WDS Chapter 91 การขับไล่แอ็กซ์เลอร์ให้ถอยกลับ
“ข้าจะทำมัน แต่แน่นอนว่า ราชาจะตำหนิท่าน แอรัน ท่านเกือบจะเรียกเขาว่าโง่ ข้ารู้สึกดีกับเรื่องนี้ ดังนั้น ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
เห็นการแสดงออกบนใบหน้าของแคสแซนดร้า ชายในชุดลำลองที่ถูกเรียกว่าแอรันก็หัวเราะออกมา ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านเคยบอกว่า ครั้งล่าสุดท่านสูญเสียเงินเดิมพันไป 50 แลนทอง กระนั้น ก็ยังต้องการจะทำมัน? เอาเถอะ ตอนนี้ เขากำลังรออยู่ และกองทัพก็กำลังกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว”
แม้ทั้งสามจะรู้ว่ามันเวลาคับขัน แต่พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสนทนากันสบายๆ เพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเอง นี่เป็นกลไกการป้องกันที่พวกเขาพัฒนาขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ พวกเขามักจะสนทนาไร้สาระกันเพื่อให้ลืมสิ่งที่เป็นภาระไปอย่างน้อยซัก 1 วินาที สิ่งนี้จะทำให้พวกเขาผ่อนคลาย แม้ว่ามันจะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่มันก็ทำให้พวกเขาสามารถจะทำสิ่งต่างๆได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แน่นอน ชายคนที่สามไม่ค่อยจะกล่าวอะไรออกมามากนัก แม้เขาจะดูเหมือนไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบนสนทนาเหล่านั้น แต่เขาก็จะตอบหากมีคนถามเขาโดยตรง
หลังจากนั้นชั่วครู่ พวกเขาก็พยักหน้าให้กัน การแสดงออกที่จริงจังกลับมาปรากฎบนใบหน้าของแคสแซนดร้าอีกครั้ง ซึ่งมันก็ได้ปรากฎบนใบหน้าของอีกสองคนเช่นกัน แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ พวกเขาปลดปล่อยบรรยากาศของผู้บัญชาการที่ผ่านสนามรบอันตรายมานับครั้งไม่ถ้วนออกมา
“นายท่าน แม้มันจะเป็นความจริงที่กองทัพศัตรู ต้องการจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ในปัจจุบัน แต่มันมีความเป็นไปได้ไม่สูงนัก ที่พวกเขาจะเป็นพันธมิตรกับกองกำลังทั้งสองที่โจมตีพระราชวัง เป็นที่รู้กันว่า แอ็กซ์เลอร์มีความขัดแย้งที่ไม่อาจจะคืนดีกับได้กับกองกำลังทั้งสอง ด้วยความจริงนั้น มันเป็นไปได้ที่แอ็กซ์เลอร์จะคาดหวังว่า ราชาจะเคลื่อนทรัพยากรทั้งหมดไปปกป้องตัวเอง และทิ้งชายแดนให้พวกเขาสามารถโจมตีได้โดยง่าย หากพวกเขาสามารถทะลวงเข้ามาและตั้งมั่นที่ชนบทได้ จากนั้น พวกเขาก็สามารถที่จะเชื่อมเชื่อมต่อราชอาณาจักรทั้งสองได้ ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่สามารถจะกดดันเมืองหลวงได้อย่างแท้จริง เมื่อถึงตอนนี้ แม้ว่าใครบางคนจะได้รับหินสาบานตน มันก็ยากที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพที่โจมตีจากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง นี่คงจะเป็นเป้าหมายของพวกเขา”
ได้ยินเช่นนั้น แดนีลรู้สึกดีใจที่เขาเลือกจะขอคำแนะนำมากกว่าตัดสินสถานการณ์จากการวิเคราะห์ของตัวเอง ดูเหมือนว่า แอ็กซ์เลอร์จะไม่ได้รับข้อมูลที่ว่า รองปรมาจารย์นิกาย ได้ครอบครองเครื่องประดับเวทมนต์โบราณ ที่สามารถลดเวลาในการทำความเข้าใจรูปแบบเอาไว้
เพราะหากไม่มีเครื่องประดับเวทมนต์นี้ ราชาก็คงจะสั่งให้กองทัพเคลื่อนเข้ามาในเมือง เพื่อปราบปรามกองกำลังต่างๆ ซึ่งนี่จะมีความหมายว่า ชายแดนจะถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง และทำให้แอ็กซ์เลอร์สามารถโจมตีและทะลวงเข้ามาได้โดยง่าย
ด้วยการรู้ถึงการคงอยู่ของเครื่องประดับเวทมนต์นี้ ราชาจึงได้ทำการตัดสินใจที่แปลกประหลาดสำหรับคนที่เฝ้าดู นั่นคือการส่งกองทัพไปที่ชายแดน ในความเป็นจริง เหตุผลที่กองทัพแอ็กซ์เลอร์หยุดนั้น เพราะสิ่งต่างๆไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคิด
แดนีลไม่ได้ตระหนักถึงมัน เพราะเขามุ่งเน้นไปที่หัวใจมังกรมากเกินไป
ตอนนี้ หลังจากคิดเกี่ยวกับมันอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทุกอย่างก็สมเหตุสมผล
“เช่นนั้น แอ็กซ์เลอร์จะโจมตีเมื่อมันเกิดความวุ่นวายขึ้น? หากความวุ่นวายเป็นเป้าหมายของพวกเขา มันไม่ได้จะหมายความว่า พวกเขาจะล่าถอยกลับไปหากพวกเราแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี?”
การแสดงออกถึงความโล่งอกปรากฎบนใบหน้าของผู้บัญชาการทั้งสาม นอกจากนี้ พวกเขายังรู้สึกชื่นชมในการวิเคราะห์ใหม่ของแดนีล ในความเป็นจริง นี่เป็นข้อสรุปที่พวกเขาคิดเอาไว้ กระนั้น ราชาองค์ใหม่ของพวกเขาก็ยังคิดออกมาด้วยตัวเองได้ ทั้งๆที่เขาบอกว่า ตัวเองไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับสงครามก็ตาม
“ถูกต้องแล้วนายท่าน แม้พวกเขาจะมีสายลับในแลนธานอร์และได้รับรายงานสดอยู่ตลอด แต่พวกเขาก็ยังคงลังเลที่จะล่าถอย เพราะค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนกำลังพลมหาศาลเช่นนี้ด้วยระยะเวลาสั้นๆนั้น มันไม่ใช่น้อยๆเลย การผลักดันอาจจะเป็นตัวเร่งการตัดสินใจของพวกเขา”
“เอาล่ะ พวกท่านมีวิธีในการขนส่งสิ่งของเล็กๆไปยังชายแดนอย่างรวดเร็วหรือไม่?”
ไม่กี่นาทีต่อมา
ผู้บัญชาการกองทัพแอ็กซ์เลอเรียน นั่งอยู่ในเต็นท์ที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราว เขาตระหนักได้ว่า สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นภายในแลนธานอร์ ไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคาดหวัง แทนที่จะเกิดความวุ่นวายจากการตายของเหล่าคนชั้นสูง มันกลับเกิดการรวมตัวเป็นหนึ่งขึ้นและทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์ให้กับราชาองค์ใหม่ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน
เนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากขนส่งกองทัพมาที่นี่ เขาจึงลังเลที่จะจากไป
เริ่มแรก เขาได้รับคำสั่งจากราชา ให้ส่งกองทัพเต็มกำลังมายังชายแดน ขณะที่เคลื่อนทัพมาชายแดน เขาก็คาดหวังว่า ราชาแห่งแลนธานอร์จะตัดสินใจตามปกติของเขาและส่งเพียงกองทัพมาที่นี่เพียงบางส่วน แต่สิ่งที่เขาพบ มันก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างแท้จริง
จากนั้น ก็มีข่าวราชาองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ ซึ่งมันทำให้เขาเกือบจะถอนกำลังกลับไปในทันที อย่างไรก็ตาม เขายังคงรอคอยและหวังว่า จะมีความวุ่นวายบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งมันจะสร้างโอกาสให้กับพวกเขา
“ท่านผู้บัญชาการ บนกำแพง มีแผงหน้าจอขอรับ!”
ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาในเต็นท์ของเขา ก่อนจะคำนับและกล่าวเช่นนั้น
ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบออกจากเต็นท์ไปดูในทันที
บนกำแพงชายแดน แผงหน้าจอได้แสดงภาพของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าของหัวใจมังกรที่เต้นอยู่ ดูราวกับมันยังมีชีวิต
แม้แผงหน้าจอนี้จะมีขนาดเพียง 40 นิ้วในแนวทแยง แต่เขาก็สามารถจะเห็นภาพและได้ยินเสียงอย่างชัดเจน เพราะเขามีความรู้สึกอันเฉียบคมของนักสู้ผู้น่ายกย่องระดับมนุษย์
“กองทัพแห่งแอ็กซ์เลอร์ ข้าคือ แดนีล แอนิวรอน ราชาองค์ใหม่แห่งแลนธานอร์”
“ภายใต้การปกครองของข้า พวกเจ้าสามารถเดิมพันได้ แต่พวกเราจะแก้แค้นให้กับทหารทุกนายที่ตายจากการที่พวกเจ้ารุกรานชายแดนของพวกเรา พวกเจ้าสามารถลองโจมตีได้ ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากล้าที่จะเดินเข้ามาในชายแดนของพวกเราด้วยกองทัพเต็มกำลัง เพราะพวกเจ้าคิดว่า มันเป็นเพียงกำแพงอันอ่อนแอที่ไร้การต่อต้าน”
“แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น สิ่งที่รอพวกเจ้าอยู่ก็คือ พลังแห่งแลนธานอร์ ที่จะฉีกพวกเจ้าเป็นชิ้นๆและโยนร่างของพวกเจ้ากลับไปยังราชอาณาจักรของพวกเจ้าให้พวกนกแร้งจิกกิน”
“เลือกที่จะเผชิญหน้ากับผลที่จะตามมา หรือเลือกที่จะกลับไปเหมือนหนูอย่างที่พวกเจ้าเป็น”
แต่ละคำที่แดนีลกล่าวออกมา มันได้ทำให้ใบหน้าของผู้บัญชาการแดงขึ้นและแดงขึ้นเรื่อยๆ เขาโกรธเป็นอย่างมาก และความโกรธนี้ก็ล่อลวงให้เขาออกคำสั่งโจมตี อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่า หากกองทัพของเขาปะทะกับศัตรูและสู้รบกันอย่างยาวนาน ราชอาณาจักรของพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย โอกาสเดียวของพวกเขาก็คือ ทะลวงเข้าไปในครั้งเดียว แต่ตอนนี้ มันจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
อย่างไร้ประโยชน์ เขาทำได้เพียงออกคำสั่งให้ล่าถอย การแสดงออกถึงความตกใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเหล่าทหาร ขณะที่พวกเขาตระหนักได้ว่า พวกเขาต้องรีบล่าถอย
ในขณะนั้น คำกล่าวเดียวกันก็ดังกระจายออกไปทั่วทั้งเมือง ผ่านทางแผงหน้าจอในมือของเหล่าสมาชิกกองทัพการปกครอง ขณะนั้น ภาพบนแผงได้เปลี่ยนไปเป็นกองทัพศัตรูที่ชายแดน ซึ่งกำลังหันหลังกลับและถอนทัพออกไป หลายคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ พวกเขาไม่รู้เลยว่า ราชอาณาจักรของพวกกำลังเผชิญภัยคุกคามเช่นนั้น
เห็นเช่นนั้น เสียงเชียร์ที่เริ่มเงียบลงก็ดังขึ้นอีกครั้ง ในขณะนั้น ประชาชนชาวแลนธานอร์ต่างก็เห็นแดนีลขับไล่กองทัพศัตรูออกไป หลังจากที่เขาเพิ่งจะขึ้นครองบัลลังก์ได้ไม่นาน เดิมมีบางคนที่เคยสงสัยเกี่ยวกับคุณสมบัติของแดนีลต่อบัลลังก์ แต่หลังจากเห็นสิ้งนี้ ความสงสัยของพวกเขาได้แตกสลายไปอย่างสิ้นเชิง
เห็นเช่นนั้น แดนีลก็ยิ้มออกมาและเพลิดเพลินไปกับความปิติยินดี สิ่งที่เขาทำ มันราวกับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
วางเก็บเครื่องประดับเวทมนต์รูปทรงตากลับเข้าไปในกระเป๋าและตัดการส่งสัญญาณ แดนีลเดินกลับไปยังกรงเล็บมังกร เพื่อพูดคุยกับรองปรมาจารย์นิกาย