ย้อนเวลากลับไปอีกสักเล็กน้อย
ในช่วงเวลาที่กู่ฉิงซานยังคงซ่อนตัวอยู่ในซากยานอวกาศ แต่สุดท้ายก็ถูกอัญเชิญโดยวังเฉิง
อีกด้านหนึ่ง
ภายนอกดินแดนชิงอำนาจ
ณ โลกของหอคอยสูง
สงครามโศกนาฏกรรมที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนกำลังจะสิ้นสุดลง
ตูม…
ในระยะไกลออกไป หอคอยสูงที่เชื่อมต่อระหว่างผืนฟ้าและผืนดินหักโค่นลงอย่างกะทันหัน
หอคอยแห่งความรู้ของเหล่าทวยเทพถูกทำลายลงแล้ว!
เสียงกรีดร้องแหลมของผู้หญิงกังวานไปทั้งโลก “เจ้าพวกสิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นโดยทวยเทพเอ๋ย พวกเจ้ามันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความสิ้นหวัง”
เสียงของผู้ชายที่ดูบ้าคลั่งดังตามมา “ค่าของพวกเจ้ามีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือจิตวิญญาณที่จะกลายมาเป็นสารอาหารให้แก่พวกเรา!!”
ตามด้วยสองเสียงผสานแผดร้องทั้งชายหญิง “จิตวิญญาณ! จงมอบจิตวิญญาณของพวกเจ้าแก่ข้า! อ๊า”
ท่ามกลางเสียงแผดร้อง มอนสเตอร์ที่ยืนอยู่ใจกลางสนามรบก็เริ่มอ้าปากกว้าง
เหล่าผู้คนที่กำลังต่อสู้อยู่พลันร่วงกระแทกลงกับพื้น
จิตวิญญาณผุดออกจากร่างของพวกเขา ถูกดูดเข้าไปในปากของมอนสเตอร์
ตลอดทั้งสนามรบ จิตวิญญาณนับไม่ถ้วนถูกดึงดูดไปทางมอนสเตอร์
เฉพาะเพียงคนจากสถาบันเทพเท่านั้นที่ไม่หวั่นเกรงต่อการดูดวิญญาณนี้ นอกเหนือไปจากพวกเขา คนอื่นๆ ล้วนต่างตกอยู่ในความหวาดกลัว สิ้นหวังเป็นประวัติการณ์
ตัวตนทรงอำนาจที่กำลังต่อกรกับคนจากสถาบันเทพ จำต้องละทิ้งพวกมัน หันไปโถมโจมตีด้วยพลังที่รุนแรงที่สุด ทุ่มสุดกำลังเข้าใส่มอนสเตอร์แทน
ทว่าการโจมตีของพวกเขากลับไร้ประโยชน์
มอนสเตอร์ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างปลอดภัย ไร้ซึ่งอันตรายใดๆ มันยังคงดูดวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งเหล่าจ้าววงการจำนวนมากก็ยังไม่สามารถต้านทานการถูกดูดกลืนนี้ได้ จิตวิญญาณของพวกเขาเริ่มถูกแยกออกจากร่างกาย ลอยเข้าไปในปากมอนสเตอร์
และบรรดาผู้คนที่พอมีความสามารถในการต้านทานมัน ก็มิใช่จะรอดพ้น ต้องตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เพราะในทุกๆ วินาทีที่ขัดขืน ร่างกายของพวกเขาจะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ค่อยๆ ถูกทำลายลง
ภายในไม่กี่ลมหายใจ หลายร่างของพวกเขาก็ถูกทำลายลงด้วยพลังที่มองไม่เห็น จิตวิญญาณไร้ซึ่งที่พึ่งพิงอีกต่อไป
จวบจนถึงสถานการณ์นี้ จิตวิญญาณของพวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานการดูดกลืนของมอนสเตอร์ และจำต้องลอยไปหามัน ถูกกินแม้จะไม่ยินยอม
ตลอดทั้งสนามรบ จำนวนผู้รอดชีวิตลดน้อยถดถอยลงเรื่อยๆ
จุดจบของโลกเก้าร้อยล้านชั้นดูเหมือนว่าจะใกล้เข้ามาแล้ว
แต่ทันใดนั้นเอง แสงสว่างสีฟ้าดั่งท้องทะเลก็โอบเข้าปกคลุมทั่วทั้งสนามรบ
ภายใต้แสงสีฟ้าสดใสนี้ เหล่าจิตวิญญาณพลันได้รับอิสรภาพทันที
มนตราดูดวิญญาณของมอนสเตอร์ถูกขัดจังหวะอย่างกะทันหัน
“เป็นใครกัน! ที่กล้าขัดขวางการช่วงเวลาอันโอชะของข้า!”
ชายหญิงตะโกนด้วยความโกรธเคือง
ขณะเดียวกัน ผู้คนที่ยังรอดชีวิตอยู่ในสนามรบ ต้องก็โห่ร้องด้วยความประหลาดใจ
“ท่านหญิงแบล็กซี!”
“ท่านแบล็กซีมาที่นี่!”
“พวกเรารอดแล้ว!”
“ท่านหญิง ได้โปรดนำทัพพวกเราเข้าต่อสู้ด้วยเถอะ!”
ได้ยินถึงเสียงร่ำร้องของทุกคน ท่ามกลางความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก็บังเกิดเสียงทอดถอนหายใจดังขึ้น
เหล่าผู้ที่ยังรอดชีวิต ภายในหูของพวกเขาได้ยินเสียงของท่านหญิงแบล็กซี “ข้าจะพาพวกเจ้าไปยังดินแดนชิงอำนาจ ที่นั่น กำแพงอุปสรรคที่เกิดจากอำนาจเทวะของเจ็ดเทพกำลังจะถูกเปิดใช้งานในไม่ช้า ตลอดทั้งดินแดนชิงอำนาจจะถูกซ่อนโดยสมบูรณ์”
“จงอย่าได้ออกไปจากดินแดนชิงอำนาจ เพราะตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น มีเพียงสถานที่นั่นแห่งเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ชั่วคราว!”
“พวกเจ้าจะต้องฟื้นฟูความแข็งแกร่งตน อยู่รอดต่อไป และคิดหาวิธีจัดการกับมัน”
ร่างของคนที่รอดถูกอาบไปด้วยแสงสีฟ้าใส บังเกิดชั้นผลึกควบแน่นตลอดทั้งร่างกายของพวกเขา
ชั้นน้ำแข็งคริสทัลแช่แข็งพวกเขา แล้วจากนั้น
ผลึกน้ำแข็งทั้งหมดก็ลอยขึ้นไปในอากาศ และหายวับไปทันที
มอนสเตอร์เฝ้ามองดูฉากนี้อย่างเงียบๆ
อันที่จริงมันลองพยายามอยู่สองสามครั้งแล้ว แต่ก็พบว่าไม่อาจหยุดกฎเกณฑ์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ได้เลย
เฝ้ารอจนกระทั่งทุกอย่างจบลง มอนสเตอร์จึงมองไปที่ใดสักแห่งในความว่างเปล่า
เสียงผู้หญิงของมอนสเตอร์หัวเราะคิกคัก ปากเอ่ยถามอย่างช้าๆ “คนเหล่านั้นถูกส่งไปที่ใดกัน?”
ทว่าโดยรอบกลับมีเพียงความเงียบ
ไม่มีใครตอบคำถามของเธอ
แต่เสียงของผู้หญิงก็เริ่มดูภาคภูมิใจมากขึ้น “ข้าไม่สามารถหยุดสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจากการหลบหนีได้ ฉะนั้น ขอเดาว่ากระบวนการนี้ คงจะมีแต่เทพเท่านั้นที่ทำได้ ไม่คาดหวังเลยว่านอกจากเจ้าเจ็ดเทพชั่วร้ายนั่น จะยังมีเทพวิญญาณหลงเหลืออยู่ที่นี่ ไม่ยอมหลบหนีไปจากโลกเก้าร้อยล้านชั้นอยู่อีก”
เสียงผู้ชายคลุ้มคลั่ง “แต่ในเมื่อยังไม่หลบหนีไป เช่นนั้นโชคชะตาของเจ้าคงถึงวาระเสียแล้ว!”
สองเสียงร่วมกันแผดก้อง “เจ้าไม่สามารถหนีไปได้ โชคชะตาของเจ้าคือต้องมาตกอยู่ภายในท้องของข้า!”
ท่ามกลางแสงสีฟ้าไร้ขอบเขต เสียงของหญิงสาวถอนหายใจดังขึ้น
เธอกล่าว “แม้วันนี้ข้าจะตาย แต่มันไม่ใช่ในฐานะของกินของเจ้า!”
ระหว่างกล่าว โลกทั้งใบก็เริ่มล่มสลายลง
…
อีกด้านหนึ่ง
นักรบที่ยังมีชีวิตรอด ทั้งหมดต่างถูกผนึกด้วยผลึกน้ำแข็งสีฟ้า ถูกส่งข้ามโลกนับไม่ถ้วนตรงไปยังดินแดนชิงอำนาจ
ผลึกน้ำแข็งราวกับฝนดาวตก กระจายกันออกไปตามจุดต่างๆ อย่างรวดเร็วในดินแดนชิงอำนาจสองร้อยล้านชั้น
ฝนดาวตกสิ้นสุดลง
วินาทีต่อมา
เสียงของมนุษย์แสงก็ก้องกังวานผ่านทุกชั้นโลกในดินแดนชิงอำนาจ
เป็นเสียงอันศักดิ์สิทธิ์และน่าเคารพนอบน้อม มนุษย์แสงป่าวประกาศว่า “โปรดทราบ ผู้ศรัทธาคนแรกที่สามารถจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว”
“หนทางสู่การเป็นเทพได้เปิดออกอย่างเป็นทางการ”
“อำนาจเทวะที่ถูกวางไว้โดยเทพวิญญาณจะถูกเปิดใช้งานในไม่ช้า”
“ดินแดนชิงอำนาจจะถูกซ่อนจากโลกเก้าร้อยล้านชั้น”
“นับจากนี้ไป ใครก็ตามที่ออกจากดินแดนชิงอำนาจ จะไม่สามารถเข้ากลับมายังดินแดนชิงอำนาจได้อีกเลยตลอดกาล!”
ในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น ดินแดนชิงอำนาจทั้งหมดค่อยๆ หายไป
ผู้คนไม่สามารถค้นหาโลกสองร้อยล้านชั้นได้อีกต่อไป สูญสิ้นซึ่งหนทางเข้าสู่โลกเหล่านั้น
…
เวลาเดียวกัน ในดินแดนชิงอำนาจ
หนึ่งในผลึกน้ำแข็งสีฟ้า จากมากมายนับไม่ถ้วนได้ข้ามผ่านกระแสมิติ และร่วงตกลงสู่โลกเกรย์แฮนด์
รอบๆ ผลึกน้ำแข็ง ปรากฏลวดลายอันลึกลับของทวยเทพขึ้นเป็นครั้งคราว
ลวดลายเหล่านี้ มีไว้เพื่อให้มั่นใจว่าผลึกน้ำแข็งจะไม่ถูกรบกวน หรือตรวจพบได้โดยอำนาจใดๆ
ผลึกน้ำแข็งเงียบงัน และทันใดนั้นมันก็ตัดผ่านท้องฟ้า ร่วงตกลงไปในทะเลทรายที่อยู่ห่างไกลในโลกเกรย์แฮนด์
ผลึกน้ำแข็งจมลงใต้พื้นดิน ความมืดมิดรายล้อมมันโดยสมบูรณ์
เป็นเวลานาน
เสียงของผู้หญิงจากผลึกน้ำแข็งก็ดังขึ้น
“กระ…บี่…ปฏิญาณ”
ซูม!
ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกไปทั่วโลก
ภายในใต้ดินอันมืดมิด
เสียงไออย่างรุนแรงของหญิงสาวดังขึ้น ราวกับว่ามนตราก่อนหน้านี้ได้ดูดกลืนพลังทั้งหมดของเธอไป
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เริ่มพูดออกมา “อีกฝั่ง…หนึ่ง…เป็น…ใครกัน?”
ทันใดนั้น เสียงที่ดูกังวลก็ดังขึ้นใกล้กับผลึกน้ำแข็ง
“คุณคือหยุนจี? จ้าวแห่งหมอก ผู้คุ้มภัยแห่งโชคชะตาลี้ลับ ภัยพิบัติแห่งอาณาจักรทั้งมวล ใช่หรือเปล่า?”
นี่คือเสียงของกู่ฉิงซาน
…
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ณ โลกเกรย์แฮนด์
รุ่งสางยังมาไม่ถึง ดังนั้นนี่คือช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดของวัน
เหนือท้องฟ้าอันห่างไกล พริบตานั้นได้ยินถึงเสียงพรึบของปีกที่กระพือ
นกตัวหนึ่งบินตัดผ่านความมืดมิด โผบินจากส่วนลึกของฟากฟ้า
นกตัวนี้มิได้ส่งกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นใดๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็สามารถสรุปได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
‘มันเป็นแค่นกธรรมดา’
ชั่วขณะหนึ่ง
นกก็ทิ้งตัวลงมาราวกับสายฟ้าฟาด สลับกับสะบัดปีกอย่างแรง
มันพยายามเร่งความเร็วของตัวเอง
ไม่นาน
นกก็ได้ลดระดับลงจากฟ้า ร่อนลงมากำลังจะถึงพื้นดิน
แล้วจู่ๆ มันก็หายวับไปทันที
แต่กลับปรากฏถึงชายในชุดเกราะดำ หน้ากากเกราะทองปรากฏขึ้นแทน
ชายคนนั้นยืนอยู่กลางอากาศ ก้มลงมองผืนทะเลทรายกว้างใหญ่เบื้องล่าง
ร่างของเขากะพริบไหว หายไปจากสถานที่เดิม และตกลงบนพื้นแห่งหนึ่งในระยะไกลออกไป
ด้วยผ้าสีดำที่ถืออยู่ในมือ จิตสัมผัสเทวะของชายคนนั้นก็ได้ล็อกลงตรงตำแหน่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เขารีบวิ่งไปข้างหน้า นั่งยองๆ แล้วค่อยๆ นาบมือหนึ่งหมุนวนรอบเนินทราย
ในมืออีกข้างหนึ่งจีบออกด้วยวิชาลับ
ฮ่า!
พลังวิญญาณพัดกระพือดั่งสายลมกรรโชก ปัดเป่าทรายเบื้องหน้าไป
ผลึกน้ำแข็งสีฟ้าปรากฏต่อหน้าเขา
ภายในผลึกน้ำแข็ง หญิงงามที่ตามตัวเปื้อนไปด้วยเลือด ตกอยู่ในอาการโคม่ากำลังหลับตาพริ้ม
อาการบาดเจ็บตามร่างกายของเธอช่างน่าตื่นตระหนก ทั้งคนทั้งร่างคล้ายกับกำลังใกล้จะตาย
หากไม่ใช่เพราะอำนาจสีครามที่เวียนวนอยู่ในผนึกคริสทัลคอยค้ำจุนชีวิต เกรงว่าเธอคงจะตายไปแล้ว….
………………………………….