เดิมทีจักรพรรดินีหลี่อันได้ตระเตรียมวิธีการรับมือกับบรรดาราชาภูตเอาไว้มากมาย
ตัวกู่ฉิงซานเองก็ยังคิดไปไกลว่าจะต้องมอบรางวัลใด จึงจะสามารถสร้างความประทับใจแก่ราชาภูตได้
ทว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นดั่งที่คาด เพราะเพียงแค่พวกมันได้เห็นถึงฉากสงครามในโลกปรภพ เหล่าราชาภูตก็ตอบรับโดยไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขใดๆ ทันที
“เช่นนั้น พวกเรามาลงนามสัญญากัน” จักรพรรรดินีหลี่อันกล่าว
“มัวรออะไรอยู่ เอาสัญญามา!” ราชาภูตผีศพเร่งเร้า
เมื่อเห็นใบไม้ของรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามที่หลี่อันนำออกมา เหล่าราชาภูตรีบคว้ามัน และทยอยกันลงนามด้วยความปีติ
กระบวนการทั้งหมดนั้นช่างง่ายดายและรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าสิ่งต่างๆ เสร็จสิ้นลงแล้ว กู่ฉิงซานก็ประสานฝ่ามือ โค้งกายไปทางอีกฝ่าย “ขอบพระคุณทุกท่าน ไว้พวกเราค่อยมาเจอกันอีกคราในเร็วๆ นี้”
“ฮ่าๆๆ แล้วข้าจะตั้งตารอ!” ราชาภูตผีโหยกล่าว
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก พวกเราทุกคนน่ะต่างก็เป็นราชาภูต นับจากนี้ไปอย่างไรเสียก็คงจะได้พบเจอกันอีกในอนาคต” ราชาภูตผีศพกล่าว
“ฉะนั้นมาสร้างไมตรีกันไว้ย่อมดีกว่า จะได้มีมิตรสหายไว้คอยช่วยเหลือ ใช่ไหมราชาภูตผีปรภพ?” ราชาภูตผีศพเอ่ยถาม
“แน่นอน หากได้สหายเพิ่มขึ้นอีกสักสองสามคน ข้าเองก็ยินดี” กู่ฉิงซานหัวเราะ
เมื่อเห็นทัศนคติของอีกฝ่าย ผีศพก็หยิบช้อนหยกออกมา และโยนมันให้แก่กู่ฉิงซาน
“นั่นคือตราสัญญาณของข้า เจ้าสามารถใช้มันเพื่อติดต่อกับข้าได้ตลอดเวลา” ผีศพกล่าว
เมื่อผีกระหายเลือดกับผีโหยเห็นแบบนั้น พวกมันก็เริ่มหยิบตราสัญญาณของตนเองออกมา และมอบให้กับกู่ฉิงซาน
ตราสัญญาณของผีโหยเป็นก้อนข้าว ขณะที่ตราสัญญาณของผีกระหายเลือดเป็นขวดน้ำเต้า
กู่ฉิงซานที่กำลังถือตราสัญญาณทั้งสามชนิดนี้ เมื่อมองลงไป เขาก็รู้สึกคล้ายว่าตนกำลังเตรียมที่จะตั้งโต๊ะรับประทานอาหารอย่างไรอย่างนั้นเลย
เขาพลิกมือและเก็บตราสัญญาณก่อนเป็นอันดับแรก
ในเวลานี้ ราชาภูตทั้งสามต่างก็มองเขา และเฝ้ารอรับตราสัญญาณจากเขาอยู่
กู่ฉิงซานเริ่มเกิดอาการปวดหัว
เขาไม่มีตราสัญญาณ ที่ตนมีติดตัวและสามารถใช้สื่อสารได้ ก็คงจะมีเพียงยันต์สื่อสาร แต่นั่นมันสามารถใช้งานได้ครั้งเดียวและมีระยะจำกัด
หากเป็นในตลอดทั้งหมื่นโลกา เขาไม่มีสิ่งใดที่สามารถใช้สื่อสารแบบทะลวงมิติได้เลย
แต่แล้วเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก ปากเอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “ข้าไม่มีตราสัญญาณที่จะให้พวกเจ้า แต่ทุกคนสามารถมาเยี่ยมเยือนข้าได้ที่สมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม”
ผีศพอดไม่ได้ที่จะกล่าว “ข้าเหมือนจะจดจำได้ว่า ที่นั่นคือชื่อสถานที่ในโลกมิติอนันต์ใช่หรือไม่?”
“โอ้ ใช่แล้วล่ะ” กู่ฉิงซานยืนยัน
สามราชาภูตมองหน้ากัน ในหัวใจของพวกมันต่างสั่นสะท้าน
ราชาภูตผีปรภพผู้นี้ สามารถอาศัยอยู่ในโลกมิติอนันต์ได้ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องมีสัมพันธ์ที่ดีกับอย่างน้อยหนึ่งตัวตนทรงอำนาจ!
ต้องรู้นะว่าตลอดทั้งโลกมิติอนันต์ เป็นศูนย์กลางของตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการ
และในโลก เก้าร้อยล้านชั้น ตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการคือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด!
สามราชาภูตถอนหายใจอย่างลับๆ ความระแวงสงสัยที่ยังอยู่ลึกเข้าไปในหัวใจ บัดนี้สลายไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่แท้จริงแล้วพวกเขาไม่ทราบหรอก ว่าจริงๆ แล้วที่กู่ฉิงซานได้ไปเจอแบรี่กับเสี่ยวเหมียว จนได้เข้าร่วมกับสมาคมน่ะ มันเป็นเพราะเสี่ยวถายไหว้วานเขาไปส่งของ เสี่ยวถายเป็นจุดเริ่มต้นให้เขากับสมาคมกำปั้นเหล็กได้รู้จักกัน และพัฒนาความสัมพันธ์จนเป็นดั่งเช่นในปัจจุบันนี้
แต่ไม่ว่าระหว่างกระบวนการมันจะผิดเพี้ยน หรือแปลกประหลาดมากเพียงใด อย่างไรเสียการได้รู้จักกับตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการก็นับว่าน่าอัศจรรย์ใจอยู่ดี
หมอกค่อยๆ จางหายไป
ราชาภูตทั้งสามกลับไปยังโลกผีของตน และเฝ้ารอคอยให้ทัณฑ์สวรรค์เรียกตัวอย่างอดทน
ในที่สุด ขั้นตอนที่ยากที่สุดก็จบลงเสียที
กู่ฉิงซานพยักหน้าให้กับทุกคน เดินกลับไปที่ฟูก และนั่งลงอย่างช้าๆ
“ข้าจะปรับสภาวะตน และเตรียมข้ามผ่านโทษทัณฑ์แล้วนะ”
พอได้ยิน มารสวรรค์ตนแล้วตนเล่า ก็ค่อยๆ ถอยห่างออกไป
พวกเธอทั้งหมดต่างรู้ดี ว่าอำนาจของโทษทัณฑ์น่ะใหญ่หลวงนัก ยิ่งเป็นในโลกใบนี้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
“ช้าก่อน!” แม่มารตะโกนขัด
กู่ฉิงซานหันไปมองเธอ
“การที่เจ้าคิดหมายว่าจะใช้ทัณฑ์สายฟ้ากำราบกองทัพสัตว์ประหลาดผี นับว่าเป็นความคิดที่วิเศษยิ่งก็จริง” แม่มารเริ่มเอ่ยปาก
“แต่ในโลกใบนี้ เทพบรรพกาลได้รังสรรค์กฎเกณฑ์ ส่งผลให้อำนาจของสายฟ้าสูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวนัก ข้าว่าไม่ต้องกล่าวถึงสัตว์ประหลาดผี เกรงว่าจะเป็นตัวเจ้าเองเสียมากกว่า ที่ถูกกลบฝังภายใต้ทัณฑ์สายฟ้านี้ก่อนพวกมัน เรื่องนี้เจ้าเองก็น่าจะกระจ่างใจดีมิใช่หรือ?”
กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าว “ข้ามีลางสังหรณ์จริงๆ ว่าทัณฑ์สวรรค์นี้ อาจจะเป็นทัณฑ์ที่ยากเย็นที่สุดในชีวิตของข้า ทว่าในเมื่อลูกธนูถูกขึงลงบนเชือกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรมันก็จักต้องถูกยิงออกไป”
ลอร่าที่กำลังรับฟังอยู่ สีหน้ากลายเป็นไม่สู้ดีทันที
เธอดึงแขนเสื้ออีเลียอย่างเงียบๆ
“ฝ่าบาท มีอะไรงั้นหรือ?” อีเลียถาม
“เขาจะเป็นอันตรายรึเปล่า?” ลอร่าถาม
อีเลียอธิบาย “เนื่องจากสายฟ้าในโลกใบนี้ได้รับการอวยพรจากเหล่าทวยเทพ ดังนั้นสถานการณ์ที่เขาต้องเผชิญ ย่อมอันตรายเป็นอย่างมาก”
“ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมเขาจะต้องฝืนทำมันต่อไปด้วย? ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองก็น่าจะเข้าใจดีที่ที่สุดแล้ว” ลอร่ากล่าว
อีเลียยิ้มอย่างขมขื่น “สำหรับเรื่องทัณฑ์สวรรค์ ปกติก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดยืนยันถึงเรื่องสำเร็จหรือล้มเหลวออกมาอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับทัณฑ์สวรรค์ที่ถูกเสริมอำนาจหลายเท่า ท่านลองดูพวกมารสวรรค์สิ ”
ลอร่าเบนสายตาออกไป
เห็นแค่เพียงสีหน้าของมารสวรรค์ที่เคร่งเครียด และถอยห่างไกลออกไป
พวกมันค่อยๆ เว้นระยะห่างจากตำแหน่งของกู่ฉิงซาน
“พวกเราก็ถอยกันเถิด หากอยู่ในระยะพิสัยทัณฑ์สวรรค์ จะยิ่งเป็นการเพิ่มความยากลำบากให้แก่เขา” อีเลียกล่าว
ว่าจบ เธอก็สั่งการทหารพิทักษ์ เคลื่อนกระบวนทัพนำพาลอร่าไปยังอีกด้านหนึ่ง
ในหัวใจของลอร่าเริ่มรู้สึกกังวลมากขึ้น เธอเอ่ยถามเสียงกระซิบ “พวกเราไม่มีวิธีที่พอจะช่วยเขาได้เลยหรือ?”
อีเลียส่ายหัว และกล่าว “เมื่อผู้ฝึกยุทธ์คิดจะตัดผ่านขอบเขต พวกเขาจะตระเตรียมเม็ดยา ค่ายกล อาวุธ เกราะรบ ยันต์ ฯลฯ ไว้เพื่อป้องกันตนเองอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านั้นได้รับอนุญาตจากกฎเกณฑ์แห่งทัณฑ์สวรรค์ว่าให้สามารถใช้ได้”
“หากทั้งหมดที่กล่าวมาได้รับอนุญาต ข้าเชื่อว่าเขาก็ย่อมต้องเตรียมมันไว้พร้อมแล้วเช่นกัน ต่อจากนี้ไปก็พวกเราก็ทำได้แค่ดูว่าเขาจะสามารถต้านทานทัณฑ์สายฟ้าในครั้งนี้ได้หรือไม่”
อีเลียสังเกตเห็นถึงความกังวลของลอร่า เธอเลยเตือนออกไป “ลอร่า ท่านจงจำเอาไว้ให้ดี ว่านี่คือหนทางที่เขาเป็นคนเลือกเดินเอง ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเขาได้ หากเข้าไป เกรงว่ามันจะเป็นการกระตุ้นให้ทัณฑ์สวรรค์แข็งกร้าวขึ้นยิ่งกว่าเดิม”
ลอร่าแทบหยุดหายใจ เธอเงียบไปนานก่อนจะอุทานอย่างแผ่วเบา “แต่…เกราะรบของเขา…”
อีเลียพอได้ยิน ก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ทันที
“จริงสิ” เธอหันไปมองลอร่าด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ก่อนหน้านี้ข้าต้องการที่จะมอบชุดเกราะรบนายพลหนามให้แก่เขา แต่เขากลับไม่สามารถสวมใส่มันได้ ฟังจากที่เขาบอกมา ดูเหมือนว่าท่านจะมอบชุดเกราะรบให้แก่เขาไปก่อนหน้านี้แล้ว”
“ลอร่า ท่านให้เกราะรบล่องหนแก่เขาใช่หรือเปล่า? มันเป็นเกราะรบชนิดใดกัน?”
“เรา…”
สีหน้าของลอร่าเริ่มจะซีดเซียว
ในพิสัยเวลานี้ มีเพียงแม่มารกับหลี่อันเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ข้างๆ กับกู่ฉิงซาน
“กำลังจะเริ่มแล้วนะ พวกท่านก็ช่วยถอยออกก่อนเถอะ”
กู่ฉิงซานที่นั่งอยู่บนฟูก กล่าวทั้งที่ยังคงหลับตา
“เจ้าไม่ต้องมาใส่ใจข้าหรอก ข้าจะช่วยตรวจสอบดูให้ก่อน ว่าประสิทธิภาพของทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้สูงเพียงใด” แม่มารกล่าว
กู่ฉิงซาน“คงต้องรบกวนท่านแล้ว”
จิตใจของเขากวาดไปทั่วทั้งร่างกายอย่างอ่อนโยน เหนี่ยวนำพลังวิญญาณไปบรรจบกันที่ตันเถียน จัดเตรียมการเริ่มกระบวนการตัดผ่านในขั้นสุดท้าย
พลังวิญญาณในตันเถียนของเขาค่อยถูกรวบรวม มันพุ่งสูงขึ้น สูงขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงจุดที่กำหนด
ช่วงเวลาสำหรับการตัดผ่านกำลังใกล้เข้ามาแล้ว!
กฎแห่งฟ้าดินตระหนักได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขาทันที
ในเสี้ยววินาที สายลมแรงกรรโชกมาจากทุกทิศทาง ก้อนเมฆหนาที่เป็นจุดเริ่มต้นของโทษทัณฑ์เริ่มม้วนเป็นเกลียว
ทันใดนั้นเอง กลุ่มก้อนสายฟ้าสีม่วงก็ผุดออกมาจากเมฆ และตกลงบนหัวมังกรสายฟ้าอย่างช้าๆ
สายฟ้าสวรรค์ไหลเข้าไปในดวงตาของมังกรสายฟ้า
โฮก!
เบื้องบนท้องฟ้า สายฟ้าจากเมฆฟาดผ่าลงมายังมังกร ถ่ายเทพลังอำนาจให้มันจนเกิดเสียงคำรามก้องอย่างต่อเนื่อง
ดวงตาที่เปล่งประกายพลันเปิดออก จ้องมองไปยังกู่ฉิงซานอย่างเงียบๆ
สีหน้าของแม่มารแปรเปลี่ยนรุนแรง เธอตะโกนลั่น “มังกรสายฟ้าตนนี้มีจิตนึกคิด! นี่มันทัณฑ์สวรรค์ระดับขีดสุดความว่างเปล่า! กู่ฉิงซาน เจ้าจะตัดผ่านมันไม่ได้ จงเร่งสลายพลังวิญญาณในตันเถียนเดี๋ยวนี้!”
กู่ฉิงซานส่ายหัวและกล่าว “ข้าต้องทนพยายามอย่างหนักจนกระทั่งมาถึงช่วงเวลานี้ และตอนนี้มันเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ข้ามิอาจถอยหนีได้!”
แม่มารจ้องมองเขา และตระหนักได้ถึงความประสงค์ของอีกฝ่าย หลังจากที่ตนได้ขบคิดอย่างระมัดระวัง เธอก็หันไปขยิบตา ส่งสัญญาณให้แก่หลี่อัน
“มนุษย์ผู้นี้มีประโยชน์ต่อเราอย่างใหญ่หลวง หากเขาจะต้องจบชีวิตลงมันคงน่าเสียดายเกินไป เจ้าจงคิดหาวิธีหยุดเขาเสีย” เธอส่งเสียงผ่านความคิดอย่างเงียบๆ
หลี่อันพอได้ฟัง ก็ตอบกลับไป “ท่านแม่ เขาจะไม่สามารถข้ามผ่านโทษทัณฑ์ในครั้งนี้ไปได้จริงหรือ?”
“โอกาสน้อยเกินไป ตอนนี้ตัวเขากำลังทะลวงโทษทัณฑ์ประทับเทพ แต่อำนาจของทัณฑ์สวรรค์กลับพุ่งสูงขึ้นถึงไปถึง 3 ขอบเขต ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มากพรสวรรค์เพียงใด อย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องยากที่จะจัดการ” แม่มารกล่าว
ในหัวใจของหลี่อันเริ่มหนักอึ้ง เธอเร่งเค้นสมองอย่างรวดเร็ว จนบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นทันที
“กู่ฉิงซาน เจ้ายังจำอาจารย์ของเจ้าได้หรือไม่?” เธอเอ่ยปากออกมา
กู่ฉิงซานหยุดการตัดผ่านขอบเขตทันที เขาลืมตาขึ้นมองเธอ
หลี่อันไปรู้จักอาจารย์ของเขาได้อย่างไรกัน?
จริงสิ ในเวลานั้นท่านอาจารย์ได้ต่อสู้กับฉีหยานนี่นา ระหว่างนั้นหลี่อันก็กำลังเตรียมเทคนิคมนตรามารสวรรค์อยู่บนท้องฟ้า
ดังนั้นหลี่อันก็น่าจะได้เห็นนางเซียนไป่ฮั่ว และรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคืออาจารย์ของตัวเอง
กู่ฉิงซานถาม “เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์ของข้างั้นหรือ?”
“ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นหรอก แต่โลกมารสวรรค์น่ะเชื่อมโยงกับโลกเทวะของเจ้า ดังนั้นข้าอาจจะส่งเจ้ากลับไปได้ หากเจ้ายินดีที่จะกลับไปตัดผ่านในโลกเทวะ ไม่เพียงแต่อานุภาพของทัณฑ์สวรรค์จะลดทอนลง แต่เจ้ายังสามารถได้รับการแนะแนวทางจากอาจารย์ของเจ้า ซึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์คนแรกที่สามารถตัดผ่านขอบเขตประทับเทพได้อีกด้วยนะ” จักรพรรดินีหลี่อันกล่าว
กู่ฉิงซานขบคิดและกล่าว “ฟังจากที่เจ้าพูดมา นั่นหมายความว่าโลกเทวะก็เชื่อมต่อกับหกวิถีแห่งสังสารวัฏด้วยอย่างงั้นสินะ?”
“จริงๆ แล้วก็ใช่” หลี่อันพยักหน้าตอบ
กู่ฉิงซาน “หากเป็นเช่นนั้น ได้โปรดส่งคำกล่าวของข้าไปมอบให้แด่ท่านอาจารย์ด้วย”
หลี่อันตกใจ “นี่เจ้ายังคิดที่จะตัดผ่านขอบเขตที่นี่อยู่อย่างงั้นหรือ?”
“ทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้ เป็นเส้นทางที่ข้าเลือกเดิน ฉะนั้นข้าจึงจำต้องก้าวออกไปเผชิญกับมัน”
กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “หากข้ามิอาจรอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้ไปได้ ขอเจ้าจงไปแจ้งให้อาจารย์ข้าทราบว่า การที่ข้าได้เข้าร่วมกับนิกายร้อยบุปผา ได้เป็นลูกศิษย์ของท่าน และได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทุกสิ่งอย่างข้าขอบคุณมากจริงๆ แม้จะยังไม่ได้ตอบแทน แต่หากชาติหน้ามีจริง ข้าจะข้ามน้ำข้ามทะเลไปหาท่าน และสาบานว่าจะอุทิศทั้งชีวิตตอบแทนพระคุณ…”
…………………………………………………