Ep.565 – คนกลาง
ความจริงแล้ว กู่ฉิงซานก็ยังคงพอจะมีวิธีจัดการกับมันอยู่ในใจเหมือนกัน
ในระหว่างการต่อสู้ เขาเองก็ได้เหลือบมองไปดูหน้าต่างเทพสงครามเล็กน้อยบ้างเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ที่สังหารผีแห่งความอลหม่านไป 11 ตน ส่งผลให้แต้มพลังวิญญาณของเขาพุ่งสูงขึ้นไปจนเกือบจะถึง 1 ล้าน!
ไม่ต้องกล่าวถึงแต้มพลังวิญญาณ เพราะผลพลอยได้จากการสังหารผีแห่งความอลหม่าน ยังช่วยให้เขาสามารถเสริมแกร่งให้ค่ายกลดาบไท่หยีได้อีกกว่า 3 ครั้ง -ปัจจุบันนี้อานุภาพของมันจึงซ้อนทับกันกว่า 16 ครั้ง!
ว่าแต่เขาสมควรที่จะใช้ค่ายกลไท่หยีที่แรงกว่าเดิม 16 เท่าหรือไม่?
แน่นอนว่าไม่ เพราะศัตรูตรงหน้ามิได้คู่ควรถึงขนาดนั้น มันก็แค่ไก่ตัวเล็กๆ แล้วจะไปคู่ควรกับสกิลที่ใช้สังหารวัวใหญ่ได้อย่างไร?
ค่ายกลดาบไท่หยีที่รุนแรงกว่าปกติถึง 16 เท่า นี่คือไพ่ตายที่แท้จริง และจำต้องใช้มันในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด!
กู่ฉิงซานตัดสินใจได้ในทันที ว่าเวลานี้เขายังไม่สมควรที่จะทุ่มสุดตัว
“คุณแน่ใจใช่ไหมว่าธาตุสายฟ้าใช้ได้ผลกับมันจริงๆ?” เขาเอ่ยถาม
สายพันธุ์โบราณตอบเสียงสนั่น “ทัณฑ์สายฟ้าคือมาตรการลงโทษในโลกของเรา มันคือกฏเกณฑ์ที่เหล่าทวยเทพสร้างขึ้น ดังนั้นอำนาจของมันย่อมทรงพลังอย่างหาที่ใดเปรียบหากเทียบกับธาตุอื่นๆ”
ถึงแม้ว่าสายพันธุ์โบราณจะมีรูปลักษณ์น่าเกลียด แต่น้ำเสียงของมันกลับฟังดูบริสุทธิ์ และยังคงรักษาสำเนียงของชาวโบราณเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
นี่คือหนึ่งในภาษาที่มักจะใช้กันทั่วไปของบรรดาผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ และแน่นอน ว่าทางสมาคมผู้พิทักษ์หอสูงก็มีการเก็บภาษานี้ไว้ในพจนานุกรมเช่นกัน
“งั้นผมจะลองดูก็แล้วกัน” กู่ฉิงซานกล่าว
ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร มอนสเตอร์ทะมึนผุดลุกขึ้นอีกครั้ง
กู่ฉิงซานสั่งการในจิตใจ ดาบพิภพและเช่าหยิน วูบบบบ!ตัดอากาศ ตรงเข้าหามอนสเตอร์ตนนั้นพร้อมกัน
และถึงแม้ว่ามอนสเตอร์จะยกสองแขนสีหมึกของมันขึ้นมาปัดป้อง แต่สุดท้ายมันก็ถูกบดขยี้ลงโดยดาบพิภพอยู่ดี!
โครม!
พื้นดินโดยรอบแตกระแหงและจมลึก มอนสเตอร์ทะมึนถูกกดดันโดยดาบพิภพที่สับลงมาด้วยน้ำหนักกว่า86.37ล้านจินอย่างกระทันหัน!
ใบหน้านับไม่ถ้วนบนร่างกายมัน กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
เห็นได้ชัดว่าการปัดป้องการโจมตีดังกล่าวนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย
ช่วงจังหวะนี้เอง เช่าหยินก็ฉวยโอกาสฉัวะ! เสียบปลายแหลมของตนเข้ากลางอกของมอนสเตอร์ทะมึนโดยตรง
พลังศักดิ์สิทธิ์เล่ยเดี๋ยน : ตัดขาดการเชื่อมต่อ!
เนินเขาทะมึนพลันแข็งค้าง นิ่งงันอยู่ในกริยาและตำแหน่งเดิม มิอาจเคลื่อนกายได้แม้เพียงน้อย
ภายในสามวินาทีนี้ จิตเทวะของมันจะถูกบังคับให้ออกจากร่าง ตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างกันและกันไปโดยสมบูรณ์
แล้วสิ่งที่จะสามารถทำได้ในสามวินาทีนี้มีอะไรบ้างน่ะหรือ?
กู่ฉิงซานวูบบบบ!ขึ้นอีกครั้งเบื้องหน้ามัน พร้อมกับดาบพิภพในมือ
กระบวนท่าที่หนึ่ง สูญญากาศ!
กระบวนท่าที่สอง จ้วงชีวิต!
กระบวนท่าที่สาม ลมวน!
กระบวนท่าที่สี่ สะบั้นต่อเนื่อง!
ดาบยาวในมือ โบกสะบัดครบทั้ง 7 เพลงโดยสมบูรณ์
บังเกิดประกายสีน้ำเงินขาวพรั่งพราวขึ้นตามสองแขนของกู่ฉิงซาน ก่อนที่ทั้งหมดจะถ่ายเทลงไปรวมกันกับดาบพิภพ สาดแสงสะท้อนไปตลอดทั้งสวรรค์และโลก
“มังกรสายฟ้า!”
กู่ฉิงซานตะคอกคำหนึ่ง
ปรากฏหัวมังกรขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยสายฟ้าสีน้ำเงินขาว ผุดออกมาจากปลายดาบ
ตามต่อจากหัวมังกร คือตลอดทั้งร่างของมันที่คดเคี้ยวผสมผสานควบแน่นไปกับทั้งรังสีดาบและสายฟ้าเล่ยเดี๋ยน ผงาดออกมาจากดาบพิภพ
ปัง!
มังกรสายฟ้างับ! เข้าใส่มอนสเตอร์ทะมึน หนึ่งมังกร หนึ่งเนินเขาทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
“อั๊ก! ไม่จริง! ทำไมในโลกใบนี้ถึงมีสายฟ้าไปไ–” มอนสเตอร์กรีดร้องโหยหวน
มังกรสายฟ้าบินไปได้เพียงครึ่งทาง มันก็แปลงสภาพตน เป็นวงแหวนสีน้ำเงินขาวที่ว่ายวนไปด้วยสายฟ้าเรืองรอง โอบเข้าห่อหุ้มมอนสเตอร์ตนนั้น
ฉากนี้ดูคล้ายกับดวงอาทิตย์สีน้ำเงินกำลังปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอย่างไรอย่างนั้นเลย
ทิวทัศน์ช่วงกลางคืนกลับกลายเป็นกลางวัน
พร้อมกับร่างของมอนสเตอร์ทะมึนที่ค่อยๆสลายไปท่ามกลางสายฟ้าอย่างช้าๆ
แสงจรัสค่อยๆจางหายไป
บังเกิดประกายเล็กๆแตกกระจายไปทั่วนภา คล้ายกับกลุ่มงูสายฟ้าที่แยกตัวออกจากรัง
มิอาจค้นพบได้ถึงร่องรอยของมอนสเตอร์ทะมึนอีกต่อไป
มันถูกล้างบางไปโดยสมบูรณ์
กู่ฉิงซานเฝ้ามองฉากนี้ ในหัวใจค่อยๆกลับมาอิ่มเอม
แต่เดิม ที่แท้เหล่าทวยเทพก็ตั้งกฏเกณฑ์ขึ้น และใช้สายฟ้าเป็นบทลงทัณฑ์ของโลกใบนี้
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทำไมด้วยเล่ยเดี๋ยนและดาบขุนเขาเทวะหกโลกา จึงสามารถสังหารบรรดาผีแห่งความอลหม่านทั้ง 11 ตนในก่อนหน้านี้ได้
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ย้ำอีกครั้ง ว่าผีแห่งความอลหม่านน่ะเป็นถึงอสูรกายประเภทปฐมบทแห่งความโกลาหลเชียวนะ!
กู่ฉิงซานเบนสายตาออกไปอีกทิศทางหนึ่ง
แล้วเขาก็พบว่า สายพันธุ์โบราณ ได้กลับคืนสภาพเป็นชายชราอีกครั้งดังเดิมแล้ว
ชายชราอ้าปากค้าง เขาเอาแต่แหงนหน้ามองบนท้องฟ้า จนแม้มังกรจะหายไปแล้ว แต่ชายชราก็ยังนิ่งค้างอยู่ในกริยาเดิม
แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของกู่ฉิงซาน เขาจึงได้สติกลับคืน
“ต้องขออภัยจริงๆ อันที่จริงแล้วข้าไม่เคยเห็นสายฟ้าที่ร้ายกาจเช่นนี้มาก่อน เลยอึ้งไปน่ะ … ” ชายชรากล่าว
กู่ฉิงซานกวาดสายตามองทั้งร่างของเขาที่ท่วมไปด้วยเลือด จึงโยนเม็ดยารักษาออกไป
ชายชราคว้าหมับ! รับเม็ดยาเอาไว้ ก่อนจะอังมันใต้จมูก เมื่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นจางๆของมัน คิ้วของเขาก็ยกสูงขึ้น
ชายชราโยนเม็ดยารักษาลงไปในปากโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาเคี้ยวหงับๆๆ ไม่กี่ครั้งและกลืนมันลงไปทันที
“ผมยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเลยคุณก็กินมันซะแล้ว? ไม่กลัวว่าผมจะวางยาพิษเลยหรอ?” กู่ฉิงซานถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่มีผู้ใดสามารถวางยาพิษข้าผู้ชราได้ ขอย้ำอีกครั้ง ข้าผู้ชรามีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว ดังนั้นด้วยประสบการณ์ชีวิตมากมาย จึงย่อมเข้าใจว่าเม็ดยาเมื่อครู่เป็นสิ่งที่ดี ไม่มีพิษใดๆ” ชายชรายืดอกและกล่าวอย่างมั่นใจ
“งั้นก็ช่างมันเถอะ ผมแค่จะบอกว่าเม็ดยารักษาที่ให้ไป นอกจากช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บแล้ว มันยังมีผลช่วยในการชำระล้างร่างกายจากภายในอีกด้วยก็เท่านั้นเอง”
“เอ่า … แล้วทำไมเจ้าถึงไม่รีบบอกก่อนหน้านี้ล่ะ?”
กู่ฉิงซานยกมือขึ้นเกาหัวแบบทำอะไรไม่ถูก เอ่ยตอบกลับไป “ก็ผมยังไม่ทันจะมีเวลาได้พูดเลย คุณก็กินมันเข้าไปแล้ว”
ชายชราเริ่มมวนท้อง กระเพาะของเขาเริ่มส่งเสียงครืดคราดๆ บางสิ่งบางอย่างวิ่งปรู๊ดๆไปตามลำไส้ใหญ่
ชายชราหันซ้ายหันขวา ก่อนจะเจอเป้าหมายที่เหมาะสม และเดินกะเผลกๆพลางปิดตูดเข้าไปในห้องน้ำทันที
“ช้าก่อน! ในเมืองนี้ยังมีคนอื่นๆอยู่อีกไหม?” กู่ฉิงซานตะโกนถามเสียงดังไล่หลังเขา
“ข้าเป็นผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย!”
ชายชราตอบ และวิ่งหายเข้าไปในตึกปะการังหลังหนึ่งทันที
กู่ฉิงซานพอได้ฟังก็นิ่งงันไป
“ดูเหมือนว่าหากเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งก็ยังพอที่จะมีโอกาสชีวิตรอดอยู่เหมือนกันสินะ” เขาบ่นงึมงำ
ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่อีกฝ่ายกำลังปลดทุกข์ กู่ฉิงซานจึงเดินกลับไปสำรวจบริเวณจตุรัส
เมื่อครู่นี้ไม่รู้เหมือนกันว่ามอนสเตอร์ทะมึนมันทำอะไรลง แต่ตลอดทั้งจตุรัสได้หายไปอย่างน่าฉงน
และถูกแทนที่ด้วยหลุมดำอันมืดมิด
-เป็นหลุมที่ลึกชนิดมองลงไปไม่เห็นเบื้องล่าง
กู่ฉิงซานทดลองปล่อยจิตสัมผัสเทวะลงไปค้นหา แต่กลับไม่พบถึงก้นหลุม
กู่ฉิงซานเดินมาหยุดอยู่ตรงขอบจตุรัสและหันไปมองรอบๆ
ใต้ฝ่าเท้าของเขา ตามขอบพื้นจตุรัสที่เดิมเคยเป็นน้ำเงินฟ้า บัดนี้หายไปแล้วโดยสิ้นเชิง
ตรงขอบหลุม ถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟสีน้ำตาลแดงแทน
เปลวไฟเหล่านี้ผุดออกมาจากพื้นดิน ยามเมื่อถูกสายลมพัด มันจะลุกโชยไปตามสายลมคล้ายหางของเปลวไฟที่ยืดยาวออกไป
ราวกับว่าเปลวไฟเหล่านี้มีชีวิต พวกมันสาดแสงใส่กันและกัน หลอมรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างพื้นที่เอกเทศ แบ่งแยกตนเองออกจากโลกใบนี้
ดาบพิภพเปล่งเสียงออกมาอย่างกระทันหัน “นี่คือไฟจากแดนชำระล้างบาป”
“แดนชำระล้าง? ถ้าอย่างนั้นมันยังเป็นปกติอยู่หรือเปล่า?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ไอ้ที่พูดว่าปกติ เจ้าหมายถึงอะไร?”
“ความหมายของข้าก็คือ มันยังไม่ได้ถูกครองงำโดยระบบของราชามารใช่หรือไม่?”
“หากแต่ก่อนก็คงปกติอย่างที่เจ้าว่า แต่ตอนนี้ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ดาบพิภพกล่าว
“ถ้างั้นแล้วไฟพวกนี้ล่ะ?”
“มันก็เป็นไฟจากแดนชำระล้างบาปนั่นแหละท่าน” อีกเสียงหนึ่งตอบขึ้น
กู่ฉิงซานหันไปมอง
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ จู่ๆก็มีคนปรากฏตัวขึ้นใจกลางหลุมลึก
เขาเป็นชายที่แต่งกายด้วยชุดสีดำทางการ มีส่วนสูงพอสมควรและดูสุภาพเป็นอย่างยิ่ง
“ยินดีที่ได้พบกัน มิสเตอร์กู่ฉิงซาน กระผมเป็นตัวแทนจากแดนชำระล้าง เจ้านายของกระผมบอกว่าเมื่อไหร่ที่คุณโค่นมอนสเตอร์ตัวนี้ลงได้ คุณก็จะได้รับคุณสมบัติในการเจรจราไก่ลเกลี่ยกับพวกเรา”
“เจรจราไกล่เกลี่ยอย่างงั้นหรอ?”
“ถูกต้อง เป็นการไกล่เกลี่ยระหว่างคุณกับระบบของราชามาร โดยเจ้านายได้ให้กระผมรับหน้าที่เป็นคนกลาง”
“แล้วทำไมฉันต้องทำด้วย?”
“มิสเตอร์กู่ฉิงซาน คุณรู้จักโลกที่เจริญแล้วหรือโลกที่มีอารยธรรมนับไม่ถ้วนที่เรี–”
“ฉันไม่ชอบที่จะตอบคำถาม ถ้าคุณมีอะไรจะบอกฉัน โปรดพูดมาเลยตรงๆ”
ชายชุดดำยื่นนิ้วชี้ออกมา และกล่าว “มีเพียงระบบเท่านั้นที่เป็นสัญลักษณ์ที่จะทำให้อารยธรรมยังคงมีอยู่ได้”
เมื่อกี้มันพูดว่าระบบงั้นหรอ?
ในหัวใจของกู่ฉิงซานเริ่มตื่นตัว
“ฉันได้ยินมาว่าแดนชำระล้างเป็นสถานที่ๆสับสนวุ่นวายที่สุดนี่นา แล้วคนจากที่นั่นสมควรที่จะมาสอนเรื่องอารยธรรมให้แก่คนจากโลกอื่นจริงๆน่ะหรือ?” กู่ฉิงซานสวนกลับไป
“สถานที่แห่งนั้นสับสนวุ่นวายจริงๆ แต่ตัวระบบก็เป็นส่วนหนึ่งของความวุ่นวายที่ว่านั่น และอีกอย่างเจ้านายแห่งแดนชำระล้างของกระผมเอง ก็ชื่นชอบในความวุ่นวายเช่นกัน” คนๆนั้นกล่าว
“แล้วคุณต้องการอะไรจากฉัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“มิสเตอร์กู่ฉิงซาน อันที่จริงแล้วพวกเราไม่ควรปรากฏตัวขึ้นในสถานที่แห่งนี้เลย ไม่ว่าจะคุณหรือกระผม”
“พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง?”
“เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online คือระบบของราชามาร แต่คุณ! ในฐานะที่คุณไม่ได้เป็น ‘ตัวแทน’ ของระบบใดๆ ดังนั้นพวกเราจึงคาดหวังว่าคุณจะหยุดแต่เพียงเท่านี้ ซึ่งหากคุณตกลง คุณจะได้เป็นมิตรที่ดีกับแดนชำระล้าง”
“พูดแบบนี้ หมายความว่าคุณเป็นคนของเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online ใช่รึเปล่า?”
“ไม่ใช่ ย้ำอีกครั้งว่าเราเป็นคนกลาง”
ชายที่สวมชุดดำดูเป็นทางการยังคงกล่าวต่อ “ถ้าคุณตกลงที่จะหยุดแต่เพียงเท่านี้ และยินดีที่จะจากไปทันที ทางแดนชำระล้างของพวกเราจะช่วยพาคุณหลบลี้ หนีห่างไปจากสถานที่อันแสนไกลของสนามรบ และรับประกันว่าระบบราชามารจะไม่สามารถคุกคามหรือส่งผลกระทบต่อคุณได้อีกต่อไป”
“ทำไมถึงต้องมาไกล่เกลี่ยด้วย?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
อีกฝ่ายส่งรอยยิ้มในเชิงขออภัยกลับมา “หากกระผมตอบคำถามนี้ของคุณ ความลับของพวกเราก็คงจะถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์ เรื่องนี้คงต้องขอโทษด้วย”
“มิสเตอร์กู่ฉิงซาน ยอมรับการไกล่เกลี่ยครั้งนี้โดยดีเถอะ หากยอมรับ ไม่เพียงระบบราชามารจะไม่เข้ามายุ่งย่ามกับคุณ แต่ทางแดนชำระล้างของพวกเรายังยินดีต้อนรับคุณในฐานะแขกอีกด้วย”
“เห? ดูเหมือนคุณจะมั่นใจไม่น้อยเลยนะว่าจะสามารถโน้มน้าวใจฉันได้?”
“นั่นก็เพราะท้ายที่สุดนี้ คุณมันก็เป็นแค่มดตัวเล็กๆ แถมยังไม่ได้เป็นตัวแทนของระบบใดๆ ดังนั้นคุณย่อมไม่ต้องการเลือกหนทางที่มันเป็นการฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน”
“ดูเหมือนว่าการออกหน้าของคุณในครั้งนี้ มันจะเป็นเพราะต้องการที่จะทำให้ใครบางคนรู้สึกพึงพอใจสินะ?”
“เฉียบแหลมมาก เฉียบแหลมเกินไปจริงๆ มิสเตอร์กู่ฉิงซาน แต่คุณควรรู้เท่านี้ก็พอแล้ว กระผมจะไม่พูดอะไรกับคุณอีก เอาล่ะ ตอนนี้ก็ขอให้เลือกทางซะ-”
“ฉันขอปฏิเสธ”
“ … คุณแน่ใจหรือ? อ๋า ต้องขออภัยจริงๆ กระผมลืมบอกไปว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นหากคุณเลือกที่จะปฏิเสธ”
“ว่ามาสิ ฉันกำลังตั้งใจฟังอยู่”
“ถ้าคุณปฏิเสธการไกล่เกลี่ยของเรา” บนใบหน้าของชายในชุดทางการปรากฏรอยยิ้มที่แฝงถึงความหมายที่ดูลึกลับ “เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตายลง เจ้านายจากแดนชำระล้างของกระผม จะเป็นคนเดินทางไปรับเอาดวงวิญญาณของคุณเป็นการส่วนตัว หลังจากนั้นคุณจะถูกโยนลงไปในเตาเผานรก และจะต้องทุกข์ คร่ำครวญด้วยความขมขื่น น้ำตาไหลเป็นสายเลือด ทรมานโดยไม่มีโอกาสที่จะได้หลุดพ้นอีกต่อไป”
กู่ฉิงซานเงียบ ก่อนจะพยักหน้าและกล่าวว่า “งั้นดูเหมือนว่าเจ้านายของคุณกับฉันจะมีความเห็นที่ตรงกันนะ”
ชายคนนั้นเผยสีหน้ายิ้มแย้ม “ความคิดเห็นตรงกันงั้นหรือ? ฟังดูน่าสนในดีนี่ มิสเตอร์กู่ฉิงซาน เชิญกล่าวต่อ”
กู่ฉิงซานก็ยิ้มออกมาด้วยเช่นกัน “ถูกต้อง เพราะนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันกับเจ้านายของแก จะมีศัตรูที่ต้องตายกันไปข้าง เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งยังไงล่ะ!”