ณ นิกายร้อยบุปผา
ภายในโถงใหญ่ การเจรจาอย่างเป็นทางการกำลังเกิดขึ้น
นางเซียนไป่ฮั่ว เซี่ยเต๋าหลิงในชุดคลุมมรกต ตรงคอปกเสื้อร้อยเรียงไปด้วยขนนก กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์หมื่นบุปผา
โดยมีผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกตีตรวน ล่ามไว้ด้วยโซ่นหลายเส้น กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ไกลออกไปในมุมห้องโถง
หากมองจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ปรากฏอยู่ ชายผู้นั้นเหมือนกันกับกู่ฉิงซานทุกประการ
ในใจกลางห้องโถง เป็นกลุ่มชายชราทั้งแปดที่กำลังถกเถียงกับเซี่ยเต๋าหลิงอยู่
พวกเขาคือเหล่าอาวุโสของพันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธ์ ที่มีตำแหน่งสูงล้ำ และยังมีหน้าที่ในการจัดการกิจการต่างๆ ของทางพันธมิตรอีกด้วย
กล่าวได้ว่ากระทั่งผู้นำพันธมิตรเองก็ยังต้องพึ่งพาพวกเขา เพื่อที่จะบรรลุเรื่องราวต่างๆ
ผู้อาวุโสกล่าว “เซี่ยเต๋าหลิง เจ้าเป็นถึงผู้นำแห่งพันธมิตรผู้ฝึกยุทธ์ เหตุใดจึงต้องกระทำกับผู้ฝึกยุทธ์ตัวน้อยๆ เช่นนี้ด้วย?”
เซี่ยเต๋าหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เขาแสร้งปลอมเป็นศิษย์ข้า สืบเสาะทุกชนิดของความลับในโลกใบนี้ แล้วจะให้ข้าทำเป็นปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปกระนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งกล่าว “มิใช่เช่นนั้น ชายผู้นี้เป็นคนจากพันธมิตรที่ถูกส่งมาเพื่อตรวจสอบว่าเจ้าเกี่ยวข้องอันใดกับอาณาจักรมารหรือไม่ต่างหากเล่า การที่ทางพันธมิตรกระทำเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจของผู้นำ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
เซี่ยเต๋าหลิงพยักหน้าและกล่าว “เรื่องนั้นข้าเข้าใจ แต่ข้าได้ทำการค้นวิญญาณของเขาแล้ว แม้ว่าความทรงจำบางส่วนของเขาจะถูกปิดผนึกเอาไว้ก็ตาม และแม้ข้าจะไม่เห็นมัน แต่เรื่องที่เขาคิดจะพาซิวซิวไปนั้นข้ากระจ่างแก่ใจอย่างชัดเจน”
เซี่ยเต๋าหลิงกล่าวด้วยความเย็นชา “พยายามที่จะลักพาตัวสาวกของข้า เรื่องนี้ทางพันธมิตรจะอธิบายว่าอย่างไร?”
ผู้อาวุโสหลายคนแสดงถึงสีหน้าอึดอัดใจ และเงียบไป
เป็นเพราะเรื่องนี้นั่นเอง ที่ทำให้แผนการของพวกเขาถูกเปิดโปงโดยสิ้นเชิง
“เซี่ยเต๋าหลิง พวกเราจะไม่ชี้นิ้วสั่งเจ้า พวกเราเพียงต้องการที่จะล่วงรู้เกี่ยวกับเจ้าให้มากขึ้นผ่านทางสาวกเจ้าก็เท่านั้นเอง และจากนั้นสาวกเจ้าก็จะถูกส่งตัวกลับมาในภายหลัง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” ผู้อาวุโสพยายามอย่างดีที่สุด ที่จะโน้มน้าวใจ
“เมื่อได้ขึ้นเป็นผู้นำพันธมิตร จ้าวแห่งเต๋าฮั่วหลานจากอาณาจักรนิรันดร์ ก็ได้นำบุตรของตนมาฝากฝังให้เป็นศิษย์ในนิกายข้า เพื่อเรียนรู้แลกเปลี่ยนกระบวนวิชาแก่กันและกัน เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เจ้าสามารถไถ่ถามมันจากเหล่าอาวุโสได้”
“ถูกต้อง ซึ่งในกรณีนี้ จะทำให้ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งเราหรือเจ้าก็ล้วนได้รับผลประโยชน์ ฉะนั้นเจ้าก็ไม่สมควรที่จะสร้างปัญหาใดๆ” อีกหนึ่งอาวุโสเตือน
“ใช่ นั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น”
“นี่แหละ จึงจะสมเหตุสมผล”
แต่เซี่ยเต๋าหลิงก็ยังส่ายหัวและกล่าว “หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่คิดจะรับตำแหน่งผู้นำพันธมิตรอีกต่อไป พวกเจ้าจงไสหัวไปเสีย!”
หลายอาวุโสหันมามองหน้ากันและกัน
‘ใครจะไปรู้ว่าเรื่องราวต่างๆ มันจะลุกลามเช่นนี้?’
‘เหตุใดเซี่ยเต๋าหลิงจึงไม่ฟังเหตุผลเลย?’
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ หากมิใช่เซี่ยเต๋าหลิงแล้ว ยังจะมีผู้ใดอีกเล่าที่จะสามารถขึ้นเป็นผู้นำได้?
พันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธ์น่ะกำลังจะพินาศ
หากนางถอนตัวออกไป เกรงว่าเหล่าผู้ที่สนับสนุนนางก็จะเข้าข้างนางเช่นกัน และอาจกระทำการต่างๆ ด้วยตนเองโดยพลการได้
ไม่มีทางเสียล่ะ!
ใครจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นกัน!?
ภายในวันนี้ จักต้องปราบพยศนังผู้หญิงคนนี้ให้จงได้!
อีกอาวุโสถอนหายใจ และเอ่ยขึ้น “เซี่ยเต๋าหลิง มันจะดีกว่าไหมหากเจ้าปล่อยเรื่องนี้ให้มันผ่านไป พวกเราสามารถมอบอำนาจมหาศาลให้แก่เจ้าได้ แต่จากนี้ไป ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจถึงสิ่งหนึ่งให้มันชัดเจน นั่นคือขีดจำกัดในการผสานรวมโลกอยู่ในมืออาวุโสอย่างพวกเรา”
คิ้วดั่งใบหลิวของเซี่ยเต๋าหลิงอดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากัน
ใช่ นั่นแหละปัญหาใหญ่ที่สุดของเธอ
เพื่อที่จะให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น เธอจึงได้รวบรวมโลกหลายใบเข้าด้วยกัน จากนั้นเธอถึงเพิ่งมาได้รู้ว่าการกระทำเช่นนั้น คือการนำภัยพิบัติมาสู่โลกและตนเอง
หากไม่มีขีดกำจัด(โควตา) ของพันธมิตรผู้ฝึกยุทธ์ ทุกอย่างก็เป็นอันจบ
เกิดความเงียบงันขึ้นเป็นระยะเวลานาน
เซี่ยเต๋าหลิงเอ่ยถาม “เช่นนั้นแล้วจะทำอย่างไรกับคนที่แสร้งปลอมเป็นศิษย์ข้า?”
“เจ้าจะต้องมอบเขาให้แก่เรา เพราะเขาคือคนของเรา เขามิสมควรที่จะมาตายลงในสถานที่แห่งนี้!” อีกอาวุโสกล่าวน้ำเสียงเฉียบขาด
เซี่ยเต๋าหลิงกำลังจะเอ่ยปากอีกครั้ง แต่จู่ๆ สายตาของเธอก็เลื่อนออกไป
แปดอาวุโสเองก็เช่นกัน
ทั้งหมดมองไปยังประตูใหญ่ทางเข้าโถง
เห็นแค่เพียงผู้ฝึกดาบรุ่นเยาว์กำลังยืนอยู่หน้าทางเข้า เฝ้ามองดูทุกคนในโถงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เป็นกู่ฉิงซาน!
กู่ฉิงซานตัวจริงได้กลับมาแล้ว!
ในช่วงเวลาที่สำคัญเยี่ยงนี้ สาวกของนิกายร้อยบุปผาได้กลับคืนสู่โลกของตน!
“เจ้าได้พบกับศิษย์น้องหญิงทั้งสองแล้วหรือยัง?” นางเซียนไป่ฮั่วถามด้วยรอยยิ้ม
“ขอรับ” กู่ฉิงซานกล่าว
“เจ้าพอใจกับการตัดสินใจนี้ของข้าหรือไม่?”
“พวกนางแม้เป็นคนที่น่าสงสาร แต่อุปนิสัยกลับดีเป็นอย่างมาก ข้ายินดีต้อนรับพวกนางเข้าสู่นิกาย” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาก้าวเข้ามาในห้องโถงอย่างช้าๆ โค้งกายคารวะนางเซียนไป่ฮั่วด้วยความนอบน้อม
“ท่านอาจารย์ ข้ากลับมาแล้ว”
“เอาเถิด จงไปพักผ่อนเสีย ข้ามีบางอย่างที่จักต้องหารือ เอาไว้พวกเราค่อยมาพูดคุยกันในภายหลัง”
“สิ่งที่ท่านอาจารย์กำลังหารือ ใช่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสายลับหรือไม่?”
กู่ฉิงซานชี้ไปยังมุมห้องโถง
ชายที่แสร้งปลอมเป็นเขายังคงถูกตีตรวนอย่างแน่นหนา มิอาจเคลื่อนกายไปไหนได้
นางเซียนไป่ฮั่วเมื่อเห็นเขากล่าวถึงเรื่องนี้ ภายในจิตใจก็รับรู้ได้ทันทีว่าศิษย์ตนมีความคิดบางอย่าง จึงเออออตามเขาไป “สำหรับเรื่องนี้ ฉิงซาน เจ้ามีความคิดเห็นว่าสมควรทำเช่นไร?”
“ข้าคิดว่าเรื่องนี้หาได้สำคัญไม่ จะทะเลาะกันไปด้วยเหตุใด ไม่จำเป็นต้องคิดมากจนเกินไปเลย” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาพูดต่อ “การที่คนอื่นๆ ต้องการจะรู้เกี่ยวกับท่านอาจารย์ ก็เพื่อที่พวกเขาจะอยู่ร่วมกันกับอาจารย์อย่างสนิทสนม นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ดีมิใช่หรือ…พวกท่านเล่าว่าอย่างไร?”
กล่าวยังไม่ทันจบประโยค เขาก็หันไปทางแปดอาวุโส
แปดอาวุโสตกใจไปพักหนึ่ง แต่ก็รีบพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “เป็นเช่นนั้น!”
“นั่นแหละเหตุผล”
“นั่นคือสิ่งที่พวกเราคิด!”
“กู่ฉิงซาน ช่วยเกลี้ยกล่อมอาจารย์เจ้าด้วยเถอะ”
กู่ฉิงซานพยักหน้าให้เหล่าอาวุโส แสดงถึงความใส่ใจในการรับฟังพวกเขา
เจ้าตัวหันไปโน้มน้าวนางเซียนไป่ฮั่ว “แท้จริงแล้ว นี่คือกระบวนการที่เหล่ากลุ่มอิทธิพลมากมายล้วนกระทำกัน เพื่อเป็นการอยู่ร่วมกันอย่างสบายใจและสงบสุข ดังนั้นพวกเราจึงจำเป็นที่จะทำให้มันถูกต้อง”
“ซึ่งข้าเชื่อว่าต้นตอความคิดนี้ของทุกท่านล้วนหวังดี ท่านอาจารย์ ท่านไม่จำเป็นต้องไปถกเถียงอันใดเลย”
“หือ? เจ้าคิดเช่นนั้นจริงๆ อย่างงั้นหรือ?” เซี่ยเต๋าหลิงเอ่ยถาม
“ขอรับ ท่านอาจารย์และทุกคนจักต้องร่วมมือกันอีกในอนาคต ดังนั้นความเมตตาในครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดความสามัคคีและกลมเกลียวกันแค่ไหน ท่านลองคิดดู” กู่ฉิงซานกล่าว
ว่าแล้วเขาก็เดินไปหาตัวปลอมอย่างช้าๆ
“อาจารย์ ท่านไม่จำเป็นต้องตีตรวนอย่างแน่นหนาถึงเพียงนี้หรอก เพราะในหัวใจของผู้ฝึกยุทธ์ผู้นี้ คงสำนึกเสียใจแล้ว และอีกอย่าง กระทำเช่นนี้เดี๋ยวผู้คนจะพาลคิดไปว่านิกายร้อยบุปผาของเราดูแลแขกได้ไม่ดี”
ระหว่างกล่าว เขาก็ยังเดินไปหาตัวปลอม
นางเซียนไป่ฮั่วตกใจ
ขณะที่เหล่าอาวุโสต่างพากันตะโกนสรรเสริญ
“เซี่ยเต๋าหลิง เจ้ามีศิษย์ที่ดีจริงๆ”
“ในหัวใจช่างเต็มไปด้วยเมตตา น่ายกย่องยิ่งนัก”
“การที่ในนิกายเจ้ามีสาวกเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี”
เซี่ยเต๋าหลิงตกอยู่ในความสับสน นางมิได้เอ่ยคำใด ในสายตาเพียงเฝ้ามองทุกฝีก้าวของกู่ฉิงซาน
ณ จุดนี้ กู่ฉิงซานก็ได้เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าตัวปลอมแล้ว
เขามองอีกฝ่าย และเผยรอยยิ้มขออภัย “ถูกตีตรวนแน่นหนาเช่นนี้ คงจะรู้สึกอึดอัดใช่หรือไม่? ข้าต้องขอโทษเจ้าแทนอาจารย์ด้วย แท้จริงแล้วพวกเรานิกายร้อยบุปผาไม่ควรกระทำเช่นนี้กับเจ้าเลย”
เมื่อเห็นว่าตัวจริงพูดกับตนดีมากๆ เจ้าตัวก็ผ่อนคลายลง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็นข้าที่ผิดเอง ที่หยิบยืมสถานะของเจ้า เพื่อต้องการที่จะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับท่านผู้นำพันธมิตรให้มากขึ้น”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเลย นี่มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว”
กู่ฉิงซานตบลงบนไหล่อีกฝ่าย อย่างไม่ใส่ใจ
“ขอบคุณสำหรับน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของเจ้า เจ้าช่างเป็นคนใจกว้างจนน่าประทับใจจริงๆ” อีกฝ่ายกล่าว
พอถูกชม กู่ฉิงซานเองก็ดูจะเผยถึงท่าทีเคอะเขินเล็กน้อย
“สหายเจ้าผิดแล้ว อันที่จริงเจ้าไม่ต้องคิดมากพึงเพียงนั้นก็ได้ นั่นก็เพราะ…”
ฉัวะ!
คมกล้าของใบดาบกะพริบไหวขึ้นทันใด
ศีรษะของตัวปลอมถูกตัดสะบั้นอย่างไร้คำเตือนใดๆ มันลอยคว้างมายังใจกลางห้องโถง ก่อนจะกลิ้งหลุนๆ ไปยังเท้าของเหล่าอาวุโส
บนร่างกายที่ไร้ซึ่งหัวสาดไปด้วยละอองเลือดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะอ่อนเปลี้ยและร่วงลงกับพื้น
ตุบ…
“นั่นก็เพราะเจ้าได้ตายไปแล้ว และนิกายร้อยบุปผาของข้าก็ใจกว้างเสมอมา พวกเราน่ะไม่คิดใส่ใจหรือเอาผิดใดๆ กับคนตายหรอก”
กู่ฉิงซานสะบัดเลือดที่เปรอะคมดาบ ปากเอ่ยกล่าวด้วยความจริงใจ
……………………………