WDS Chapter 139 ความสิ้นหวัง
ณ หุบเขาทางตะวันออกของแลนธานอร์
ชายชุดคลุมสีเขียวคนหนึ่งยืนอยู่บนระเบียงของสิ่งก่อสร้างโบราณแห่งหนึ่งขณะที่มองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังตก
ที่นี่เป็นสถานที่ลึกลับที่ซ่อนอยู่ลึกเข้ามาในปาอันอุดมสมบูรณ์ ที่เต็มไปด้วยกับดักแห่งความตายมากมาย ซึ่งสามารถจะเอาชีวิตได้กระทั่งนักสู้หรือจอมเวทย์ผู้น่ายกย่องระดับมนุษย์
ดังนั้น ที่นี่จึงถูกจัดว่าเป็นพื้นที่ต้องห้าม นักเดินทางเกือบทั้งหมดพยายามใช้เส้นทางที่ยาวกว่ามาก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงพื้นที่ทั้งหมดของหุบเขาแห่งนี้
หากแดนลอยู่ที่นี่ เขาคงจะต้องประหลาดใจที่เมื่อได้เห็นว่าหอคอยมากมายที่อยู่ที่นี่ ดูคล้ายกับเจดีย์จากโลกเดิมของเขา
แม้จะมีข้อแตกต่างเล็กน้อยอย่างความโค้งของการออกแบบ แต่มันมีแนวคิดพื้นฐานในโครงสร้างเช่นเดียวกัน ฐานด้านล่างมีขนาดใหญ่ และจะมีขนาดเล็กลงเมื่อสูงขึ้น
ชายคนนี้ยืนอยู่ชั้นบนสุดของหอคอยหนึ่งที่เป็นเช่นนั้น ตัวหอคอยถูกสร้างจากวัสดุแปลกประหลาด ที่ไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นเวลานาน แม้จะมีไม้เลื้อนจำนวนมากเกาะตามผนัง แต่มันก็ไม่ได้ดูรกรุงรัง กลับกัน มันราวกับเป็นการตกแต่งโดยธรรมชาติ
ปาเขียวชอุ่มรอบๆสิ่งก่อสร้างให้บรรยากาศของความสงบที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ผู้ที่มีโอกาสมาเยี่ยมชมที่นี่ สามารถจะผ่อนคลายและลืมความเครียดทั้งหมดไปได้อย่างง่ายดาย
ด้วยฉากพระอาทิตย์ตกดิน มันทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามที่สุดในแอนแกเรีย แสงอาทิตย์ละโลมไปตามต้นไม้ทำให้มันส่องประกายสีเหลือง ซึ่งในขณะนั้น ความมืดมิดก็เข้ามา ทำให้สภาพแวดล้อมรอบๆค่อยมืดลง
ชายชุดคลุมเขียวพยายามค้นหาความลับเบื้องหลังความรู้สึกที่น่าเหลือเชื่อ ที่เกิดขึ้นขณะมองดูพืชพันธุ์และต้นไม้ต่างๆในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า
หากจะให้เขาอธิบาย เขาจะบอกว่า ธรรมชาติที่นี่ดูราวกับมันมีชีวิตเป็นของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะพยายามอย่างมากแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังคงไม่สามารถจะระบุได้อย่างชัดเจนว่า สิ่งใดที่ทำให้สถานที่แห่งนี้พิเศษอย่างมาก
ถอนหายใจออกมา เขาหยุดคิดหัวข้อนั้นในหัวของเขา นี่เป็นเพียงงานอดิเรกของเขา ที่เขามักจะทำเพื่อไม่ให้ตนเองกลายเป็นบ้าจากความเครียดที่เขารู้สึกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ขณะที่เขาหันไปรอบๆ เขาก็สังเกตเห็นกบตัวหนึ่ง ที่กำลังกระโดดจากกิ่งไม้หนึ่งไปยังอีกกิ่งไม้หนึ่ง พยายามที่จะไล่ตามจับผีเสื้อที่บินหนีไปด้วยความพยายามทั้งหมดของมัน
ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น เข้าเฝ้ามองดูมันต่อไป
ดูเหมือนว่า ผีเสื้อจะบินด้วยความเร็วสูงสุดของมันมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะในตอนนี้ ความเร็วของมันกำลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้กบสามารถจะลดระยะห่างระหว่างพวกมันได้อย่างต่อเนื่อง
ผีเสื้อช้าลงเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็หยุดลงที่กิ่งไม้หนึ่ง ราวกับว่ามันสูญเสียความหวังและเตรียมใจที่จะตายแล้ว
ไม่เสียเวลาอีกต่อไป กบยิงลิ้นของมันพุ่งออกไปในทันที เตรียมที่จะกลืนกินเหยื่อของมัน
อย่างไรก็ตาม ความน่าหวาดกลัวปรากฏขึ้น มันได้ตระหนักว่ามันได้เข้าสู่พื้นที่ของอสรพิษโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า กิ่งไม้นี้เป็นบ้านของมัน
อสรพิษพุ่งเข้าหากับพร้อมกับอ้าปากกว้าง ในขณะนั้นเอง ผีเสื้อที่ดูเหมือนจะสิ้นหวังในก่อนหน้านี้ ก็ขยับปีกของมันอีกครั้งและบินออกไป
เมื่อตระหนักได้ว่านี่เป็นกับดักที่วางเอาไว้โดยผีเสื้อ กบก็ไม่ได้ฝืนชะตากรรมของมัน กลับกัน มันยังคงยิงลิ้นต่อไปก่อนที่จะกลืนกินมัน มันจะต้องเอาผีเสื้อมาด้วยให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
ขณะที่เห็นภาพนั้น ชายชุดเขียวก็หันกลับมาพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าของเขา เขาไม่จำเป็นและเขาก็ไม่ต้องการจะรู้ว่า เหตุการณ์นั้นจะจบลงอย่างไร เพราะสิ่งที่เขาเห็น มันมากพอแล้วที่เขาจะตัดสินใจสำหรับเรื่องในไม่กี่วันที่ผ่านมา
เข้าไปในห้อง เขารวบรวมความคิดตัวเอง ก่อนที่จะเดินไปยังบันได ที่นำพาไปสู่หอคอยที่ใหญ่ที่สุดซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของพื้นที่
บอกนิกายเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา เขากำลังรอให้ปรมาจารย์นิกายอนุญาติให้เขาไปพบ การเรียกตัวมาถึงในไม่ช้าและเขาก็ถูกพาตัวไปยังห้องไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งมีเก้าอี้ไม้ธรรมดาตัวหนึ่งตั้งอยู่ที่ปลายด้านหนึ่งของห้อง ขณะที่พื้นถูกปูด้วยพรม ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มันมีเอาไว้สำหรับให้คนที่เข้ามานั่ง
คนที่ไม่สามารถจะระบุอายุได้ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ขณะที่เขาคำนับให้กับธูปทองคำ
กลิ่นของธูปทำให้ชายในชุดคลุมเขียวคิดถึงลาเวนเดอร์
หลังจากก้าวไปยังจุดท้ายสุดของห้องแล้ว ชายในชุดคลุมเขียวก็ไปยืนอยู่ต่อหน้าเก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “ข้าตัดสินใจแล้วโปรดมอบเทคนิคต้องห้ามให้กับข้า”
รอยยิ้มที่น่าพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายที่นั่งอยู่บน เก้าอี้ก่อนที่เขาจะตอบว่า “องชายใหญ่แห่งแลนธานอร์เจ้าแน่ใจแล้วหรือ? ข้ามั่นใจว่า หากเจ้าเลือกที่จะอยู่นิกายข้าสามารถจะปกป้องเจ้าได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม แม้ว่าเจ้าจะถูกบังคับให้สาบานตนก็ตาม แต่แดนีลก็จะไม่สามารถค้นหาเจ้าได้ และเจ้ายังสามารถจะใช้เวลาตลอดทั้งวันในการฝึกฝนเพื่อบรรลุระดับผู้ชนะที่กล่าวกันว่าสามารถจะชำระวิญญาณจากทุกคำสาบานตนได้ ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็มีระดับความเข้าใจขั้นสโลหิต ซึ่งมีความเหมาะสมอย่างมากสำหรับเทคนิคต้องห้าม มันจะเผาผลาญศักยภาพของเจ้าเพื่อเติมเต็มพลังอย่างรวดเร็วให้กับเจ้า ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของเจ้า ข้าบอกได้เพียงว่า อย่างมากระดับสูงสุดที่เจ้าจะไปถึงได้ก็คือ จอมเวทย์ผู้โดดเด่นระดับนักรบ และเจ้าจะต้องคงอยู่ในระดับนั้นตลอดชีวิตของเจ้า แม้มันจะมีความเป็นไปได้ที่เจ้าอาจจะสามารถขยัดคำสาบานตนออกไปได้ด้วยเทคนิคนี้ แต่มันคุ้มค่าหรือ? เจ้าเพียงแค่ต้องรอและฝึกฝนตัวเองทำไม่ได้หรือ?”
ในความเป็นจริง ชายในชุดคลุมเขียวก็คือองค์ชายใหญ่แห่งแลนธานอร์ ที่ถูกพาตัวมาโดยสมาชิกนิกายสาขาของนิกายใบไม้ร่วงด้วยการจ่ายราคาที่ค่อนข้างแพง เมื่อถูกถามถึงเหตุผล ปรมาจารย์นิกายก็บอกว่าเขามีคุณค่าสูงเพราะเขามีศักยภาพระดับสีโลหิต
เขาได้รับการเสนอตัวเลือกทั้งสอง และในช่วงไม่กี่วันมานี้เขาได้ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการคิดเกี่ยวกับมัน
เขาได้สาบานตนว่า จะปฏิบัติตามคำสั่งของราชาแดนด้วยคำกล่าวเดียวของชายคนนั้น คำสาบานตนจะทุ่มแทงรอบๆจิตวิญญาณของเขา และทำให้เขาต้องจบชีวิตลง
เขาสามารถจะเลือกได้ทั้งชีวิตที่อยู่อย่างกลัว เขาจะใช้เวลานับสิบๆปีไปกับความหวังที่ว่า เขาจะได้รับบางอย่างมา ซึ่งก็คือการทะลวงเข้าสู่ระดับผู้ชนะ ซึ่งมันไม่แน่นอน 100% หรือไม่ เขาก็สามารถจะจัดการเรื่องต่างๆด้วยมือของเขาเองได้
สิ่งที่เขาเห็น ทำให้เขาตัดสินใจได้แล้ว เขาจึงไม่มีความลังเลใดๆ อีกต่อไป
“ท่านปรมาจารย์นิกาย ข้าเลือกอย่างหลัง โปรดมอบอัญมณีเคอร์และเทคนิคให้ข้าด้วยเถิด หากขาสามารถจะทำได้ ข้าจะต้องชดใช้คืนให้อย่างแน่นอน”
ได้ยินการตัดสินใจ ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ถอนหายใจก่อนจะโบกมือ ทำให้กระสอบผ้าและม้วนกระดาษโบราณปรากฏขึ้นด้านหน้าองค์ชายใหญ่ เห็นเช่นนั้น เขาก็รับพวกมันมาและออกจากห้องไป ชายคนนั้นจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อร่องรอยสุดท้ายของพระอาทิตย์ตก
ขณะที่ความมืดมิดค่อยกลืนกินห้องที่เขาอยู่ ชายคนนั้นก็ยิ้มอย่างออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของเขา ยกมันขึ้นมาที่ปาก และกล่าวกับมันว่า “แผนการกำลังดำเนินไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ เริ่มเตรียมความพร้อมได้นิกายใบไม้ร่วงจะสะสางหนี้ และเวลานั้นจะมาถึงในไม่ช้า”
ในเวลาเดียวกันนั้น ภายในห้องโถงฝึกอบรมกระตุ้นพลังงานลับใต้หัวใจมังกร
แดนีลถืออัญมณีสีแดงไว้ในมือ ขณะนี้เขากำลังทำการบ่มเบาะด้วยอัญมณีเคอร์ เพื่อค้นหาว่า พวกมันสามารถจะสร้างประโยชน์อะไรให้ได้บ้าง ที่ถึงกับทำให้ราชาองค์ก่อนอยากได้พวกมันจนตัว
ตามนิสัย เขาถามระบบว่า มีคาถาใหม่พร้อมที่จะพัฒนาหรือไม่นี่เป็นสิ่งที่เขาทำเป็นประจำ เพราะบางครั้ง เขาก็มักจะพลาดการแจ้งเตือนจากระบบในช่วงเวลาที่เขาต่อสู้หรือฝึกฝนอย่างเข้มข้น
ขณะที่เขาได้รับคำตอบจากระบบ แดนีลก็พลาดทำอัญมณีเคอร์ที่อยู่ในมือตกลงบนพื้นด้วยความตกใจ
ขณะที่อัญมณีเคอร์กลิ้งอยู่บนพื้น ราชาแห่งแลนธานอร์ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาจากปิติยินดี มันทำให้เขาดูราวกับเด็กที่ได้รับสิ่งที่ต้องการ
หลังจากขอให้ระบบกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่ากว่า 10 รอบ ในที่สุดแดนีลก็ล้มตัวลงกับพื้นและหัวเราะกับตัวเอง
[เทคนิคร่างโคลนชั้นสูง พร้อมสำหรับการพัฒนา หลังจากวิเคราะห์ร่างโคลนของบุคคลที่โฮสต์ได้ไปติดต่อด้วยแล้ว โมดูลวิเคราะห์ปรากฏการณ์สามารถจะพัฒนาเทคนิคร่างโคลนที่สามารถจะดูดซับพลังงานด้วยประสิทธิภาพระดับต่ำได้ ในขณะเดียวกัน พลังงานที่ร่างโคลนดูดซับได้ ก็สามารถจะถูกดูดซับโดยโฮสต์ได้ แม้ว่ามันจะส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงก็ตาม กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ พลังงานส่วนหนึ่งยังคงสามารถจะรั่วไหลออกมาได้)