WDS Chapter 103 เชื้อพระวงศ์
“ฝ่าบาท ข้าจะยกเรื่องนี้ขึ้นมา หลังจากที่จัดการปัญหาเร่งด่วนทั้งหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ข้าคิดว่า เอลอยเซ่เป็นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะอธิบายสถานการณ์ให้กับท่านมากกว่า”
แดนีลพยักหน้า และส่งสัญญาณให้เธอเดินมาด้านหน้า
เอลอยเซ่คิดเกี่ยวกับมัน ก่อนจะเริ่มกล่าว
“ฝ่าบพระทัยฝ่าบาท ท่านจะต้องเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับราชาที่ทรยศต่อพี่ชายของเขาและเข้าควบคุมราชอาณาจักร แล้วสร้างกำแพงเพื่อแยกเมืองชั้นในและเมืองชั้นนอกออกจากกัน ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่การปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมเริ่มต้นขึ้น สิ่งที่ซ่อนอยู่ก็คือ ราชาได้เปลี่ยนกระทั่งประเพณีของเชื้อพระวงศ์ จนถึงตอนนั้น แลนธานอร์จะมีราชินีหนึ่งองค์ แม้ว่าจะไม่มีอำนาจ แต่ก็มีอิทธิพลและเป็นที่รักของประชาชน จนถึงจุดที่ความนิยมของนางเทียบได้กับราชา”
“ด้วยความหวาดกลัวว่าจะเกิดการกบฏ ราชาจึงได้จับราชินีพร้อมทั้งสนมทั้งหลายไปขังไว้ที่ปีกด้านหนึ่งของพระราชวัง มีเพียงราชาเท่านั้นที่สามารถจะเข้าถึงปีกนั้นได้ และมียกเว้นเพียงแค่คนรับใช้บางคนที่ทำหน้าที่ส่งอาหารและดูแลชีวิตความเป็นอยู่เท่านั้น”
“ตั้งแต่นั้นมา ประเพณีนี้ก็ถูกปฏิบัติสืบต่อมา แม้ราชาทุกพระองค์จะมีโอกาส แต่พวกเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ หลังจากที่เกิดมา เหล่าคนชั้นสูงทุกคนที่สืบเชื้อสายของราชาโดยตรง จะสามารถใช้เวลาอยู่กับแม่ได้ 5 ปี ก่อนจะถูกบังคับให้แยกจากกัน สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือ ช่วงเวลาของการฝึกฝน หลังจากนั้น พวกเขาก็จะถูกส่งไปดำรงตำแหน่งข้าราชการ หรือได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจพิเศษหากพวกเขามีความสามารถ”
แม้เธอจะกล่าวด้วยน้ำเสียงชัดเจนในตอนเริ่มต้น แต่น้ำเสียงของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนไปหลังจากนั้น ราวกับเธอพยายามอย่างหนักไม่ให้ถูกคลื่นแห่งความโศกเศร้ากลืนกิน แดนีลเข้าใจความรู้สึกของเธอ การแยกเด็กออกจากแม่ เมื่ออายุได้เพียง 5 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงกำลังพัฒนาจิตใจ มันเป็นวิธีที่โหดร้ายอย่างแท้จริง ย้อนกลับไปที่โลกเดิม เหตุการณ์เช่นนี้เป็นที่รู้กันว่า จะทำให้เกิดปัญหาทางจิตใจในระยะยาว
ด้วยเขาเคยเป็นเด็กกำพร้าในชีวิตที่แล้วของเขา แดนีลจึงเข้าใจความเจ็บปวดของคนที่ไม่มีใครให้เรียกว่าแม่ดี ดังนั้น เมื่อเขาเห็นการแสดงออกที่โศกเศร้าของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ
“ฝ่าบาท ข้าเพียงมีข้อเรียกร้องอันต่ำต้อย 2 ข้อ ข้อแรก โปรดปล่อยพวกเราที่ไม่ได้เดินในเส้นทางการใช้อำนาจในทางที่ผิด ข้อสอง โปรดยกเลิกการปฏบัติที่โหดร้ายนี้ ข้ารู้ว่าคำขอข้อที่สองของข้ามันกระทันหัน แต่จนถึงตอนนี้ ข้าคิดถึงแม่ของข้า และข้าก็หวังว่าจะได้พบกับนางอีกครั้ง ฝ่าบาทโปรดพิจารณาด้วย”
หลังจากได้ฟัง แดนีลก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับการมีสนมเพื่อขยายเชื้อพระวงศ์ แต่สิ่งนี้มันเกินไปอีกระดับ การแยกเด็กจากแม่ของพวกเขา นี่มันโหดร้ายเกินไป
เวลาล่วงเลยมามากแล้ว และเขาก็ตระหนักว่า เขาพลาดเองที่เรียกหญิงสาวคนนั้นเข้ามายังห้องของเขาในช่วงเวลาเช่นนี้ แดนีลตัดสินใจว่าจะระมัดระวังมากขึ้นในอนาคต และเขากล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะตัดสินเกี่ยวกับคำร้องทั้งสองในวันพรุ่งนี้ พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”
แม้เอลอยเซ่ต้องการจะกล่าวมากกว่านี้ แต่การมองของเคลลอร์ ทำให้เธอเงียบลง ทั้งสองพยักหน้าและกลับออกไปจากห้อง เหลือแดนีลเพียงลำพังอีกครั้ง
เขาตัดสินใจแล้ว และเขาจะประกาศในวันถัดไป แต่ก่อนที่วันนี้จะสิ้นสุดลง เขายังมีอีกสิ่งที่จะต้องทำ
ไม่กี่นาทีต่อมา เขาเดินออกจากห้องโถงและตรงไปยังสถานศึกษา
จากเส้นทางทางเดินที่เขาเคยผ่านก่อนหน้านี้ แดนีลมาถึงห้องสมุดลับซึ่งเป็นที่อยู่ของจิตวิญญาณจักรวรรดิ
เขาวางหินสาบานตนลงในร่องโพเดียว และบอกให้ระบบสื่อสารกับจิตวิญญาณจักรวรรดิ แดนีบถามว่า ‘ท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่า ข้าใกล้เคียงกับระดับความพึงพอใจทั่วไปที่ท่านกล่าวถึงแล้วหรือยัง?’
แดนีลมีความตั้งใจที่จะไม่ซื้อเครื่องมือการจัดการราชอาณาจักร เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความคิดนี้เกี่ยวกับรางวัลการจัดการราชอาณาจักร เขามีความสงสัยเกี่ยวกับมัน และเขาได้ถามระบบว่า เขาจะสูญเสียรางวัลใดๆที่เป็นไปได้หากเขาไม่ซื้อเครื่องมือก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้น เช่นพิธีราชาพิเษกในก่อนหน้านี้
คำตอบที่ได้ แสดงให้เห็นว่าความสงสัยของเขาถูกต้อง แม้เขาจะซื้อเครื่องมือหลังจากนี้ 1 ปี เขาก็ยังคงได้รับความพึงพอใจระดับหนึ่ง และเขาก็ยังคงได้รับรางวัล
ความหวังของแดนีลก็คือ การสะสมแต้มประสบการณ์ เพื่ออัพเกรดระบบครั้งต่อไปให้เร็วที่สุด จากที่เขาเห็น การอัพเกรดระบบอีกครั้ง จะเพิ่งความซับซ้อนของระบบจนเทียบได้กับจอมเวทย์ระดับผู้ชนะในตำนาน ซึ่งเป็นระดับพลังที่สามารถจะทำลายราชอาณาจักรอย่างแลนธานอร์ได้ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย หากระบบมีความซับซ้อนในระดับนั้น เขาจะสามารถพัฒนาคาถาที่สามารถต่อสู้กับจอมเวทย์ระดับนักรบได้ แม้ว่าระดับพลังของเขาจะอยู่ต่ำกว่าก็ตาม ไม่ว่าอย่างไร คาถาที่ปรับปรุงแล้ว ก็แข็งแกร่งมากพอพอที่จะคุกคามชีวิตของผู้ที่อยู่ระดับสูงกว่าเขาไม่กี่ขั้นได้ ตัวอย่างเช่น เข็มเปลวเพลิงของเขา มันสามารถจะสังหารจอมเวทย์ผู้น่ายกย่องระดับมนุษย์ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงจอมเวทย์ผู้โดดเด่นระดับมนุษย์ขั้น 4 ก็ตาม หากเขาใช้เข็มเพลวเปลิงกับจอมเวทย์ระดับนักรบที่แท้จริง พวกเขาจะสามารถหลบหรือใช้การโจมตีตอบโต้ได้ เว้นแต่พวกเขาจะถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น
กลับมาที่เรื่องเกี่ยวกับเครื่องมือ แม้ก่อนหน้านี้ เขาจะมีตัวเลือกในการซื้อเครื่องมือที่ใช้แต้มฝ่ายและแต้มประสบการณ์ เพื่อติดตามความจงรักภักดีของสมาชิก แต่เขาสามารถเลี่ยงที่จะใช้เครื่องมือนี้ได้ เพราะการสำบานตนเวทมนต์ ก็มีผลเช่นเดียวกันนั้น
ดังนั้น เขาจึงสามารถประหยัดแต้มประสบการณ์ได้
‘ฮ่าๆ พยายามได้ดี ราชาน้อย แต่หากมันง่ายเช่นนั้น คงจะมีบางคนทำสำเร็จนานแล้ว เพียงแค่ลบการต่อต้านในใจของผู้คน และทำให้พวกเขามีความสุขโดยการใช้อาหารและเครื่องดื่ม ยังไม่เพียงพอที่จะถึงระดับความพึงพอใจทั่วไป นั่นคือทั้งหมดที่ข้าสามารถบอกได้ และข้าหวังว่า ท่านจะพยายามต่อไป ไม่เหมือนกับคนอื่นๆก่อนหน้านี้ที่ยอมแพ้หลังจากที่พยายามเพียงเล็กน้อย’
ได้ยินคำตอบของจิตวิญญาณจักรวรรดิ แดนีลยืนยันได้ว่า แผนการของเขาจะไม่ทำงาน
ตอนนี้ มันชัดเจนแล้วว่า สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ต้องมีเครื่องมือที่สามารถประเมินระดับได้อย่างแม่นยำ เพื่อที่เขาจะได้เห็นผลกระทบที่ชัดเจนจากการใช้แต่ละแผนการของเขา ขณะเดียวกัน ก็พยายามสะสมแต้มประสบการณ์ให้บรรลุเป้าหมาย แม้แดนีลจะรู้ตัวดีว่า มันต้องใช้เวลายาวนานกว่าที่เขาจะทำเช่นนั้นสำเร็จ แต่เขาก็จะไม่ยอมทางเลือกใดๆก่อนที่จะได้ทดสอบกับมันซักเล็กน้อย
ดังนั้น เขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไป และกล่าวกับระบบว่า ‘ซื้อเครื่องมือการจัดการราชอาณาจักร และบอกข้าเกี่ยวกับระดับความพึงพอใจในปัจจุบัน’
[ซื้อและติดตั้งเครื่องมือ ขอบคุณสำหรับการซื้อของจากร้านค้าระบบ]
[แต้มประสบการณ์คงเหลือ : 0]
[กำลังรวบรวมข้อมูล เวลาที่ใช้ในการแสดงผล : 1 ชั่วโมง, พื้นที่ผลกระทบในปัจจุบัน : รัศมี 100 กิโลเมตรรอบตัวโฮสต์ โปรดอัพเกรดเครื่องมือหากต้องการจะขยายเพื่อนที่ผลกระทบและปล็ดล็อกตัวชี้วัดใหม่สำหรับการประเมิน]
100 กิโลเมตร เกือบครึ่งของราชอาณาจักร
ในความเป็นจริง มันเป็นพื้นที่ที่มีประชากรส่วนใหญ่ของราชอาณาจักร ยิ่งใกล้ชายแดนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีประชากรอาศัยอยู่น้อยเท่านั้น และยิ่งน้อยสำหรับพื้นที่แห้งแล้ง
แม้การเห็นแต้มประสบการณ์ที่เขาสะสมมาเป็น 0 จะทำให้แดนีลรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย แต่แดนีลก็มีความสุขที่ในตอนนี้ เขามีวิธีประเมินความพึงพอใจแล้ว ด้วยการวัดนี้ มันจะง่ายสำหรับการตัดสินใจในอนาคตของเขา
กลับไปที่ห้องโถงของเขา แดนีลเริ่มวางแผนขั้นต่อไป
สิ่งแรกและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เขาจะต้องพบกับเหล่าฑูต อย่างน้อย นี่ก็เป็นการพบปะครั้งแรก ความต้องใจของเขาจึงเป็นการตรวจสอบสถานการณ์และสังเกตคำกล่าวของพวกเขา ในปัจจุบัน เขาไม่มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงโดยไม่ประเมินสิ่งต่างๆก่อน
อีกประเด็นที่เร่งด่วนก็คือ การฝึกฝน เขาจะจัดตารางการฝึกฝนให้กับตัวเอง ในความเป็นจริง การได้เห็นอัญมณีเคอร์ ทำให้เขาพบความหวังที่ว่า เขาจะสามารถใช้พวกมันเพื่อเร่งการเติบโตพลังของเขาได้เร็วมากขึ้น
อัญมณีเคอร์เป็นเพียงวัสดุที่จัดเก็บพลังงานในระดับสูง หลังจากเข้าใจสิ่งนี้แล้ว เขาก็ได้รับการเตือนให้คิดถึงสมบัติที่ยังคงอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งได้รับการปกป้องจากรูปแบบรอบๆมัน ซึ่งก็คือ ห้องโถงฝึกอบรมกระตุ้นพลังงานตามธรรมชาติ
มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการผลิตพลังงาน ซึ่งเทียบได้กับอัญมณีเคอร์
หากเขาใช้มัน แดนีลรู้ดีว่า เขาจะสามารถกลายเป็นจอมเวทย์ระดับนักรบที่อายุน้อยที่สุดในราชอาณาจักรแลนธานอร์ในไม่ช้า
ไม่ว่าอย่างไร เป้าหมายของเขาก็ไม่ใช่การพึ่งพากองทัพหรือใครก็ตามเพื่อปกป้องตัวเอง เป้าหมายของเขาก็คือ พึงพาตัวเอง ขณะเดียวกัน ก็ทำให้ตัวเองเป็นป้อมปราการที่แลนธานอร์สามารถจะใช้เพื่อเงยหน้าขึ้นได้
คิดเกี่ยวกับห้องโถงฝึกอบรม กุญแจสำคัญก็คือ การหาสถานที่ที่มีพลังงานสูง
แดนีลตัดสินใจถามขณะรวบรวมข้อมูล เขาเกือบจะสะดุดเท้าล้มขณะได้รับคำตอบ
[เครื่องมือตรวจจับพลังงานบ่งชี้ว่า พื้นที่ที่อยู่ใต้พระราชวัง เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการติดตั้งห้องโถงฝึกอบรมกระตุ้นพลังงานตามธรรมชาติ หากโฮสต์ต้องการที่จะให้มันสามารถรวบรวมพลังงานเทียบได้กับอัญมณีเคอร์ เครื่องมือยังแนะนำว่า แหล่งพลังงานคุณภาพสูงสุดขีด ตั้งอยู่ข้างใต้ราชอาณาจักร]