อาจเพราะกู่ฉิงซานครุ่นคิดนานเกินไปหน่อย
ที่นอกตำหนักราชาเทพ เสียงของเทพจินเยี่ยนดังขึ้นช้าๆ
“วัตถุดิบสำหรับสร้างแผ่นหยกเก็บมาครบแล้ว โปรดถ่ายทอดคำสั่งด้วย ท่านราชาเทพ”
กู่ฉิงซานกลับมามีสติ
เขามองลั่วปิงหลีที่ถูกห้อมล้อมด้วยน้ำแข็ง
ดวงตาของลั่วปิงหลีเบิกกว้าง สบเข้ากับสายตาของเขาที่เผยความนัยอย่างน่าสงสัย
“ฟังนะ เขาอดใจรอที่จะล่วงรู้ความลับของดาบศักดิ์สิทธิ์ไม่ไหวแล้ว” นางส่งกระแสจิต
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะรับมือเอง”
กู่ฉิงซานกล่าว
เขาปรบมือ
ด้านหลังตำหนัก ในบรรดาสิบหกอารักขาเทพผู้คุ้มกันมรดก มีอารักขาเทพสิบสองตนเหาะลงมาที่โถงก่อนคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
อารักขาเทพเหล่านี้รับผิดชอบเรื่องคุ้มกันมรดก หลังจากราชาเทพขึ้นครองบัลลังก์แล้ว พวกเขาจะเชื่อฟังคำสั่งและน้อมรับคำสั่งของราชาเทพเช่นกัน
“ราชาเทพ ท่านเรียกพวกข้าหรือ” หัวหน้าอารักขาเทพเป็นผู้ถาม
“ใช่ ตอนนี้มีงานจะให้พวกเจ้าทำหน่อยน่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว
“น้อมรับคำสั่งจากราชาเทพ” เหล่าอารักขากล่าวพร้อมกัน
“เจ้าปกป้องวิหารเอาไว้ ห้ามให้ใครเข้ามาหากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า” กู่ฉิงซานกล่าว
“ขอรับ!” เหล่าอารักขาเทพกล่าว
พวกเขาสาวเท้าออกมาคุ้มกันทางเข้าตำหนักราชาเทพ
กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนกล่าวเสียงดังไปถึงนอกโถงว่า “เทพแห่งการโกหกเข้าโถงมาแล้วทำตามคำสั่งข้า”
“ขอรับ” มีเสียงหนึ่งดังมาจากนอกโถง
หลังจากนั้น เหล่าอารักขาเทพเปิดทางให้ เทพแห่งการโกหกเข้าสู่วิหาร
“นายท่าน” เทพแห่งการโกหกคารวะ
“เอาล่ะ ข้ามีงานจะให้เจ้า” กู่ฉิงซานกล่าว
“นายท่าน เชิญสั่งมาได้เลย”
…
ไม่ช้า เทพแห่งการโกหกรับคำสั่งก่อนถอยออกจากวิหาร
ตอนนี้ กู่ฉิงซานประกาศว่า “หลายวันมานี้ทุกท่านทำงานหนักมาก หลังจากวางวัตถุดิบไว้ที่ทางเข้าวิหารแล้ว ทุกท่านสามารถกลับไปพักผ่อนได้”
“ขอรับ” เหล่าเทพกล่าวอย่างพร้อมเพรียง
พวกเขาวางวัตถุดิบมีค่าไว้ที่ประตูวิหารชิ้นแล้วชิ้นเล่า จากนั้นจึงถอยหลังจากไป
ตอนนี้เอง เสียงของเทพจินเยี่ยนดังขึ้นอีกครั้ง
“นายท่าน ทำไมท่านไม่ให้ข้าเข้าไปรอในวิหารเพื่อเรียนรู้วิธีสร้างแผ่นหยกล่ะ”
กู่ฉิงซานนั่งบนบัลลังก์ก่อนกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “นี่เป็นเรื่องลับเฉพาะ ทั้งหมดที่เจ้าต้องรู้มีแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องรู้มากไปกว่านี้อีก”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ เทพองค์อื่นต่างก็จากไป
เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับโชคชะตาของเผ่าพันธุ์มนุษย์และถูกควบคุมโดยราชาเทพ ดังนั้นเป็นธรรมดาที่จะต้องทำให้มันปลอดภัยที่สุด
แต่เทพจินเยี่ยนไม่อาจสงบจิตสงบใจได้
ความลับของดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่เขาจะทนดูให้มันตกไปอยู่กับมือคนอื่นได้อย่างไร
เป็นความจริงที่กู่ฉิงซานเอามันออกมาแล้ว แต่ราชาเทพตรงหน้ากลับมีความปรารถนาที่อยากจะกลืนกินดาบศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เพียงผู้เดียว
นั่นคือดาบศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ พลังของมันสามารถฟาดฟันเทพได้ มันจะไม่ดีกว่าหรือหากมาอยู่ในมือของตัวเอง
ความคิดนับไม่ถ้วนท่วมท้นจิตใจของเทพจินเยี่ยน
เขาอดที่จะเดินไปข้างหน้าหลายก้าวเพื่อมุ่งสู่วิหารไม่ได้ แต่ก็ถูกสิบสองอารักขาเทพพร้อมอาวุธเข้ามาขวางตามที่ได้รับคำสั่งจนเขาต้องล่าถอยออกมา
อารักขาเทพทุกตนครอบครองพลังต่อสู้อันแก่กล้า ลำพังแค่เทพจินเยี่ยนไม่สามารถตอบโต้อะไรได้
เทพจินเยี่ยนกัดฟันแล้วกล่าวว่า “ท่านราชาเทพ ข้าแนะนำว่าท่านอย่าโลภมากจนเก็บความลับของเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้จะดีกว่า”
“โห…ทำไมล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
“เพราะแผ่นหยกนี่จะพาท่านไปสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย มีเพียงข้าผู้เป็นเทพจากอนาคตเท่านั้นที่รู้วิธีรับมือกับมัน ไม่มีใครสามารถรับมือได้”
ขณะทำการเกลี้ยกล่อมราชาเทพ เขากล่าวต่อไปว่า “นายท่าน ท่านต้องตัดใจจากความลับนี้ ไม่อย่างนั้นท่านจะล่วงลับ นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ข้าคิดว่าท่านอาจจะไม่อยากล่วงลับเพราะเหตุนี้”
นอกตำหนัก เทพทุกองค์เข้ามาผสมโรงทันที
เทพองค์นี้มาจากอนาคตและรู้หลายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
กู่ฉิงซานปรับท่วงท่าด้วยการเอนสบายๆ กับที่นั่งก่อนถามต่อว่า “ถ้าข้าแอบดูความลับ อันตรายแบบไหนที่จะเกิดขึ้นล่ะ”
เทพจินเยี่ยนกล่าวว่า “ผู้ปกครองโลกบรรพกาลจะมาที่ประตูเพื่อฆ่าท่านและแย่งชิงดาบศักดิ์สิทธิ์ไป”
กู่ฉิงซานไม่พูด
เขาเพียงเม้มปาก
นอกตำหนักเกิดความเงียบหลายอึดใจ อีกเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมา
“รายงานราชาเทพ เขาโกหก”
นี่คือเสียงของเทพแห่งการโกหก
กู่ฉิงซานถามว่า “เขาโกหกตรงไหนกัน”
“ทุกประโยคเลย” เทพแห่งการโกหกกล่าว
เทพทั้งหลายต่างแตกตื่น
เทพผู้มาจากอนาคตองค์นี้ถึงกับกล้าหลอกราชาเทพเชียวหรือ!
นี่เขาตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
หรือคิดจะฉวยความลับมาไว้กับตัวเสียเอง
กู่ฉิงซานหัวเราะเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของเขากลับเกรี้ยวกราดและโหดเหี้ยม “จัดการ!”
“ขอรับ!”
สิบสองอารักขาเทพตะโกน
ดวงตาของลั่วปิงหลีเบิกกว้างราวกับไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็นและได้ยิน
กะ… การแก้ปัญหามันช่างง่ายดายปานนี้เชียวหรือ
นี่เหมือนกับฝันไปเลย
นางอดที่จะส่งกระแสจิตมาไม่ได้ “ทำไมเจ้าไม่ฆ่าหมอนั่นล่ะ ปัญหาใหญ่จะได้คลี่คลายไปเลย”
กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “แบบนั้นมันดูโจ่งแจ้งเกินไป ไม่เพียงแค่จะทำให้ดูน่าสงสัยเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาอีกด้วย”
“ปัญหาอะไร” ลั่วปิงหลีถาม
“รอดู”
กู่ฉิงซานกล่าวเช่นนั้น
ลั่วปิงหลีไม่อยากรอนานจนเกินไป
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ เทพจินเยี่ยนพลันหยิบเหรียญขึ้นมาแล้วบดขยี้เป็นผุยผง
“มาช่วยข้า!” เขาคำราม
ความว่างเปล่าเกิดการเคลื่อนไหว
มนุษย์แสงปรากฏตัวขึ้น
เขาเคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนมาอยู่ตรงหน้าเทพจินเยี่ยนเพื่อขวางทางเหล่าเทพเอาไว้ “พวกท่านสู้ไม่ได้หรอก”
พวกเทพหยุดนิ่ง
ร่างมนุษย์ของมนุษย์แสงครอบครองพลังของเหล่าเทพเอาไว้นับไม่ถ้วนผ่านวิถีพิเศษ มันคือความสำเร็จทางปัญญาขั้นสูงสุดของเผ่าพันธุ์เทพ ไม่มีวันเสแสร้ง ไม่มีวันทรยศเผ่าพันธุ์เทพ
ดังนั้น พวกเทพจึงเกิดการลังเล
“เป็นอะไร ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด เจ้าน่าจะอยู่ยุคเดียวกับพวกข้านี่ เหตุใดจึงปกป้องคนจากอนาคตด้วย” กู่ฉิงซานถาม
“เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ท่านราชาเทพขุ่นเคือง เพียงแค่อยากเก็บดาบไว้เพื่อเปลี่ยนชะตากรรมในอนาคตของเผ่าพันธุ์พวกเราด้วยพลังของดาบยาวก็เท่านั้น” มนุษย์แสงกล่าว
“เขาไม่ได้โกหก” เทพแห่งการโกหกประกาศ
เมื่อพวกเทพได้ฟัง สีหน้าของพวกเขาผ่อนคลายเล็กน้อย
อีกอย่าง
ในฐานะเทพ ถ้าไม่ทำตัวมีปัญหามากเกินไป เป็นการยากนักที่จะทำให้ราชาเทพขุ่นเคืองได้
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแปลกประหลาดว่า “ภารกิจของเขาชัดเจนมาตั้งแต่แรก นั่นก็คือตามหาช่างผู้ใช้วิชาดาบที่เป็นศัตรูและฆ่าทิ้ง”
มนุษย์แสงอธิบายว่า “การรับดาบศักดิ์สิทธิ์สำคัญยิ่งกว่าการฆ่าศัตรู”
“เจ้าหมายความว่าหากเขาได้ดาบศักดิ์สิทธิ์ไปก็จะสามารถเปลี่ยนอนาคตได้อย่างนั้นหรือ” กู่ฉิงซานถาม
“ถูกต้อง” มนุษย์แสงกล่าว
กู่ฉิงซานพลันกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าขอถามเขาหน่อย ในอนาคตเขาอยู่ที่ไหน มีเทพอีกกี่องค์ที่ยังรอดชีวิตอยู่”
ตอนนี้สายเกินกว่าจะมาระวังตัวแล้ว เทพจินเยี่ยนเปล่งเสียงออกมาสองครั้ง แต่ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำได้
พวกเทพตื่นตัวกัน
นี่คือเรื่องของความเป็นความตาย ทำไมเขาถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ
หรือว่า…
“พูดมา!” เทพองค์หนึ่งอดที่จะตะโกนออกมาไม่ได้
ทว่า เทพจินเยี่ยนเม้มปากแน่น ไม่กล้าพูดออกมาสักคำ
ตอนนี้ เขานึกเสียใจจริงๆ ที่พึ่งความได้เปรียบเรื่องคำทำนายมากเกินไปจนใช้สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตมาเรียกสติราชาเทพ
กลายเป็นว่าราชาเทพกำลังรอคอยเวลานี้อยู่ก่อนแล้ว!
เทพจินเยี่ยนถูกความรู้สึกประดังเข้ามาเล็กน้อย
ดังคาด ราชาผู้ตื่นขึ้นจากโชคชะตาถึงกับผลักเขามาสู่จุดนี้!
แน่นอนว่าวินาทีต่อมาก็เป็นดังที่เขาคาดเอาไว้
ราชาเทพถอนหายใจออกมา “เทพแห่งการโกหก! ตอนนี้ ข้าขอสั่งให้เจ้าสืบหาความจริงและความเท็จจากคำพูดของราชาตนนี้!”
“ขอรับ” เทพแห่งการโกหกกล่าวด้วยความเคารพ
“เทพจินเยี่ยนเคยบอกข้าว่าในหมู่เทพนั้น มีน้อยนักที่สามารถรอดไปสู่ยุคใหม่ได้ ส่วนที่เหลือถึงแก่ความตาย!”
ใช่แล้ว เทพส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่จะต้องตาย
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าหายนะในประวัติศาสตร์
เทพจินเยี่ยนแลกเปลี่ยนเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เหล่านี้เพื่อให้ช่วยเขาตามหากู่ฉิงซานอย่างสุดกำลัง
ช่วยเขาตามหากู่ฉิงซาน
พวกเทพตกอยู่ในความเงียบ
ไม่ว่าใครได้ยินข่าวว่าตัวเองจะต้องตาย ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ในทันที
กู่ฉิงซานตะโกนอีกครั้งว่า “เทพแห่งการโกหก!”
เทพแห่งการโกหกกล่าวเสียงต่ำว่า “นายท่านไม่ได้โกหก”
“เอาล่ะ เอาความสามารถตรวจจับของเจ้ากลับคืนไปได้แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“ขอรับ”
เป็นอีกครั้งที่ไม่มีใครกล่าวอะไรอยู่เนิ่นนาน
มนุษย์แสงอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะเติมเชื้อไฟให้กับเหล่าเทพที่กำลังมีอารมณ์คุกรุ่นอยู่
เสียงของกู่ฉิงซานดังขึ้น
เขากล่าวเสียงต่ำว่า “ในเมื่อพวกเราทั้งหมดต้องตาย ทำไมข้าต้องมอบความลับนี้ แผ่นหยกนี้และดาบเล่มนี้ให้เขาด้วย”
เสียงของเขาพลันเปลี่ยนไปจนดูเหมือนกับกำลังพูดพล่ามไม่หยุด
“ทำไมไม่ปล่อยให้การเปลี่ยนแปลงโชคชะตาเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนี้เลยล่ะ”
มนุษย์แสงนิ่ง
เทพจินเยี่ยนนิ่ง
เทพทุกองค์ตกตะลึง!
กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “ใช่ ถ้าข้าได้ดาบศักดิ์สิทธิ์มา โชคชะตาของเผ่าพันธุ์เทพจะถูกเขียนใหม่นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงตอนที่เทพทั้งหมดตายแล้ว”
เขาพลันลุกขึ้นจากบัลลังก์ แผดเสียงคำรามดังขึ้นจนสะเทือนไปทุกหนแห่ง
“เผ่าพันธุ์เทพทั้งหลาย ตอนนี้ ชะตากรรมได้กำหนดทิศทางเป็นไปให้ข้าแล้ว พวกเจ้าบอกข้ามาซิว่าอยากควบคุมชะตากรรมตัวเองไปพร้อมกับข้าหรือจะคาดหวังในอนาคต”
“นายท่าน ข้าอยากเปลี่ยนโชคชะตาแห่งความตายไปพร้อมกับท่าน!” เทพองค์หนึ่งตะโกน
“ข้าจะติดตามนายท่าน!” เทพอีกองค์กล่าวเสียงดัง
“นายท่าน ข้าจะเดินรอยตามท่าน!”
“นายท่าน ข้าจะเป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของท่าน!”
“พวกข้าจะเชื่อฟังนายท่าน”
พวกเทพตะโกน
เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ทางเลือกมักง่ายเสมอ
เสียงของกู่ฉิงซานและเทพองค์อื่นเบาลงเล็กน้อยก่อนจะกลับมาดังขึ้นอีกครั้ง “พวกเจ้าคิดว่าดาบควรเป็นของใคร”
เหล่าเทพพร้อมกับอารักขาทั้งหมดตอบเสียงดังว่า “เป็นของนายท่าน!”
กู่ฉิงซานกล่าวเสียงดังว่า “ดังนั้นข้าต้องขอโทษด้วย ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ของเจ้าจะมาจากอนาคตหรือช่วงเวลาไหน ชะตากรรมของพวกข้าก็ควรจะอยู่ในมือของพวกข้า พวกข้าจะเปลี่ยนผลลัพธ์ของความตายนั่นให้ดู”
“ความลับนี้ แม้แต่ดาบที่ซ่อนอยู่ในความลับก็เป็นของราชาผู้นี้ หากใครกล้าที่จะล้วงความลับนี้ล่ะก็…”
‘ชิ้งๆ!’
เทพทุกองค์ยืนอยู่ตรงประตูตำหนัก สิบสองอารักขาเทพก็ยืนอยู่ที่นั่นเช่นกัน
พวกเขาชักอาวุธออกมาขณะหันหน้าเข้าหามนุษย์แสงและเทพจินเยี่ยน สีหน้าเผยความเป็นศัตรูองค์แล้วองค์เล่า
อนาคตอะไรไร้สาระ เจตจำนงของเหล่าเทพที่เหนียวแน่นต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง
ดาบศักดิ์สิทธิ์จะต้องอยู่ในมือของราชาเทพ!
พวกเทพคิดเช่นนั้น
กู่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตรงประตูก่อนจะเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา จากนั้นนั่งลงบนบัลลังก์เทพอย่างช้าๆ
น้ำเสียงของเขายังคงเคร่งขรึมและทรงพลัง “ใช่ นี่คือเจตจำนงของพวกเราเผ่าพันธุ์เทพและมันจะไม่มีวันเปลี่ยนเพียงเพราะอนาคตนั่น”
ในเวลาเดียวกัน เขาบิดขี้เกียจก่อนส่งกระแสจิตหาลั่วปิงหลีว่า “จบแล้ว”
ลั่วปิงหลีดูไม่ต่างจากคนโง่
นางถูกแช่แข็ง ไม่สามารถเข้าใจว่ากำลังเห็นอะไรอยู่พักใหญ่
ได้อย่างไร…
ด้วยความพยายามเพียงไม่กี่คำ ความลับของดาบศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นเอกสิทธิ์ไปแล้วหรือ
แม้กระทั่งเผ่าพันธุ์เทพยังแบ่งฝักฝ่าย
การแบ่งฝักฝ่ายในครั้งนี้แบ่งเป็นเผ่าพันธุ์เทพในยุคปัจจุบันกับเผ่าพันธุ์เทพในยุคอนาคต
เพราะพวกเทพกำลังจะไปสู่จุดจบของความตาย ทั้งสองกลุ่มจึงไม่มีทางประนีประนอมกันได้
พวกเทพจะไม่ลังเลที่จะสังหารเทพจินเยี่ยนเพื่อความอยู่รอด
ถ้าเขายังกล้าปรารถนาในดาบศักดิ์สิทธิ์อีกล่ะก็นะ
…
แต่ละความคิดไหลซึมผ่านจิตใจของลั่วปิงหลี
นางสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่นางรู้สิ่งหนึ่งอย่างแน่ชัด
ดูท่านางจะไม่ต้องตายเพื่อปกปิดความลับอีกแล้ว
……………………………