WDS Chapter 125 ฝายการวิจัย ตอนที่ 2
“พวกเจ้าทั้งหมด ได้รับเชิญให้เข้าร่วมฝายการวิจัยแห่งแลนธานอร์ บุคคลพิเศษที่สุดคนหนึ่งจะได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้า เงินเดือนของพวกเจ้าจะขึ้นอยู่กับความสามา รถของพวกเขาและหากพวกเจ้าต้องการที่จะเข้าร่วม พวกเจ้าจงมาที่พระราชวังพร้อมกับครอบครัวของพวกเจ้าในวันพรุ่งนี้ และสาบานตนเพื่อเก็บเป็นความลับ”
ในราชอาณาจักรแลนธานอร์ งานในพระราชวังที่ไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับราชา เป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝันมากที่สุด เพราะมันมีทั้งที่พักฟรี อาหารดีๆและเงินเดือนที่สูงด้วยสิ่งนี้ ทุกครอบครัวจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย และเก็บเงินสะสมได้เป็นจํานวนมาก
แน่นอนว่า นั่นเป็นในสมัยราชาองค์ก่อน ตอนนี้ ด้วยแดนีลเป็นผู้ครองบัลลังก์ มันจึงงานใดจะเย้ายวนไปกว่างานที่เสนอโดยคนตรงหน้าของพวกเขาอีกแล้ว
คนที่ลังเลอยู่ก็คือ เหล่าพ่อค้าและข้าราชการที่มีความสามารถ อย่างไรก็ตาม ประโยคต่อไปที่แดนีลกล่าวออกมา ทําให้พวกเขาดวงตาเบิกกว้างและพยักหน้าอย่างปิติยินดี แสดงให้เห็นว่าพวกเขายินดีที่จะเข้าร่วม
“ข้าสัญญาว่า ทุกคนที่เข้าร่วมจะมีความสามารถเพิ่มขึ้น ระยะเวลาในการทํางานขั้นต่ำก็คือ 5 ปี หลังจากนั้น พวกเจ้าสามารถเลือกที่จะขอออกไปได้ แต่จะต้องสาบานตนว่าจะไม่เปิดเผยความลับใดๆที่พวกเจ้าได้รู้ในช่วงเวลานั้น พวกเจ้ามีเวลาตัดสินใจจนถึงพรุ่งนี้”
บนโลกแห่งนี้ พลังและความสามารถเป็นทุกสิ่งด้วยแดนีล โยนเหยื่อที่เรียกว่า การพัฒนาทักษะออกไป พร้อมกับการได้รับเงินในเวลาเดียวกัน แทบจะไม่มีใครในฝูงชนคิดที่จะปฏิเสธข้อเสนอ
หลังจากฝูงชนแยกย้ายกันแล้ว แดนีลก็เดินกลับไปที่พระราชวังพร้อมกับผู้ติดตามของเขา
ในหมู่ฝูงคนที่อยู่ในสนาม ชายคนหนึ่งที่มัดผมของเขาเป็นรูปขนมปัง มองไปยังด้านหลังของเหล่าผู้ติดตามด้วยการแสดงออกที่เบื่อหน่าย
เขาสวมเสื้อผ้าสีซีดจางและดูไม่สนใจภาพลักษณ์ตัวเองมากนัก เพื่อความมั่นใจ เขาไม่ลืมที่จะยืนข้างกับเหล่าคนที่แต่งตัวคล้ายๆกัน กลมกลืนไปกับฝูงชน ขณะที่จดจ้องไปที่ราชาแห่งแลนธานอร์
แม้ทุกคนจะรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขเมื่อได้ยินคํากล่าวของราชา แต่เขากลับเพียงแค่แสร้งแสดงท่าทางตามน้ํา
ตอนนี้ เมื่อการชุมนุมสิ้นสุดลง เขาก็ออกไปจากพระราชวัง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังอาคารหลังหนึ่งทางตะวันตกของเมืองชั้นนอก
อาคารที่สูงที่สุดในแลนธานอร์ก็คือ พระราชวัง มันมีหอคอยสูงที่สามารถจะมองเห็นได้จากระยะไกล สําหรับเมืองชั้นนอก อาคาร 3 ชั้น นับเป็นข้อจํากัดของอาคารที่พักอาศัยใดๆที่ได้รับอนุญาติให้ปลูกสร้างได้
กฏนี้ได้ถูกกําหนดโดยราชาองค์หนึ่งเมื่อนานมาแล้ว และเหตุผลของมันก็ถูกลืมเลือนไปนานแล้ว
หลังจากมอบรอบๆอย่างระมัดระวังเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีใครติดตามเขามาแล้ว ชายคนนั้นก็เข้าไปในอาคารและเข้าไปในห้องของเขาที่ชั้นล่าง
หลังจากปิดประตูด้านหลังแล้ว ชายคนนั้นก็ตรวจสอบ รอบๆห้อง เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีใครเข้ามาขณะที่เขาออกไป เส้นผมที่เขาวางในยังอยู่ในตําแหน่งเดิมของมัน และไม่มีสัญญาณการทํางานใดๆของเครื่องประดับเตือนภัยลับ
ชายคนนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาอ้าปากกว้าง แล้วยื่นมือเข้าไปจับบางอย่างก่อนจะดึงออกมาอย่างรุนแรง
พร้อมกับที่มือของเขาออกจากปาก มันได้ถือลูกบาศก์ทรงกลมสีขาวเอาไว้
มันถูกวางแทรกไว้ในระหว่างซอกฟันของเขา ทําให้ไม่สามารถแยกแยะมันจากฟันในระหว่างการว่ากล่าวโดยทั่วไปได้
เขาจิกปลายนิ้วของตัวเองและหยดเลือดลงไปที่ลูกบาศก์ ชายคนนั้นรออย่างอดทน จนกระทั่งแสงอ่อนๆเล็ดลอดออกมาจากมือของเขา
จากนั้น แผงหน้าจอเล็กๆขนาด 5 นิ้ว ก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา
หากแดนีลอยู่ในห้องนี้ เขาคงจะตกใจไม่น้อย เพราะภาพของคนที่ปรากฏขึ้นบนแผงหน้าจอก็คือ เอลฟ์ที่เคยมาในห้องบัลลังก์
“บอนโลเฮม เอชิแทร์”
“ยืนยันรหัส รายงานมา”
ได้ยินเสียงเย็นชาของเอลดร้า ชายคนนั้นก็สั่นสะท้านราวกับคิดน้อยกลับไปถึงความทรงจําที่เจ็บปวด
“ราชาเรียกช่างตีเหล็กและเหล่าเอนชานเตอร์ในราชอาณาจักรมาชุมนุม เพื่อจัดตั้งฝายการวิจัยใหม่ บุคคลพิเศษคนหนึ่งจะเป็นหัวหน้าฝาย และเขาสั่งให้ทุกคนที่สนใจ ย้ายไปยัง พระราชวังในวันพรุ่งนี้คําสั่งต่อไปของข้าคืออะไร?”
“รอ”
แผงหน้าจอดับไป ขณะที่เหงื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายคนนั้น ในช่วงเวลานั้น ริมฝีปากของเขาสั่น ขณะที่คิดถึงความทรงจําอันทุกข์ทรมานของเขา
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ภาพของเอลดร้าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“ผู้เชี่ยวชาญอีกคนจะถูกส่งแทรกซึมเข้าไปและแทนที่เจ้าน่าเศร้าที่อัตลักษณ์ของเจ้าถูกค้นพบแล้ว ครอบครัวของเจ้าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี”
“ไม่ ไม่ ไม่ ข้าระมัดระวังตัว ข้ากําจัด…”
ในฉับพลัน แสงสีเงินปรากฏขึ้นบนหน้าฝากเขา ซึ่งเป็นตําแหน่งเดียวกับหน่อจอมเวทย์ของเขา มันทําให้ใบหน้าของเขาซีดลงก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
จากนั้น เปลวเพลิงสีเงินก็ค่อยๆลุกไหม้บนร่างของเขา เพียงไม่กี่วินาที ร่างของเขาก็หลงเหลือเพียงขี้เถ้า ไม่มีร่องรอยของชายคนนั้นอีก
สําหรับเครื่องประดับเวทมนต์แผงหน้าจอ มันระเบิดออกมาและถูกเปลวเพลิงสีเงินกลืนกินเหมือนชายคนนั้น
ตู้ม
แอรันพังประตูเข้ามา ขณะกวาดตาไปทั่วห้องเพื่อหาบางอย่าง
ทหารที่ดีที่สุดแต่ละนาย ได้รับคําสั่งให้ติดตามแต่ละคนที่ออกมาจากพระราชวังอย่างระมัดระวัง แล้วหนึ่งในพวกเขาก็ได้ติดตามชายคนนั้นจนมาถึงอาคารแห่งนี้
เนื่องจากทหารนายนั้นรีบรายงานสถานการณ์ในทันที แอรันและทหารคนอื่นๆจึงสามารถจะมาถึงอาคารแห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว น่าเสียดาย พวกเขามาช้าเกินไป
ค้นหาทั่วทั้งห้อง มันหลงเหลือเพียงเครื่องประดับเวทมนต์เตือนภัยทั่วไปเท่านั้น ไม่มีร่องรอยของคนหรือชนเผ่าใดๆอยู่เลย ไม่ว่าพวกเขาจะค้นหาละเอียดถี่ถ้วนมากเพียงใดก็ตาม
กันฟันด้วยความหงุดหงิด แอรันทําได้เพียงใช้เครื่องประดับสื่อสาร รายงานต่อราชาของเขาที่กําลังรออยู่ได้เท่านั้น
ได้ยินข่าว แดนีลก็ส่ายหัว เขาหวังว่าจะจักสายลับได้ซักคน จากการใช้เทคนิคนี้ แต่มันดูเหมือนว่า เขาจะไร้เดียงสามากเกินไป
จากฝูงชนที่มาพระราชวัง 1,000 คน มี 6 คนที่ทําตัวลับๆ ล่อ พยายามตรวจสอบรอบๆอย่างระมัดระวัง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครติดตามพวกเขามา
ที่อยู่ของคนอื่นๆก็ถูกบันทึกเก็บเอาไว้ เนื่องจากไม่มีอะไรยืนยันได้ว่า พวกเขาจะไม่รายงานหลังจากนี้ หลังจากนั้น แดนีลก็จะค้นหาคําตอบจากเหล่าผู้ที่ปฏิเสธข้อเสนออีกรอบ
ในความเป็นจริง เขาไม่คาดหวังว่าจะได้รับรายงานในทันที ดังนั้น เขาจึงค่อนข้างประหลาดใจเมื่อได้ยินว่ามีค้นพบคนเหล่านั้นแล้วถึง 6 คน
ความแข็งแกร่งของราชอาณาจักร สามารถจะประเมินได้ง่ายๆจากความกว้างใหญ่และลึกซึ้งของเครือข่ายสายลับ หากกองกําลังสั่งให้สายลับรายงานในทันทีเมื่อเห็นว่ามีความเสี่ยงนั้น แสดงให้เห็นว่า กองกําลังดังกล่าวให้ความสําคัญกับข้อมูลมากกว่าสายลับ
สิ่งนี้มีความหมายว่า กองกําลังเตรียมจะละทิ้งสายลับอยู่แล้ว หรือข้อมูลมีค่ามากเกินไป ทําให้กองกําลังไม่สนใจเกี่ยวกับการสูญเสียสายลับ
แน่นอนว่า อันหลังเป็นความเป็นไปได้ที่น่ากลัว กองกําลังอาจจะมีสายลับจํานวนมาก การสูญเสียสายลับเพื่อข้อมูลสําคัญจึงไม่ได้มีความหมายอะไรกับพวกเขามากนัก
เคลเลอร์เคยบอกกับแดนีล เกี่ยวกับปัญหาสายลับที่ทุกประเทศจะต้องเผชิญ ดังนั้น นี่จึงเป็นความพยายามครั้งแรกของเขาในรวบรวมข่าวกรอง หรือป้องกันไม่ให้ข้อมูลการประชุมหัวไหลออกไปเร็วเกินไป
น่าเสียดาย 4 ใน 6 คน ทําลายตัวเองเมื่อทหารไปถึงที่พักของพวกเขา ส่วนอีก 2 คน ถูกจับตัวได้ แต่ดูเหมือนพวกเขาได้สาบานตนไว้แล้วว่าจะไม่เปิดเผยความลับใดๆ
จากทั้ง 4 ที่ทําลายร่างตัวเอง มีเพียงคนเดียวที่ร่างสลายไปอย่างสิ้นเชิง ขณะที่คนอื่นๆยังคงเหลือร่องลอยอยู่เล็กน้อย
แดนลจ้องมองไปในอากาศ และคิดเกี่ยวกับกองกําลังที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขา
ในขณะนั้น เคลเลอร์ ที่รับผิดชอบปฏิบัติการนี้ก็เดินมาหาเขาและกล่าวว่า
“ฝ่าบาท ราชอาณาจักรกาดํายืนยันวันที่และเวลาแล้ว การนัดพบจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้เวลาเที่ยงที่ประตูชาย แดนทางเหนือ”