WDS Chapter 121 โคลน
หลังจากตัดสินใจแผนการแล้ว แดนีลก็เริ่มทําการรวบรวมข้อมูลในห้องสมุดพระราชวัง
เนื่องจากราชอาณาจักรเคยมีนักสู้และจอมเวทย์ระดับนักรบหลายคนในสมัยก่อน จึงมีคาถาและเทคนิคต่างๆมากมายสะสมไว้ที่นี่ บางอย่างเป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้นมาอย่างอยากลําบากโดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญในราชอาณาจักรเอง ขณะที่ส่วนที่เหลือ ก็ได้รับมาจากการค้าขายแลกเปลี่ยนกับราชอาณาจักรอื่นๆ
ขณะที่เขาทําการรวบรวมข้อมูลคาถา เขาก็ได้พบกับคาถาหนึ่งที่เป็นดั่งคําตอบสําหรับปัญหาการฝึกฝนของเขา ซึ่งก็คือ คาถาโคลน
ในความเป็นจริง แดนีลรู้ว่ามีมันอยู่ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เคลเลอร์พบกับเขาครั้งแรก และบอกกับว่าเขาว่า มันเป็นเพราะตัวเขามีโคลน ตัวเขาจึงค้นพบแดนีลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแม้แต่จอมเวทย์ราชสํานักใหญ่ก็ยังไม่ทันที่จะค้นพบเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาถามออกไป แดนีลก็รู้สึกผิดหวังหลังจากได้ยินคําตอบจากระบบ
[ปฏิเสธ เนื่องจากธรรมชาติของคาถา ที่ต้องการการควบคุมอนุภาคมูลฐานสูง ระดับต่ําสุดของจอมเวทย์ที่จะร่ายคาถานี้คือ จอมเวทย์ระดับมนุษย์ขั้น 7]
คาถาโคลนทํางานด้วยการใช้การควบคุมอนุภาคมูลฐานขั้นสูง เพื่อจําลองร่างมนุษย์ขึ้นมา ร่างนั้นจะไม่มีพลังในตัวเอง และการเคลื่อนไหวของมันจะถูกกําหนดโดยผู้สร้าง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ โคลนเป็นหุ่นเชิดของผู้สร้าง
แต่ละร่างจะมีเวลาการคงอยู่จํากัด ซึ่งมันจะขึ้นอยู่กับเวลาในการก่อร่างและระดับความเข้าใจของจอมเวทย์
บนโลกแห่งนี้ ความรู้เกี่ยวกับกายวิภาคร่างกายมนุษย์ ไม่ได้ก้าวหน้าเหมือนโลกก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้สําคัญมากนัก เพราะโคลนที่สร้างขึ้นมานั้น มันอ่อนไหวต่อทุกการโจมตีจากภายนอก
ในความเป็นจริง ตามคํากล่าวของเคลเลอร์ มันไม่ได้เป็นคาถาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากนัก เนื่องจากประโยชน์ที่น้อยเกินไปของมัน นอกจากนี้ เวลาในการสร้างโคลนก็สูงเกินไปเมื่อเทียบกับเวลาในการคงอยู่ที่ต่ำของมัน
ตัวอย่างเช่น หากคาถาโคลนนี้ถูกใช้งานโดยจอมเวทย์ผู้น่ายกย่องขั้นสูงสุดและมีความเข้าใจขั้นสีแดง มันจะต้องใช้เวลา 10 ชั่วโมง ในการสร้างโคลนที่ดํารงอยู่ได้เพียง 1 ชั่วโมง
แม้แต่ในระดับนักรบก็ยังคงมีข้อจํากัดนี้
ดังนั้น เคลเลอร์จึงได้กล่าวว่า คาถาโคลนนี้จะมีประโยชน์สําหรับผู้ที่ก้าวข้ามระดับนักรบแล้วเท่านั้น
สิ่งที่แดนีลก็คือ วิธีที่เขาจะสามารถฝึกฝนได้อย่างสงบ และสามารถปกครองราชอาณาจักรได้ในเวลาเดียวกัน
ดังนั้น สําหรับเขาแล้ว มันจึงไม่สําคัญใดๆหากโคลนจะไม่มีการป้องกัน
อย่างช่วยไม่ได้ ระดับขั้นของเขาต่ําเกินไป ดังนั้น แผนการแรกเริ่มของแดนีลก็คือ ไปให้ถึงระดับระดับนั้น ด้วยการใช้ทรัพยากรที่ราชาองค์ก่อนทิ้งเอาไว้
ไม่ว่าอย่างไร อัญมณีเคอร์ก็สามารถจะเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้ และแดนีลก็เป็นผู้ที่มีความเข้าใจระดับสีทอง
แต่ตอนนี้ เขาสงสัยว่า เขาตัดสินใจถูกต้องแล้วหรือไม่ ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน เขาไม่รู้ว่า เขาจะมีเวลาเพียงพอสําหรับการฝึกฝนหรือไม่
ในขณะที่คิดเกี่ยวกับมัน แดนีลก็ทําการรวบรวมข้อมูลคาถาและเทคนิคต่อสู้ต่างๆในห้องสมุดอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เขากําลังทําเช่นนั้น เขาก็ค่อนข้างที่จะประหลาดใจ เพราะเขาค้นพบคาถาที่มีประโยชน์มากมาย
เขาตัดสินใจที่จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดก่อนแล้วค่อยพัฒนาพวกมัน หลังจากเสร็จจากที่นี่แล้ว เขาก็ติดต่อกับเฟลิกซ์ในทันที
แม้ปรมาจารย์สํานักฝึกอบรมหมัดแห่งความยุติธรรมจะรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินราชาถามว่า เขาสามารถอ่านเทคนิคลับต่างๆของสํานักฝึกอบรมได้หรือไม่ แต่เขาก็ยังยงตอบตกลง
ในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงด้านนอกกระท่อม ที่แดนีลเคยเข้าไปเมื่อหลายปีก่อน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเข้ามายังสํานึกฝึกอบรม
เขารู้ดีว่า เขามีเวลาเพียงเล็กน้อย เขาจึงจําเป็นจะต้องใช้เวลาทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น เขาจึงรีบออกมาทําทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้
นอกจากนี้ แดนีลยังเคยให้ระบบวิเคราะห์เทคนิคหมัดแห่งความยุติธรรม ที่เขาได้รับมาเป็นรางวัลจากการชนะการประลองของเด็กฝึกหัด
ก่อนหน้านี้ มันสามารถจะวิเคราะห์ได้เพียง 2 ขั้นแรกเท่านั้น เนื่องจากทรัพยากรที่มีจํากัดของระบบ
แต่ตอนนี้ เนื่องจากระบบได้รับการอัพเกรดแล้ว มันจึงไม่มีปัญหาใดๆอีกต่อไป
ในความเป็นจริงแล้ว เทคนิคการต่อสู้หมัดแห่งความยุติธรรม สามารถจะฝึกฝนขึ้นไปได้จนถึงขั้นสูงสุดของระดับนักรบ
แม้ผลลัพธ์จะน่าตกตะลึง แต่แดนีลก็ไม่มีเวลาที่จะคิดถึงความเป็นไปได้ของเทคนิคหรือพิจารณาการฝึกฝนเทคนิค เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ในตอนนี้ เขากําลังตั้งตารอเทคนิคอื่นๆในสํานักฝึกอบรม
หลังจากเข้าไปในกระท่อมแล้ว เฟลิกซ์ก็ปิดประตู ก่อนจะเดินไปยังผนังที่ว่างเปล่า
เขาที่มปลายนิ้วของตัวเอง แล้วใช้เลือดวาดสัญลักษณ์ขึ้นบนผ
นี่เป็นเทคนิคเดียวกับที่ลาราเวลใช้ในการเปิดทางเดินลับที่นาไปสู่พระราชวัง สัญลักษณ์เรืองแสงและจางหายไปในผนังขณะที่เสียง ดัง คลิก สะท้อนไปทั่วทั้งห้อง
วางมือบนกําแพง เฟลิกซ์ผลักมันไปด้านข้าง เผยให้เห็นตู้หนังสือที่ซ่อนอยู่ภายใน
มีหนังสืออย่างน้อย 40 เล่ม ที่มีสีสันแตกต่างกันถูกจัดเรียงอย่างประณีต เห็นเฟลิกซ์นั่งลงหลังจากที่เปิดมัน แดนีลก็เดินเข้าไปพร้อมการแสดงออกที่ตื่นเต้น
ห้องสมุดพระราชวัง มีเทคนิคต่างๆสําหรับทั้งนักสู้และ จอมเวทย์รวมราว 200 เทคนิค
ดังนั้น เทคนิคลับ 40 เทคนิค จึงนับได้ว่าเป็นจํานวนที่ค่อนข้างสูง
ขณะที่เขาหยิบหนังสือเล่มบนสุดมาและเปิดมัน การแสดงออกอย่างตกตะลึงก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
มันเป็นอีกหนึ่งเทคนิคการต่อสู้ระดับนักรบ
หลังจากนั้น หนังสือแต่ละเล่มที่เขาเปิด ทําได้ทําให้ดวงตาของเขาเปร่งประกายมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เฟลิกซ์ที่กําลังเฝ้ามองเห็นเช่นนั้น เขาก็รู้สึกประหลาดใจที่เหตุใดราชาถึงเปิดเพียงแค่หน้าแรกของแต่ละเทคนิค
แม้แต่ละเทคนิคจะน่าตกตะลึง แต่มันก็มีเทคนิคหนึ่งที่พิเศษกว่าเทคนิคอื่นๆ มันเป็นหนังสือเทคนิคสีแดงเข้มที่ทําให้ดวงตาของแดนีลถึงกับแข็งค้าง มันทําให้เขาต้องเพ่งมองมันด้วยความประหลาดใจขณะที่ทําความเข้าใจเนื้อหามันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทําการถามระบบในใจหลายครั้งว่า คําตอบที่เขาได้รับนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ด้วยความปิติยินดี แดนีลตระหนักได้ว่า เขาตัดสินใจถูกแล้วที่มาดูสิ่งที่ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสํานักทิ้งเอาไว้
[เทคนิคนักสู้ลับระดับนักรบขั้นสูงสุด : วิเคราะห์ร่างจําลองนักสู้ เทคนิคโคลนน้อยสามารถจะพัฒนาได้แล้วด้วยข้อจํากัด]
…………………………………….
ในเวลาเดียวกันนั้น
ณ ราชอาณาจักรกาดํา
แตกต่างจากแลนธานอร์ ห้องบัลลังก์ของราอาณาจักรกาดํา มีเพียงที่นั่งบัลลังก์เท่านั้น ไม่มีที่นั่งอื่นๆอีก
สิ่งแรกที่ทุกคนจะพบเห็นเมื่อเข้าไปในห้องบัลลังก์ก็คือ กาดําอันน่าเกรงขาม ที่มีขนส่องแสงอ่อนๆออกมา
แม้หลายคนจะคิดว่ามันเป็นสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นเพียงรูปปั้นที่เป็นส่วนหนึ่งของบัลลังก์
ตัวมันสูง 20 ฟุต และปีกยาวออกไปด้านข้าง 50 ฟุต ทั้งด้านหนึ่งของห้อง ถูกครอบคลุมด้วยรูปปั้นนี้
ดวงตาที่เปร่งประกายของมัน จดจ้องไปที่ประตู เพื่อทําให้ใครก็ตามที่เข้ามาเฝ้าราชารู้สึกได้ว่า สัตว์ร้ายเทพเจ้าตนนี้จดจ้องพวกเขาอยู่ และพร้อมที่จะฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆหากพวกเขากล้า ทําความผิดใดๆ
ที่นั่งที่ทําจากวัสดุคล้ายหินตั้งอยู่ระหว่างขาของกา
ชายที่นั่งอยู่บนที่นั่งนี้มีจอนยาว บนใบหน้าของเขามีแผลเป็นแนวนอนที่ทอดยาวไปตามแก้มและจมูก ดวงตาสีดําของเขาจดจ้องไปที่เบวิสซึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา
ในที่สุด การแสดงที่ไม่พอใจของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นคาดหวัง ขณะที่เขาตัดสินใจบางอย่าง
ขณะที่เขาอ้าปากกล่าวออกมา เบวิสสั่นไหวและพยายามไม่ล้มลงกับพื้น ราวกับเสียงที่ชายคนนั้นกล่าวมา มันทําให้เขารู้สึกเจ็บปวดเกินกว่าจะสามารถจินตนาการได้
“แดนีลราชาแห่งแลนธานอร์? มาดูกันว่า เจ้าคู่ควรกับนามนั้นหรือไม่? แจ้งนัดพบในทันที”