หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.483 – ขาเป๋แบรี่
ผู้โดยสารทั้งสามคนได้ทำการจ่ายค่าเดินทางเรียบร้อยแล้ว และคราวนี้ก็มาถึงตาของกู่ฉิงซาน
เห็นแค่เพียงม้วนคัมภีร์หนึ่งที่ลอยออกมาจากกู่ฉิงซาน มันคลี่ออกกลางอากาศ พร้อมกับปรากฏรูปถุงเงินหนักอยู่ภายใน
นี่คือค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินเรือที่เสี่ยวถายจัดเตรียมเอาไว้ให้
ถุงเงินหนักลอยอยู่ในอากาศ บินตรงไปยังชายชรา
ทว่าชายชรากลับยื่นนิ้วออกไปยันมัน แล้วดันออกไป
ถุงเงินลอยกลับคืน
กู่ฉิงซานคว้าจับถุงเงิน ปากเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เพราะเหตุใด?”
ชายชราสั่นศีรษะและกล่าว่วา “เจ้าเป็นสหายของผู้พิทักษ์หอสูง ดังนั้นค่าโดยสารในครั้งนี้จึงได้รับการยกเว้น”
ผู้โดยสารคนอื่นๆอีกสามคน จ้องมองกู่ฉิงซานด้วยความประหลาดใจ
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าหอคอยสูงที่มักจะขี้เหนียวเสมอมา จะมีวันที่พวกเขาบริการผู้อื่นโดยไม่คิดตังค์จริงๆ” ไก่ตัวโตเปล่งเสียงกระซิบ
ขณะที่ปืนกลลอบพยักหน้าอย่างเงียบๆ
-เจ้าเด็กนี่มันมาจากที่ไหนกัน? แล้วไปเป็นสหายกับผู้พิทักษ์หอสูงได้อย่างไร?
“ขอบพระคุณมาก” กู่ฉิงซานกล่าว
“ไม่จำเป็นต้องสุภาพไป สำหรับเรื่องนี้ พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้บริการเจ้า” ชายชราหัวเราะ
แล้วกู่ฉิงซานก็เก็บถุงเงินหนักกลับคืน
เงินนี่ .. ถือว่าเป็นรางวัลพิเศษสำหรับการมาส่งของก็แล้วกัน
เมื่อจัดการเรื่องค่าโดยสารเสร็จแล้ว ชายชราก็กล่าวกับผู้โดยสารทั้งสี่ว่า “เอาล่ะ จากนี้ข้าจะเป็นผู้นำพาแขกทั้งหลายไปยังห้องพักของตนเพื่อรับการพักผ่อน”
“และแน่นอน ว่าเมื่อถึงปลายทางแล้ว ข้าจะไปแจ้งให้พวกเจ้าทราบเอง”
เขาหยิบหนังสือเล่มเล็กๆออกมา แล้วเปิดมันดู ขณะเดียวกันก็นำทางผู้โดยสารทั้งสี่ไปยังห้องพัก
หลังจากเดินไปสักครู่ ชายชราก็หยุดยืนอยู่หน้าประตูบานหนึ่งและเอื้อมมือออกไปกดมัน
ดูเหมือนว่าเขาจะเปิดใช้งานเทคนิคมนตราบางอย่าง
เห็นแค่เพียงชายชราที่สายตายังคงจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือเล่มเล็กๆ “ผู้โดยสารที่ต้องการจะเข้าสู่ที่ลุ่มแดนชำระล้าง เชิญเข้าไปพักผ่อนในห้องนี้ได้”
ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพในเสื้อคลุมดำก้าวออกมาทันที
“แล้วข้าจะอยู่ที่นั่นได้นานแค่ไหน?” เขาเอ่ยถามด้วยความกังวล
ชายชรากล่าว “สำหรับเรื่องนี้ มันขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเจ้าเอง แต่ตามความคิดของข้า เจ้าอย่าไปที่นั่นจะเป็นการดีที่สุด”
ผู้สืบสายโลหิตมิคิดต่อปากต่อคำต่อ เขาผลักประตูเข้าไปโดยตรง และ
ปัง!
ตามด้วยเสียงปิดประตูอย่างแรง
“เทพวิญญาณผู้นี้ ดูจะไม่มีมารยาทเอาเสียเลย” ไก่บ่นอย่างไม่พอใจ
“ที่ลุ่มแดนชำระล้าง … ดูเหมือนว่าเรื่องของคนผู้นั้นชักจะทะแม่งๆอยู่นะ ทางหอสูงไม่คิดจะสนใจหน่อยหรอ?” ปืนกลเอ่ยถาม
“หากแค่มดตัวน้อยในระดับนั้น พวกเรายังต้องมาคอยพะวง ภารกิจของพวกเราก็คงจะมีมากมายจนไม่เป็นการทำงานทำการอะไรแล้ว” ชายชราเอ่ยอย่างแผ่วเบา
ไก่หัวเราะออกมา
ขณะที่ชายชราพาผู้โดยสารอีกสามคนมุ่งหน้าต่อไป
ทุกคนได้มาถึงประตูอีกบานหนึ่ง
“ผู้โดยสารที่ต้องการจะมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาช้างเผือก เชิญเข้าไปพักผ่อนในห้องนี้ได้”
ชายชราเปล่งคำตามหนังสือเล่มเล็กๆที่กำลังอ่านอยู่
“เทือกเขาช้างเผือกอย่างงั้นหรอ! นั่นมันเป็นรีสอร์ทชั้นยอดนี่นา! นายจะต้องเพลิดเพลินไปกับมันแน่ๆ” ไก่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
ขณะที่ปืนกลส่ายหัวและกล่าว “อา ก็ช่วงไม่นานมานี้ฉันเหนื่อยมามาก เริ่มจะรู้สึกปวดบ่าปวดไหล่ ก็เลยต้องมาผ่อนคลายกันบ้าง”
“ฉันขอเดาว่าคงจะมีสาวสวยรอนายอยู่ที่นั่นใช่ไหม?”ไก่แซว
“ก็ถ้าฉันยังเป็นเด็กอายุซัก 200 ล้านปี ฉันก็อาจจะยังสนพวกเธออยู่บ้าง แต่ตอนนี้ฉันแค่ต้องการจะผ่อนคลายเท่านั้น” ปืนกลกล่าว
“จะพักอยู่ซักกี่วันกันล่ะ?”
“พวกเขาอนุญาตให้ฉันพักแค่ 6 วันเท่านั้น” ปืนกลตอบ
“หกวัน! นั่นมันวันหยุดยาวเลยนี่ — นายมีข้อมูลติดต่อของฉันแล้วใช่ไหม ไว้เดี๋ยวพวกเราค่อยพบกันใหม่นะ” ไก่ตัวโตพูดด้วยความกระตือรือร้น
“แล้วค่อยเจอกันใหม่”
ปืนกลก้าวเข้าไปในห้อง
และประตูก็ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ
ชายชราจึงเดินนำผู้โดยสารอีกสองคนที่เหลือไปข้างหน้า
ระหว่างทางเดิน ไก่ก็เข้ามาใกล้และสะกิดกู่ฉิงซาน “เจ้าหนุ่ม ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ เจ้าปืนกลนั่นน่ะ มันงี่เง่าสิ้นดี”
“โอ้? ทำไมคุณถึงพูดแบบนั้นล่ะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ก็เทือกเขาช้างเผือกน่ะ … ฮี่ฮี่” ไก่แสยะยิ้มเย็น
แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชายชราหันกลับมา
เขามองไปที่ไก่และเผยรอยยิ้มว่าตนก็เข้าใจถึงความหมายที่อีกฝ่ายจะสื่อเช่นกัน
“ใช่ ก็เทือกเขาช้างเผือกน่ะนะ” ชายชรากล่าว
มองไปยังสีหน้าการแสดงออกที่ดูคลุมเครือของคนผู้นี้กับไก่ กู่ฉิงซานก็เริ่มที่จะตระหนักถึงความหมายของพวกเขา
แล้วทั้งสามก็มาถึงประตูบานถัดไป
“แขกท่านต่อไป – ปลายทางของเจ้าคืออัลเบอัส เชิญเข้าไปพักผ่อนได้ และข้าจะมาเรียกเมื่อเดินทางไปถึง” ชายชรากล่าว
แล้วเขาก็กดฝ่ามือลงที่ประตูอีกครั้ง
ประตูเปิดออกทันที
“โอเค งั้นฉันไปก่อนนะ”
ไก่เชิดศีรษะขึ้น และเดินเข้าไปในห้องอย่างสง่าผ่าเผย
แต่ดูเหมือนว่ามันจะทันคิดถึงอะไรบางอย่างได้เสียก่อน เลยหันมาถามกู่ฉิงซาน “เจ้าหนุ่ม นายคิดยังไงกับอัลเบอัส?”
กู่ฉิงซานมองไปยังสีหน้าภาคภูมิของอีกฝ่ายแล้วกล่าว “ผมคิดว่าคุณแตกต่างจากผู้โดยสารทั้งสองคนก่อนหน้านี้ สถานะส่วนบุคคลของคุณคงสูงยิ่ง แถมดูจากท่าทีแล้วคงจะเป็นผู้ที่เปี่ยมบารมีไม่น้อย”
ไก่ตัวโตตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง ก่อนจะค่อยๆแสดงรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
“ใช่แล้วล่ะ ฉันจะอยู่ที่อัลเบอัสครึ่งเดือน – ฉันได้รับอนุญาตให้พักผ่อนระยะยาวที่นั่นน่ะ”
“ขอแสดงความยินดีด้วย สถานที่แห่งนั้นเหมาะสมกับคุณจริงๆ” กู่ฉิงซานกล่าว
“ใช่ไหม!” ไก่ตัวโตกล่าวด้วยความสุข “ที่นั่นน่ะเป็นรีสอร์ทที่มีรสนิยม และเหมาะสมกับสถานะของฉันอย่างแท้จริง”
“อนิจจา ขณะที่เทือกเขาช้างเผือกน่ะ … ฮูฮุฮุ”
ไก่สะบัดปีกพับๆและโยนกระดาษแผ่นเล็กๆให้แก่กู่ฉิงซาน
“ฉันชื่นชมคนปากหวานแบบนาย นอกจากนี้ ถึงนายจะเป็นเพียงรุ่นเยาว์ แต่ก็ยังฉลาดและมีไหวพริบ แถมดูจากการต้อบรับขอสมาคมก็พอจะบอกได้ว่าคงจะมีสถานะอยู่ไม่น้อย , ที่ให้ไปนั่นคือข้อมูลติดต่อของลูกสาวสหายฉัน และแน่นอนว่าฉันเต็มใจมอบมันให้กับนาย หวังว่านายจะเป็นเพื่อนที่ดีกับเธอนะเจ้าหนู”
“เอาล่ะ ฉันคงต้องขอตัวไปใช้เวลาที่เหลือพักผ่อนแล้วนะ ขอให้เป็นการเดินทางที่ดีนะ”
“ขอให้เป็นการเดินทางที่ดีเช่นกัน”
ไก่เชิดหน้าขึ้น และโค้งกายอย่างสง่างาม
แล้วมันก็ค่อยๆปิดประตูลง
ชายชราพากู่ฉิงซานเดินมายังประตูบานสุดท้าย
“ไหนขอข้าดูโลกมิติอันต์ที่เจ้ากำลังจะไปหน่อยซิ …”
เขาก้มลงมองหนังสือเล่มเล็กๆในมือ แต่แล้วท่าทีการแสดงออกของชายชราก็ค่อยๆแปลกไป
“อ่า ที่แท้ก็เป็นสมาคมของเจ้าบ้านั่น … ”
หลังจากก้มลงมองหนังสือ ชายชราก็เงยหน้ากลับมามองกู่ฉิงซานอีกครั้ง
“เจ้าสามารถอยู่ที่นั่นได้เพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น” เขากล่าว
กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว
ระยะเวลามันสั้นยิ่งนัก สถานที่แห่งนั้นเป็นโลกมิติอนันต์แบบใดกัน?
แต่เมื่อลองคิดดูดีๆอีกครั้ง เขาก็ตระหนักได้ว่าตนก็แค่นำของที่เสี่ยวถายฝากไว้ไปส่งเท่านั้น
ดังนั้น หนึ่งชั่วโมงก็น่าจะเพียงพอแล้ว
เพียงขบคิด จู่ๆบนหน้าต่างระบบเทพสงครามก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทันใด
กระแสแสงพุ่งข้ามผ่านหน้าต่างระบบเทพสงคราม แปรเปลี่ยนเป็นหลายบรรทัดแสงตัวอักษรสีแดงเลือด
“คุณได้ทำลายห่วงโซ่แห่งโชคชะตาและเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ผู้เล่นกู่ฉิงซานได้เข้าสู่ ภารกิจแห่งโชคชะตา”
“คำอธิบายภารกิจ : ในช่วงชีวิตหนึ่ง มันเป็นเรื่องยากนักที่จะมีโอกาสได้สัมผัสกับโลกมิติอนันต์ดั่งเช่นในตอนนี้ และนี่นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตคุณ”
“วัตถุประสงค์ภารกิจ : คุณจะต้องหาวิธีอะไรก็ได้ เพื่อที่จะเข้าไปอยู่ใน ‘สมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม’ ”
“หากบรรลุภารกิจ คุณจะได้เรียนรู้ถึงความลับบางอย่าง”
“แต่ถ้าภารกิจล้มเหลว คุณจะได้รับสมญาใหม่ : ผู้พลาดพลั้งในโชคชะตา”
กู่ฉิงซานมองไปยังภารกิจแห่งโชคชะตา พร้อมกับบังเกิดคำถามเงียบๆขึ้นในจิตใจ
เห็นแค่เพียงสองบรรทัดแสงวิ่งออกมาจากหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“คำอธิบาย : โปรดอย่าสอบถามเกี่ยวกับเนื้อหาของ ‘ความลับ’ ล่วงหน้า”
“คำอธิบาย : และโปรดอย่าได้ถามเกี่ยวกับคุณสมบัติของสมญาใหม่เช่นกัน ฉันบอกคุณได้แค่ว่า คุณคงไม่ต้องการที่จะได้รับสมญานี้อย่างแน่นอน”
กู่ฉิงซานถึงล้มเลิกที่จะเค้นถามทันที
เขามองไปทางชายชรา
เห็นแค่เพียงชายชราที่ยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม
ชายชราเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง จึงบังเกิดร่องรอยของรอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นมาในแววตาของเขา
“ดูเหมือนว่าท่านจะนึกถึงเรื่องราวบางอย่างที่มันน่าสนใจขึ้นมาได้สินะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“อ๋า? ขอโทษที ข้าเพียงย้อนนึกไปถึงเรื่องราวในอดึตที่ผ่านมาของขาเป๋แบรี่น่ะ” ชายชรากล่าวขออภัย
เขาเร่งกดลงบนบานประตู
แล้วประตูก็เปิดออก
แต่กู่ฉิงซานกลับยังมิได้ก้าวเข้าไปในทันที
เสี่ยวถายร้องขอให้กู่ฉิงซานส่งมอบบางสิ่งบางอย่างให้ขาเป๋แบรี่ เพื่อตอบแทนสำหรับความเมตตาของเขาในครั้งอดีต
แถมเขายังพึ่งได้รับภารกิจแห่งโชคชะตามาอีก ดังนั้น เขาจึงต้องพยายามคิดหาหนทางที่จะสามารถอยู่ที่นั่นให้จงได้
“ขออนุญาตเอ่ยถาม ว่าท่านพอจะแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจเหล่านั้นแก่ข้าบ้างจะได้หรือไม่?”
กู่ฉิงซานลังเลและกล่าว
มันจะดีกว่าหากเขาใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะทำความรู้จักเพิ่มเติมกับชายผู้ที่ถูกเรียกกันว่าขาเป๋แบรี่
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ชายชรายักไหล่
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยของความทรงจำและกล่าวว่า “ขาเป๋แบรี่น่ะ ครั้งหนึ่งเคยได้ช่วยโลกเอาไว้ แต่ในครั้งนั้นเขาดันลืมนำเอาอาวุธของตนเองติดตัวไปด้วย”
“เรื่องแบบนี้ลืมกันได้ด้วยหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เขาก็แค่อ้างว่าลืมนำมันมาน่ะ” ชายชราบอกเล่าอย่างลึกลับ “แต่อันที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันมากทีเดียว – ทว่ามันจะสามารถปิดซ่อนจากพวกเราหอสูงไปได้อย่างไร?”
กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “พอจะสามารถบอกถึงความจริงได้หรือไม่?”
ชายชราลดเสียงลงและกล่าว “ในความเป็นจริงแล้ว ก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้น แบรี่น่ะอยู่ในงานคอนเสิร์ต – ในเวลานั้นเขาอินกับบรรยากาศของมันมากเกินไปหน่อย โยกทั้งหัวทั้งตัว ดิ้นไปมาจนเผลอโยนอาวุธของตัวเองขึ้นไปบนเวทีด้วยความตื่นเต้น”
“แล้วต่อมา ในตอนที่แบรี่ได้ไปช่วยโลก และกำลังเผชิญหน้ากับกองทัพของเผ่ามารนับไม่ถ้วน เขาจึงพึ่งตระหนักได้ว่าตนได้ทำอาวุธประจำกายหายไป”
ชายชราส่ายหัวและกล่าว “เขาเป็นตัวตนที่ทรงพลานุภาพอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นคนโง่บัดซบอย่างแท้จริง”