แสงยามเช้าสาดส่อง
เมฆหลากสีสันปกคลุมไปหลายพันไมล์
กู่ฉิงซานยืนอยู่ในป่าหยกเย็นเยือกขณะส่งสัญญาณ
สิบหกอารักขาเทพหยุดทันที
มนุษย์แสงกล่าวว่า “พวกเขาอยู่ที่นี่ การสอดแนมเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่จำเป็นต้องมีคนมากจนเกินไป”
กู่ฉิงซานมองสิบหกอารักขาเทพ
สิบหกอารักขาเทพคุกเข่าลงข้างหนึ่งทันทีแล้วกล่าวว่า “นายท่าน โปรดให้พวกข้าติดตามเพื่อปกป้องท่านด้วย”
กู่ฉิงซานหัวเราะแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่แข็งแกร่งเท่าข้า ไม่จำเป็นต้องตามข้ามากไปกว่านี้ กลับไปเฝ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์เพศหญิงเพื่อข้า อย่าให้ใครเข้าตำหนักราชาเทพจนถึงตัวนางได้เด็ดขาด นางข้องเกี่ยวกับอนาคตของเผ่าพันธุ์เทพ”
“ขอรับ!”
สิบหกอารักขาเทพตอบรับพร้อมกัน จากนั้นหันหลังแล้วบินไปยังทิศทางที่มุ่งสู่สวรรค์
“ไปกันต่อเถอะ” กู่ฉิงซานเดินนำหน้ามนุษย์แสง
“ขอรับ” มนุษย์แสงกล่าว
พวกเขาบินตรงไปยังส่วนลึกของป่า
ผ่านไปสักพัก
ทั้งสองหยุดอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่
มนุษย์แสงกล่าวกับต้นไม้ว่า “ออกมา”
ต้นไม้ใหญ่แยกออก นักพรตวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้น
เขาไว้เครายาว สวมชุดคลุมเต๋า ทั่วร่างแผ่พลังอันน่าเกรงขามออกมา
เพียงชำเลืองมองก็รู้ในทันทีว่าคนคนนี้คือหนึ่งในผู้ดูแลความเป็นความตายมาช้านาน
นักพรตเต๋ามองมนุษย์แสง จากนั้นมองกู่ฉิงซานแล้วกล่าวด้วยความสงสัยว่า “เทพผู้สูงศักดิ์ทั้งสองท่าน เหมือนข้าจะไม่เคยเห็นพวกท่านมาก่อนเลย”
กู่ฉิงซานมองมนุษย์แสง
มนุษย์แสงอธิบายว่า “เพื่อซ่อนตัวจากยอดนักพรตของเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือแม้กระทั่งซ่อนตัวจากการสำรวจของเผ่าพันธุ์บรรพกาล พวกเขาต้องวางคนที่มีสถานะสำคัญที่สุดเอาไว้ในเผ่าพันธุ์มนุษย์”
“หากไม่จำเป็น คนเหล่านี้จะไม่ติดต่อหรือข้องเกี่ยวกับพวกเราในวันธรรมดาและถ้าไม่มีโทเค่น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเทพ พวกเขาก็จะไม่ยอมรับ”
“แล้วพวกเขายอมรับอะไรล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
มนุษย์แสงหยิบเหรียญออกมาก่อนโยนให้นักพรต
นักพรตรับเหรียญไว้ หลังจากตรวจสอบสักพัก สีหน้าผ่อนคลายจึงถูกเผยให้เห็น
กู่ฉิงซานประหลาดใจ
กลายเป็นว่ายอมรับเงินเสียอย่างนั้น
นักพรตเต๋าวัยกลางคนทำการคุกเข่าต่อหน้ามนุษย์แสงและกู่ฉิงซานขณะกล่าวด้วยความกระตือรือร้นว่า “ข้าน้อยคือหัวหน้าผู้ดูแลสำนักเซียนธารจันทรา จ้าวอู๋จง ขอคารวะเทพทั้งสอง”
มนุษย์แสงเข้าใกล้กู่ฉิงซานก่อนกล่าวว่า “นี่คือจ้าวอู๋จง เขาซ่อนอยู่ในส่วนลึกของสำนักเซียนธารจันทรามานานหลายปี น้อยครั้งที่จะเดินออกมาสู่โลกภายนอก ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับนักพรตระดับเดียวกัน ดังนั้นการใช้ตัวตนของเขาย่อมไม่เป็นที่สงสัยอย่างแน่นอน”
กู่ฉิงซานฟังจบก่อนกล่าวกับจ้าวอู๋จงกล่าวว่า “ลุกขึ้น”
“ขอรับ”
“ทีนี้พวกข้าต้องการสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือการหยิบยืมตัวตนของเจ้า”
“ข้าน้อยขอบังอาจถามว่าจะพวกท่านจะทำอย่างไร”
มนุษย์แสงกล่าวว่า “ข้าจะร่ายวิชาใส่เจ้าและเทพที่อยู่ด้านข้าง เขาจะกลายเป็นเหมือนเจ้า ทำทุกสิ่งเหมือนกับเจ้า ในช่วงเวลาดังกล่าว เจ้าต้องซ่อนตัว ห้ามเปิดเผยการกระทำใดๆ เด็ดขาด”
จ้าวอู๋จง หัวหน้าของสำนักเซียนธารจันทราฟังอย่างตั้งใจ สีหน้าของเขาค่อยๆ ผ่อนคลายลง
ตอนแรกคิดไว้อย่างหนึ่ง
แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายเพียงแค่ต้องการใช้ตัวตนเท่านั้น
นี่นับว่าเป็นเรื่องง่าย เขาเพียงต้องหาสถานที่ซ่อนตัวสักหลายวันก็เพียงพอแล้ว
“ข้าน้อยจะเชื่อฟัง” เขากล่าวเสียงดัง
มนุษย์แสงยื่นมือออกพลางกล่าวว่า “เอาล่ะ ทั้งคู่จับมือข้าคนละข้าง”
กู่ฉิงซานจับมืออีกฝ่ายเอาไว้
จ้าวอู๋จงทำตามที่บอกเช่นกัน
มนุษย์แสงหันมากล่าวกับกู่ฉิงซานว่า “นี่คือการใช้พลังกฎเกณฑ์เพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ของท่าน ท่านจะมีรูปลักษณ์และบรรยากาศของนักพรตมนุษย์ผู้นี้ แต่โปรดวางใจได้ พละกำลังของท่านจะไม่ได้แปรเปลี่ยนแต่อย่างใด แม้กระทั่งนักพรตมนุษย์ผู้นี้ก็เป็นผู้ที่ข้าเลือกมาเองกับมือ เขาคือนักพรตผู้มีวิชาเยือกแข็งของวิญญาณวารี”
“เช่นนั้นข้าจะฟื้นคืนรูปลักษณ์เดิมได้อย่างไร” กู่ฉิงซานถาม
“นี่เป็นวิชาปกปิดขั้นสูงที่เลียนแบบมาจากยุคบรรพกาล เป็นวิชาไร้ขอบเขต แต่ไม่มีพลังใดมาพันธนาการ ถ้าท่านอยากเปลี่ยนกลับคืนดังเดิม เพียงแค่ทำลายมันด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มีก็พอแล้ว” มนุษย์แสงกล่าว
เขากล่าวต่อว่า “สิ่งเดียวที่ท่านต้องให้ความสนใจก็คือพวกเราเผ่าพันธุ์เทพไม่รู้เรื่องวิญญาณมนุษย์ พวกเราใช้วิธีการสื่อสารทางวิญญาณ ดังนั้นหากพบกับนักพรตมนุษย์ผู้อื่น อย่าเผยจุดนี้ให้รู้เด็ดขาด”
หัวใจของกู่ฉิงซานขยับก่อนเผยรอยยิ้มออกมา “แบบนั้นข้าค่อยวางใจได้หน่อย”
ขณะสนทนา เขาค่อยๆ มีรูปลักษณ์ของนักพรตวัยกลางคนคนนั้น
กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปลูบความว่างเปล่า พลังเยือกแข็งก่อตัวเป็นกระจกขึ้นมา
เขาดูรูปลักษณ์ของตัวเอง กลายเป็นว่าเขาเหมือนกับอีกฝ่ายทุกส่วน
แต่ภายในร่างกายนั้นเขายังเป็นเทพแห่งความเย็นยะเยือก
หื้ม…เป็นวิชาลี้ลับที่ทำให้คล้ายกันในสิ่งมีชีวิตนี่เอง
หลังจากนั้นกู่ฉิงซานเดินไปหาจ้าวอู๋จง
“เอาของทุกอย่างที่เป็นของเจ้ามาให้ข้า” กู่ฉิงซานกล่าว
“หา ขอรับ ท่านเทพ”
จ้าวอู๋จงตกตะลึงสักพักก่อนรีบกล่าวเช่นนั้น
เขาหยิบของของตัวเองออกมาพร้อมกับถุงเก็บของบางส่วน เขาลังเลอยู่สักพักก่อนปลดมีดเยือกแข็งที่อยู่ด้านข้างออกมา
นี่คือมีดยาวล้ำค่าที่สุดในสำนัก มูลค่าของมันสุดจะประมาณได้
สายตาของกู่ฉิงซานเห็นมันเข้าพอดีก่อนหัวเราะเสียงดัง “ข้าไม่ใช้ขยะพรรค์นั้นหรอก ข้าแค่พกไว้ติดตัวเพื่อให้สะดวกต่อการปลอมตัวเป็นเจ้ามากขึ้นก็เท่านั้นเอง”
เขาครุ่นคิดสักพักก่อนดึงคทาเยือกแข็งออกมาแล้วเขย่าตรงหน้าจ้าวอู๋จง
นี่คืออาวุธของเทพแห่งความเย็นยะเยือก เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์
กู่ฉิงซานพึ่งคทายาวนี้ในการเรียนรู้สกิลของเทพแห่งความเย็นยะเยือกมามากมาย
ดวงตาของจ้าวอู๋จงจับจ้องทันทีที่คทาเยือกแข็งถูกนำออกมา
เขาคือนักพรตผู้ฝึกฝนวิชาเยือกแข็ง
มีกฎเกณฑ์เยือกแข็งลี้ลับมากมายในคทายาวที่อยู่ตรงหน้า เพียงแค่มองคทายาวก็ทำให้เขาเกิดความรู้แจ้งมากมาย
ถ้าสามารถถือคทายาวนี้ได้ก็ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนให้มากความ สามารถพัฒนาได้ด้วยความเข้าใจในกฎเกณฑ์เยือกแข็ง
จ้าวอู๋จงถอนหายใจ
อีกอย่าง อาวุธประจำตัวของเทพทรงพลังนัก พวกเขาจะมาเหลียวแลมีดเยือกแข็งไปเพื่ออะไร
อาวุธทรงพลัง พลังอันแก่กล้า ทั้งหมดนี่ก็เพื่อเป็นหลักประกันในการลี้ภัยของเหล่าเทพไม่ใช่หรือ
เขาปลดมีดเยือกแข็งออก คุกเข่าลงข้างหนึ่ง ถือมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้างก่อนส่งให้กู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานรับมีดเยือกแข็งมา จากนั้นโยนคทาในมือไปให้อีกฝ่ายแล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจ้าดูแลมันแทนข้าหน่อยก็แล้วกัน”
จ้าวอู๋จงรีบรับคทาเยือกแข็งไว้ก่อนถามอย่างสงสัยว่า “ท่านเทพ ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“ไหนๆ ก็ยืมทั้งตัวตน อาวุธและของสิ่งอื่นๆ มาแล้ว เจ้าก็เก็บคทาวิเศษนี่ไว้สักสองสามวันก็แล้วกัน ถือว่าเป็นรางวัลให้เจ้าไปในตัว” กู่ฉิงซานยิ้ม
จ้าวอู๋จงดีใจก่อนกล่าวว่า “ขอบคุณ ท่านเทพ! ขอบคุณ ท่านเทพ!”
“ด้วยความยินดี”
หลังจากกู่ฉิงซานพูดจบ เขาถือมีดเยือกแข็งเอาไว้ในมือก่อนฟาดฟันใส่จ้าวอู๋จง
สีหน้าของจ้าวอู๋จงเปลี่ยนไป แต่กลับพบว่าคทาเยือกแข็งในมือได้แช่แข็งทั่วทั้งร่างของเขาเอาไว้อย่างเงียบงัน
ฉัวะ!
มีดเยือกแข็งทอประกาย
จ้าวอู๋จงแยกเป็นสองส่วนจนถึงแก่ความตายในทันที
มนุษย์แสงถามว่า “นี่ฆ่ากันเลยหรือ”
“ตัวตนของข้าสำคัญ มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะสามารถเก็บตัวตนของข้าเป็นความลับได้” กู่ฉิงซานกล่าว
ใช่แล้ว หากเทียบความปลอดภัยของราชาเทพแล้ว ความเป็นและความตายของสายลับจะไปสำคัญอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่เป็นภาพซ้อนทับแห่งเวลา ถ้าตายขึ้นมาก็เท่ากับตายจริงๆ
มนุษย์แสงพยักหน้าพลางโบกมือก่อนชี้ไปยังซากศพของจ้าวอู๋จง
ซากศพพลันหดเข้าไปในความว่างเปล่าก่อนหายไป
กู่ฉิงซานชำเลืองมองด้านข้างเล็กน้อยก่อนหันมามองหน้างต่างระบบเทพสงคราม
เขาเห็นแถวหิ่งห้อยจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พละกำลังของท่านไม่ได้ดีเท่ากับจ้าวอู๋จง”
“แต่เป็นเพราะท่านอยู่ในร่างของเทพแห่งความเย็นยะเยือก”
“และเป็นเพราะท่านปลอมเป็นจ้าวอู๋จง”
“ดังนั้นการต่อสู้นี้จึงไม่สามารถกำหนดพลังวิญญาณที่ได้รับตามพละกำลังของท่านได้”
กู่ฉิงซานเพียงบ่นอุบ “เจ้าจะเอาเท่าไหร่ก็เอาไป จำไว้ว่าให้เก็บเผื่อเอาไว้ด้วย คงไม่ต้องบอกนะว่าเท่าไหร่”
ระบบเงียบไปสักพัก
ติ๊ง!
แถวหิ่งห้อยปรากฏขึ้นบนหน้าต่าง
“ท่านได้รับพลังวิญญาณ 5 แต้ม”
5 แต้ม!
บัดซบ ทำเอาปวดหัวเลย เจ้ามันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
กู่ฉิงซานลอบกล่าวอย่างไม่พอใจ
ระบบกล่าวทันทีว่า “อย่าลืมสิว่าตอนเผ่าพันธุ์เทพล่วงลับ ท่านใช้พลังวิญญาณไปเยอะมาก”
กู่ฉิงซานยอมแพ้เมื่อโดนพูดแบบนี้เข้าไป
ใช่แล้ว คนเราต้องตั้งใจอย่างสุดความสามารถ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่ได้ความลับอะไรเลย นั่นหมายรวมถึงการเพิ่มระดับการ์ดด้วย
อนิจจา เขาคงได้แต่หวังว่าครั้งต่อไปจะได้พลังวิญญาณมากกว่านี้…
ขณะคิดอยู่เช่นนั้น มนุษย์แสงหยิบอีกสองเหรียญออกมาแล้วส่งมันมาให้เขา
มนุษย์แสงอธิบายอย่างระวังว่า “นี่คือเหรียญสื่อสารพิเศษสำหรับโลกบรรพกาล ท่านสามารถเข้าโลกบรรพกาลได้ด้วยการกระตุ้นเหรียญนี้เมื่อไปถึงจุดตัดของสองโลกเมื่อคราวที่แล้ว”
“อีกเหรียญคือเหรียญเคลื่อนย้ายของโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ ถ้าท่านใช้งาน ท่านจะสามารถกลับไปที่นั่นได้”
“จำให้ดี ทั้งสองเหรียญสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
กู่ฉิงซานมองเหรียญทั้งสองด้วยความสงสัยใคร่รู้
พวกมันมีพื้นผิวที่แตกต่างกัน
เหรียญไปโลกบรรพกาลเป็นแบบหายากและเก่าแก่มาก
ส่วนเหรียญที่ใช้กลับสวรรค์ดึกดำบรรพ์มีแบบและรูปทรงของเหรียญเหมือนกับที่เคยเห็นในพื้นที่จ้าวโลกมาก่อน
มนุษย์แสงถามว่า “ท่านมีคำถามเกี่ยวกับสองเหรียญนี้หรือไม่”
กู่ฉิงซานปิดปาก ไม่ถามอะไรสักคำ
เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเหรียญ
แสดงว่าเหรียญที่แตกต่างกันทั้งสองเหรียญนี้มีความลับบางอย่างหรือว่ามันเป็นเรื่องสามัญที่เหล่าเทพควรจะรู้กันล่ะ
ถ้าไม่รู้ว่ามันเป็นแบบไหน การถามอะไรออกไปก็มีแต่จะเพิ่มความเสี่ยง
ความคิดของกู่ฉิงซานเป็นเช่นนั้น เขาเพียงข้ามคำถามนั้นก่อนถามอย่างอื่นว่า “เจ้าจะมากับข้าหรือไม่”
นี่เป็นอีกคำถามที่สำคัญ
เมื่อมนุษย์แสงได้ยินเช่นนั้น เขาส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่มีร่างจริง ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์เพื่อไปโลกบรรพกาลได้ อีกอย่าง ข้าถูกสร้างโดยเจตจำนงของเหล่าเทพจำนวนนับไม่ถ้วน ทันทีที่ไปปรากฏตัวในโลกบรรพกาล ผู้ปกครองโลกบรรพกาลจะสัมผัสได้ทันที”
“เช่นนั้นเจ้ากลับไปเฝ้าผู้ฝึกฝนมนุษย์เพศหญิงเถอะ อย่าให้ใครขัดขวางการขัดเกลาแผ่นหยกได้” กู่ฉิงซานกล่าว
“…ได้” มนุษย์แสงตอบรับ
กู่ฉิงซานย้ำว่า “แม้แต่เทพจินเยี่ยนก็ห้ามมายุ่งกับนาง!”
มนุษย์แสงลังเลเล็กน้อย
กู่ฉิงซานก้าวมาข้างหน้าก่อนกระซิบข้างหูของมนุษย์แสง “เทพจินเยี่ยนดูแลได้แค่ในอนาคตเท่านั้น เขาจะไม่นำพาประโยชน์อะไรมาสู่เผ่าพันธุ์เทพบรรพกาลเว้นแต่จะขอความช่วยเหลือจากพวกเรา”
เขากล่าวต่อว่า “ราชาเทพผู้นี้คือผู้ที่อยู่ในยุคนี้ มีความกระตือรือร้นที่จะใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับใช้เหล่าเทพของยุคนี้ ข้าจะใช้ดาบเล่มนั้นเพื่อเปลี่ยนโชคชะตาของเหล่าเทพเอง”
มนุษย์แสงเงียบ
กู่ฉิงซานกล่าวอีกครั้งว่า “เจ้าเป็นตัวแทนเจตจำนงของเหล่าเทพนับไม่ถ้วนในยุคนี้ บอกข้าซิ เหล่าเทพของยุคนี้ต้องการอนาคตของเทพจินเยี่ยนหรือของตัวเอง”
มนุษย์แสงไม่ลังเลอีกต่อไปก่อนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เข้าใจแล้ว ข้าจะเฝ้ามนุษย์เพศหญิงคนนั้นให้ จะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องนางเด็ดขาด”
กู่ฉิงซานถอยกลับอย่างพึงพอใจ
สิบหกอารักขาเทพ เทพทั้งหลายบนสวรรค์ มนุษย์แสง มีเทพจำนวนมากคอยคุ้มกันลั่วปิงหลี กู่ฉิงซานเชื่อว่าไม่มีใครสามารถพรากลั่วปิงหลีไปจากสายตาของเขาได้ต่อให้เป็นเทพจินเยี่ยนก็ตาม
ตอนนี้เขาสามารถเดินทางไปโลกบรรพกาลได้อย่างปลอดภัยได้แล้ว
เขาผูกมีดเยือกแข็งข้างเอวก่อนนึกถึงท่าทางของจ้าวอู๋จงเล็กน้อย
“ข้าไปล่ะ”
หมอกเยือกแข็งก่อตัวขึ้นจากร่างของกู่ฉิงซาน มันห่อหุ้มเขาเอาไว้ก่อนหายไปจากสายตาของมนุษย์แสง
……………………………..