ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
ชายในชุดคลุมดำกุมหนังสือในมือ บินตรงไปยังทิศทางหนึ่ง
หนังสือเล่มนั้นกางออกอยู่เบื้องหน้าเขา
โดยมีกลิ่นอายที่มองไม่เห็นจากไพ่ใบหนึ่ง ห่อหุ้มรอบกายเขาเอาไว้
กลิ่นอายที่ว่านี้เป็นตัวคอยฉุดดึง นำทางแก่เขา
อำนาจของไพ่จะไม่หายไป จนกว่าเขาจะไล่ตามเป้าหมายได้ทัน
ดังนั้น ตอนนี้ชายชุดคลุมดำจึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เขาเพียงแค่สำรองพลัง เฝ้ารอจนกระทั่งไล่ตามทัน แล้วเริ่มเปิดฉากโจมตีก็จบ
ในระหว่างที่กำลังไล่ติดตาม ช่วงที่ไม่มีอะไรทำ ชายชุดดำก็ก้มลง พลิกหน้าหนังสือ ดูไพ่ต่างๆ ที่ถูกฝังอยู่ภายใน
ในแววตาของเขา ยิ่งมองพวกมัน ก็ยิ่งทอแววริษยา
นี่คือหนังสือเก็บไพ่ของระดับ ‘ที่ปรึกษา’
และไพ่ทั้งหมดในหนังสือ ล้วนมีไว้สำหรับกักขัง ‘ไพ่’ ที่แสนพิเศษใบนั้น
เพียงแค่พลิกผ่านหน้าหนังสือ รายละเอียดของไพ่ต่างๆที่อยู่ตามแต่ละหน้า ไม่ว่าจะเป็นลำดับ หรือการจัดวางที่สอดคล้องของไพ่ ก็จะถูกส่งเข้ามาในจิตใจของผู้อ่านทันที
‘เฮ้อ…เมื่อไหร่ฉันจะสามารถไปถึงระดับที่ปรึกษากับเขาบ้างสักทีนะ?’
แต่วันนั้นไม่น่าจะอีกไกลเกินเอื้อม เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในบรรดาศิษย์ทั้งหลาย กล่าวได้เลยว่าเขานั้นโดดเด่นเป็นที่สุด
แม้กระทั่งอาจารย์ที่ปรึกษาก็ยังยอมรับว่าความสามารถในการใช้ไพ่ของเขาช่างยอดเยี่ยม
ชายชุดคลุมดำถอนหายใจ และเริ่มจินตนาการถึงวันนั้นที่รอคอย
ช่วงเวลานั้นเอง สายลมในท้องฟ้ายามค่ำคืนก็พลันหยุดลง
ซึ่งหมายความว่าเขาใกล้จะถึงตัวอีกฝ่ายแล้ว
ชายชุดคลุมดำเตรียมตัว พร้อมที่จะรับมือกับการต่อสู้ทันที
วินาทีต่อมา เขาก็ลดระดับลง
ปัง!
จากเบื้องบน ทิ้งดิ่งลงมายังเบื้องล่างอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดเม็ดทรายปลิวว่อนไปทั่ว
กู่ฉิงซานและวัยรุ่นสาวหยุดอยู่ที่นั่น
ท่ามกลางฝุ่นทรายที่ฟุ้งกระจัดกระจาย ร่างของชายชุดคลุมดำปรากฏขึ้น
แม้ว่าจะล่าช้าไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ไล่ตามทันได้ในที่สุด
ในเมื่ออีกฝ่ายย่อมมีวิธีการที่จะใช้ในการติดตาม ดังนั้นกู่ฉิงซานจึงไม่สามารถใช้พลังวิญญาณทั้งหมดที่มีไปกับการหลบหนี
หากเขาเลือกกรณีดังที่กล่าวมา สุดท้ายถ้าอีกฝ่ายไล่ตามทัน กู่ฉิงซานคงไม่มีพลังมากพอที่จะต่อสู้กลับได้
กู่ฉิงซานนึกคิดในจิตใจ
เขาคว้าจับธนูเย่หยูออกมา และสะพายซองลูกศรไว้เบื้องหลังเขา
“นั่นคือคนที่เธอพูดถึงใช่ไหม?” กู่ฉิงซานถามเสียงกระซิบ
“ไม่ใช่ แต่คนคนนี้คือลูกศิษย์ของเขา” วัยรุ่นสาวตอบ
มือของเธอกำลังกุม ‘เทพแห่งกองทัพทะเลเลือด’ ขณะเดียวกัน แสงสีแดงเลือดก็ค่อยๆ เรืองรองขึ้นตามร่างกาย
เธอกำลังสื่อสารกับทะเลเลือด โดยหวังว่าจะลบล้างสถานะในอดีตของเธอ และกลายมาเป็นไพ่แห่งทะเลเลือด
กู่ฉิงซานพอได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ลูกศิษย์ เขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เขาสัมผัสได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเหมือนจะไม่ได้แข็งแกร่งจนเกินกว่าที่จะไม่สามารถเอาชนะได้
อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายน่ะเป็นผู้ใช้ไพ่ของจริง
ซึ่งเป็นอาชีพที่ทรงพลังโดยกำเนิด
“แบบนี้ไม่ดีแน่! ฉันไม่สามารถโค่นผู้ใช้ไพ่ได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะถ่วงเวลาได้สักพัก เธอรีบหนีไปเร็วเข้า!”
กู่ฉิงซานแสร้งตะโกน
“นาย…นายไม่จำเป็นต้องทำเพื่อฉันถึงขนาดนั้น…” วัยรุ่นสาวขบริมฝีปากของเธอ
ไม่คาดคิดเลยว่าในหัวใจของชายหนุ่ม จะเปี่ยมไปด้วยความดีเช่นนี้ แม้เขาและเธอจะเพิ่งเจอกันโดยบังเอิญ แต่กู่ฉิงซานกลับถึงขั้นยินยอมเสียสละตัวเขาเองเพื่อต่อต้านศัตรู
น้ำตาเริ่มเอ่อล้น วัยรุ่นสาวสะบัดหน้ากลับหลัง บินออกไปในระยะทางไกล หายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว
ส่วนกู่ฉิงซาน เขาคอยทานรับกับคู่ต่อสู้ ยกมือขึ้นเตรียมง้างเล็ง
แล้วเขาก็ใช้ออกด้วยระบำผันผวนโดยตรง!
ลูกศรวูบไหวคล้ายกับภาพติดตา ฉวัดเฉวียนเป็นทางโค้งแล้วบินออกไป
ชายในชุดคลุมดำเมื่อเห็นฉากนี้ ก็เผยรอยยิ้มหยามออกมา
“สกิลธนูหรือ? อืม อันที่จริงแล้วฝีมือธนูเจ้าก็ไม่เลวหรอกนะ แต่น่าเสียดาย ที่อาชีพระดับต่ำต้อยแบบนั้น ไม่มีทางสู้กับข้าได้”
ว่าจบ พลันปรากฏไพ่ใบหนึ่งขึ้นในมือของเขา
บนหน้าไพ่ เป็นรูปของโล่มากมาย ที่มีความโค้งทำองศาแตกต่างกันออกไป
ตัวไพ่หายวับ รอบตัวชายชุดคลุมดำปรากฏโล่ทรงกลม โค้งทำมุมองศาครอบคลุมทั้งร่างกายของเขา
แปรเปลี่ยนเป็นโล่ทรงกลมที่ครอบคลุมลงมาอย่างรวดเร็ว
“นี่คือไพ่ที่ใช้ป้องกันการโจมตีจากระยะไกล มันครอบครองถึงห้าความสามารถในการปัดป้องจากการโจมตีในรูปแบบระยะไกลได้ ทว่าพลังในการป้องกันเทคนิคมนตรา และการต่อสู้ในระยะประชิดจะลดต่ำลง”
ในช่วงเวลาที่โล่ปกคลุมนั้นเอง ลูกศรของกู่ฉิงซานก็มาถึงพอดี
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง!
ลูกศรร่วงหล่นราวกับสายฝน ไม่มีศรใดเจาะโล่เข้าไปได้เลย
“โถ่ นักธนูผู้น่าสงสาร เว้นแต่ว่าเจ้าจะแกร่งกว่านี้สักสามเท่า มันถึงพอเป็นไปได้ที่จะทำลายการป้องกันของข้า”
ชายชุดคลุมดำยกมือขึ้นกอดอก ถอนหายใจเสียงดังอย่างจงใจ
สกิลธนูของอีกฝ่ายน่ะไม่เลวเลย
แต่น่าเสียดาย ที่สกิลธนูดังกล่าว มันไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้เผชิญหน้ากับผู้ใช้ไพ่
นี่แหละ คือข้อแตกต่างระหว่างอาชีพโดยกำเนิดล่ะ!
นอกเสียจากว่าฝ่ายตรงข้ามจะสามารถเลื่อนอาชีพขั้นพื้นฐานของนักธนู ขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงกว่า ไม่เช่นนั้นก็อย่าหวังจะได้สัมผัสแม้ปลายเล็บเขา
สำหรับตอนนี้ ผลของการต่อสู้นับว่าได้ข้อสรุปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ชายชุดคลุมดำจั่วไพ่ออกมา
‘พอดีกว่า รีบทำให้มันจบๆ ไป ไปเก็บกู้ ‘ไพ่’ ที่หลบหนีไปกลับคืน แล้วรายงานต่อท่านอาจารย์’
ทว่าขณะขบคิด เขาดันพบว่านักธนูได้โยนทิ้งอาวุธในมือของตนลงอย่างกะทันหัน
“ฉันขอยอมแพ้” นักธนูตะโกนอย่างหมดท่า
ชายชุดคลุมดำชะงักไป
‘เฮ้ เฮ้ กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่แค่มีอาชีพขยะเท่านั้น แต่กระทั่งคนก็ยังเป็นขยะด้วยหรือนี่?’
แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้เล่นสนุกกับมันสักหน่อยก่อนที่จะลงมือฆ่า
กระบวนการก็เอาเป็น รอจนนักธนูปลดอาวุธทั้งหมด ให้มันวิงวอนขอความเมตตา แล้วจากนั้นก็ค่อยสังหารมันซะ
หากได้เห็นสีหน้าของความสิ้นหวังและโกรธแค้น ฉากนี้คงจะทำให้ตนมีความสุขไม่น้อย
ส่วนเรื่อง ‘ไพ่’ ที่หลบหนีไป
ชายชุดคลุมดำก้มลงมองหนังสือในมือของเขา
นี่คือหนังสือของระดับที่ปรึกษา และเทคนิคมนตรากักขังทั้งหมดที่ติดอยู่ในตัวของ ‘ไพ่’ ใบนั้นก็ล้วนอยู่ที่นี่
ฉะนั้น ต่อให้เสียเวลามากขึ้นกว่าเดิมอีกนิด เธอก็ย่อมไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้อยู่ดี
เมื่อคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ชายชุดคลุมดำก็ทำการตัดสินใจ
เขาเอ่ยปากอย่างช้าๆ “ยอมจำนนเป็นหนทางที่ฉลาดเลือก แต่ก่อนอื่นเจ้าจะต้องทิ้งซองใส่ลูกศรที่อยู่เบื้องหลังซะก่อน จงอย่าได้ชักช้า!”
“เข้าใจแล้ว”
นักธนูปลดซองใส่ลูกศร และโยนมันทิ้งลงกับพื้นทันที
เมื่อเห็นอีกฝ่ายปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายเช่นนี้ ในหัวใจของชายชุดคลุมดำก็บังเกิดการดูแคลนขึ้นอีกหลายส่วน
แต่นี่มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะอีกฝ่ายอย่างไรก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะตนเอง
ชายชุดคลุมดำก้มลงมองธนูและลูกศรบนพื้น ท่าทีผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็คุกเข่าลงเสีย”
ขณะสั่ง เขาก็เฝ้ามองไปยังฝั่งตรงข้าม เตรียมรับชมความอัปยศและสิ้นหวังของอีกฝ่าย
แน่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าสุนัขเบื้องหน้าเล่นตุกติก เขาก็เตรียมไพ่ป้องกันใบอื่นๆ เอาไว้ในมือแล้วเช่นกัน
เห็นแค่เพียงนักธนูที่ยังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายยืดหลังตรง รวบรวมความกล้าออกมา “ขอปฏิเสธ! ฉันไม่สามารถทำให้นิกายตัวเองต้องเสื่อมเสียศักดิ์ศรีได้!”
ว่าจบ นักธนูก็หันหลัง และวิ่งหนีไป
ในฐานะที่เขาเป็นนักสู้ระยะไกล ดังนั้นเจ้าตัวจึงมีความว่องไว และเป็นการง่ายที่จะหลบหนี
แต่…ทำแบบนี้แล้วมันช่วยอะไรได้รึไง?
ชายชุดคลุมดำหัวเราะ
เขาเก็บไพ่ป้องกันในมือ จั่วไพ่ใบอื่นออกมา เหวี่ยงมันออกไป
ไพ่ใบใหม่ถูกเปิดใช้งาน
แล้วชายชุดคลุมดำก็หายวับไปจากสถานที่เดิม ทั้งคนทั้งร่างปรากฏกายขึ้นอีกครั้งเบื้องหน้านักธนู ปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของเขา
นักธนูตะลึงงัน
ด้วยความเร่งรีบ นักธนูไม่อาจหยุดฝีเท้าของตนได้ในทันที เขาสะดุดขาตัวเองกลิ้งม้วนกับพื้นไปสองสามตลบ ก่อนจะสามารถกลับมาควบคุมสมดุลร่างกายได้
และด้วยการสะดุดกลิ้งนี่เอง ที่ทำให้เขาอยู่ห่างจากผู้ใช้ไพ่เป็นระยะไม่ถึงสิบจั้ง
“นี่ก็เป็นพลังของผู้ใช้ไพ่อย่างนั้นหรือ…?” นักธนูเอ่ยพึมพำ
ชายในชุดคลุมดำโบกสะบัดไพ่ในมือ เอ่ยปากอย่างช้าๆ “แน่นอน สำหรับผู้ใช้ไพ่แล้ว การเคลื่อนย้ายมิติในระยะใกล้ๆ เป็นแค่เรื่องง่ายๆ อาชีพอย่างพวกเราไม่จำเป็นต้องใช้สองเท้าวิ่งหนีตายเหมือนกับเจ้า”
เขาถอนหายใจ “นักธนูผู้น่าสงสาร ตอนนี้เจ้าจะเลือกได้รึยัง ว่าอยากตายหรือจะคุกเข่าลง”
นักธนูถอนหายใจ
พริบตานั้นความหวาดกลัวบนใบหน้าของเขาหายวับไปโดยสิ้นเชิง เจ้าตัวกล่าวอย่างเฉยเมย “นายนี่มันเย่อหยิ่งเกินไป รู้ไหมว่าทัศนคติแบบนั้นมันเป็นอันตรายในการต่อสู้”
ด้วยประโยคนี้ ชายในชุดคลุมดำพลันบังเกิดลางสังหรณ์ร้ายขึ้น
แต่มันไม่มีใครอยู่รอบๆ เลยนี่นา แล้วอีกอย่างอาวุธของนักธนูก็ถูกโยนทิ้งไปแล้ว เขายังมีอันตรายใดที่ต้องเผชิญอีกเล่า?
ชายชุดคลุมดำอดไม่ได้ จำต้องจั่วไพ่เพิ่มขึ้นมาอีกสักสามใบ
อย่างไรก็ตาม ความสยองขวัญพลันบังเกิดขึ้น
ชายชุดคลุมดำพบว่าช่วงเวลานี้ เขาไม่สามารถยกมือของตนเพื่อจั่วไพ่ได้ ทั้งคนทั้งร่างมิอาจขยับกายเคลื่อนไหวอีกต่อไป
นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นพลังในการควบคุม!
แต่…ศัตรูที่ใช้สกิลนี้ใส่เขามันอยู่ที่ไหนกัน?
บ้าจริง! เห็นได้ชัดว่าตัวเขามีไพ่อยู่เกือบร้อยใบ แถมยังมีทั้งวิธีการและพลังอีกนับไม่ถ้วนที่ยังไม่สำแดงออกมา
หากเขาลงมืออย่างเต็มที่แล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่าต่อให้โลกทั้งใบก็ยังสามารถสั่นคลอนมันได้!
แล้วเป็นใครกันที่กำลังใช้สกิลควบคุมตัวเขา?
ระหว่างที่กำลังสับสนและไม่ยินยอม โลกทั้งใบของชายชุดคลุมดำก็พลันกลายเป็นมืดมิด
ในช่วงวินาทีสุดท้าย คล้ายกับว่าจะเห็นนักธนูกุมดาบยาวในมือ และสับอากาศจากระยะไกลมาทางเขา
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ไพ่ป้องกันนับไม่ถ้วนก็ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ มันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของชายชุดคลุมดำ
ทว่าอำนาจของไพ่เหล่านั้นกลับถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาสูญสิ้นการควบคุมตนเองไป และต้องเผชิญหน้ากับพลังแหกกฎของดาบยาว ผู้ใช้ไพ่อย่างเขาก็มิอาจกระทำสิ่งใดได้เลย
ฉัวะ!
หมอกเลือดสาดกระจาย ทว่าทั้งหมดก็ถูกพัดปลิวไปด้วยรังสีดาบที่ระเบิดออก
ร่างกายของผู้ใช้ไพ่เดิมทีก็อ่อนแออยู่แล้ว เมื่อต้องเผชิญกับรังสีดาบ มันก็มิอาจทานทน ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ!
และต้องไม่ลืมนะว่า โล่ของเขาน่ะ มันเป็นโล่ที่เน้นใช้ป้องกันการโจมตีจากระยะไกล หากแต่มันไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากดาบยาวได้
เพราะตามกฎเกณฑ์ของไพ่ ดาบน่ะคืออาวุธโจมตีระยะประชิด
“เทคนิคลับแห่งดาบ ล่าชีพ!”
ในระยะสิบจั้ง ไม่ว่าจะชีวิตหรือจิตวิญญาณใดก็ล้วนต้องดับสูญ!
กู่ฉิงซานมิได้เหลียวมองศพอีกต่อไป
คนประเภทนี้ที่มักจะปฏิบัติกับศัตรูด้วยความดูแคลน มันไม่คุ้มค่าที่จะเปลืองสายตาของเขา
เจ้าตัวเพียงเบนมองไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า
มองไปยังหน้าต่างเทพสงคราม ในส่วนของแต้มพลังวิญญาณกำลังพุ่งทะยานขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
………………………………….