ในวันที่เทพแห่งความเย็นยะเยือกกลายเป็นราชา ทั่วน่านฟ้าจะถูกปิด มนุษย์จะไม่มีสิทธิ์ย่างกรายเข้ามา
กระบวนพิธีราชาภิเษกทั้งหมดถือเป็นความลับและศักดิ์สิทธิ์
ห้ามขัดขืน
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
จากคำขอร้องก่อนหน้านี้ของเทพแห่งความเย็นยะเยือก เทพจินเยี่ยนสวมมงกุฎเทพด้วยมือของตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นาน สิบหกอารักขาเทพใช้วิชาลับตรงหน้าตำหนักราชาเทพก่อนถูกอัญเชิญมาพร้อมกัน
หลังจากท่องคาถาหลายสิบอึดใจ คทาราชาเทพปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนตกลงตรงหน้าเทพแห่งความเย็นยะเยือก
เฉพาะวันที่เทพองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์เท่านั้นที่คทาราชาเทพจะปรากฏขึ้นและถูกใช้โดยราชาเทพองค์ใหม่เพียงหนึ่งครั้ง
นี่เป็นคทาสีขาวบริสุทธิ์ มีความหนักอย่างไม่น่าเชื่อราวกับบางสิ่งกำลังไหลเวียนอยู่ข้างใน
ราวกับเป็นผลจากพลังลึกลับที่ไหลเวียนอยู่ภายในคทา ทำให้ผู้คนเห็นภาพลวงตาที่เต็มไปด้วยสิ่งต่างๆ
เทพแห่งความเย็นยะเยือกสวมมงกุฎบนศีรษะก่อนชูคทาราชาเทพในมือขึ้น
เทพทุกองค์กล่าวสรรเสริญอวยพรพร้อมกัน
ราชาเทพองค์ใหม่นิ่งไปเล็กน้อย
เขามองแถวข้อความที่ปรากฏบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“ไอเท็ม: กุญแจลับคลังความทรงจำ”
“คุณภาพ: ไอเท็มพิเศษ”
“สกิลเทพสงคราม: ไม่มี”
“บันทึกเหตุการณ์วันโลกาวินาศ: ไม่มี”
“คำอธิบาย: นี่คือกุญแจพิเศษสำหรับเริ่มใช้งานคลังทั่วไปจากยุคบรรพกาล”
กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนหันหลังแล้วเดินไปยังส่วนหลังของตำหนักเทพ
เขาต้องเข้าคลังมรดกเพื่อรับมรดกที่แท้จริงของเหล่าเทพ จากนั้นกลับตำหนักเทพอีกครั้งเพื่อประกาศให้เทพทุกองค์ทราบว่าเขาได้ล่วงรู้ถึงรากฐานความลับของกลุ่มแล้วและยินดีที่จะปกป้องเทพทุกองค์นับจากนี้เป็นต้นไป
ตอนนี้ กระบวนการขึ้นครองราชย์ถือว่าจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ เขาถือว่าเป็นราชาเทพอย่างแท้จริง
กู่ฉิงซานเดินอยู่บนทางยาวของตำหนักเพื่อมุ่งสู่ประตูคลังมรดกล้ำค่า
นี่คือประตูโลหะบานยักษ์ที่มีอักขระซับซ้อนและลึกล้ำอยู่นับไม่ถ้วนสลักอยู่บนประตู เพียงกวาดตามองก็ทำให้รู้สึกราวกับวิญญาณได้รับผลกระทบเล็กน้อย
การโจมตีใดๆ ใส่ประตูโลหะยักษ์จะเป็นการเปิดใช้งานมาตรการตอบโต้ให้กับประตู
ผู้โจมตีจะถูกทำลายด้วยการโจมตีวิญญาณโดยตรงจากประตูโลหะยักษ์จนมีสภาพไม่ต่างจากคนโง่เง่า
อารักขาเทพสิบหกตนเพียบพร้อมด้วยอาวุธยืนอยู่หน้าประตูโลหะยักษ์
ด้วยกระบวนการตามที่กำหนด กู่ฉิงซานเดินไปหาพวกเขาแล้วถามเสียงดังว่า “อารักขาเทพผู้จงรักภักดีของเผ่าพันธุ์เทพ ข้ารับใช้ผู้คุ้มกันความลับตั้งแต่เกิดจนตาย ทำไมพวกเจ้าถึงหยุดข้าไม่ให้เข้าไปหาค้นหาความลับ”
อารักขาเทพทั้งสิบหกตนกล่าวพร้อมกันว่า “หากเจ้าไม่ใช่ราชาเทพก็จงไปเสียแต่ตอนนี้ เพราะเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะล่วงรู้ถึงรากฐานความลับของเหล่าเทพ”
ตอนนี้ กู่ฉิงซานแสดงคทาราชาเทพให้อารักขาเทพทั้งสิบหกตนดู
เหล่าอารักขาเทพเห็นคทาราชาเทพก่อนทำการคำนับด้วยความเคารพต่อราชาเทพ จากนั้นถอยไปยืนอยู่ด้านข้างทั้งสองฝั่งของคลังสมบัติเพื่อเปิดทางให้
กู่ฉิงซานสาวเท้าไปที่หน้าประตูโลหะยักษ์
ราวกับสัมผัสได้ถึงการมาเยือนของคทาราชาเทพ อักขระทั้งหมดบนประตูโลหะยักษ์ส่องแสงขึ้นมา
พวกมันก่อตัวเป็นวังวนหมุนรอบใจกลางประตูโลหะยักษ์
กู่ฉิงซานชูคทาของราชาขึ้นก่อนสอดเข้าไปในหลุมดำที่อยู่ใจกลางของอักขระทั้งมวล
เพียงพริบตา ลำแสงสาดลงมาจากประตูโลหะยักษ์ก่อนตกกระทบมาที่กู่ฉิงซาน
เขาหายไปจากประตูโลหะยักษ์
วินาทีต่อมา เขามาปรากฏตัวในคลังมรดกล้ำค่า
คทาราชาเทพเคลื่อนผ่านประตูโลหะยักษ์มาพร้อมกันขณะลอยอยู่ตรงหน้าเขาอย่างเงียบงัน
กู่ฉิงซานเริ่มมองรอบข้าง
พื้นทั้งหมดของคลังมรดกล้ำค่าสร้างจากโลหะเดียวกับประตูโลหะยักษ์
คลังสมบัติมีพื้นที่หลายร้อยตารางเมตร มันว่างเปล่าและไม่มีสิ่งใดอยู่
กู่ฉิงซานยืนนิ่งสักพัก
ไม่มีอะไรปรากฏขึ้นมา ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จู่ๆ อดีตราชาเทพตาย ไม่มีเวลาสอนสั่งเกี่ยวกับประสบการณ์ต่างๆ หรือต่อให้อดีตราชาเทพยังมีชีวิตอยู่ เขาก็คงไม่เปิดเผยวิธีใช้คลังสมบัติให้กู่ฉิงซานทราบอยู่ดี
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักก่อนจับคทาราชาเทพที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศเอาไว้
ฉับพลันนั้นเอง แสงแพรวพราวสาดส่องมาจากคทาของราชา
น้ำเสียงเย็นเยือกดังมาจากคทาราชาเทพ
“ข้าสัมผัสได้ถึงตัวตนของคลังสมบัติ โปรดสัมผัสกับสื่อกลางด้วย”
สื่อกลาง…
กู่ฉิงซานมองพื้นโลหะ
พื้นทั้งหมดสัมผัสได้ถึงแสงจากคทา อักขระจำนวนมากเริ่มปรากฏขึ้นมา
กู่ฉิงซานครุ่นคิดขณะเอาคทาแตะกับพื้นโลหะอย่างแผ่วเบา
ทันทีที่คทาราชาเทพสัมผัสกับพื้น ชั้นโลหะนูนขึ้นจากพื้นก่อนคทาจะฝังลงไปอย่างแน่นหนา
น้ำเสียงเย็นเยือกกล่าวขึ้นอีกครั้งว่า
“ท่านได้รับอนุญาตให้นำรายการจัดเก็บไอเท็มแบบเดียวกันออกไปได้ การอนุญาตจะถูกกำหนดด้วยการสุ่ม”
“ท่านมีคุณสมบัติที่จะอ่านภาพที่เก็บไว้ในคลังแห่งนี้ได้”
“โปรดเลือกระหว่างนำรายการจัดเก็บไอเท็มออกกับอ่านภาพที่ถูกเก็บไว้ ตามสิทธิ์การอนุญาต ท่านสามารถเลือกได้เพียงหนึ่งอย่างเท่านั้น”
กู่ฉิงซานตกตะลึง
สามารถเลือกวัตถุสืบทอดหรือความลับของมรดกได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งงั้นหรือ
นี่หมายความว่าสามารถเอารายการจัดเก็บไอเท็มออกเพื่ออัปเกรดการ์ดได้หรือจะเรียนรู้เกี่ยวกับภาพที่เก็บไว้ในคลังนี้
ทันทีที่อัปเกรดการ์ดจนได้การ์ดระดับมรกตขั้นที่สองมา เขาจะกลายเป็นการ์ดระดับมรกตเช่นกัน
การ์ดระดับมรกตไม่ได้ต่ำเตี้ยเท่าการ์ดสีเทา
เสี่ยวซีเลื่อนขั้นไปถึงการ์ดระดับมรกตเช่นกัน แต่กู่ฉิงซานยังไม่เคยเห็นนางสู้มาก่อน
การ์ดระดับนี้มีการทำงานมากมาย ทันทีที่กู่ฉิงซานประสบความสำเร็จ เขาสามารถสร้างกองการ์ดระดับมรกตขึ้นมาอย่างช้าๆ ได้
แต่ข้อมูลภาพที่ถูกเก็บไว้คืออะไรกัน
มันคือรากฐานความลับที่ลึกที่สุดของเผ่าพันธุ์เทพหรือเปล่า
ถ้าอย่างนั้น ไม่ว่าความลับจะเป็นอะไร เขาต้องสู้กับเผ่าพันธุ์เทพไม่ช้าก็เร็วเพื่อทำลายล้างให้หมดสิ้น
ดังนั้น ความลับดังกล่าวอาจจะไม่ถูกล่วงรู้อีกเลยก็ได้
แต่ว่า…
ถ้าข้อมูลภาพเป็นข้อมูลที่สำคัญมากขึ้นมาล่ะ
กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว รู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อย
หายากนักที่เขาจะลังเล
หลังจากชั่งน้ำหนักอย่างระวัง กู่ฉิงซานเลือกข้อมูลภาพในท้ายที่สุด
เมื่อก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ คทาราชาเทพจะหายไปและจะไม่ปรากฏขึ้นมาอีกจนกว่าราชาเทพองค์ต่อไปจะขึ้นสู่บัลลังก์
การ์ดจะอัปเกรดเมื่อไหร่ก็ได้ อยู่ที่ว่าทำได้ช้าหรือเร็วก็เท่านั้น
แต่ความลับไม่ใช่สิ่งที่หาได้ตลอดเวลา
เพราะเหตุนี้จึงต้องเลือกข้อมูลภาพ
ด้วยเหตุนี้กู่ฉิงซานจึงตัดสินใจเช่นนั้น
เขากำลังจะพูด แต่แถวหิ่งห้อยผุดขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“ถ้าไม่อยากเสียใจในภายหลังก็จงวางมือบนคทา”
กู่ฉิงซานผงะก่อนจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันที
เขาวางมือบนคทาของราชาทันที
เสียงของระบบเทพสงครามดังขึ้น “จงจำไว้ ท่านติดหนี้พลังวิญญาณกับข้าอยู่”
“เท่าไหร่หรือ” กู่ฉิงซานถาม
“เมื่อท่านมีพลังวิญญาณมากพอแล้ว ข้าถึงจะบอก” ระบบกล่าว
ทันทีที่สิ้นเสียง คทาราชาเทพสั่นไหวเล็กน้อย
อักขระแวววาวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นทั่วพื้นโลหะอย่างบ้าคลั่ง
ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“กำลังแยกโครงสร้างอักขระของคลังสมบัติ”
“ได้รับวิธีสร้างกุญแจอักขระลับ”
“ด้วยขีดจำกัดความทนทานขั้นต่ำของการแจ้งเตือนจากคลังสมบัติและการสังหารรอบด้าน ทำการสร้างอักขระคทาขึ้นมาใหม่ กำหนดให้สิทธิ์อนุญาตนี้แยกออกจากกัน”
“ทำการเปลี่ยนสิทธิ์อนุญาต”
“สิทธิ์การใช้ครั้งนี้ถูกกำหนดเป็น: ได้รับข้อมูลภาพที่ถูกแสดงขึ้นมาและได้รับของมีค่าในคลังสมบัติ”
ข้อความแจ้งเตือนทั้งหมดหายไป
ในคลังมรดกล้ำค่า แสงแวววาวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากพื้น ก่อตัวเป็นภาพขึ้นกลางอากาศ
คนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นบนจอ
เขาเปิดปากพูดขึ้นว่า “ในไม่ช้า พวกเราจะต้องออกไปจากที่นี่ ข้าจะทิ้งสิ่งประดิษฐ์วิญญาณต่อสู้ประจำตัวเหล่านี้เอาไว้ อย่างไรเสีย ถ้าเจ้าไปถึงที่นั่น การนำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ติดตัวมากเกินไปจะกลายเป็นภาระเอาเปล่าๆ ”
เขาก้าวมาที่หน้าจอ
ด้านหลังคนคนนี้ แสงทรงกลมจำนวนมากลอยอยู่ในอากาศอย่างเงียบงัน
ชายคนนั้นอธิบายอย่างภาคภูมิใจว่า “นี่คือการทดลองส่วนตัวของข้า มันมาจากการผสมผสานของเวทมนตร์และเทคโนโลยี ในเวลาเดียวกัน มันยังดูดกลืนองค์ประกอบบางส่วนของระบบโกลาหลเข้าไปด้วย ถึงแม้จะเป็นประโยชน์ไม่มากนัก แต่ก็เป็นแนวทางการวิจัยที่น่าสนใจมากๆ เลยล่ะ”
“สิ่งเดียวที่เจ้าต้องสนใจคือสิ่งเหล่านี้อาจจะมีอายุการเก็บรักษา ข้าจึงไม่กล้านำพวกมันไปที่ประตู”
เขาแตะบอลแสงอย่างแผ่วเบา
แสงทรงกลมกลายเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ขนาดเล็กส่องแสงเรืองรองไปทั่วทุกทิศ
ตรงกลางหว่างคิ้วของสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์นี้ กลุ่มเปลวเพลิงร้อนแรงกำลังลอยขึ้นมาอย่างเงียบงัน
………………………………….