กู่ฉิงซานยืนอยู่ท่ามกลางผืนดินรกร้าง
เขาคิดทบทวนอย่างเงียบๆ ถึงทุกสิ่งที่พึ่งพบเจอมา
เสียงที่ฟังดูประหลาดใจดังขึ้นจากบนท้องฟ้า “เจ้าสามารถรอดกลับมาได้จริงๆ?”
กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นมอง
เห็นแค่เพียงเต่ายักษ์ที่ลอยอยู่บนฟากฟ้า กำลังก้มลงมองมาที่เขา
“เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธขีดสุดความว่างเปล่า สามารถรอดชีวิตจากสงครามครั้งนั้นได้อย่างไร? นี่มันไม่ถูกต้อง ต่อให้เจ้าออกค้นหาสถานที่หลบซ่อน เศษเสี้ยวจากยุคโบราณก็ย่อมต้องไม่ยินยอมให้เจ้าออกมา ต้องตกอยู่ภายในประสบการณ์ทั้งหมดอีกครั้ง และอีกครั้ง” เต่ายักษ์ขบคิด
“บังเอิญว่าผู้น้อยครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อให้เกิดบทบาทสำคัญในสงคราม” กู่ฉิงซานเฉลย
พอได้ฟัง แววตาของเต่ายักษ์ก็ค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงไป
กลับกลายเป็นว่า แม้ความแข็งแกร่งของเขาจะต่ำต้อยเท่ากับฝุ่นผง ทว่ากลับครอบครองพลังศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถกุมชะตาสมรภูมิเอาไว้ได้
เจ้าเด็กคนนี้ จะต้องมีส่วนร่วมอย่างมากในการทำสงครามอย่างแน่นอน ดังนั้นห้วงกาลเวลาจึงตระหนักถึงเขา และยินยอมส่งเขากลับมา
เต่ายักษ์ถอนหายใจ “ท่ามกลางวันเดือนปีที่ผ่านพ้น ในที่สุดก็มีคนสามารถอยู่รอดนอกวังสวรรค์ได้ นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่”
น้ำเสียงของมันฟุ้งไปด้วยความผันผวน และความขมขื่น กู่ฉิงซานเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรดี
กู่ฉิงซานขบคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “ท่านอาวุโส ตอนนี้ท่านสามารถอนุญาตให้ผู้น้อยเข้าไปยังวังสวรรค์ได้แล้วใช่หรือไม่?”
เต่ายักษ์ได้สติกลับคืน และกล่าว “แน่นอน แต่มันมีอยู่สองวิธีในการเข้าสู่วังสวรรค์เมฆาวิเวก จากในมุมมองของข้า ข้าคิดว่าหนึ่งในวิธีการที่ว่ามา น่าจะเหมาะสมสำหรับเจ้า”
“ผู้น้อยต้องการทราบรายละเอียด”
“ข้าจะช่วยเจ้าฉวยจังหวะครู่หนึ่ง ขโมยใบหยกมา นั่นน่าจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดและตรงที่สุด”
“ขโมยใบหยก?” กู่ฉิงซานทวนซ้ำด้วยความสงสัย
เต่ายักษ์อธิบาย “ที่ผ่านมา มีใบหยกพิทักษ์กายาอยู่ทั้งสิ้นสองชิ้น หนึ่งอยู่กับผู้นำนิกาย และจักถูกส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น อีกหนึ่งอยู่วางทิ้งไว้ในรังของหงส์”
“แม้ว่าหงส์จักตายไปแล้ว แต่วิญญาณของมันยังคงอยู่ ดังนั้นเราจะต้องขโมยใบหยกจากรังของมัน”
กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “แล้วพวกเราควรทำอย่างไร?”
เต่ายักษ์กล่าว “ข้าจะถอดวิญญาณตนออกจากร่าง แล้วไปต่อสู้กับมัน ระหว่างข้าต่อสู้ เจ้าก็ฉวยโอกาสนั้นขึ้นไปบนต้นไม้ร่มเงา และหยิบใบหยกจากรังของมันมาเสีย”
“อย่างไรก็ตาม หงส์จะไม่ยินยอมออกห่างจากรังของมันไกลจนเกินไป ดังนั้นระหว่างการต่อสู้กับข้า มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงที่มันจะส่งผลกระทบมาถึงเจ้าด้วย และด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า ตราบใดที่สัมผัสกับผลพวงจากการต่อสู้ เจ้าจะตายทันที”
“เช่นนั้น ผู้น้อยสมควรทำอย่างไร? หากวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล พวกเราใช้วิธีการอื่นได้หรือไม่?” กู่ฉิงซานถาม
เต่ายักษ์ “ไม่ เพราะข้าจะสอนพลังศักดิ์สิทธิ์แก่เจ้า มันจะช่วยให้เจ้าสามารถรอดชีวิตจากการต่อสู้ไปได้”
เต่ายักษ์กล่าวด้วยการแสดงออกที่ดูเคารพลึก “หากเจ้าเข้าใจถึงพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ มันจะช่วยให้เจ้าสามารถรอดพ้นจากทุกสภาพแวดล้อมใดๆ ได้ และในอนาคต เจ้าย่อมไม่มีทางตกตายง่ายๆ อย่างแน่นอน”
พอได้ฟัง หัวใจของกู่ฉิงซานก็เต้นครึกโครม
พลังศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลานุภาพแบบใดกัน ถึงขั้นสามารถทำให้ผู้ฝึกยุทธที่มีพลังต่ำต้อยเช่นเขาสามารถรอดชีวิตจากการต่อสู้ระหว่างสองอสูรวิญญาณโบราณได้?
นอกจากนี้ การสอนสั่งพลังศักดิ์สิทธิ์ให้แก่กัน มันเป็นสิ่งที่กู่ฉิงซานไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
อย่างไรก็ตาม หากอีกฝ่ายเต็มใจที่จะถ่ายทอดพลังศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังให้ ตนก็ยินดีรับไว้ …
กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความสำนึกคุณ “ขอบพระคุณท่านสำหรับความเมตตา ว่าแต่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าคืออะไร?”
เต่ายักษ์ “ข้าจะสอนพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีจุดกำเนิดอันยิ่งใหญ่ มันถูกเรียกว่า ‘หัวและหางไร้ร่องรอย’ ”
“หัวและหางไร้ร่องรอย?”
“ใช่ โดยวิธีการก็คือ ข้าจะมอบชิ้นส่วนหนึ่งของกระดองเต่าของตน ติดตั้งไว้บนแผ่นหลังของเจ้า ผสานกลมกลืนลงกับร่างกายของเจ้า”
“ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะได้รับพลังป้องกันเช่นเดียวกับข้า”
“ด้วยกระดองเต่าของข้า ในอนาคตหากเจ้าพบเผชิญกับวิกฤติถึงชีวิต ขอแค่เพียงหดแขน ขา เข้าไปในกระดองเต่า จากนั้น ต่อให้เป็นผู้ทรงอำนาจเพียงใดก็มิอาจทำร้ายเจ้าได้”
“เป็นอย่างไร? พลังศักดิ์สิทธิ์นี่แข็งกร้าวมากเลยใช่หรือไม่?” เต่ายักษ์กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“อ่า…มันแข็งแกร่งมากจริงๆ…ว่าแต่หากในระหว่างใช้ชีวิตประจำวัน กระดองเต่านี่สามารถเก็บซ่อนเอาไว้ได้หรือไม่” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
เต่ายักษ์ “ มันผสานเข้ากับร่างกายของเจ้า ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไม่ได้ที่จะเก็บซ่อน นอกจากนี้ มันคือกระดองเต่าที่ทรงประสิทธิภาพอย่างถึงที่สุด แล้วเจ้าจะเก็บซ่อนมันเอาไว้ด้วยเหตุใด?”
กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงฉากที่เขากำลังแบกกระดองเต่า
ตนเองในสภาพ…
ใช้ชีวิตตามปกติกับกระดองเต่า…
ทว่าด้วยกระดองเต่านี้ เขาสามารถนำมันไปใช้ประยุกต์รับการโจมตีจากผู้อื่นได้อย่างอิสระ!
อย่างเช่น เมื่อคนอื่นต้องการโจมตีตนเอง เขาก็สามารถหดหัวเข้าไปในกระดองเต่าได้ทันที
อืม…‘หัวและหางไร้ร่องรอย’ มันช่างเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่น่าทึ่งจริงๆ
…
น่าทึ่งปู่เจ้า!
จะบ้ารึไง!
หากตนต้องต่อสู้ด้วยวิธีการเช่นนี้ เกรงว่ายังมิทันถึงกลางคันระหว่างต่อสู้ ศัตรูคงหัวเราะเยาะ จนสำลักอากาศใจตายไปก่อน!
ในช่วงเวลานั้นเอง เต่ายักษ์คล้ายย้อนนึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มันเริ่มเสียใจ “ในครั้งที่กิเลนกำลังจะตาย ข้าเคยตั้งใจจะส่งต่อพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ให้แก่มัน เพราะอย่างไรซะ ความสัมพันธ์ระหว่างมันกับข้าค่อนข้างดี”
“ทว่าเมื่อมันฟังข้าเล่าจนจบ มันก็ไม่ยอมรับพลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าเสียอย่างนั้น สุดท้ายอาการบาดเจ็บของมันก็รุนแรงขึ้นและจากไป”
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันคิดอะไรอยู่”
กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความเคารพลึก “ท่านอาวุโส ไม่ว่าผู้อื่นจะคิดอย่างไร แต่ข้ารู้ดีว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของท่านทรงอำนาจที่สุดแล้ว ฉะนั้นท่านสามารถชื่นชมยินดีไปกับมันได้”
เต่ายักษ์เผยถึงความสุข “เจ้าช่างเป็นคนดีจริงๆ แถมยังครอบครองวิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยม!”
กู่ฉิงซานกล่าวหนักแน่น “ทว่า…ตัวข้าเอ่ยสัตย์สาบานไปแล้ว ว่าในฐานะผู้ฝึกดาบ อย่างมากที่สุดข้าเพียงสามารถใช้เกราะรบในการป้องกันเท่านั้น มิอาจใช้กลวิธีอื่นหลีกเลี่ยงการโจมตีของศัตรูได้ มิฉะนั้นข้าจะถูกสังหารโดยวิถีสวรรค์”
“เจ้าเป็นผู้ฝึกดาบ? มิน่าเล่าเอ่ยสัตย์สาบานต่อวิถีสวรรค์เช่นนั้น” เต่ายักษ์ถอนหายใจด้วยความเสียดาย “เช่นนั้นเจ้าก็คงหมดหวัง ไม่สามารถรับพลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าได้”
กู่ฉิงซานประสานกำปั้นไปทางอีกฝ่าย “อาวุโสมีอีกวิธีที่จะใช้เข้าสู่วังสวรรค์มิใช่หรือ? พวกเรามาลองวิธีที่ว่ากัน”
เต่ายักษ์พยักหน้าและกล่าว “ก็ได้ เนื่องจากเจ้าไม่สามารถรับสืบทอดพลังศักดิ์สิทธิ์ของข้า ดังนั้นย่อมมิอาจรอดพ้นจากการต่อสู้ระหว่างข้ากับหงส์ไปได้ เราจึงเหลือแค่วิธีที่สองเท่านั้น”
“ผู้น้อยต้องการรับฟังรายละเอียด” กู่ฉิงซานกล่าว
เต่ายักษ์ “วิธีที่สอง เป็นกฎที่ถูกตั้งขึ้นโดยอดีตปรมาจารย์วังจากวังสวรรค์…เจ้าจักต้องยอมรับบททดสอบในฐานะหน้าใหม่เพื่อเข้าสู่นิกาย”
มันถอนหายใจ กล่าวเพิ่มเติม “มันเป็นการทดสอบที่ยากเย็นยิ่ง เรื่องนี้ข้ามิอาจช่วยเหลือเจ้าได้เลย หากเจ้าไม่ผ่าน เจ้าจะถูกต้องห้าม และสังหารตกตายลงทันที”
“ข้ายินดีที่จะลอง” กู่ฉิงซานกล่าว
“ตกลง งั้นก็ลองดู”
ว่าจบ มันก็อ้าปากกว้าง และพ่นจานหยกออกมา
“นี่คือจานหยกสำหรับการเข้ารับการทดสอบ มังกร กิเลน หงส์ และข้าต่างก็มีกันคนละหนึ่งชิ้น”
“เจ้าจงนำใบหยกนี้ไปยังศาลารักษาการณ์กลางภูเขา หากมีสิ่งนี้ เสี้ยววิญญาณของกิเลนจะไม่ทำร้ายเจ้า มันจะส่งเจ้าไปยังบททดสอบแทน”
ใบหยกลอยมาในอากาศ และค่อยๆ ตกลงในมือของกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานประสานกำปั้น “ขอบพระคุณท่านอาวุโส”
เต่ายักษ์ “หากเจ้าผ่านการทดสอบ เจ้าก็จะสามารถเข้าไปในวังสวรรค์เมฆาวิเวก ได้เป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ แล้วข้าจะรอพบเจ้าอยู่ในวังสวรรค์”
“เข้าใจแล้ว ผู้น้อยจะปฏิบัติตาม” กู่ฉิงซานกล่าว
“ไปเถิด แต่จงระมัดระวังตัวให้ดี” เต่ายักษ์กล่าว
กู่ฉิงซานผงกหัวเล็กน้อย หันกายกลับ และบินเหนือขึ้นไปยังทะเลเมฆ
เต่าเฝ้ามองดูแผ่นหลังของเขา ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
“อนิจจา มันน่าเสียดายจริงๆ เหตุใดเด็กหนุ่มผู้นี้จึงไม่ยอมรับพลังของข้า แต่เลือกที่จะไปทนทุกข์ทรมาน เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยนะ?”
……………….
Related