แบรี่แหงนหน้ามองหอคอยทองแดงที่เสียดแทงลึกขึ้นไปในท้องฟ้า เขาอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความวิตกกังวลน้อยๆ ขึ้นในจิตใจ
“ฉันกลัวว่าการรังสรรค์นี้ของเทพวิญญาณ จะนำพามาซึ่งกลิ่นสาบเลือดของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่เอ่อนอง” เขากล่าว
“คุณกำลังจะบอกว่า ผู้คนมากมายจะต่อสู้ เพื่อแย่งชิงหอคอยและโลกใบนี้ใช่ไหม?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
แบรี่ “นั่นคือสิ่งที่สมควรจะเป็น ถ้ากฎเกณฑ์ของหอคอยเป็นอย่างที่ใบหน้าทองแดงพูด ที่บอกว่าสามารถช่วยให้ทุกเผ่าพันธุ์ชีวิตแข็งแกร่งขึ้นได้ แล้วข่าวมันแพร่กระจายออกไป ฉันเดาได้เลยว่ามันคงจะเกิดการปั่นป่วนครั้งใหญ่ขึ้น”
เสี่ยวเหมียว “เมื่อถึงเวลานั้น ทุกชนิดของความยากลำบากก็จะตามมา ปัญหามากมายจะเกิดขึ้น สุดท้ายอิทธิพลจากทุกฝ่ายก็จะเริ่มลงมือ ซึ่งนี่คือสิ่งที่เคยปรากฏขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้งในประวัติศาสตร์”
“นั่นมันเป็นปัญหาจริงๆ อย่างน้อยก็มีสถาบันเทพที่หนึ่งแล้ว ที่รู้เรื่องนี้” กู่ฉิงซานกล่าว
ทั้งสามคนเริ่มวิตกกังวล
แต่ในเวลานั้นเอง ใบหน้าทองแดงก็พูดขึ้น
“เจ้าไม่ต้องกังวลไป สถานการณ์เช่นนั้น แน่นอนว่าเทพวิญญาณย่อมคาดการณ์เอาไว้แล้ว”
ทั้งสามหันไปมองใบหน้าทองแดงพร้อมกัน
ใบหน้าทองแดงยังคงกล่าวต่อ “เมื่อไหร่ก็ตามที่หกวิถีถูกผสานรวมเข้าด้วยกัน และหอคอยแห่งหมื่นโลกาถือกำเนิดขึ้น เทพวิญญาณจักอวยพรคุ้มภัยแก่โลกใบนี้”
“อวยพรคุ้มภัย?” กู่ฉิงซานก้มลงมองใบหน้าทองแดง ปากเอ่ยถามซิอีกครั้ง
ใบหน้าทองแดงกล่าว “ยามที่ข้าสลายไป กฎเกณฑ์ของโลกก็จะเปลี่ยนคุณสมบัติของมัน กลายเป็นโลกมิติอนันต์”
โลกมิติอนันต์!
โลกที่ตราบใดเราทราบถึงพิกัดของมัน เราก็จะสามารถข้ามผ่านข้อจำกัดของมิติและเวลา แล้วไปปรากฏตัวได้ในสถานที่นั้นๆ ได้เลยโดยตรง!
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ จำเป็นต้องได้รับการยินยอมให้เข้ามาจากเจ้าของมันเสียก่อน
เพราะโลกมิติอนันต์น่ะเปรียบดั่งเซฟเฮ้าส์ ไม่ใช่สิ่งที่อิทธิพลจากภายนอกจะสามารถบุกเข้ามาตามอำเภอใจได้
และเป็นเพราะแบรี่มีสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรมอยู่นั่นเอง เขาจึงยังสามารถรอดชีวิตมาจนถึงขนาดนี้ได้ ทั้งๆ ที่ตนได้รับบาดเจ็บสาหัส
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเขาหรือเสี่ยวเหมียว ก็จะไม่มีใครสามารถเข้าสู่สมาคมกำปั้นเหล็กได้
เมื่อได้ยินคำกล่าวของใบหน้าทองแดง ทั้งแบรี่และเสี่ยวเหมียวก็ถอนหายใจโล่งอก
กู่ฉิงซานพยักหน้าเล็กน้อย
ไม่อาจปฏิเสธได้เลย ว่ามาตรการคุ้มครองที่เหล่าทวยเทพเตรียมเอาไว้ให้ มันจะครอบคลุมถึงขนาดนี้
“เดี๋ยวก่อนนะ ในเมื่อโลกใบนี้จะกลายเป็นโลกมิติอนันต์ ถ้าเช่นนั้นแล้วเจ้าของโลกมิติอนันต์คือใครกัน?” แบรี่ถามอย่างกระตือรือร้น
“เจ้าของโลกมิติอนันต์ ก็คือคนที่ได้ทำการผสานรวมทั้งหกวิถีเข้าด้วยกัน” ใบหน้าทองแดงกล่าว
มันเบนสายตาไปมองกู่ฉิงซาน “และหากข้ารู้สึกไม่ผิด คนที่ทำการผสานรวมโลกก็คือเจ้า”
“เป็นผมเอง” กู่ฉิงซานยอมรับ
“เช่นนั้น เจ้าจงนำบางสิ่งบางอย่างที่จะใช้เป็นสื่อกลางในการถือครองอำนาจของโลกมิติอนันต์ออกมาเสีย”
“บางสิ่งบางเหรอ แล้วมันสมควรจะเป็นอะไร?”
กู่ฉิงซานหันไปมองแบรี่กับเสี่ยวเหมียว
สำหรับเรื่องนี้ เขาไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรมากนัก แต่ถ้าเป็นแบรี่กับเสี่ยวเหมียวที่เป็นเจ้าของโลกมิติอนันต์ คงจะต่างออกไป
แต่แบรี่กับเสี่ยวเหมียวดูเหมือนจะหัวเราะนำไปก่อนแล้ว
แบรี่กล่าว “นั่นสินะ สัญญาณและประตูของโลกมิติอนันต์จำเป็นต้องมีสิ่งที่ใช้กระตุ้นมันอยู่นี่นา”
เสี่ยวเหมียว “ นายจะต้องเลือกสิ่งที่เสียหายได้ยาก แต่ขณะเดียวกันก็มีความเกี่ยวข้องกันกับโลกใบนี้ เลือกมันให้มาเป็นอุปกรณ์ในการใช้ควบคุมการเข้าออกโลกมิติอนันต์”
“นายจะต้องเลือกมันอย่างรอบคอบ มิฉะนั้นแล้ว หากสิ่งที่ใช้แบกรับอำนาจเกิดความเสียหาย การถ่ายโอนอำนาจโลกมิติอนันต์ จะเป็นอะไรที่ยุ่งยากและลำบากมาก” แบรี่เสริม
กู่ฉิงซานคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าจับอากาศที่ว่างเปล่าอย่างแผ่วเบา
ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาปรากฏขึ้นในมือของเขา
บนดาบยาว ร่างของหญิงงามได้ปรากฏตัวออกมา
“นายน้อย ข้าเกรงว่าข้าจะไม่สามารถรับหน้าที่นี้ได้” ฉานนู่กล่าวอย่างไม่สบายใจ
กู่ฉิงซานยิ้ม “นั่นไม่จริงหรอก ตรงกันข้ามเลยต่างหาก ในความคิดของข้า หากไม่ใช่เจ้า เกรงว่าคงจะไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่จะสามารถแบกรับความรับผิดชอบนี้ได้”
ฉานนู่ “เหตุใดนายน้อยจึงกล่าวเช่นนั้น?”
กู่ฉิงซาน “นั่นเพราะเจ้าครอบครอง อมตะที่ส่งผลให้ไม่มีวันพังทลาย แหกกฎที่ส่งผลให้สามารถทำลายทุกกฎเกณฑ์ และทรงปัญญาที่สามารถเรียนรู้ประสบการณ์จากข้าได้ ด้วยสามพลังศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นเจ้าที่เหมาะสมที่สุด และหากวันใดที่ข้าล่วงลับไป เจ้าก็จงนำไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูตข้ามผ่านสายธารแห่งการหลงเลือน กลับไปยังปรภพ และจงหลบซ่อนตัวอยู่ในภูเขาล้อมเหล็กเสีย”
“หากทำอย่างที่ได้กล่าวมา ก็จะไม่มีผู้ใดสามารถเปิดประตูโลกมิติอนันต์แห่งนี้ได้อีกต่อไป”
“แล้วโลกใบนี้ก็จะไม่มีทางถูกปองร้าย ยึดครอง หรือแม้กระทั่งทำลายลง โดยอิทธิพลใดๆ จากภายนอก”
“นี่คือวิธีการสุดท้าย ที่จะสามารถการันตีว่าจะปกป้องโลกใบนี้เอาไว้ได้”
ฉานนู่พยักหน้าอย่างเงียบๆ “ข้าเข้าใจแล้ว นายน้อย”
ว่าจบ เธอก็หายกลับเข้าไปในดาบขุนเขาเทวะหกโลกาอีกครั้ง
ใบหน้าทองแดงเฝ้ามองจนถึงฉากนี้ จึงค่อยเอ่ยถาม “เจ้าได้เลือกแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่ ผมได้เลือกแล้ว”
กู่ฉิงซานโยนดาบขุนเขาเทวะออกไป
“ยอดเยี่ยมจริงๆ เท่านี้ภารกิจของข้าก็เสร็จสิ้น ในที่สุดข้าก็จะสามารถเข้าสู่ห้วงความฝันอันยาวนาน หลับใหลลงสู่ความสงบอันเป็นนิรันดร์เสียที”
สิ้นคำกล่าวนี้ ใบหน้าทองแดงก็เริ่มพังทลายลง
มันปริร้าว แตกระแหงเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นกรวดสีทองแดงนับไม่ถ้วน ก่อนที่ทั้งหมดจะเริ่มกวาดขึ้นไปในอากาศ
กรวดนับไม่ถ้วนสอดแสงสีทองแดงออกมา และแยกบินหายไปในสองทิศทาง
โดยกรวดทองแดงส่วนใหญ่ได้บินขึ้นไปบนท้องฟ้า และค่อยๆ สลายไป
ในขณะเดียวกัน โลกทั้งใบก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
และกรวดทองแดงอีกส่วนหนึ่งก็ลอยตรงมาหมุนวนอย่างรวดเร็วรอบตัวดาบขุนเขาเทวะ
ในท้ายที่สุด ทั้งหมดก็ผลุบลงบนใบมีดของดาบยาว
ดาบยาวที่แต่เดิมสาดแสงสว่างไสวดั่งน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วง บัดนี้ค่อยๆ แผ่คลื่นความผันผวนจากโบราณกาลออกมา
กระแสกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์กระจายออกมาจากดาบยาว
นี่คืออำนาจของเทพวิญญาณ! พวกมันกำลังมอบอำนาจให้กับโลกมิติอนันต์ที่กำลังเกิดใหม่
หลังจากนั้นหนึ่งลมหายใจ ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ก็ได้หายไป
ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาตกลงในมือของกู่ฉิงซานอีกครั้ง
บนหน้าต่างเทพสงคราม เส้นแสงหิ่งห้อยผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ดาบของคุณได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ขึ้น”
“คุณสมบัติของดาบเกิดการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้”
“ดาบขุนเขาเทวะหกโลก ดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาในโลกนี้ กล่าวได้ว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะแห่งปรภพ”
“ดาบเล่มนี้คือดาบที่สามารถสำแดงกฎเกณฑ์ของภูเขาล้อมเหล็กได้”
“ตัวดาบครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์ดังต่อไปนี้”
“พลังศักดิ์สิทธิ์ อมตะ”
“พลังศักดิ์สิทธิ์ ทรงปัญญา”
“พลังศักดิ์สิทธิ์ แหกกฎ”
“พลังศักดิ์สิทธิ์ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปกปักโลกา”
“พลังศักดิ์สิทธิ์ ควบคุมโลก ผู้ที่ถือครองดาบเล่มนี้ จะสามารถควบคุมโลกมิติอนันต์แห่งใหม่ได้”
ข้อมูลทั้งหมดหายไปทันที หลังจากที่กู่ฉิงซานอ่านมัน
และข้อมูลใหม่ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าต่างเทพสงคราม
“โลกกำลังจะถูกเปลี่ยนคุณสมบัติโดยอำนาจของทวยเทพ โดยจะใช้เวลาทั้งสิ้นเก้าถึงเก้าสิบเก้าวัน”
“ในช่วงเวลานี้ โลกใหม่จะค่อยๆ ได้รับคุณสมบัติของโลกมิติอนันต์”
“สามนาทีหลังจากนี้ การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการจะเริ่มต้นขึ้น และหลังจากนั้น ทุกสิ่งมีชีวิตจะไม่สามารถเข้าหรือออกจากโลกใบนี้ไปได้”
“ระบบเทพสงครามขอแนะนำให้คุณใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ คงหาจากที่อื่นมิได้อีกแล้ว ทุ่มเต็มกำลังเร่งปีนหอคอยแห่งหมื่นโลกา”
กู่ฉิงซานอ่านข้อมูลบนหน้าต่างเทพสงคราม และไตร่ตรองอย่างเงียบๆ
“ยินดีด้วยนะกู่ฉิงซาน ถึงแม้นายจะยังไม่ได้เป็นจ้าววงการ แต่กลับสามารถมีโลกมิติอนันต์เป็นของตัวเอง!” เสี่ยวเหมียวกล่าวแสดงความยินดี
แบรี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นสิ เขาไม่ใช่แค่มีโลกมิติอนันต์ แต่ยังมีหอคอยแห่งหมื่นโลกาไว้ในครอบครองอีก! ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ไป สมาคมของเราคงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องเงินอีกแล้วในอนาคต”
“ถูกเผง!” เสี่ยวเหมียวปรบมือด้วยความสุข “เพราะจากนี้ไป จะมีผู้คนนับไม่ถ้วนมาอ้อนวอนเรา เพื่อต้องการที่จะได้เข้าสู่โลกใบนี้”
ทว่าเมื่อกล่าวถึงจุดนี้ การแสดงออกทางสีหน้าของแบรี่ก็กลายเป็นจริงจังอีกครั้ง “เสี่ยวเหมียว เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ นอกจากน้อง พี่ แล้วก็กู่ฉิงซาน จะต้องไม่ให้ใครล่วงรู้ถึงมันเด็ดขาด”
“วางใจเถอะพี่ชาย น้องจะไม่แพร่งพรายข้อมูลเกี่ยวกับกู่ฉิงซานและโลกใบนี้ออกไปอย่างแน่นอน จนกว่าเขาจะพร้อม” เสี่ยวเหมียวกล่าว
แบรี่พยักหน้า “เอาไว้รอให้โลกมิติอนันต์ก่อตัวขึ้นโดยสมบูรณ์เสียก่อน ระหว่างนั้นกู่ฉิงซานก็เข้าไปสำรวจหอคอย ด้วยวิธีนี้ จะทำให้นอกจากพวกเราสามคนก็จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกแล้ว”
“กู่ฉิงซาน นายรีบลองเข้าไปปีนหอคอยแห่งหมื่นโลกาดูเร็วเข้า พวกเราอยากรู้จะแย่อยู่แล้วว่านายจะแข็งแกร่งได้รวดเร็วขึ้นขนาดไหน”
กู่ฉิงซานพอได้ฟังคำของทั้งสอง ที่กำลังช่วยเขาตัดสินใจอย่างมีความสุข ในหัวใจของกู่ฉิงซานก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ทว่าสุดท้ายเขาก็ยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อยและกล่าว “แบรี่ เสี่ยวเหมียว ผมเกรงว่าโลกใบนี้คงจะต้องปล่อยให้พวกคุณเป็นคนช่วยดูแลชั่วคราวเสียแล้วล่ะ”
แบรี่กับเสี่ยวเหมียวชะงักไป
กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “แน่นอน พวกคุณสามารถปีนหอคอยแห่งหมื่นโลกาได้ถ้าต้องการ และยังสามารถออกไปเที่ยวชมโลก ลิ้มรสอาหาร เหล้าหรือไวน์ทั้งหมดที่ต้องการก็ดื่มมันได้เลยตามสบาย โดยเทพธิดากงเจิ้งจะเป็นคนช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดในนามของผมเอง”
“รับทราบแล้วใต้เท้า”
เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังออกมาจากสมองควอนตัม
“ส่วนเรื่องของวันนี้ ฉันคงต้องขอให้คุณช่วยเก็บมันไว้เป็นความลับด้วย”
“วางใจเถอะใต้เท้า ฉันจะไม่แพร่งพรายมันออกไปอย่างแน่นอน” เทพธิดารับคำ
“เฮ้ๆ เดี๋ยวก่อนสิ ทำไมนายพูดเหมือนว่ากำลังจะจากไปเลย มันเกิดอะไรขึ้น?” แบรี่ถาม
กู่ฉิงซานตอบกลับอย่างสงบ “ผมเป็นห่วงทางด้านอาจารย์ของผม เพราะตอนนี้ท่านได้ขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มพันธมิตรแล้ว ผู้นำที่ซึ่งต้องคอยรับผิดชอบการต่อสู้กับอาณาจักรมาร”
“สงครามเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากที่สุด และท่านก็พึ่งจะได้รับตำแหน่งนี้ ผมเลยกลัวว่าจะยังมีปัญหาบางอย่าง หรือความขัดแย้งภายในยังคงเกิดขึ้น”
“ศิษย์พี่ของผมเองก็ไม่ชอบฝึกยุทธ์ ส่วนศิษย์น้องก็ยังเด็ก ในส่วนนี้ผมก็เป็นกังวลเกี่ยวกับพวกเขาเหมือนกัน”
“แต่ผมจะโล่งใจมาก ถ้ามีพวกคุณทั้งสองคอยคุ้มครองอยู่ที่นี่”
“เพราะฉะนั้น ตอนนี้ผมจะต้องกลับไปยังโลกเทวะ”
“และถ้ามีพวกคุณคอยช่วยดูแลโลกใบนี้ให้ผมสักพัก ผมจะรู้สึกขอบคุณมากๆ”
………………………………….