โลกระบบย่อยการป้องกันที่สอง
แสงเตือนสงครามขนาดใหญ่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก สะท้อนท้องนภาให้เป็นสีชาด
เพราะทั่วโลกอยู่ในสภาพสงคราม เสียงแจ้งเตือนจึงไม่หยุดดัง
ถึงแม้เสียงการแจ้งเตือนเหล่านี้จะดังและรุนแรง แต่มันถูกทำให้เสถียรด้วยเสียงแทะที่ละเอียดอ่อนและหนักอึ้ง
มันคือเสียงสัตว์ประหลาดกำลังกัดแทะ
สัตว์ประหลาดบรรพกาลยังคงรุดหน้าเข้าสู่สมรภูมิ
ทั่วโลกหายไปสองถึงสามส่วน จุดป้องกันหลักของโลกยังไม่ถูกพิชิต
นี่คือการต่อสู้อันยาวนานและยากลำบาก
โชคยังดี สัตว์ประหลาดบรรพกาลมีประสบการณ์ในเรื่องนี้สูง บ้างโจมตี บ้างป้องกัน บ้างเคลื่อนไหวอย่างสงบและเป็นระเบียบยามต่อสู้ ไม่แสดงความหงุดหงิดแต่ใดๆ
ผู้ปกครองโลกบรรพกาลและสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ปรากฏตัวในสมรภูมิ
พวกมันทั้งหมดรวมตัวที่ด้านหลังขณะรอช่วงเวลาการต่อสู้อันดุเดือดอย่างเงียบงัน
พวกมันทำลายระบบย่อยไปหนึ่งหมื่นแปดพันแปดร้อยดวงแล้ว มีโลกหกร้อยสี่สิบเจ็ดแห่งที่มีสภาพคล้ายกับระบบย่อยการป้องกันที่สอง
แสดงว่าสัตว์ประหลาดรู้ว่าจะชนะอย่างไรโดยที่ตัวเองสูญเสียน้อยที่สุด
พวกมันเพียงต้องทำตามวิธีที่เคยสำรวจแบบเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อบรรลุสู่ชัยชนะในตอนท้าย
แต่พวกมันไม่รู้ว่าเหนือศีรษะนั้น มีคนผู้หนึ่งกำลังจับตาดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อย่างเงียบงัน
กู่ฉิงซานนั่นเอง
เขาเพิ่งมาถึงโลกนี้ในสภาพล่องหน
“โลกทางฝั่งเทคโนโลยี…ออกจะแปลกไปเสียหน่อย…”
กู่ฉิงซานมองนักสู้กำลังสู้กับสัตว์ประหลาดขณะพึมพำเช่นนั้น
เขาไม่มั่นใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะเหาะลงไปยังใจกลางสมรภูมิ
ตอนนี้ สัตว์ประหลาดบรรพกาลหลายสิบตัวรุมเข้าใส่นักสู้เกราะสูงห้าเมตรที่กองอยู่บนพื้นก่อนกัดอย่างบ้าคลั่ง
นักสู้เกราะส่งการโจมตีด้วยคลื่นกระแทกอันน่าตกตะลึงออกไป สังหารสัตว์ประหลาดที่อยู่ใกล้ที่สุดลงได้
เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่มากขนาดนี้ มันไม่มีทางขัดขืนได้ ทำให้ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว
สัตว์ประหลาดพุ่งเข้าหานักสู้เกราะตัวต่อไป
ตอนนี้ กู่ฉิงซานเดินมายืนอยู่หน้าซากจักรกล
เขาตรวจสอบอย่างละเอียดสักพักก่อนหยิบมีดเยือกแข็งออกมาและตวัดลงไปตามชิ้นส่วนเครื่องจักรที่ได้รับความเสียหาย
‘ฉัวะ’
โลหิตไหลหลั่ง เนื้อเยื่อมัดกล้ามสีแดงสดใสถูกเฉือนออกมา
กู่ฉิงซานเก็บมีดก่อนพยักหน้าเล็กน้อย
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกว่าแปลกประหลาด
นี่ไม่ใช่เกราะเหล็กกล้าธรรมดา
มันคืออาวุธต่อสู้ที่ถูกสร้างจากอวัยวะสิ่งมีชีวิต ทั่วร่างประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อมากมายที่ยืนยันได้ว่าเป็นร่างมนุษย์ เมื่อได้รับความเสียหายมากเกินไป โลหิตจะไหลออกมา
กู่ฉิงซานเหาะขึ้นสู่ท้องนภาอีกครั้งขณะมองรอบข้าง
ทั่วดินแดนล้วนสร้างจากเหล็กกล้า แต่สิ่งปลูกสร้างจำนวนมากทั่วดินแดนถูกกลืนกินโดยสัตว์ประหลาดดุร้ายขนาดเล็กคล้ายมดบิน
ป้อมปืนบนสิ่งปลูกสร้างบางแห่งจะทำการโจมตีอันทรงพลังเพื่อกวาดล้างฝูงมดบินจำนวนมากเพียงไม่กี่ครั้ง
ตอนนี้ มดบินถอยทัพ สัตว์ประหลาดบรรพกาลทรงพลังอย่างงูสองปีกหกขาขึ้นมาสู่แนวหน้าก่อนทำลายป้อมปืนบนสิ่งปลูกสร้าง
หลังจากนั้น นักสู้เกราะจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นและเข้าสู่สมรภูมิเพื่อสู้กับศัตรู
สัตว์ประหลาดบรรพกาลบุกเข้ามาทันที
การต่อสู้เข้าสู่ช่วงการต่อสู้ระยะประชิดอย่างตึงเครียด
หลังจากต่อสู้กันสักพัก สัตว์ประหลาดบรรพกาลที่ได้เปรียบเรื่องจำนวนและพลังต่อสู้ยึดครองส่วนหนึ่งของดินแดนไปได้ก่อนรุดหน้าต่อ
เหตุการณ์นี้เกิดซ้ำไปมา พื้นที่ที่สัตว์ประหลาดยึดครองมากขึ้นเรื่อยๆ
กู่ฉิงซานมองฉากที่กำลังเกิดขึ้นในสมรภูมิ
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าสงครามหรือ
เขาส่ายหน้า เบือนสายตาหนีแล้วมองมาที่หน้าต่างระบบเทพสงคราม
แถวข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นบนหน้าต่าง
“ระบบเทพสงครามเชื่อมต่อกับระบบป้องกันของโลกแล้ว”
“พบตำแหน่งลับของแกนป้องกันโลก”
“โปรดเคลื่อนที่ไปหนึ่งหมื่นสองพันกิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเตรียมยึดระบบป้องกันโลกใบนี้”
หลังจากอ่านข้อความนี้ กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้ว่า “เจ้าสามารถยึดระบบป้องกันของโลกนี้ได้หรือ”
‘ติ๊ง!’
ระบบเทพสงครามตอบว่า “ไม่ใช่ข้า ท่านต่างหาก ท่านคือเผ่าพันธุ์มนุษย์ แน่นอนว่ามีสิทธิ์ยึดระบบป้องกัน”
“อ้อ ข้าคิดว่าเจ้าจะมีพลังมากกว่านั้นเสียอีก” กู่ฉิงซานกล่าว
ระบบเทพสงครามเมินเขา
กู่ฉิงซานประเมินเวลาล่องหนอย่างละเอียดก่อนเหาะไปทางตะวันออกเฉียงใต้ทันที
ระบบเทพสงครามพลันกล่าวอีกครั้งว่า “ช้าก่อน”
“มีอะไรหรือ” กู่ฉิงซานถาม
“เวลาล่องหนของท่านเหลือเฟือ เก็บรวบรวมพลังวิญญาณก่อนแล้วค่อยไปแกนป้องกัน” ระบบเทพสงครามกล่าว
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าจัดการสัตว์ประหลาดระดับสูงไม่ได้นะ”
“ฆ่าพวกทหารก็พอ” ระบบเทพสงครามกล่าว
กู่ฉิงซานลังเลสักพักแล้วกล่าวทันทีว่า “เอาเถอะ เจ้าจับเวลาให้ข้า ถ้าเวลาใกล้หมดแล้วก็บอกด้วยละกัน”
“ได้” ระบบเทพสงครามกล่าว
กู่ฉิงซานเหาะเข้าสู่ใจกลางสมรภูมิก่อนง้างมีดเยือกแข็งในมือขึ้นมา
มีดส่องแสงทอประกาย
ทหารบรรพกาลถูกฟันขาดเป็นสองส่วน
แถวขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามทันที
“ท่านสังหารสัตว์หนามบรรพกาล ได้รับพลังวิญญาณสี่หมื่นแต้ม”
“ระบบทำการเก็บไว้สามหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบห้าแต้ม”
“ท่านเหลือพลังวิญญาณ: ยี่สิบเจ็ดส่วนหกร้อย”
กู่ฉิงซานชำเลืองมองอีกฝ่ายขณะถือมีดเยือกแข็งแล้วสังหารสัตว์ประหลาดตัวต่อไป
ทั่วสมรภูมิทอดยาวเกือบหนึ่งพันไมล์ มีการต่อสู้ดุเดือดทุกหนแห่ง นอกจากนี้ กู่ฉิงซานยังอยู่ในสภาพล่องหน เขาไม่สนใจที่จะส่งเสียงมากเกินไปขณะเปลี่ยนตำแหน่งเป็นครั้งคราว การต่อสู้ของเขาจึงไม่ดึงดูดเผ่าพันธุ์บรรพกาล
พลังวิญญาณเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พลังวิญญาณบวกหนึ่ง”
“พลังวิญญาณบวกสาม”
“พลังวิญญาณบวกห้า”
“พลังวิญญาณบวกเก้า”
…
กู่ฉิงซานทำการเก็บเกี่ยวชีวิตของสัตว์ประหลาดตลอดทาง แต่ในใจของเขายังเต็มไปด้วยความสงสัย
นี่เป็นครั้งแรกที่ระบบเทพสงครามแจ้งเตือนให้เขาเก็บรวบรวมพลังวิญญาณ
นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หรือว่าระบบเทพสงครามจ่ายพลังวิญญาณมากเกินไปจนถึงขั้นสาหัสจริงๆ
กู่ฉิงซานหรี่ตา
นี่มันไม่ถูก
ตอนอยู่ที่ใต้ดินของโลกเซินหวู่ ระบบเทพสงครามถามเขาว่าอยากกลับไปอดีตเพื่อหลีกเลี่ยงสภาวะความเป็นความตายหรือไม่
เป็นความจริงที่ระบบเทพสงครามไม่สามารถเดินทางผ่านมิติและเวลาได้ แต่แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ระบบกลับไม่กล่าวถึงพลังวิญญาณเลย
ทำไมตอนนี้ระบบเทพสงครามถึงขอพลังวิญญาณล่ะ
กู่ฉิงซานครุ่นคิด มือยังคงขยับไปมา
เขากวัดแกว่งมีดอีกครั้งเพื่อสังหารสัตว์ประหลาดบรรพกาลตรงหน้า จากนั้นเปลี่ยนสถานที่เพื่อทำการสังหารสัตว์ประหลาดต่อ
ด้วยการจมดิ่งสู่ความคิด ความเร็วการสังหารสัตว์ประหลาดของกู่ฉิงซานยิ่งมายิ่งเร็ว
เพราะระบบต้องการพลังวิญญาณ ไม่ว่าจะเพื่อรักษาความเสียหายหรือจะเพื่อสิ่งอื่น กู่ฉิงซานก็ตัดสินใจที่จะช่วย
อย่างไรเสีย ระบบก็ไม่เคยปฏิบัติกับเขาแบบแย่ๆ มาก่อน
มีดเยือกแข็งเหมือนกับหิมะ มันปรากฏขึ้นและหายไปบนสมรภูมิเป็นครั้งคราว ทุกที่ที่มันผ่าน สัตว์ประหลาดจะถูกฟาดฟัน
ไม่มีสัตว์ประหลาดตัวไหนที่สามารถมองเห็นกู่ฉิงซานได้
ตอนนี้ เขาคือเทพแห่งความตายที่ล่องหนอยู่
…
ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าไหร่แล้ว
เสียงเด่นชัดดังขึ้นมา
‘ติ๊ง!’
ระบบเทพสงครามกล่าวว่า “เอาล่ะ ท่านต้องใช้เวลาที่เหลือเพื่อมุ่งสู่แกนป้องกันโลกนี้”
กู่ฉิงซานหยุดมือ
เขามองหน้าต่างระบบเทพสงครามและมองค่าพลังวิญญาณประจำตัว
“พลังวิญญาณที่เหลือ: สามพันเก้าร้อยยี่สิบเจ็ดส่วนหกร้อย”
สำหรับเขา นี่ถือเป็นการเก็บเกี่ยวที่ดี
ส่วนระบบเทพสงคราม พลังวิญญาณที่ได้รับนั้นถือว่าเป็นจำนวนที่มาก อยู่ที่ราวสิบล้าน
พลังวิญญาณจำนวนนี้มากพอที่จะทำทุกสิ่ง
ต่อให้จะบาดเจ็บเพราะมอบพลังวิญญาณให้ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเผชิญกับพลังวิญญาณที่มากขนาดนี้ คาดว่าอีกไม่ช้าก็คงหายดี
กู่ฉิงซานถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ระบบ ถ้ามีโอกาสล่องหนอีกในอนาคต พวกเรายังต้องฆ่าแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า”
“แน่นอน ข้าต้องการพลังวิญญาณอีก” ระบบเทพสงครามกล่าว
กู่ฉิงซานนิ่ง
“เอาเถอะ ข้าหวังว่าจะมีโอกาสได้รับพลังวิญญาณจำนวนมากอีกในภายหลัง”
กู่ฉิงซานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม แต่ในใจค่อยๆ ดิ่งวูบ
………………………………