สุสานแห่งโลก…ที่พิเศษออกไป?
ความคิดมากมายวาบผ่านเข้ามาในจิตใจของกู่ฉิงซาน
เพราะอะไรมันถึงได้ถูกเรียกว่าพิเศษ?
แล้วพวกเขารู้ได้อย่างไรว่าสุสานแห่งโลกใบนี้พิเศษออกไป?
หากสิ่งที่คนคนนี้กล่าวเป็นความจริงแล้วล่ะก็ สิ่งเดียวที่มั่นใจได้อย่างแท้จริงก็คือ ‘พระเจ้าของพวกเขาน่าจะเป็นคนที่รู้ว่าสุสานแห่งโลกแห่งนี่พิเศษออกไป’
แต่นี่มันแปลกๆ อยู่นะ
ทำไมพระเจ้าของพวกเขาถึงเลือกที่จะมองผ่านโลกเก้าร้อยล้านชั้น และมุ่งเป้ามายังโลกกระจัดกระจายโดยตรงกันล่ะ?
สถานการณ์ในเวลานี้แบ่งได้ออกเป็นสองกรณี
หนึ่งคือพระเจ้าของพวกเขาได้เฝ้าสังเกตโลกใบนี้มาเป็นระยะเวลานานแล้ว จนได้ล่วงรู้ถึงความลับบางอย่าง
อีกกรณีหนึ่งคือ ด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้พระเจ้าของพวกเขาค้นพบสถานที่แห่งนี้
กรณีใดกันนะที่น่าจะถูกต้อง?
กู่ฉิงซานคิดเกี่ยวกับมันและเงียบไป
ท่ามกลางเมฆแสนหนาวเหน็บบนท้องฟ้า ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ ตอบรับกลับมา บรรยากาศโดยรอบช่างเศร้าโศกและเงียบงัน
เฝ้ารออยู่ครู่หนึ่ง จนหัวหน้าแน่ใจว่าเขาไม่น่าจะได้รับการตอบสนองใดๆ กลับมา ในหัวใจของเขาก็เริ่มตื่นตระหนก และเร่งอธิบายต่อทันที
“พวกเราทำการออกค้นหาความผันผวนที่พระเจ้าทรงสัมผัสได้ ว่ามันเป็นหนึ่งในโลกกระจัดกระจายที่ไม่ปฏิบัติตามกฎของโลกเก้าร้อยล้านชั้น โลกที่ทำการผสานรวมกับโลกอื่นจนเสร็จสิ้นโดยพลการ”
เขาเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ซึ่งเราได้ทำการตรวจสอบแล้ว และสามารถยืนยันได้ว่าเกิดความผันผวนจากการผสานโลกขึ้นจริงๆ”
“ทำได้ดีมาก ว่าต่อไปสิ” กู่ฉิงซานยกย่อง
หัวหน้าเมื่อถูกเอ่ยชม เขาก็เร่งบอกกล่าวต่อทันที “แต่สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือ โลกที่ว่านั่นดันกลายเป็นหกวิถี”
“โลกหกวิถี?”
“ขอรับ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจริงๆ เพราะโลกหกวิถีชัดเจนว่าสมควรอยู่ในดินแดนอัศจรรย์ เป็นสถานที่ซึ่งไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ เว้นแต่จะได้รับเชิญ แต่สถานที่แห่งนี้กลับปรากฏถึงวัฏจักรแบบปิดของหกวิถี แถมสองในหกก็ยังได้ทำการผสานรวมกันไปแล้วอีกด้วย”
“ท่ามกลางโลกกระจัดกระจายจะมีโลกหกวิถีอยู่ได้อย่างไร? นี่เจ้ากล้ากล่าวเรื่องไร้สาระเช่นนี้ต่อหน้าข้างั้นรึ?” กู่ฉิงซานเค้นเสียงเย็น
หัวหน้าเร่งอธิบายอย่างรวดเร็ว “ท่านผู้ใหญ่ นี่มันเป็นเรื่องจริง ข้าได้เห็นสายธารแห่งการหลงเลือนในโลกมนุษย์ที่ผสานรวมกับปรภพ และการมาเยือนของอาชูร่า ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ ผีร้าย จ้าวอสูร มาแล้วกับตา”
เขาหันไปกระซิบกับคนรอบข้าง “ช่วยข้าพิสูจน์ด้วยสิ”
แล้วคนเหล่านั้นจึงเร่งช่วยตะโกน “ท่านผู้ใหญ่ สิ่งที่หัวหน้าพูดเป็นความจริง พวกเราได้เห็นสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมากับตาเช่นเดียวกัน”
กู่ฉิงซานไตร่ตรอง และกล่าวด้วยน้ำเสียงลังเล “เอาเถอะ ตอนนี้ข้าจะทำใจลองเชื่อพวกเจ้าไปก่อน ว่าต่อสิ”
หัวหน้าถอนหายใจโล่งอก และอธิบายถึงรายละเอียด “ท่านผู้ใหญ่ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกใบนี้ช่างเล็กจ้อยและอ่อนแอ แน่นอนว่ามันไม่สามารถเทียบเปรียบกับโลกหกวิถีที่แท้จริงได้ ข้าเองก็คิดว่ามันแปลกเหมือนกัน ไม่ทราบเลยว่าทำไมจึงมีการดำรงอยู่ของโลกดังกล่าวได้”
“ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงทำการแบ่งกำลังคน และแยกกันออกไปสำรวจโลกแต่ละใบอย่างละเอียด”
“แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“เราได้พบกับความจริงอันน่าทึ่ง นั่นคือความจริงแล้วรากฐานและกฎเกณฑ์ของโลกมันไม่สมบูรณ์”
“ไม่สมบูรณ์?”
“ใช่ เพราะรากฐานของโลกไม่สมบูรณ์ ดังนั้นความแข็งแกร่งของทุกสิ่งมีชีวิตในหกโลกแห่งนี้ จึงด้อยกว่าสิ่งมีชีวิตของโลกหกวิถีในดินแดนอัศจรรย์”
“เหตุใดโลกหกวิถีจึงไม่สมบูรณ์” กู่ฉิงซานถามต่อ
“ผู้น้อยเองก็สับสนเช่นกัน เกรงว่าบางที โลกหกวิถีแห่งนี้อาจจะเป็นผลงานชิ้นทดสอบจากการรังสรรค์ของทวยเทพก็เป็นได้”
กู่ฉิงซานเงียบ
เพราะสำหรับเรื่องนี้ ตัวเขาน่ะรู้อยู่แล้วว่าโลกหกวิถีที่ตนเองอยู่ มันเป็นส่วนหนึ่งของเศษเสี้ยวโลกหกวิถีจริงที่แตกกระจายออกมา
แต่ความจริงนี้ไม่อาจพูดมันออกมาได้ เช่นนั้นผู้ใดเล่าจะสามารถคาดเดาถึงมันได้?
ในความเป็นจริง โลกหกวิถีในดินแดนอัศจรรย์เองก็ไม่สมบูรณ์เช่นกัน
แต่คาดว่าความแข็งแกร่งของทางฝั่งนู้นสมควรจะสูงยิ่ง และคงจะเป็นการยากเกินไปสำหรับบุคคลภายนอกที่จะไปยังที่นั่น ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ความจริงนี้
ฉะนั้น คงไม่มีผู้ใดหรอกที่จะสามารถจินตนาการได้ว่าโลกหกวิถีในดินแดนอัศจรรย์ แท้จริงแล้วจะเกิดการแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
กู่ฉิงซานเก็บรวบรวมคำที่อีกฝ่ายพูดมากลั่นกรองในจิตใจอย่างระมัดระวัง
เขาทำการสรุปข้อมูลอย่างละเอียด
อันดับแรกเลย โลกตลอดทั้งเก้าร้อยล้านชั้น มีกฎเกณฑ์ที่ยอมรับกันโดยทั่วไปอยู่ว่า การผสานรวมระหว่างโลกกับโลก ไม่ใช่สิ่งที่สามารถกระทำโดยพลการได้อย่างง่ายดาย
ประการที่สองก็คือ เมื่อกู่ฉิงซานได้ทำการหลอมรวมโลกปรภพกับโลกมนุษย์เข้าด้วยกัน ส่งผลให้บังเกิดความผันผวนที่ไปดึงดูดความสนใจจากพระเจ้าของพวกเขาเข้า
ประการที่สาม หากสิ่งมีชีวิตจากทั้งหกโลกมิได้ปรากฏตัวขึ้นในโลกมนุษย์ บางทีบุคคลภายนอกเหล่านี้อาจจะไม่ทราบว่าที่นี่เป็นโลกหกวิถีก็ได้ หลังจากนั้นก็จะไม่ล่วงรู้ว่าโลกหกวิถีใบนี้ไม่สมบูรณ์ซึ่งเป็นเหตุผลให้สิ่งมีชีวิตอ่อนแอ เพราะในโลกกระจัดกระจายน่ะสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ก็อ่อนแออยู่แล้ว และสุดท้ายในโลกตลอดทั้ง เก้าร้อย ล้านชั้นก็จะไม่มีใครให้ความสนใจใดๆ กับที่นี่
ความคิดของกู่ฉิงซานค่อยๆ กลายเป็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เขาตริตรองและเอ่ยถาม “เช่นนั้น แล้วภารกิจที่พระเจ้ามอบหมายให้พวกเจ้าค้นหาสุสานแห่งโลกที่พิเศษออกไป เสร็จสิ้นลงแล้วหรือยัง?”
หัวหน้ากล่าวด้วยความสลดใจ “ท่านผู้ใหญ่ พวกเรายังไม่ค้นพบมันเลย”
กู่ฉิงซาน “ข้าอุตส่าห์คิดว่าเจ้าเป็นคนมีความสามารถ เหตุใดจึงไม่ค้นพบมัน?”
หัวหน้ากล่าว “เพราะตั้งแต่ที่เดินทางมายังโลกใบนี้ นาฬิกาเทพ ก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงคลื่นความผันผวนที่พิเศษ หรือตอบสนองใดๆ อีกเลย ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถค้นหาสุสานแห่งโลกได้”
นาฬิกาเทพ?
กู่ฉิงซานได้รับรู้เรื่องใหม่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“พวกเจ้าทั้งหมดกลับมาในสภาพตาย แล้วนาฬิกาเทพเล่า? พวกเจ้าสูญเสียมันไปแล้วใช่หรือไม่?” เขาเอ่ยถามอย่างรุนแรง
หัวหน้ากับลูกน้องของเขาเร่งคุกเข่าลงกับพื้นทันที
“ท่านผู้ใหญ่ นาฬิกาเทพไม่ได้หายไปไหน พวกเราซ่อนมันเอาไว้สุดปลายของโลกในขั้วโลกเหนือ ภายใต้ยานอวกาศ”
“ยานอวกาศ?” กู่ฉิงซานทวนซ้ำ
“ขอรับ เป็นยานอวกาศที่มาจากอารยธรรมของโลก เก้าร้อย ล้านชั้น โลกของพวกเขามีสองอารยธรรมที่พัฒนาควบคู่กันไป นั่นคือในด้านเทคโนโลยีและด้านเทียนซวน (ผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์) แต่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน พวกเขาถึงได้เลือกมายังโลกกระจัดกระจาย”
“แล้วเจ้าสามารถเก็บเกี่ยวอะไรมาได้บ้างหรือไม่?”
“ไม่เลย เพราะการตกผลึกของอารยธรรมในด้านเทคโนโลยี มีขั้นตอนการตรวจสอบมากมายที่ค่อนข้างซับซ้อน ในบรรดาพวกเราไม่มีบุคคลที่มีความสามารถดังกล่าว จึงไม่สามารถปฏิบัติการต่อได้”
“ดังนั้น พวกเราจึงทำการสังหารผู้ที่คุ้มครองยานอวกาศ ยึดครองมัน และทำการซ่อนนาฬิกาเอาไว้ภายใต้เรือ”
หัวหน้าบีบรอยยิ้ม “ท่านผู้ใหญ่โปรดมั่นใจว่าจะไม่มีใครล่วงรู้ตำแหน่งนั้นนอกจากเรา”
“เจ้ากล้าสาบานหรือไม่?”
“ข้าสาบาน”
“งั้นก็ดี เจ้าประสบความสำเร็จในการรักษาจิตวิญญาณของตนเองเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจงน้อมรับการลงโทษในสถานที่แห่งนี้ไปอย่างช้าๆ”
คนเหล่านั้นเผยถึงความสุข และเร่งกล่าว “ขอบพระคุณท่านผู้ใหญ่!”
กู่ฉิงซานเริ่มขยับ เขาเตรียมที่จะออกไปจากที่นี่ทันที
แต่แล้วเจ้าตัวก็จดจำได้ถึงบางสิ่ง และกล่าว “ข้ามีคำถามสุดท้าย”
หัวหน้ากล่าวด้วยความนอบน้อม “ท่านผู้ใหญ่โปรดกล่าว”
“เป็นเพราะพวกเจ้าล้มเหลว ข้าจึงจำต้องไปยังโลกใบนั้นเพื่อเริ่มต้นการตรวจสอบด้วยตัวเอง ดังนั้นข้าต้องการจะรู้ ว่าในช่วงเวลาที่พวกเจ้ากำลังออกเดินทาง พระเจ้าได้บอกคำใดแก่พวกเจ้าบ้าง?”
หัวหน้าตอบอย่างไม่ลังเล “ประสงค์ของพระเจ้าก็คือ ขอให้ข้าระมัดระวังตัว แม้ว่าจะต้องตายก็ห้ามเปิดเผยภารกิจของสถาบันเทพต่อคนนอก เพราะในความผันผวนที่พระเจ้ารู้สึก มันบ่งบอกว่าสุสานแห่งโลกที่นี่พิเศษออกไป ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่ามันควรจะเป็น”
แต่เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เสียงของเขาก็ขาดห้วงไป
ไม่ว่าจะผู้นำ หรือลูกน้องของเขา สีหน้าก็เริ่มแปรเปลี่ยน
“ไม่นะ! พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ข้ามิได้เปิดเผยมันต่อคนนอก”
เขาตะโกนเสียงดัง
ในขณะเดียวกัน ลูกน้องหลายคนของเขาก็กรีดร้องเสียงหลง
กู่ฉิงซานตระหนักได้ถึงสถานการณ์ไม่ดี เขาเร่งลงจากก้อนเมฆเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ทันที
เห็นแค่เพียงบรรดาร่างของคนตายค่อยๆ ถูกหลอมละลาย คล้ายกับน้ำตาเทียนที่ถูกแผดเผาโดยเปลวไฟ
ขณะเดียวกัน เมื่อคนเหล่านั้นเห็นการปรากฏตัวของกู่ฉิงซาน ทั้งหมดก็กลายเป็นโง่งมโดยสมบูรณ์
และพวกเขาจึงค่อยตระหนักถึงความจริงของเรื่องนี้
“มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงเป็นเจ้า มันจบแล้ว! มันจบแล้ว!”
หัวหน้าพึมพำด้วยความสิ้นหวัง
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างมิอาจย้อนกลับไปแก้ไขได้
ร่างกายของพวกเขาค่อยๆ หายไปอย่างสมบูรณ์ เปิดเผยให้เห็นถึงดวงจิตวิญญาณในนรกเยือกแข็ง
ดวงวิญญาณเหล่านั้นค่อยๆ สูญเสียรูปลักษณ์ใบหน้า แขนขาของพวกเขาเริ่มหลุดลอกออก กลายเป็นกองภูเขาสีม่วงขนาดย่อมที่ดูประหลาดตา
กองสีม่วงเข้ามารวมตัวกัน
ไม่นานนัก ก็เริ่มค่อยๆ ก่อร่างเป็นใบหน้าที่ชัดเจนขึ้น
เป็นใบหน้าที่ครึ่งหนึ่งเป็นชาย ครึ่งหนึ่งเป็นหญิง และคล้ายกำลังแสดงออกถึงความเจ็บปวดอยู่
กู่ฉิงซานตระหนักได้ในทันทีว่านั่นคือพระเจ้าของพวกเขา!
อย่างไรก็ตาม ทรายสีม่วงมิได้รวมตัวกันแล้วก่อรูปเป็นใบหน้าเท่านั้น แต่มันก็กำลังหลอมรวมกันเป็นร่างกายอย่างรวดเร็ว
ความเย็นเยียบบาดลึกเข้ามาในจิตใจของกู่ฉิงซาน
การรับรู้ทางจิตของเขา ตระหนักได้ถึงภัยคุกคามที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าความตาย
กู่ฉิงซานวาดไม้เท้าแห่งการจองจำและเปิดใช้งาน ‘กระจายวิญญาณ’ อย่างไม่ลังเล
นี่คือวิธีการลงทัณฑ์ขั้นสุดของโลกปรภพ ที่ราชาภูตสามารถสั่งการสังหารจิตวิญญาณในขุมนรกได้เลยโดยตรง
พริบตานั้นสิ่งมีชีวิตอันแปลกประหลาดที่กำลังก่อตัวขึ้นก็ล่มสลาย กระจายตัวหายไป
และไม่ปรากฏขึ้นที่นี่อีกเลย
………………………………….