังพึมพำกับตัวเอง แต่ดวงตาของเขากลับสั่นไหวขณะที่มองไปยังอีกสามคน เหมือนพยายามจะสังเกตปฏิกิริยาของพวกเขาจากคำกล่าวของเขา
มีเพียงการแสดงเยาะเย้ยของเอลดร้าเท่านั้นที่ลึกซึ้งมากขึ้น ขณะที่เปลวเพลิงเล็กๆปรากฎขึ้นลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ