WDS Chapter 129 นัดพบราชอาณาจักรกาดํา ตอนที่ 4
แดนีลแสดงภาพผ่านแผงหน้าจอ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ทําต่อหน้ากองทัพแอ็กเซลอเรียน โดยเขาแสดงให้เห็นว่า ตัวเขาราชาแห่งแลนธานอร์ ยังคงยืนอยู่ภายในเต็นท์ขณะที่กล่าวว่า
“ต้องขออภัยด้วย ข้าเพิ่งจะโยนสุนัขแอ็กเซลอเรียน ที่กล้ายืนอยู่ใกล้กองทัพของข้าออกไป”
เห็นร่างทั้งสองที่ถูกโยนมาไว้ตรงหน้า การแสดงออกของราชากาดําก็เปลี่ยนเป็นโกรธแค้น
โชคดีที่สิ่งกีดขวางบดบังการแสดงออกของเขาไม่ให้คนด้านนอก
เห็น
“หม ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสามารถบางอย่าง นี่น่าสนใจนัก”
ได้ยินคํากล่าวที่ขบขันของชายชราที่อยู่ด้านข้าง ราชากาดําควบคุมอารมณ์ของเขาและพยักหน้า ส่งสัญญาณให้เหล่าผู้ติดตามของเขาเดินหน้าต่อไป
ภายในเต็นท์ แดนีลยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ หลังจากได้แสดงให้เห็นว่า กองกําลังของเขาอย่างน้อยก็เทียบได้กับของราชากาดํา สายลับเหล่าล้วนแล้วแต่ถูกค้นพบโดยเครื่องมือเฝ้าระวัง พวกเขาถูกค้นพบโดยง่ายเนื่องจากพวกเขาเพียงแค่ขุดหลุมแล้วมุดตัวลงไป เพื่อเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของกองทัพ แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถจะมองเห็นได้ และการหายใจของพวกเขาก็แผ่วเบาเป็นอย่างมาก
หลังจากสายลับเหล่านั้นถูกค้นพบแล้ว พวกเขาก็สําลักเลือด และตายลงภายใต้น้ามมือของลูเธอร์
เขาเป็นผู้บัญชาการที่ประสิทธิภาพและความเร็วในการกระทําสิ่งต่างๆ เขาพุ่งไปยังตําแหน่งเป้าหมายในทันทีโดยไม่รั้งรอใดๆและทําการจัดการอย่างเด็ดขาด ก่อนจะส่งร่างของสายลับเหล่านั้นไปยังประตูชายแดน
ในความเป็นจริง แดนีลยังคงสงสัยว่า สายลับเหล่านี้ที่ถูกสังหาร โดยราชากาดําและคนของเขา มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นสายลับ แอ็กซ์เลอร์ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงทําเช่นนี้เพื่อล้อเลียนชายคนนั้น หากเขารู้ว่าสายลับ 2 คนหลังเป็นสายลับของราชอาณาจักรกาดําอย่างแท้จริงแล้ว เขาคงจะยิ่งยิ้มกว้างกว่านี้อย่างแน่นอน
หลังจากเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ในกระเป๋าอย่างระมัดระวังแล้ว แดนีล ก็สั่งให้ทุกคนกลับไปยังค่ายสํารอง
เกี่ยวกับเรื่องของอีเชอร์ คนอื่นๆก็มีนงงเช่นเดียวกับเขา เพียงความคิดที่ว่า หนึ่งในบิ๊กโฟร์ทําสัญญาเช่นนี้กับราชอาณาจักรเล็กๆแล้ว มันก็ทําให้พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก สิ่งนี้เป็นความลับสุดยอดอย่างแน่นอน เพราะสายลับของแลนธานอร์ ไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับมันเลย
หลังจากเทเลพอร์ตกลับค่ายสํารองแล้ว เขาก็เข้าไปอยู่คนเดียวในเต็นท์อีกครั้งและเปลี่ยนกลับไปใช้ร่างหลัก
จากนั้น เมื่อเดินทางกลับมาถึงพระราชวังแล้ว แดนีลก็ให้ทุกคนกลับไป ส่วนเขาเลือกที่จะใช้เวลาที่เหลือในการฝึกฝนและสังเกตเมล็ดพันธุ์
หลังจากที่เหล่าผู้บัญชาการและเคลเลอร์ไปแล้ว เหลือเพียงแฟกซัลเท่านั้นที่ยังคงเดินตามมาเงียบๆด้านหลังเขา
หลังจากที่เข้าไปในห้องโถงราชาแล้ว แฟกซัลก็เปิดปากของเขา และกล่าวว่า
“ระวังให้ดี เขาเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ”
ได้ยินคํากล่าวนี้จากสหายของเขา แดนีลก็ยิ้มออกมา เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาเข้าใจเกี่ยวกับมัน
“เจ้าควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดี ตอนนี้บอกกับข้า ข้าเข้าใจผิด หรือกาตนนั้นมองมาที่เจ้าก่อนที่มันจะหายไปอย่างแท้จริง?”
แดนึงตั้งใจจะถามสหายของเขา ตั้งแต่ที่เขาเห็นอารมณ์ในดวงตาของกาขนาดยักษ์ตัวนั้นแล้ว
“ใช่ มันเป็นสหายและผู้พิทักษ์ของพ่อข้า และข้าเคยเล่นกับมันตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าไม่รู้ว่าราชากาดําควบคุมมันได้อย่างไร”
หลังจากกล่าวจบแล้ว แฟกซัลก็เดินออกจากประตูไปในทันที
แม้แดนีลจะประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นสหายของเขาออกไปเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก เพราะเขามีสิ่งที่จําเป็นจะต้องทํา
ในความเป็นจริง แฟกซัลรีบวิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเอง ก่อนที่จะปิดประตูและล้มตัวเองลงบนพื้น
เหตุผลเดียวที่เขาสามารถจะยืนหยัดขณะมองไปยังชายที่สังหาร ทั้งครอบครัวของเขาได้ก็คือ การบอกกับตัวเองเสมอว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องฆ่าชายคนนั้นเพื่อแก้แค้นให้จงได้
พร้อมกันนั้น การได้เห็นจอนดาร์ มันก็ได้ขุดความทรงจํามากมายที่เขาพยายามจะฝังเอาไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ตอนนี้ เขาคุกเข่ากับพื้นและร่างของเขาก็สั่นไหว ขณะที่เขาพยายามควบคุมความกระหายเลือดที่คุกคามเขาตลอดทั้งวัน
แดนีลสั่งให้คนนํากระถางที่มีดินอุดมสมบูรณ์มาให้ แล้วกล่าวในใจว่า
“ระบบ ข้าจะวิเคราะห์เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ได้อย่างไร ข้าต้องการที่จะค้นหาทุกสิ่งเกี่ยวกับพวกมัน
โฮสต์ต้องอยู่ใกล้กับพื้นที่ปลูกเมล็ดพันธุ์ จากนั้น [โมดูลวิเคราะห์ปรากฏการณ์ จะทําการสังเกตและวิเคราะห์มันเอง]
ในความเป็นจริง โมดูลวิเคราะห์ปรากฏการณ์จะทํางานโดยการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องรอบๆตัวเขา ดังนั้น มันจึงไม่มีความหมายว่า เขาจะเพียงแค่นั่งข้างๆหรือจดจ้องไปที่กระถาง ขณะรอให้เมล็ดงอก
ข้อด้อยเพียงอย่างเดียวของเครื่องมือนี้ก็คือ ต้องใช้เวลาซักพัก ในการวิเคราะห์ปรากฏการณ์
หลังจากกระถางมาถึงแล้ว แดนี้ลก็เลือกเมล็ดพันธุ์ 1 เมล็ด และมองไปยังดินสีแดงที่เห็นได้ชัดว่า มันถูกขุดออกมาจากตําแหน่งที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดในพระราชวัง ซึ่งก็คือสวนหลวง
เขาวางเมล็ดพันธุ์ลงในดินและเทน้ําเล็กน้อยตามคําแนะนําในกระดาษ จากนั้น แดนีลก็เดินตรงไปยังห้องโถงฝึกอบรมกระตุ้นพลังงานโดยใช้ประตูที่ซ่อนอยู่ในห้องของเขา
วางกระถางลงด้านข้าง ขณะที่เขาเข้าสู่ท่านอนอีกครั้งหลังจากที่สั่งให้ระบบเปิดใช้งานเทคนิคพัฒนา
เนื่องจากดวงตาของเขาปิดลงและเขามุ่งเน้นไปที่การศึกษาการเคลื่อนไหวของพลังงานภายในร่างกายของเขา เขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่า หมอกสีขาวจํานวนมากในห้องได้ถูกดึงและดูดซับเข้าไปโดยเมล็ดพันธุ์ในดิน
ในความเป็นจริง จํานวนที่มันดูดซับเข้าไปนั้นน้อยมาก จนจะไม่มีมนุษย์คนใดสามารถจะแยกแยะความแตกต่างได้
น่าเสียดาย เมล็ดพันธุ์นี้เผชิญหน้ากับระบบที่บันทึกเหตุการณ์นี้ ขณะที่ยังคงวิเคราะห์และค้นหาว่าเมล็ดอีเชอร์เหล่านี้คืออะไร
ในเวลาเดียวกันนั้น ภายในห้องลับแห่งหนึ่งในราชอาณาจักรของเหล่าเอลฟ์
ด้านหนึ่งถูกปกคลุมด้วยแผงหน้าจอจากพื้นจรดเพดาน แสดงภาพต่างๆรอบทวีปแอนแกเรีย
อย่างไรก็ตาม ดวงตาผู้หญิง 2 คน ที่ยืนอยู่ในห้อง กลับจดจ้องไปยังแผงหนึ่งที่แสดงภาพของสถานที่ที่แดนีลเพิ่งจะไป
มันก็คือ ประตูชายแดนทางเหนือของราชอาณาจักรแลนธานอร์ จากมุมและตําแหน่งของภาพ มันสามารถจะบอกได้ว่า ผู้สังเกตการณ์มองลงมาจากด้านบนในมุมกว้าง
ผู้หนึ่งคนหนึ่งอ้าปากค้างขณะที่เธอเห็นร่างทั้งสองบินออกจากประตู ตรงไปยังตําแหน่งของราชากาดําอย่างแม่นยํา ขณะที่เธอเห็นภาพของราชาแห่งแลนธานอร์ปรากฏบนกําแพง ความตื่นตระหนกเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ราวกับเธอจดจําประสบการณ์อันเจ็บปวดที่ทําให้เกิดแผลภายในใจของเธอ
“เอลดร้า ควบคุมตัวเอง ตั้งแต่กลับมาจากแดนธานอร์ เจ้าดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากบางสิ่ง เจ้าต้องการจะไปที่เวลล์อ๊อฟโฟกัสหรือไม่?
ได้ยินเช่นนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็ตัวสั่นเล็กน้อยก่อนจะกล่าวตอบ
“ม..ไม่ องค์ราชินี ขอบประทานอภัยสําหรับการกระทําของข้า ข้าจะเอาชนะมันด้วยตัวเอง”
“ดี ข้าหวังว่าเจ้าจะทําได้ในเร็วๆนี้ ข้าไม่สามารถจะปล่อยให้ลูกสาวของข้าบอบช้ําจากเหตุการณ์เล็กๆเช่นนี้ได้ ติดต่อสายลับของ พวกเราที่อยู่ในแลนธานอร์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราจะต้องค้นหาเรื่องที่พวกเขาพูดคุยกันให้ได้ ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า ข้าต้องการให้แลนธานอร์อยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของข้า และข้าก็ไม่ต้องการให้ความปรารถนานี้ล้มเหลวเพราะเจ้าลูกครึ่งจากราชอาณาจักรกาดํา ไปจัดการซะ”
หลังจากกล่าวจบแล้ว ผู้หญิงที่ถูกเอลดราเรียกว่า ราชินีก็หายตัวออกไปจากห้อง
เห็นแม่ของเธอจากไป เอลดร้าก็สั่นไหวขณะที่มีเหงื่อไหลออกมา จากหน้าผากของเธอ
เธอหยิบเครื่องประดับเวทมนต์สื่อสารออกมาจากกระเป๋า และรีบออกคําสั่งตามความต้องการของราชินี
ไม่ว่าสายลับจะตายไปมากเพียงใด เธอจะต้องทําบรรลุความต้องการของราชินีให้ได้ คิดเกี่ยวกับความล้มเหลว ร่างของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ขณะจดจําการทรมานที่เธอต้องอดทนจากครั้งก่อนที่เธอทําให้ราชินีไม่พอใจ
ราชินีแห่งเอลฟ์ เป็นคนที่น่าหวาดกลัวมากที่สุดสําหรับเธอ