หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.329 – ประธานาธิบดี
ภายใต้ท้องฟ้า
หลังจากที่กู่ฉิงซานกับองค์จักรพรรดิออกจากทำเนียบประธานาธิบดี
และบุคลากรที่ประจำตำแหน่งต่างๆภายในคฤหาสน์ได้หลบลี้หนีหายไปกันหมดแล้ว
ในมุมมืด
โดยที่ไม่ทราบว่ามันเป็นอุบัติเหตุหรือความบังเอิญ ณ จุดที่ปราณดาบของกู่ฉิงซานผ่าคฤหาสน์และห้องโดยรอบออกเป็นซีกล้มครืนลงซ้อนทับติดๆกันกัน กลับยังคงหลงเหลือจุดบอดอีกหนึ่งที่ยังมิได้ถูกทำลายลงอย่างคาดไม่ถึง
และที่น่าฉงนยิ่งกว่าก็คือ มีคนหนึ่งๆอยู่ในตำแหน่งนั้นพอดิบพอดี
เขาคือบุคลากรร่างสูง ผู้ที่เป็นคนชงชาให้กับกู่ฉิงซานและประธานาธิบดี
เขากึ่งนั่งกึ่งหมอบอยู่ในจุดบอดนี้ที่ถูกสร้างขึ้นโดยกู่ฉิงซาน สอดส่ายสายตาหันไปมองรอบๆ
มันเงียบ เงียบมาก ไม่มีใครอยู่เลย
บุคลากรร่างสูงนั่งยองๆอย่างเงียบๆ และพยายามกดแรงๆลงไปยังจุดๆหนึ่งในมุมห้อง
และเมื่อกดเจอ ทันใดนั้น ปากอุโมงค์ทางเข้าลับก็ปรากฏขึ้น
บุคลากรร่างสูงคลานเข้าไปทันที และทำการปิดทางเข้าจากด้านใน
พอมั่นใจแล้วว่าทางเข้าถูกปิดจนแน่นหนา และหากมองจากภายนอกจะเห็นว่าเป็นเหมือนกับปกติ
บุคลากรร่างสูงก็รวบรวมกำลังและคลานไปข้างหน้าท่ามกลางความมืด
จนเมื่อพื้นที่ค่อยๆกว้างขึ้น กว้างขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็สามารถลุกขึ้นยืนได้ และรีบวิ่งต่อทันที
ในที่สุดเขาก็วิ่งมาถึงจุดสิ้นสุดของความมืด ปากอ้าหอบหายใจอย่างหนัก และรีบแนบฝ่ามือลงบนพื้นอย่างไม่ลังเล
ซึ่งตรงจุดนั้น คือหนึ่งในชิ้นกระเบื้องธรรมดาที่เรียงรายอยู่มากมายนับไม่ถ้วนบนพื้น
ติ๊ง … ติ๊ง … ติ๊ง …
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกอัพโหลดไว้พลันดังขึ้น “การยืนยันตัวตนเบื้องต้นได้รับการอนุมัติ “กรุณาบอกรหัสลับของประธานาธิบดีคนที่เก้าแห่งรัฐบาลกลาง”
บุคลากรร่างสูงพอได้ฟัง ร่องรอยของความคะนึงหาและโศกเศร้าก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
เขาสูดลมหายใจเข้าปอดซู้ดหนึ่ง ก่อนจะเริ่มเอ่ยปากว่า “ฉันชอบโต๊ะตัวใหญ่ในสำนักงาน และถ้ามีช่อดอกไม้สดประดับไว้อยู่ด้วยล่ะก็ มันจะสมบูรณ์แบบเลยล่ะ”
“กรุณาบอกรหัสลับของประธานาธิบดีคนที่สามสิบเอ็ด”
“หลังจากที่ได้เป็นประธานาธิบดี นี่มันรู้สึกได้เลยว่าเหนื่อยมากจริงๆ ในชีวิตหน้า หากจะต้องเข้ารับตำแหน่งนี้อีกครั้ง ฉันคงจำเป็นคิดทบทวนดีๆซะแล้วสิ”
“กรุณาบอกรหัสลับของประธานาธิบดีคนที่ยี่สิบเอ็ด”
“โถ่พระเจ้า กระผมนั้นไม่ได้ต้องการสงคราม แต่กระผมไม่มีทางเลือกอื่น ขอท่านทรงโปรดประทานอภัยด้วย”
“กรุณาบอกรหัสลับของประธานาธิบดีคนที่สิบห้า”
“ผมรักคุณนะเฉียนหลาน แต่ทำไมกัน? ทำไมพอผมได้อยู่ในตำแหน่งที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าของประเทศนี้ ผมถึงได้เสียคุณไปตลอดกาล”
“รหัสลับผ่านการตรวจสอบ และได้รับการอนุมัติแล้ว”
แสงไฟอบอุ่นสีขาวนวลแทรกผ่านความมืดมิด ประตูโลหะผสมหนาหลายเมตรเปิดแยกออกเป็นสองฟากฝั่งเบื้องหน้าเขา
บุคลากรร่างใหญ่เดินเข้าสู่ประตูที่เปล่งแสงสว่างสดใส
และประตูโลหะผสมก็ถูกปิดลงเบื้องหลังเขา
บุคลากรร่างสูงเดินเข้าไปยังเบื้องหน้าโต๊ะแผงควบคุมและทำการเปิดกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งที่วางอยู่
ภายในมีหลอดเข็มฉีดน้ำยาพันธุกรรมสองแถววางอยู่
แถวด้านบนเป็นน้ำยาสีแดง ขณะที่แถวล่างเป็นน้ำยาสีฟ้า
บุคลากรร่างสูงหยิบน้ำยาสีฟ้าขึ้นมา และจิ้มมันลงบนแขนของเขา จากนั้นก็ค่อยๆกดปุ่มบนตัวยาอย่างอ่อนโยน
น้ำยาสีฟ้าถูกส่งผ่านปลายเข็ม แทรกผ่านเข้าไปในร่างกายของเขา
ในช่วงเวลาสั้นๆ รูปลักษณ์ของบุคลากรร่างสูงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไป
ผมหงอกสีขาว ใบหน้ายับย่น ทว่ากลับครอบครองคู่ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยปัญญา
ท่านประธานาธิบดีแห่งรัฐบาลกลาง
ประธานาธิบดีปรากฏตัวขึ้นอีกคนหนึ่งแล้ว
“โปรดทำการยืนยันสถานะของฉัน” เขากล่าว
ในอีกด้านหนึ่งของแผงควบคุม เสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้น “โปรดรอสักครู่ รายการทดสอบของคุณกำลังถูกสุ่มเลือก”
ติ๊งต่อง!
“โปรเจ็คหนึ่งได้รับการยืนยันแล้ว”
ชุดเกราะอ่อนเลื่อนระดับลงมาจากเพดาน มาแขวนอยู่เบื้องหน้าประธานาธิบดี
“มิสเตอร์ กรุณาสวมใส่อุปกรณ์ทดสอบความผันผวนทางสรีรวิทยามนุษย์ และเริ่มทำการกล่าวสุนทรพจน์ในทันทีด้วย”
ประธานาธิบสวมใส่เกราะอ่อนบนร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญ
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่ง
แล้วทันใดนั้นเอง ท่ามกลางหลุมหลบภัยใต้ดินอันเงียบสงบ พลันบังเกิดเสียงที่หนักแน่นมั่นคงดังกึกก้องขึ้น
“สหพันธรัฐ รัฐบาลกลางจะเป็นของพวกเราเสมอไป มันคือบ้านของพลเมืองแห่งรัฐบาลกลางทุกคน และฉันจะปกป้องมัน เหมือนดั่งที่ปกป้องพ่อแม่พี่น้อง ฉันจะยืนหยัดอยู่ที่นี่ เพื่อประเทศชาติของฉัน เพื่อต่อสู้กับศัตรูทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นความชั่วร้าย หรือความตายที่กำลังจะมาพรากจาก พวกมันก็ไม่สามารถทำให้ฉันถอยได้แม้เพียงครึ่งก้าว นี่คือคำมั่นสัญญาของฉัน”
ติ๊งต่อง
“ผลการทดสอบทั้งหมดได้รับข้อสรุปแล้ว”
“ผลการทดสอบจากการพูดจา การเคลื่อนไหวร่างกาย และการแสดงถึงอารมณ์ความรู้สึก คะแนนการกล่าวสุนทรพจน์ของคุณคือ 92”
“พิจารณาจากทางด้านอารมณ์ ดูมีความจริงใจ , การแสดงออกดูสดใส , คำพูดเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและดูน่าหลงใหล , เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเป็นนักการเมืองที่โดดเด่น”
“การกล่าวสุนทรพรจน์อย่างกระทันหันได้อย่างดีเยี่ยมเช่นนั้น จำเป็นต้องสั่งสมประสบการณ์มากมายหลายปี ไม่เพียงเท่านั้น รูปแบบการพูดของคุณยังสอดคล้องกับรูปแบบการพูดของประธานาธิบดีอีกด้วย”
“การทดสอบครั้งสุดท้ายว่าคุณเป็นประธานาธิบดีตัวจริงหรือไม่ จะถูกดำเนินการโดยเทพธิดากงเจิ้งเป็นการส่วนตัว”
“เริ่ม ณ บัดนี้”
เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้น “สวัสดีผู้ทดสอบ”
“สวัสดี”
“กรุณาตอบคำถามของฉันดังต่อไปนี้”
“เชิญพูดมา”
“ตลอดช่วงชีวิตอันยาวนานกว่า 61 ปีของประธานาธิบดี มีชายคนหนึ่งคอยบีบบังคับให้ประธานาธิบดีกระทำหลายสิ่งที่เขาไม่ต้องการที่จะทำ และทำร้ายเขาด้วยเจตนาร้ายหลายครั้งหลายครา เมื่อใดก็ตามที่ประธานาธิบเอ่ยย้อนถามคนๆนั้นบ้าง เขาก็จะถูกตำหนิเตะต่อย และสถานการณ์เช่นนี้ก็ดำเนินมาเป็นระยะเวลาหลายปี”
“ถ้าคุณเป็นประธานาธิบดีตัวจริง กรุณาบอกฉันมาว่าคุณคิดยังไงเกี่ยวกับบุคคลผู้นี้”
ประธานาธิบดีพอได้ฟังก็นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา
ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความคิดถึง
“ฉันคิดว่าเขาคงเป็นกังวล” น้ำเสียงของประธานาธิบดีช่างฟังดูนุ่มนวลและอบอุ่น “บางทีเขาอาจจะหาวิธีแสดงความรักในแบบที่มันถูกต้องไม่เจอ แต่นั่นมันไม่สำคัญ เพราะฉันรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณในทุกๆสิ่งที่เขาทำกับฉัน”
“ถึงแม้ว่าเขาจะจากฉันไปตั้งนานแล้ว แต่ฉันก็จะยังคงคิดถึงเขาตลอดไป
เสียงของเทพธิดาดังขึ้น “นี่คือคำตอบของคุณใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“การโคลนจะไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความรักของบิดาว่ามันคืออะไร และไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หรือพฤติกรรมของคุณก็ล้วนสอดคล้องกับประธานาธิบดี , ผ่านการทดสอบ”
“ความทรงจำ , ความสามารถ และบุคลิกภาพทางอารมณ์ได้รับการพิจารณาแล้ว”
“ยืนยันสถานะ”
หลังจากนั้นในวินาทีต่อมา
โคมไฟตลอดทั้งแผงควบคุมก็ส่องสว่างขึ้นโดยสมบูรณ์
เทพธิดากงเจิ้ง “ประธานาธิบดี ฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คุณยังปลอดภัยดี และรู้สึกเสียใจจริงๆที่ฉันสามารถแสดงออกถึงความสุขผ่านทางแสงไฟเหล่านี้เท่านั้น”
ประธานาธิบดีหัวเราะออกมา “การที่จะได้พบกับคุณอีกครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บอกตรงๆว่าฉันก็รู้สึกยินดีเหมือนกัน”
โดยไม่ใส่ใจถึงเรื่องราวอื่นๆ ประธานาธิบดีรีบเอ่ยถามประโยคแรกออกไป “กู่ฉิงซานกับจักรพรรดิฟูซีไปสู้กันที่ไหน”
องค์จักรพรรดิฟูซีเป็นถึงตัวตนอันทรงพลัง เป็นผู้ใช้ธาตุทั้งห้าในขั้นห้า กล่าวได้ว่าในปัจจุบันนี้ การดำรงอยู่ของเขาเรียกได้ว่าแทบจะคงกระพัน
หากเพียงตัวตนอย่างองค์จักรพรรดิใช้ออกด้วยหมัดและเท้าในสถานที่ๆมีประชากรอยู่อย่างหนาแน่นแล้วล่ะก็ จำนวนของผู้เสียชีวิตก็คงยากที่จะจินตนาการได้
เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “เมื่อพิจารณาจากการปฏิวัติที่กำลังจะเกิดขึ้น จักรพรรดิแห่งฟูซีย่อมไม่คิดจะทิ้งเมืองหลวงอย่างง่ายดาย ดังนั้นฉันและใต้เท้ากู่ฉิงซานจึงได้ทำการชั่งน้ำหนักและเลือกเฟ้นถึงสนามรบที่เหมาะสม”
“มันอยู่ที่ไหน?”
“พวกเขาบินไปได้ราวๆ 4 นาที 59 วินาที ด้วยความไวระดับรถเหินเวหาที่รวดเร็วที่สุด ขณะนี้อยู่ในบริเวณเขตชายแดนของเมืองหลวง”
ประธานาธิบดีเอ่ยเสียงหม่น “ไหนขอให้ฉันดูหน่อย!”
จอม่านแสงสว่างวาบ
ณ ภูเขาสูงตระหง่าน ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำใหญ่
โชคยังดี ที่สถานที่แห่งนี้เป็นฝั่งตรงข้ามเนินเขา ใกล้กับแม่น้ำกว้างใหญ่ และมันยังเคยเป็นแม่น้ำเดียวกันกับที่ยานรบประจัญบานระหว่างดวงดาวขนาดยักษ์เคยร่วงตกลงมาอีกด้วย
และช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ส่งผลให้ผืนดินได้รับผลกระทบในระดับหนึ่ง อาคารที่ไม่สูงมากในระยะใกล้เคียงถูกยกตัวลอยสูงขึ้นไปในอากาศ จากนั้นจึงค่อยๆร่วงหล่นลงมาซ้อนทับกัน
ส่วนอาคารสูงที่อยู่ห่างไกลออกไป แม้จะยังคงถูกยึดติดกับพื้นดิน แต่มันก็เกิดการสั่นสะเทือนอยู่บ้างในยามที่ยานได้ร่วงตกลง
หลักๆก็เพราะมันถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุพิเศษ ที่ฝังลึกลงไปใต้ดินของตัวอาคาร
หนึ่งในสามของส่วนล่างใต้อาคารสูง จะเต็มไปด้วยแขนจักรกลจำนวนมาก ซึ่งแขนกลเหล่านั้นถูกควบคุมโดยหน่วยประมวลผลระดับสูง คอยทำหน้าที่ควบคุมสมดุลของอาคารสูง
กล่าวโดยรวมแล้วสรุปง่ายๆว่าที่แห่งนี้เคยเกิดอุบัติเหตุขึ้น จึงไม่มีผู้คนอาศัยอยู่นั่นเอง
ประธานาธิบดีสูดหายใจลึก ปากบ่นพึมพำ “ถือว่าเลือกสถานที่ได้ดีทีเดียว”
เขาเอ่ยต่อ “ช่วยบอกฉันที ว่าตอนนี้กองกำลังทหารของเราได้เตรียมการอะไรไปแล้วบ้างหรือยัง”
“ใต้เท้า กองกำลังในพื้นที่ต่างๆ ยังยังไม่ทราบถึงข่าวสารเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้น”
“ช่วยทำการแจ้งผู้บังคับบัญชาทหารตามแต่ละเขตและกองพันทีนะ พร้อมบอกข้อมูลรายละเอียดให้พวกเขาด้วย” ประธานาธิบดีกล่าว
“รับทราบ ใต้เท้า”
“เทพธิดากงเจิ้ง ถ้าดูจากสถานการณ์เพียงผิวเผิน สงครามในครั้งนี้ ทางเรามีโอกาสที่จะชนะได้รึเปล่า?”
“จากการอนุมานของฉัน สงครามในครั้งนี้จะดำเนินยาวนานไปกว่าห้าปี และโอกาสที่พวกเราจะได้รับชัยชนะคือ 49.291%”
“มีความเป็นไปได้ว่าจะยุติลงไหม”
“เงื่อนไขการยุติขึ้นอยู่กับสองประการ หนึ่งคือผลลัพธ์การต่อสู้ระหว่างใต้เท้ากู่ฉิงซานและจักรพรรดิฟูซี อีกหนึ่งคือคุณต้องเป็นผู้นำรัฐบาลกลางเข้าต่อต้านการรุกรานของฟูซีในปัจจุบัน”
บนจอม่านแสง
กู่ฉิงซานและจักรพรรดิแห่งฟูซีลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ หันหน้าเผชิญเข้าหากัน
ประธานาธิบดีมองไปยังฉากนี้ และพูดออกมาด้วยความโล่งอกว่า “ฉันไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นแบบนี้เลยจริงๆ”
เทพธิดากงเจิ้งเอ่ยถามซอกแซก “ใต้เท้ากู่ฉิงซานได้ออกจากทำเนียบประธานาธิบดี เพราะต้องการสร้างโอกาสให้คุณเข้าสู่หลุมหลบภัยใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้วล่ะ”
ประธานาธิบดีเล่าว่า “ครั้งสุดท้ายที่ฉันกับเขาได้พบกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ฝนเย็นยะเยือกพรั่งพรูลงมา ตอนนั้นพวกเราได้พูดคุยกันเกี่ยวกับน้ำยาผสานยีน และเขาก็บอกว่าจะให้การสนับสนุนฉัน”
“การพบกันในครั้งนั้น ฉันยังเป็นคนชงชาด้วยตัวเองและยังเป็นคนเดียวที่ยกหม้อชาไปเทให้กับเขาด้วย”
ประธานาธิบดีหัวเราะ “และตอนนี้ ฉันก็ทำแบบเดียวกันกับคราวก่อน พูดในสิ่งเดียวกัน ทุกการกระทำและการเคลื่อนไหวไม่ต่างกัน และประโยคสุดท้ายที่ฉันเอ่ยออกไปคือเป็นการให้คำใบ้แก่เขา”
“คำใบ้อะไร?”
“ก็ในเรื่องที่ว่า ‘คุณให้อำนาจสูงสุดในรัฐบาลกลางแก่เขา ให้ฉันและเขาแบ่งปันอำนาจสูงสุดของรัฐบาลกลางร่วมกัน’ – และฉันก็ได้พูดคุยเรื่องนี้กับเขา โดยแทนที่ตัวฉันกับเขาด้วยถ้วยน้ำชายังไงล่ะ”
“และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันได้รับโอกาสให้เข้ามาที่นี่”
“ใต้เท้าทั้งสอง พวกท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” เทพธิดากงเจิ้งกล่าวสรรเสริญ
แผงควบคุมเปิดออก และกล่องหนักก็ค่อยๆถูกยกขึ้นอย่างช้าๆ
กล่องเปิดออกโดยอัตโนมัติ
เทพธิดากงเจิ้งทำการเปลี่ยนแปลงสรรพนามที่ใช้เรียกประธานาธิบดีอย่างกระทันหัน “ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งสามเหล่าทัพ โปรดดำเนินการสั่งการด้วย”
ประธานาธิบดีจ้องมองลงมายังอุปกรณ์สั่งการรบแบบพกพาตรงหน้า สีหน้าการแสดงออกเปลี่ยนเป็นจริงจัง
เขายกมือขึ้นและเคาะลงบนตัวอักษร พิมพ์ไปหลายบรรทัดและกดปุ่มยืนยันเบาๆ
“ฉันขอสั่งการ ให้สามเหล่าทัพทั้งหมดเคลื่อนกำลังพลเต็มกำลัง และเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้!”
เทพธิดากงเจิ้ง “น้อมรับคำสั่ง!”