บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม บรรทัดเส้นหิ่งห้อยผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“คุณได้ข้ามผ่านโซ่ตรวนแห่งขอบเขต สามารถสังหารผู้ใช้ไพ่ที่ทรงพลังยิ่งกว่าตนเองหลายเท่าลงได้”
“คุณได้รับแต้มพลังวิญญาณส่วนเกิน”
“ในมุมมองที่ว่าผู้ใช้ไพ่ที่คุณสังหาร เป็นผู้ครอบครองสำรับไพ่แห่งความตาย ซึ่งทรงพลังยิ่งกว่าเหล่าบรรดาผู้ใช้ไพ่ในระดับปกติ ดังนั้นคุณจึงสมควรได้รับแต้มพลังวิญญาณเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง”
“โดยรวมแล้ว การสังหารผู้ใช้ไพ่สำรับแห่งความตาย จะได้รับแต้มพลังวิญญาณหนึ่งแสนสองหมื่นแต้ม”
“แต้มพลังวิญญาณส่วนเกินของคุณมีหนึ่งแสนเก้าหมื่นสองพันสี่ร้อยแต้ม”
กู่ฉิงซานเบิกตากว้างมองแต้มพลังวิญญาณอันมหาศาลที่ได้รับ แต่เมื่อย้อนคิดไปว่าตนจำเป็นต้องใช้แต้มพลังวิญญาณกว่าหนึ่งล้านแต้ม ความตื่นเต้นในหัวใจของเขาก็ฝ่อลง สลายไปอย่างไร้ร่องรอย
เหล่าผู้ศรัทธาแห่งเทพทั้งเจ็ดกำลังทยอยกันไปจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง
ยุคสมัยใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว หากคุณไม่ทันระวัง เผลอแป๊บเดียวคงต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของคนอื่น
กู่ฉิงซานส่ายหัว วิสัยทัศน์ของเขาตกลงบนหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากร่างศพเพียงไม่กี่เมตร
มันคือหนังสือเก็บไพ่
กู่ฉิงซานสั่งการนึกคิดในจิตใจ
แล้วหนังสือเก็บไพ่ก็ลอยเข้ามาในมือของเขาทันที
“หนังสือแห่งความตายและการจองจำ”
“ในหนังสือเล่มนี้ ประกอบไปด้วยไพ่กักขังจองจำกว่าห้าร้อยสามสิบเจ็ดใบ ทั้งหมดเชื่อมต่อกับ ‘ไพ่’ ที่เขาพาหลบหนีมา”
“เนื่องจากคุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ไพ่ชุดนี้ ดังนั้นคุณจึงไม่สามารถเปิดใช้งานไพ่ใดๆ จากหนังสือเล่มนี้ได้”
กู่ฉิงซานโยนหนังสือแห่งความตายและการจองจำขึ้นไปในอากาศ
ดาบขุนเขาเทวะหกโลกาพลันกะพริบไหว ทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า จากนั้นก็ฉึก! แทงเข้าใส่ตัวหนังสือ
หนังสือแห่งความตายและการจองจำราวกับมีชีวิต มันกรีดร้องเสียงแหลม
อย่างไรก็ตาม ดาบขุนเขาเทวะหกโลกายังคงตรึงแน่นอยู่กับมัน แม้ว่าตัวหนังสือจะพยายามดิ้นรน แต่ก็มิอาจหลุดพ้นได้
ทว่าแม้มิหลุดพ้น แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมจำนน
ดวงตาของกู่ฉิงซานสาดประกายคมกล้า
พลันบังเกิดร่างเงาดาบสีดำนับไม่ถ้วนผลิบานออกมาจากดาบยาว ว่ายวนทั้งฟันทั้งสับไปรอบตัวหนังสือ
แคว่ก!
ในที่สุด หนังสือแห่งความตายก็ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ อักษรรูนโบราณที่ครอบคลุมอยู่ภายนอกสาดแสงหลากสีออกมา
แสงหลากสีที่ครอบคลุมเหล่านั้น ค่อยๆ กระจัดกระจายหายไปในความว่างเปล่า
ฉากนี้คล้ายกันกับในตอนที่ลูกพี่ไก่ได้ทำลายกำแพงอุปสรรคของทะเลเลือดในห้องพักของอัลเบอัส
ทว่าจู่ๆ เส้นแสงสีดำพลันแหวกช่องว่างมิติออกมาด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด พุ่งฟุบ! ผลุบเข้าไปในแขนของกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานเร่งกระตุกมือ
แต่กว่าจะทันรู้ตัว ก็พบว่าอักษรรูนโบราณได้จมหายเข้าไปในแขนเขา ไร้ซึ่งวี่แววเสียแล้ว
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม บรรทัดแสงหิ่งห้อยเด้งเตือนขึ้น
“คุณได้สังหารผู้ศรัทธาในเทพแห่งความตาย ดังนั้นกฎของเทพแห่งความตายจึงได้ทำเครื่องหมายบนตัวคุณ”
“ความผิดที่คุณได้กระทำต่อผู้ศรัทธาแห่งความตาย ได้ถูกแจ้งแก่อาวุโสระดับสูงแห่งคริสตจักรแล้ว”
กู่ฉิงซานกวาดอ่านจบ เงียบงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยถาม “ระบบ แล้วเครื่องหมายนี่พอจะมีวิธีกำจัดมันหรือเปล่า?”
ติ๊ง!
ระบบเทพสงครามตอบด้วยน้ำเสียงคมชัด “ท่ามกลางโลกนับล้านๆ ย่อมมีบางวิธีที่สามารถแก้ปัญหานี้แก่คุณได้ โปรดไขว่คว้ามันด้วยตัวของคุณเอง”
กู่ฉิงซานระบายลมหายใจโล่งอก
ตราบใดที่มันมีวิธี นี่ก็ไม่น่าจะมีปัญหามากเกินไป
เขาเดินไปที่ร่างศพและเริ่มควานหาของ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้พบกับกระเป๋าสีดำใบเล็ก
คำอธิบายของระบบเทพสงครามดังขึ้น
“ผู้ศรัทธาแห่งความตาย ผู้ใช้ไพ่ ศิษย์ผู้ครอบครองเทียนซวนระดับสูง กระเป๋าส่วนตัวของคาร์ล่า”
“คุณจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคลับประเภทมิติ เพื่อที่จะเปิดกระเป๋าใบนี้”
เลื่อนสายตาออกจากหน้าต่างเทพสงคราม กู่ฉิงซานแค่เพียงเก็บกระเป๋าสีดำใบนี้อย่างลวกๆ
‘ขอเก็บมันเอาไว้ก่อน’ อย่างไรเสียตนก็จำเป็นที่จะต้องเปิดกระเป๋าใบนี้ให้จงได้
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาน่ะเป็นคนยากจน กระทั่งเงินสักเหรียญก็ยังไม่มีเลยตอนนี้
ตรงกันข้าม จากในบรรดาหลากหลายอาชีพ ผู้ใช้ไพ่ถูกจัดว่าร่ำรวยมากที่สุด
ดังนั้น เขาจะต้องชิงเงินของศัตรูผู้นี้มาเป็นของตัวเองให้จงได้!
หลังจากเสร็จสิ้นทุกกระบวนการ กู่ฉิงซานก็จีบออกด้วยวิชาลับ
อันดับแรก เริ่มจากการเผา
ร่างศพบังเกิดเสียงสะเก็ดไฟที่กำลังลุกไหม้
ไม่นาน ร่างศพก็ถูกเผาไป มิหลงเหลือร่องรอยใดๆ อีกเลย
กู่ฉิงซานปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะของเขาอีกครั้ง สำรวจรอบทิศ
แต่กลับไม่พบร่องรอยใดๆ
อย่างน้อยก็เป็นภายในพิสัยจิตสัมผัสเทวะของเขา ที่ไม่สามารถตรวจพบร่องรอยได้
ดูเหมือนว่าวัยรุ่นสาวจะไม่ใช่คนโง่ แม้จะตื่นตระหนก แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะกลบร่องรอยตัวเองในระยะทางใกล้ๆ กับสถานที่สู้รบ
กู่ฉิงซานเมื่อเห็นแบบนั้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาเคลื่อนกาย และบินข้ามผืนฟ้าไป
ไล่ไปตามทิศทางการหลบหนีของวัยรุ่นสาว ไม่นานนัก เขาก็พบกับร่องรอยที่กลบไม่มิดของเธอในทะเลทราย
อันที่จริง การต่อสู้ก่อนหน้านี้มันก็ไม่ได้นานเท่าไหร่นัก
เวลาส่วนใหญ่ในระหว่างการต่อสู้ หมดไปกับการล่อลวงให้ชายชุดคลุมดำกลายเป็นอัมพาต ขณะที่การต่อสู้แท้จริงมีเพียงดาบสุดท้ายเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ คาดว่าวัยรุ่นสาวจึงยังวิ่งไปได้ไม่ไกล
ร่างของกู่ฉิงซานกะพริบไหว และตกลงเบื้องหน้าเธอ
วัยรุ่นสาวเมื่อเห็นเขาก็หยุดฝีเท้าลงอย่างรวดเร็ว
“มันจบแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความผ่อนคลาย
วัยรุ่นสาวเหม่อมองเขา สูดหายใจลึก
แล้วจู่ๆ ก็ระเบิดเสียงร่ำไห้ออกมาทันที
เธอร้องไห้ กล่าวด้วยความมั่นอกมั่นใจในสิ่งที่คิด “นายยอมตายเพื่อช่วยฉัน เพราะฉะนั้นจากนี้ไป ก็ขอให้นายพักผ่อนอย่างสงบเถอะ และวางใจได้เลย ฉันจะสู้กับเจ้าหมอนั่นจนตัวตายเหมือนกัน ไม่ยินยอมให้เขาจับตัวกลับไป ไม่ยอมให้นายต้องตายเปล่า!”
“…” กู่ฉิงซาน
‘นี่เธอคิดว่าเขาตายในการต่อสู้ไปแล้วอย่างนั้นหรือ?’
ขณะขบคิด กู่ฉิงซานก็เห็นว่าวัยรุ่นสาวประกบสองมือ กุมเข้าหากัน เริ่มสวดภาวนา “ขอให้ดวงวิญญาณเบื้องหน้าจากไปอย่างสงบ ไม่มีสิ่งใดคั่งค้างในโลกใบนี้ กลับคืนสู่อ้อมอกของพระผู้เป็นเจ้าชั่วนิรันดร์…”
กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะกล่าว “ช่วยดูดีๆ ก่อน ฉันยังมีชีวิตอยู่”
วัยรุ่นสาวผงะ
เธอจ้องกู่ฉิงซานอย่างใกล้ชิด และมองเงาของเขาอย่างจงใจ เอ่ยปากถามด้วยความลังเล “ตกลงว่านายยังไม่ตายหรอกหรือ?”
“เออยัง” กู่ฉิงซานตอบ
“แล้ว…เจ้าวายร้ายคนนั้นล่ะ?” เธอถามกลับ
“ฉันฆ่าเขาไปแล้ว”
ดวงตาของวัยรุ่นสาวกะพริบปริบๆ กวาดมองขึ้นมองลง กล่าวด้วยความสงสัย “ฆ่าไปแล้ว? อาศัยแค่นายเนี่ยนะ?”
กู่ฉิงซานไร้คำจะกล่าว
จู่ๆ ตัวเขาก็บังเกิดความคิดที่ว่าชาติก่อนคงไปติดหนี้อะไร ‘ไพ่’ ใบนี้เอาไว้กันแน่นะ ชาตินี้ถึงได้โดนกวนประสาทถึงขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นสาวย่อมไม่ใช่คนโง่
เธอหลับตาลง และทำการรับรู้เล็กน้อย ก่อนจะอุทานด้วยความประหลาดใจ “เทคนิคมนตรากักขังในร่างกายฉัน ทั้งหมดได้หายไปแล้ว”
“ฉันเป็นอิสระ!”
เธอร้องไห้ด้วยความดีใจ น้ำตาแห่งความสุขหลั่งไหลออกมาเป็นสาย
กู่ฉิงซานยืนนิ่งอยู่ตรงจุดเดิม เฝ้ารอให้อารมณ์ของอีกฝ่ายทุเลาลง
หลังจากนั้นสักพัก
วัยรุ่นสาวก็ขยี้ตาแดงของเธอแล้วยื่น ‘เทพแห่งกองทัพทะเลเลือด’ คืนให้แก่กู่ฉิงซาน
“ไม่ใช่ว่าเธอต้องใช้มันหรือ?”
กู่ฉิงซานรับไพ่และกล่าว
วัยรุ่นสาว “กฎเกณฑ์แห่งไพ่ทั้งหมดที่พันธนาการฉันได้หายไปแล้ว ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องตามหาสำรับไพ่อื่นๆ เพื่อใช้หลบหนีอีกต่อไป”
“อ่า ก็โชคดีไป เพราะฉันเองก็เคยได้ยินมาว่า สำหรับไพ่หนึ่งใบที่ต้องการเข้าไปยังสำรับอื่น จำเป็นต้องผ่านบททดสอบอีกมากมาย นั่นหมายความว่าสุดท้ายก็ต้องจ่ายออกด้วยราคาที่มหาศาลอยู่ดี”
“ถูกต้องแล้ว” วัยรุ่นสาวพยักหน้า พลางถอนหายใจ “ตัวอย่างเช่นฉัน เพราะฉันตัดสินใจที่จะถอนตัวจากสำรับไพ่ เลยต้องจมลงสู่การหลับลึกมาเป็นเวลานาน”
ทว่าเมื่อกล่าวจบ ก็พลันบังเกิดความเงียบงันขึ้น
วัยรุ่นสาวยกสองมือกุมหน้า กรีดร้องทันใด “อ๊า ทำไมนายถึงมาล้วงความลับของฉันแบบนี้!”
กู่ฉิงซานหงุดหงิด “เฮ้ๆ ล้วงความลับที่ไหน เธอเป็นคนพูดมันออกมาเองต่างหาก”
วัยรุ่นสาว “ฉันไม่สน นายนั่นแหละเป็นคนชงให้พูด นายมันคนเลว นายจงใจล่อลวงฉัน!”
กู่ฉิงซานพยายามปรามอารมณ์ตัวเอง “เธอต้องมีเหตุผลหน่อยสิ ฉันไม่ใช่ผู้ใช้ไพ่นะ ฉันเลยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“นายมีเป้าหมายลามกอะไรหรือเปล่ามาละลาบละล้วงอดีตของฉันแบบนี้” วัยรุ่นสาวกล่าวอย่างเศร้าๆ
“…” กู่ฉิงซาน
หากไม่ใช่เพราะเขาต้องอาศัย ‘ไพ่’ ใบนี้ช่วยเหลือหยุนจีแล้วล่ะก็ กู่ฉิงซานมั่นใจมากๆ ว่าตอนนี้เขาคงกระโดดถีบขาคู่ใส่เธอ แล้วปลีกตัวจากไปแล้ว
…………………………………………….