WDS Chapter 102 เอลอยเซ่
ตามคำสั่งของราชา หลังจากพิธีราชาภิเษก ก็ได้มีการแจกจ่ายอาหารและไวน์ไปทั่วทั้งเมือง ด้วยเหตุนี้ ประชาชนจึงสามารถจะเพลิดเพลินกับการกินดื่มได้อย่างเต็มที่ ขณะที่เหล่าเสนาบดีและบุคคลสำคัญ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างเป็นทางการภายในพระราชวัง พร้อมทั้งจัดห้องพักให้กับพวกเขา
เมื่อพิธีราชาภิเษกเสร็จสิ้นแล้ว แดนีลก็สามารถจะใช้ห้องบัลลังก์อย่างเป็นทางการในวันถัดไปได้ ตัดสินใจที่จะพบกับเหล่าฑูต เขาได้ส่งข้อความไปบอกพวกเขา
โดยฑูตแต่ละคน ได้รับข้อความในวิธีที่แตกต่างกัน ขณะที่เอลดร้าและเบวิสขยี้กระดาษข้อความในมือและล็อกประตูห้องของพวกเขา โบสและสแครซก็กำลังเพลิดเพลินไปกับอาหารรสเลิศที่ถูกนำเข้ามายังห้องของพวกเขา
นี่เป็นวิธีของแดนีล ในการมองทัศนคติความเป็นพันธมิตรของพวกเขาแต่ละคน ไม่ว่าอย่างไร ความล่าช้าเพียงวันเดียว ก็ไม่มากพอที่จะส่งผลให้เกิดความเป็นปฏิปักษ์
พิธีในวันนี้ทำให้ทุกคนค่อนข้างจะเหนื่อยล้า ดังนั้น แดนีลจึงสั่งให้ทุกคนหยุดงานของพวกเขาชั่วคราว และเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มงานอย่างจริงจังในวันพรุ่งนี้
สำหรับตัวเขา เขามุ่งหน้าไปยังห้องโถงของราชา เพื่อทำการตัดสินใจเกี่ยวกับว่า จะซื้อเครื่องมือการจัดการราชอาณาจักรหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขากำลังพูดคุยกับระบบอยู่นั้น ก็ได้มีเคียงเคาะประตูดังขึ้น
คนที่เคาะประตูก็คือ แฟกซัล พวกเขาไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก ตั้งแต่คืนในห้องบัลลังก์ ดังนั้น แดนีลจึงคิดว่าเขามาที่นี่ เพื่อพูดคุยอะไรบางอย่าง
แต่ขณะที่แดนีบบอกให้สหายของเข้ามานั่งข้างใน แฟกซัลก็ส่ายหัวและกล่าวว่า “มีคนชั้นสูงผู้หนึ่งต้องการจะพบท่าน ข้าคิดว่า ท่านควรจะฟังสิ่งที่เธอจะกล่าว”
ได้ยินเช่นนั้น แดนีลก็ประหลาด คนชั้นสูง? พวกเขาหลายคนร้องขอโอกาสในการพูดคุยกับเขา ตั้งแต่ที่ถูกขังไว้ในที่พัก อย่างไรก็ตาม แดนีลเพียงแค่สั่งให้องครักษ์บันทึกการร้องขอของพวกเขา และไม่ได้ตอบรับใดๆ
แฟกซัลและโจชัว ที่เป็นสองผู้นำที่เขาไว้วางใจมากที่สุด ได้สิทธิ์ในการเข้าถึงพระราชวัง ซึ่งเทียบได้กับจอมเวทย์ราชสำนักใหญ่อย่างเคลเลอร์
แม้แดนีลจะยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของพวกเขา แต่อย่างน้อย พวกเขาก็มีอำนาจในการทำสิ่งต่างๆแล้ว
เห็นการแสดงออกที่ประหลาดใจของเขา แฟกซัลก็กล่าวว่า “ข้าไปที่นั่นและได้ยินคำร้องของนาง มันค่อนข้างสมเหตุสมผล และข้าคิดว่าท่านควรจะฟัง ก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับเหล่าคนชั้นสูง”
หลังจากที่กล่าวจบ แฟกซัลก็ยัดกระดาษชิ้นหนึ่งใส่มือของเขา แล้วรีบกลับออกไป
แดนีลรู้ว่าสหายของเขามีนิสัยแปลกๆ เขามักจะเป็นคนเงียบๆและไม่ค่อยจะพูดคุยกับใครมากนัก ยกเว้นตัวเขาและอีกไม่กี่คน กระนั้น นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำเช่นนี้
สิ่งที่ทำให้แดนีลประหลาดใจก็คือ เขาพบว่า ก่อนที่จะออกไป แฟกซัลมองหน้าเขาอย่างเจ็บปวด ราวกับต้องการจะกล่าวบางอย่างแต่ก็ไม่ได้กล่าวออกมา อย่างไรก็ตาม ก่อนที่แดนีลจะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็รีบออกไปเสียก่อน
แดนีลตัดสินใจว่าจะถามเขาในภายหลัง และเปิดชื่อที่เขียนในกระดาษ
เขาเรียกองครักษ์ที่อยู่ใกล้ๆเข้ามา และบอกให้ไปเรียกคนชั้นสูงในกระดาษมาพบเขาที่ห้อง
ไม่กี่นาทีต่อมา ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่า องครักษ์พาคนชั้นสูงมาถึงแล้ว
“ส่งคนชั้นสูงเข้ามาและปิดประตูซะ”
ได้ยินเช่นนั้น องครักษ์ก็เปิดประตู เพื่อให้หญิงสาวงดงามผู้หนึ่งที่แต่งตัวในชุดสีขาวเข้าไป
ประตูที่ด้านหลังของเธอปิดลง ทำให้ภายในห้องเหลือเพียงแค่เธอและแดนีลที่เพิ่งจะลุกขึ้นจากเตียง
ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้น เขามองเห็นดวงตาที่จมลงของเธอ ราวกับว่าเธอร้องไห้มาเป็นเวลานาน
ผมสีทองไหลลื่นของเธอ ที่เคยถูกถักเปียอย่างไร้ที่ติก่อนหน้านี้ ตอนนี้อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างยุ่ง
แม้ใบหน้าของเธอจะซีด แต่มันก็ไม่อาจจะซ่อนความงดงามของเธอเอาไว้ได้
ด้วยดวงตาสีน้ำตารูปลัลมอนด์, จมูกเข้ารูปและริมฝีปากกว้าง เธอเป็นหนึ่งในหญิงสาวที่สวยที่สุดเท่าที่แดนีลเคยเห็นนับตั้งแต่เขามายังโลกแห่งนี้
แม้แดนีลจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับเพศตรงข้ามเพียงเล็กน้อยตลอดทั้งสองชีวิตของเขา แต่เขาก็ยังคงได้รับการสอนวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมจากผู้หญิงใจดีทั้งสอง
แน่นอน ขณะที่แม่ของเขากล่าวถึงการหาเจ้าสาว เขาเขินอายเพราะเขาไม่มีความตั้งใจที่จะรีบหาช่วงเวลาโรแมนติกให้ตัวเอง อย่างน้อย ก็จนกว่าเขาจะบรรลุเป้าหมาย
ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น แม้เขาจะชื่นชมความงดงามของหญิงสาวตรงหน้าและคิดว่าเธอสวยเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะให้การอุปถัมภ์หรือสนับสนุนใครบางคนตามเพศหรือรูปลักษณ์ของพวกเขา และเขาจะไม่ติดตามหรือชักชวนใครบางคนให้มามีความสัมพันธ์กันเพียงเพราะเขาสามารถจะทำได้ ทั้งหญิงชราใจดีที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและมาเรียแม่ของเขา ได้เลี้ยงดูเขามาเป็นอย่างดี ซึ่งมันทำให้เขายึดมั่นสิ่งนั้นในการกระทำทุกขั้นตอนอยู่เสมอ
ไม่นานหลังจากนั้น หญิงสาวที่ถูกเรียกเข้ามาก็กล่าวว่า “ฝ่าบาท ข้ามีคำขออันต่ำต้อย” แล้วเธอก็เริ่มถอดชุดของเธอด้านหน้าเขา แดนีลตกตะลึงเป็นอย่างมาก และเขาก็คิดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วครู่
โชคดีที่เขาฟื้นคืนความรู้สึกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หญิงสาวจะปล่อยชุดสีขาวของเธอลงและเผยให้เห็นเรือนร่างของเธอ
แดนีลก็เทเลพอร์ตมายังด้านหน้าของเธอ แล้วจับแขนอันเรียวบางของเธอเข้ามา หยุดเธอจากการปล่อยให้ชุดตกพื้น
หัวใจของเขาเต้นแรง ขณะที่ตรวจสอบให้แน่ใจว่า จับมือของเธอไว้แน่นแล้ว
น้ำตาเริ่มที่จะไหลออกมาจากดวงตาของเธอ เอลอยเซ่เริ่มร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นว่าแผนการของเธอล้มเหลว
“ก่อนอื่น ลืมสิ่งที่เจ้ากำลังจะทำซะ ข้าขอโทษที่ทำร้ายเจ้า และข้าจะปล่อยมือเจ้า แต่ข้าต้องการให้เจ้าสวมชุดของเจ้าให้เรียบร้อย เข้าใจหรือไม่?”
เขากล่าวราวกับกำลังพูดคุยกับเด็กที่ต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน
ได้ยินเช่นนั้น เอลอยเซ่ก็พยักหน้า หลังจากที่ถูกปล่อยแล้ว เธอก็นวดไปที่มือของเธอ
มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะดำเนินแผนการก่อนหน้านี้ต่อไป หลังจากที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้นอีก
ดังนั้น เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันไปใช้ทางเลือกสุดท้ายของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่สิ้นหวัง
เอลอยเซ่คุกเข่าลงด้านหน้าแดนีล ที่กำลังจับตาดูเธอ ไม่ให้ทำอะไรเหมือนก่อนหน้านี้อีก
ถอนหายใจอย่างโล่งอก แดนีลเดินถอยหลังมา และกล่าวว่า “ลุกขึ้น และกล่าวออกมา เจ้ามีโอกาสเช่นนี้ เพราะแฟกซัลช่วยออกหน้าให้เจ้า”
หญิงสาวรีบพยักหน้า เธอลุกขึ้นและรวบรวมความคิดของตัวเองก่อนจะเริ่มกล่าว
“ฝ่าบาท ข้า เอลอยเซ่ แลนธานอเร่ ลูกสาวคนเล็กของริชาร์ด แลนธานอเร่ ข้าอยู่ในห้องนั้น ขณะที่ท่านฆ่าท่านพ่อและได้รับการยอมรับจากประชาชนให้เป็นราชาของพวกเขา ข้ารู้ถึงการกระทำอันน่าหวาดกลัวที่ เขา, พี่น้องของข้า และลูกพี่ลูกน้องของข้าได้กระทำ ทั้งหมดที่ข้าร้องขอพบท่านก็เพราะ ข้าต้องการให้ท่านได้ยินเกี่ยวกับพวกเราไม่กี่คน ที่พยายามยึดมั่นในศีลธรรมที่ท่านแม่พร่ำสอนอยู่เสมอ แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่พวกเราจะแยกจากกันก็ตาม แม้บางคนจะทำสิ่งที่น่าหวาดกลัวในเวลาที่พวกเขามัวเมาไปกับอำนาจ แต่พวกเขาหลายคนก็เปลี่ยนไปหลังจากนั้น และเริ่มเปลี่ยนการกระทำของตัวเอง ข้าร้องขอให้ท่านฟังพวกเราบ้าง ฝ่าบาท ข้าเชื่อว่าท่านรู้เหตุผลว่าเพราะเหตุใด แลนธานอร์จึงไม่มีราชินีในช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ ใช่หรือไม่?”
ได้ยินเช่นนั้น แดนีลก็พยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมการแสดงออกของเขา ไม่ให้แสดงความตกใจขึ้นบนใบหน้า
แม้ว่าเขาจะเคยอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ชั่วครู่ แต่แดนีลก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับมุมมองที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์ ในความเป็นจริง หากเขาซื่อสัตย์กับตัวเอง เขาเคยเห็นคนชั้นสูงในทั้ง 2 รูปแบบที่แตกต่างกัน เพียงแต่จำนวนคนที่น่ารังเกียจที่เขาเห็นนั้นมีมากจนเกินไป
ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างใหญ่ แดนีลสงสัยว่าเหตุใด เคลเลอร์ถึงไม่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาในก่อนหน้านี้
แดนีลจึงใช้หินสาบานตน เรียกเคลเลอร์มาพบ เพื่อขอเหตุผลจากเขา
แดนีลบอกให้หญิงสาวคนนั้นรอ ขณะที่เขานั่งลงบนเตียงพร้อมกับแสดงถึงการครุ่นคิดบนใบหน้า ไม่กี่นาทีต่อมา จอมเวทย์ราชสำนักใหญก็เข้ามา
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะคำนับแดนีลที่นั่งอยู่บนเตียง เขาก็แสดงออกถึงความตกใจเมื่อได้เห็นเอลอยเซ่ที่ยืนกอดตัวเองอย่างน่าสงสาร
“เอลอยเซ่? เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ข้าจะเสนอกรณีของพวกเจ้าองค์ราชาในวันพรุ่งนี้ มีสิ่งใดผิดพลาดหรือไม่?”
ได้ยินคำกล่าวที่ประหลาดใจของเคลเลอร์ แดนีลก็รู้สึกผ่อนคลายเมื่อเห็นว่า เขาไม่ได้คิดผิดเกี่ยวกับเคลเลอร์
หากเคลเลอร์ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือรู้แต่ว่าเลือกที่จะไม่บอกกับเขา มันจะมีความหมายว่า เคลเลอร์ไม่ใช่คนใจกว้างที่เป็นห่วงคนอย่างลาราเวลที่ยืนข้างความดี ดังนั้น แดนีลจึงรู้สึกโล่งใจที่พบว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
แม้เขาจะเคยได้ยินและอ่านบางสิ่งเกี่ยวกับพวกเขามาบ้าง แต่เขาก็ได้โยนพวกเขาไว้ด้านหลัง เพราะเขามีเรื่องเร่งด่วนมากมายที่จะต้องทำ
ตอนนี้ หลังจากทั้งสองนั่งลง ในที่สุด เขาก็จะได้เริ่มเจาะลึกเกี่ยวกับความจริงของเชื้อพระวงศ์ที่เขามองข้ามไป