อีกด้านหนึ่ง
ภายในโลกสมบัติของทริสเต้
กู่ฉิงซานโอบลอร่า ควบม้าทมิฬวิ่งไปตลอดเส้นทาง
ด้วยพละกำลังขาของปีกแห่งแดนชำระล้าง พวกเขาจึงสามารถข้ามผ่านภูเขาหิมะแต่ละลูกมาได้อย่างง่ายดาย และมาถึงเป้าหมายในที่สุด
เบื้องหน้าของทั้งสอง คือภูเขาสูงตระหง่านที่สุดท่ามกลางภูเขาทั้งมวล
เนื่องจากตลอดทั้งลูกของมันโปร่งใส เลยส่งผลให้สามารถมองเห็นถึงสถานการณ์ภายในภูเขาน้ำแข็ง ผ่านชั้นผิวของมันได้อย่างชัดเจน
ผิวน้ำแข็งมีสีฟ้าจางๆ สามารถมองทะลุเข้าไป , มีน้ำใสๆไหลวนอยู่ภายใน ขณะเดียวกันก็มีฟองอากาศเป็นลูกๆ ลอยไปมาอยู่ในภูเขาน้ำแข็ง และเนื่องจากมันโปร่งใส่ ผิวน้ำแข็งลูกนี้จึงสามารถสะท้อนให้เห็นถึงก้อนเมฆบนท้องฟ้า ผสานไปกับวิวทิวทัศน์โดยรอบ ยามเมื่อสองฉากนี้ผสมรวมกัน ช่างให้ความรู้สึกคล้ายกับตกอยู่ในห้วงฝัน
ลอร่าปีนกลับขึ้นมาบนไหล่เพื่อชมทิวทัศน์ แล้วปรบมือของเธอ “มันสวยจัง เราชอบภูเขาลูกนี้มากเลย”
“ไปกันเถอะ”
“ไปสิ”
พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าต่อ ทว่าม้าทมิฬกลับหยุดฝีเท้าลงอย่างกระทันหัน
ดวงตาของมันจ้องเขม็งเข้าไปภายในภูเขาน้ำแข็งชนิดหัวชนฝา
อย่างไรก็ตาม การกระทำนี้ของมันก็มิได้ถูกตำหนิหรือถามไถ่ถึงเหตุผลใดๆจากทั้งกู่ฉิงซานหรือลอร่า
เพราะกระทั่งพวกเขาเอง ก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่มิอาจเอ่ยปากออกมาได้
เห็นแค่เพียงเงาขนาดยักษ์ที่ปรากฏขึ้นภายในภูเขาน้ำแข็ง
เงาดำนี้มีความกว้างหลายสิบเมตร และยาวกว่า 100 เมตร มันผลุบขึ้นมาจากเบื้องล่างของภูเขาน้ำแข็ง และแหวกว่ายขึ้นไปยังส่วนบนของตัวภูเขา
แม้ว่าชั้นผิวน้ำแข็งเกือบจะโปร่งใส แต่กระแสน้ำในก็ยังคงเชี่ยวกราด ผสมผสานไปกับแสงและเงาของฟองน้ำที่ผุดขึ้นมา ส่งผลให้หากมองจากภายนอก จะไม่สามารถสังเกตถึงลักษณะของร่างเงาใหญ่ได้ชัดเจนนัก
อย่างไรก็ตาม แม้พวกเขาจะอยู่ห่างจากชั้นน้ำแข็ง และเฝ้ามองดูร่างที่ใหญ่โตและเลือนรางนี้จากภายนอก มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดเกรง
เพราะนี่คือสัญชาตของสิ่งมีชีวิต ตราบใดที่คุณพบเผชิญกับตัวตนที่มีขนาดใหญ่โตยิ่งกว่าชนิดเทียบไม่ติด ภายในจิตใจก็จะบังเกิดความรู้สึกวิตก ก้มหัวให้แก่อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
เพราะความแตกต่างระหว่างทั้งสองมันมีมากจนเกินไป เปรียบดั่งช้างกับมด ดังนั้นจึงย่อมเป็นธรรมดาที่จะเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในจิตใจ
แต่กู่ฉิงซานก็ได้สติกลับคืนอย่างรวดเร็ว เขาทดลองจุ่มมือเข้าไปในชั้นน้ำแข็ง เพื่อดูว่าร่างเลือนรางนี้เป็นมอนสเตอร์ชนิดอะไร
แต่ทันทีที่เขาสัมผัสมัน … เพี๊ยะ! มือของเขาก็ดีดกลับทันควัน -ถูกปฏิเสธโดยตรงจากผิวชั้นนอกสุดของมัน
ดูเหมือนว่าจะมีพลังแปลกๆคอยปกคลุมตลอดทั้งภูเขาน้ำแข็งที่สูงตระหง่านนี้
กู่ฉิงซานมองไปยังส่วนยอดของภูเขา
สิ่งปลูกสร้างที่งดงามตระการตา เพียงเฝ้ามองก็รู้สึกเคารพศรัทธาตั้งอยู่ที่นั่น
นี่คงจะเป็นวิหารที่ว่าสินะ?
เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคำอธิบายของเชื้อไฟ
‘ภายนอกทุ่งน้ำแข็งนี้ มีวิหารอันวิจิตรงดงามอยู่’
‘ในสมัยโบราณอันไกลโพ้น เทพบรรพกาลยังคงสถิตอยู่ในโลกใบนี้ และพวกเขาก็ได้สร้างวิหารดังกล่าวขึ้น เพื่อเฝ้ามองสิ่งมีชีวิตทั้งมวลที่เกิดจากน้ำมือของพวกเขา’
‘คุณจะต้องไปที่นั่น และทำพิธีของเทพบรรพกาลให้สำเร็จลุล่วง’
กู่ฉิงซานหายเข้าไปในความคิด
ฉะนั้นร่างที่เลือนรางเมื่อครู่นี้ ก็สมควรที่จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าทวยเทพในยุคโบราณอันไกลโพ้นสินะ?
และการที่มันสามารถมีชีวิตรอดอยู่ท่ามกลางวันเดือนปีที่ผ่านพ้น เนิ่นนานมาจนถึงปัจจุบันได้ เกรงว่าหากต้องรับมือกับมัน คงไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย
หนึ่งคน หนึ่งวิหค หนึ่งม้า นิ่งงัน ต่างจมลงสู่ความเงียบ
เฝ้ารอจนกระทั่งมอนสเตอร์ยักษ์ว่ายผ่านไปไกล พวกตนจึงค่อยผ่อนคลายลง
“นั่นมันคืออะไรหรอ?” ลอร่าถามขึ้นเบาๆ
“ไม่รู้สิ คงจะเป็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างในโลกใบนี้ล่ะมั้ง” กู่ฉิงซานกล่าว
ทว่าจู่ๆความคิดน่ากลัว ก็พลันแวบผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา
อะไร?
เมื่อกี้ทำไมจู่ๆถึงรู้สึกแบบนั้นออกมากัน?
กู่ฉิงซานพยายามที่จะเค้นสมองคิดถึงมันอีกครั้ง แต่เขากลับพบว่าตนมิอาจนึกถึงความคิดที่ว่านั่นได้
เหมือนกับว่าความคิดนั้นปรากฏขึ้น และหายไปทันทีโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้เลย
ร่างของกู่ฉิงซานเริ่มสั่นสะท้าน ราวกับว่าตนกำลังถูกกัดกร่อนด้วยความเย็นยะเยือกบางอย่าง
ลอร่าเงยหน้าขึ้น มองไปยังยอดสุดของภูเขาสูงตระหง่าน ปากเอ่ยไม่เห็นด้วย “มันสูงเกินไป เราไม่อยากจะขึ้นไปข้างบนเลย”
หลังจากที่เห็นมอนสเตอร์และตระหนักถึงความสูงเบื้องบน เธอก็ไม่มีความคิดว่าภูเขาน้ำแข็งเบื้องหน้ามันงดงามอีกต่อไป
“กระหม่อมก็ไม่ต้องการที่จะขึ้นไปเช่นกัน” กู่ฉิงซานถอนหายใจ “แต่ยังไงพวกเราก็ต้องไป”
ลอร่าพอได้ฟังก็นิ่งไป ไม่เอ่ยปากตอบโต้อยู่สักพักหนึ่ง
นั่นสิ พวกเราอุตส่าห์มากันจนถึงจุดนี้แล้ว ดังนั้นมันไม่สำคัญหรอกว่าจะต้องเผชิญกับอะไร แต่จะมาหยุดเอากลางทางได้อย่างไร?
แค่เพราะกลัวความสูงกับมอนสเตอร์ตัวเมื่อครู่ เลยยอมแพ้เรื่องที่จะต่อสู้กับทริสเต้แล้วอย่างงั้นหรือ?
ระหว่างที่ตนมายังอัลเบอัส สมาชิกครอบครัวทั้งหมดถูกสังหารลงด้วยน้ำมือของทริสเต้ นี่คือความเจ็บปวดและเกลียดชังที่มิอาจลบล้างได้ตลอดไป
อย่างไรก็ตาม แม้เธอจะเจ็บปวด และทุกข์ทรมานอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่หากเทียบเปรียบกับความตายแล้ว มันก็ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด!
ดวงตาของลอร่าค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ
“กู่ฉิงซาน”
“หืม?”
“ในช่วงเวลาที่เจ้าข้ามผ่านเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ มันยากลำบากหรือไม่?”
“ถ้าเรื่องนี้ มันก็เหมือนกันทุกคนนั่นแหละ”
“อัลเบอัสจะจัดงานเลี้ยงเป็นเวลากว่าสามวันสามคืน เพื่อฉลองการเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ของเรา แต่เราไม่คาดคิดเลยว่าวัยผู้ใหญ่จะเป็นเช่นนี้”
กู่ฉิงซานเงียบไป
หากอ้างอิงในแง่การนับปีของมนุษย์ ลอร่าจะมีอายุเพียงแค่ 7 ขวดเท่านั้น
อายุ 7 ขวบ นี่ยังจะเรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ได้หรือ?
กู่ฉิงซานจมลงสู่ห้วงความทรงจำที่ยาวนาน
ในตอนที่เขาอายุได้ 7 ขวบ เขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ด้วยเงินจากกองทุนสงเคราะห์เพียงอย่างเดียว ตนจึงไปรับจ้างช่วยล้างจานและทำความสะอาดร้านอาหารที่อยู่ในสลัม
แต่แน่นอน ว่าสิ่งตอบแทนจากการช่วยเหลือที่ว่าน่ะไม่ใช่เงิน
ผลตอบแทนเพียงอย่างเดียวก็คือ เขาสามารถกินอาหารได้สองมื้อต่อวันแบบฟรีๆ
และโชคยังดีที่การศึกษาภาครัฐนั้นอนุญาติให้เขาสามารถทำงานได้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นในขณะเรียนไปในแต่ละวัน เขาก็ทำงานไปด้วย ในที่สุดก็ค่อยๆเติบโตขึ้น
กล่าวได้หากผู้อื่นมิเคยพบเจอเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันมาก่อน ก็คงจะไม่สามารถจินตนาการถึงความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญได้
จนกระทั่งเมื่ออายุ 13 ปี กู่ฉิงซานก็สามารถปรุงอาหารได้อร่อย จนเจ้าของร้านเอ่ยปากชมในที่สุด
และนับตั้งแต่นั้นมา ชีวิตของเขาจึงค่อยๆดีขึ้นอย่างช้าๆ
กู่ฉิงซานถอนหายใจ
เขาวางลอร่าลงจากไหล่ และโอบเธอไว้ในอ้อมแขน
อายุ 7 ขวบ ..
แต่เด็กสาวตัวน้อยๆคนนี้ ต้องกลายเป็นกำพร้าเสียแล้ว
แถมเธอยังเป็นสายเลือดสุดท้ายของราชวงศ์วิหคหนามอีก
หนทางอนาคตเบื้องหน้าของเธอ คงมิแคล้วยากลำบากยิ่งกว่าตัวเขาอย่างแน่นอน
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว “ฝ่าบาท ชีวิตของผู้ใหญ่มักจะเป็นไปด้วยความเหนื่อยล้าและยากลำบากแบบนี้แหละ กระหม่อมหวังว่าพระองค์จะสามารถมีกำลังใจมากขึ้นนะ”
“มีกำลังใจมากขึ้น?”
“ใช่ เพราะถ้าไม่มีใจสู้เลย โชคชะตาก็จะเข้าครอบงำ และมันจะกลายเป็นผู้ลิขิตชีวิตของท่านไปในที่สุด”
“ … เราไม่ต้องการแบบนั้น”
ลอร่าฝังหัวของเธอลงในอ้อมแขนของเขา ปากเอ่ยกระซิบเบาๆ
“พวกเราจะต้องปีนภูเขาลูกนี้ขึ้นไป” กู่ฉิงซานกล่าว “เราจะต้องไม่หลบสายตาจากมัน และจากนั้นพวกเราสองคนก็จะสามารถต่อกรกับทริสเต้ได้อย่างแน่นอน”
ลอร่าจิกริมฝีปากตัวเอง และสูดหายใจเข้าลึกๆ
เธอเปล่งเสียงหนักแน่น “พวกเราจะต้องโค่นเธอลงให้จงได้!”
“ยอดเยี่ยม นับว่าเป็นแรงใจที่ดี เอาล่ะ พวกเราก็ไปกันเถอะ”
“ไปกัน!”
ทั้งสองกำลังจะเริ่มไปต่อ แต่จู่ๆ กู่ฉิงซานกลับหยุดลงอย่างกระทันหัน
เพราะภายในชั้นภูเขาน้ำแข็ง ที่เดิมทีฟุ้งไปด้วยน้ำสีฟ้าใส บัดนี้พลันกลับกลายเป็นสีแดงเลือด
วู้มมม !
เสียงคำรามสะท้านสะเทือนไปทั้งสวรรค์และโลกกังวานขึ้นมาจากส่วนลึกเบื้องล่าง ราวกับว่ามันเป็นเสียงคำรามของผืนโลก
ลอร่าหดตัวลงในอ้อมแขนของกู่ฉิงซานด้วยความหวาดกลัว
กู่ฉิงซานหรี่ตาลง เพ่งสมาธิเงี่ยหูคอยรับฟังเสียงคำรามอย่างเงียบๆ
ฟังจากเสียงคำราม เขาสัมผัสได้ถึงห้วงอารมณ์บางอย่าง
มันคล้ายกับความโศกเศร้า แต่ขณะเดียวกันก็เจ็บปวด
ยิ่งไปกว่านั้น คือสิ้นหวัง
เสียงคำรามค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นเอง เงาดำขนาดใหญ่ก็ผลุบออกมาจากใต้ภูเขาน้ำแข็ง
มันปรากฏขึ้นจากภายใน และลอยไปตามกระแสน้ำ ขึ้นสู่วิหารบนยอดเขา
ทว่าตลอดทั้งกระบวนการ เงาอันมหึมานี้มิได้ขยับกายเคลื่อนไหวและไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกมาอีกเลย
เหมือนกับว่ามันจะตายไปแล้ว
เมื่อเงาดำมหึมานี้ผ่านหน้ากู่ฉิงซานไป เขาก็เห็นถึงดวงตาคู่หนึ่ง
มันเป็นดวงตาที่มีขนาดใหญ่โต แต่กลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและรวดร้าว
“สิ่งมีชีวิตที่มีห้วงอารมณ์อย่างงั้นหรอ … ” กู่ฉิงซานบ่นพึมพำ
รอบๆเงาดำ น้ำสีฟ้าอ่อนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเลือด
เลือดที่ว่านั่น เกิดจากบาดแผลบนตัวของมอนสเตอร์
มันกระจายตัวออกไป จนเมฆเบื้องบนที่สะท้อนแสงและเงาลงมากลายเป็นสีแดงเลือด กระทั่งกระแสน้ำภายใน และร่างของกู่ฉิงซานที่สะท้อนจากภายนอกก็ไม่แตกต่างกัน
กู่ฉิงซานไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ เขาเฝ้ามองเงามืดจนกระทั่งมันหายไปจากสายตา
มอนสเตอร์ตัวเมื่อครู่นี้ ก็เป็นสิ่งมีชีวิตเช่นกัน
และนั่นคือตัวที่สอง
“มีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อยู่ในโลกใบนี้ … ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกสร้างขึ้นโดยทวยเทพ ในยุคโบราณ … ” ลอร่างึมงำ
ในฐานะที่เป็นเจ้าหญิงหนาม เธอจึงมีความรอบรู้มากเป็นธรรมดา
กู่ฉิงซานรับฟังอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้นเอง ความคิดที่ปะปนไปกับความหนาวเย็นในอากาศก็เสียดแทงเข้ามาในหัวใจของเขา
และครั้งนี้ กู่ฉิงซานสามารถคว้ามันเอาไว้ได้ มิปล่อยให้หลุดรอดไปดั่งคราวก่อน
สิ่งมีชีวิต …
สิ่งมีชีวิต!!!
แผ่นหลังของกู่ฉิงซานเริ่มผุดเหงื่อเย็นออกมา ทั้งคนทั้งร่างนิ่งงันไม่ไหวติง
“เป็นอะไรไปหรอ?” ลอร่ามองเขา เอ่ยถามด้วยความกังวล
“พอดีว่ากระหม่อมพึ่งจะเข้าใจถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาน่ะ”
กู่ฉิงซานปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก และพยายามบีบบังคับตนให้สงบลง
ในสายตาของเขา บนหน้าต่างระบบเทพสงครามกำลังกระพริบไหวอย่างบ้าคลั่ง
บรรทัดแสงหิ่งห้อยปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วบนหน้าต่างระบบ
“คุณได้ตระหนักถึงสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้แล้ว”
“คุณได้พบเจอกับสิ่งมีชีวิตในโลกใบนี้”
“คุณได้ตระหนักถึงความเป็นไปได้บางอย่าง”
ในเวลาเดียวกัน หน้าต่างระบบเทพสงครามก็ได้ค้นพบถึงเงื่อนงำบางอย่างเช่นกัน
“โปรดช่วยบอกระบบเทพสงครามด้วย ว่าสิ่งที่คุณค้นพบคืออะไร?”
กู่ฉิงซานกวาดสายตาอ่านบรรทัดแสงตัวอักษรบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างรวดเร็ว
เขาถอนหายใจลึก และตอบกลับผ่านทางความคิด “เชื้อไฟกำลังหลอกพวกเรา ฉันสงสัยว่ามันน่าจะยกระดับเสร็จสิ้นลงแล้ว และตอนนี้ ในที่สุดมันก็ได้กลายเป็น ‘เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online : ต้นกำเนิด’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!”