WDS Chapter 31 สถานศึกษาเวทมนต์ประจำชาติแห่งแลนธานอร์(NMAL)
ขณะที่แดนีลออกมาจากห้องโถงในวันที่มีการทดสอบ มีบางสิ่งในตัวเขาที่แตกต่างออกไปจากเดิม
พฤติกรรมทั้งหมดของเขาเปลี่ยนไป ความไม่มั่นใจของเด็กถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศของความสงบ
ดวงตาสีเขียวของเขาสะท้อนแสงเจิดจ้าขณะรับแสงอาทิตย์ การจ้องมองของเขามีความเฉียบคม ซึ่งสามารถจะทำให้คนจิตใจอ่อนแอกลายเป็นหวาดกลัวได้
นี่เป็นผลจากต่อมไพเนียล แดนีลไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการทดสอบ เขาจึงได้ดูดซับอีเธอร์และใช้เทคนิคการพัฒนาหน่อจอมเวทย์ในทุกๆวัน หลังจากฝึกมาตลอด 2 เดือนเต็ม ปริมาณห้องหมอกในห้องโถงก็ลดลงไป 10% ตามการคำนวณของระบบ
หลังจากเตรียมอาหารเช้าเสร็จสิ้นแล้ว วิลด้าก็ปรากฎตัวขึ้นที่ประตู ตอนแรก เธอยิ้มให้กับแดนีล แต่รอยยิ้มของเธอกลับกลายเป็นแข็งค้างเมื่อได้มองเข้าไปในดวงตาของแดนีล
“ข้าไม่เชื่อเมื่อครั้งที่ปรมาจารย์บอกข้า แต่เมื่อข้าได้เห็นด้วยตาของตัวเองในตอนนี้ ข้าเชื่อแล้ว เจ้ามีสัญญาณที่อาจจะเป็นจอมเวทย์อย่างแท้จริง”
ได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าของพ่อแม่แดนีล
หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว วิลด้าก็กล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์ให้ข้ามารับเจ้าไปส่ง สถานศึกษาอยู่ไกลจากที่นี่มากและเขากลัวว่าเจ้าอาจจะหลงทางได้”
“ขอบคุณ และโปรดส่งความนับถือของข้าไปให้ท่านปรมาจารย์ด้วย” แดนีลกล่าวพร้อมลุกขึ้น
ขณะที่เขาบินขึ้นไปบนอากาศ ในครั้งนี้ เขาไม่รู้สึกวิงเวียนหรือคลื่นไส้เหมือนครั้งก่อน และเขาได้เพลิดเพลินกับความงดงามของภูมิทัศน์ของเมืองด้านล่าง
ผู้คนที่อยู่ด้านล่าง ต่างก็รีบเร่งและทำงานของพวกเขากันอย่างอึกทึก พวกเขาไม่รู้เลยว่ามีคน 2 คน บินอยู่เหนือหัวของพวกเขา แดนีลสนุกกับการสังเกตความสุขและความมีชีวิตชีวาของคนเหล่านั้น
ในไม่ช้า พวกเขาก็ลงพื้นที่หน้าประตูขนาดใหญ่ ประตูนี้ทำให้เขาคิดย้อนกลับไปถึงประตูทางเข้าเมืองชั้นใน แต่บานนี้เล็กกว่าเล็กน้อย
“สถานศึกษาครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองชั้นใน ส่วนทางตะวันตก เป็นสถานศึกษานักรบประจำชาติแห่งแลนธานอร์ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เท่ากันและถูกสร้างพร้อมขึ้นกับสถานศึกษาเวทมนต์ แม้ว่าจะมีจอมเวทย์น้อยมากเมื่อเทียบกับนักรบ แต่มันต้องใช้พื้นที่ในการฝึกอบรมจำนวนมาก ซึ่งมันก็ทำให้สถานศึกษาทั้งสองได้รับพื้นที่ในระดับเดียวกัน”
“เจ้าลองคิดถึงภาพเมืองหลวงแห่งแลนธานอร์เป็นวงกลม จากนั้น ก็คิดถึงพื้นที่เมืองชั้นในเป็นรูปตัว C ที่ด้านหนึ่งของราชอาณาจักร สถานศึกษาทั้งสองขนาบข้างเมืองชั้นในจาก 2 ด้าน และด้านหน้าของเมืองชั้นในก็คือ เมืองชั้นนอก ด้านนอก มันเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่ทอดยาวออกไปจนถึงกำแพงชายแดน สถานศึกษาแต่ละแห่ง ครอบคลุมพื้นที่ราว 200 กิโลเมตร” วิลด้ากล่าว แดนีลรู้สึกตกใจเล็กน้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอกล่าวกับเขามากเช่นนี้ ดูเหมือนเธอจะอบอุ่นกับเขามากขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง
เมื่อสังเกตเห็นการมองที่แปลกประหลาดของเขาแล้ว เธอก็กล่าวว่า “อย่าได้งงไป ข้าใช้เวลาในการพูดคุยกับผู้คนใหม่ๆเพียงเล็กน้อย ข้าขอโทษหากมันเย็นชากับเจ้ามากเกินไป”
“ไม่ ข้าไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น ว่าแต่ เกณฑ์การทดสอบเป็นอย่างไร?” เขาถามขณะที่กำลังคิดว่า ‘พื้นที่ 200 กิโลเมตร มันมีขนาดใหญ่มาก บนโลก มันคงจะเทียบได้กับเมืองเมืองหนึ่ง’
“เจ้าจะถูกทดสอบความเข้าใจ ความเจ้าใจคือลำดับหนึ่งและมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับจอมเวทย์ ต่อจากนั้นถึงจะเป็นศักยภาพ แน่นอนว่า การมีความเข้าใจสูงและมีศักยภาพสูงนั้นดีที่สุด”
“โชคดี เข้าไปได้แล้ว ข้าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งตอนบ่ายเพื่อรับเจ้ากลับ” วิลด้ากล่าวขณะที่บินหายไปต่อหน้าแดนีล
เธอไม่ได้ให้โอกาสเขาบอกลาใดๆ ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ได้รู้สึกอบอุ่นกับเขาอย่างสมบูรณ์
ประตูขนาดใหญ่เริ่มเปิดออก ชายคนหนึ่งที่สวมชุดสีน้ำเงินยืนอยู่ด้านในและเมื่อเขาอ้าปาก เสียงของเขาก็ดังกังวาลไปทั่ว
“ยินดีต้อนรับสู่การทดสอบเข้าสถานศึกษษเวทมนต์ประจำชาติแห่งแลนธานอร์ เฉพาะเด็กอายุ 12-15 ปีเท่านั้น ที่สามารถจะเข้ามาได้ การทดสอบจะสิ้นสุดลงในช่วงบ่าย และขอเตือนว่า อย่าพยายามที่จะปิดบังอายุที่แท้จริง เพราะแม้แต่ยาที่พวกเจ้าใช้ในการเปลี่ยนอายุ ก็อาจจะเป็นสิ่งที่พวกเราเองที่เป็นผู้ทำมันขึ้นมา ดังนั้น อย่าทำให้ตนเองต้องขายหน้าและถูกขับไล่ออกไป”
ยาสามารถเปลี่ยนอายุได้? แดนีลคิดเกี่ยวกับยารักษาที่เขาเคยใช้
มีคนราว 20 คน หันหลังกลับและเดินไปยังเมืองชั้นนอก
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อแม่ก็ปล่อยลูกๆของพวกเขาไว้ แม้แต่พ่อแม่ของแดนีลก็กอดเขาไว้ ก่อนจะออกไป พวกเขาไม่ลืมบอกให้เขาทำให้ดีที่สุด
ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะมีเด็กเข้ามารอรับการทดสอบแล้วราว 700 คน ประตูจะปิดลงใน 2 ชั่วโมง ดังนั้น ทุกคนที่ต้องการสมัครจะต้องเข้าประตูก่อนเวลานั้น
โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แดนีลเดินเข้าไปโดยตรง ด้วยประตูมีขนาดใหญ่ ทุกคนจึงสามารถที่จะเดินเข้าไปพร้อมๆกันได้
แดนีลไม่คาดหวังเลยว่า เขาจะได้เห็นใบหน้าของคนคุ้นเคยในฝูงชน มันคือ แฟกซัล ที่ฝึกฝนในค่ายมาพร้อมกับเขา แม้ว่าทั้งสองสัญญาว่าจะติดต่อกัน แต่พวกเขาก็ยากจนเกินกว่าที่จะเป็นเจ้าของ เครื่องประดับเวทมนต์สื่อสารได้
แฟซัลก็สังเกตเห็นแดนีลเช่นกัน และพวกเขาเดินเข้ามาหากันและกัน เนื่องจากแฟซัลไม่ใช่คนพูดน้อย พวกเขาจึงไม่ได้พูดคุยกันมากนัก และเพียงเดินเข้าไปในพื้นที่ที่กำหนดพร้อมกัน
ลมพัดเอื่อยๆขณะที่เด็กๆเดินเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพวกเขาไม่มีอะไรทำ ทั้งสองจึงนอนลงบนพื้นหญ้า ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกสบายเป็นอย่างมาก