ภายในตำหนักราชาเทพ
เวลาหยุดนิ่ง
ฝุ่นลอยอบอวลในอากาศ แสงสว่างอบอุ่นสาดส่อง สายลมพัดพาอย่างเงียบสงบ ลั่วปิงหลียืนนิ่ง ทุกสิ่งในช่วงเวลานี้ไม่ขยับเขยื้อน
กู่ฉิงซานเดินเข้าสู่แสงสีทองก่อนหายไป
แสงสีทองค่อยๆ หดลง กระจายออกเป็นแสงเจิดจ้าสายเล็กสายน้อยก่อยหายไปอย่างรวดเร็วในสภาพที่มองไม่เห็น
ในช่วงวินาทีสุดท้ายนี้ ลั่วปิงหลีขยับได้
นางได้รับการปลดปล่อยจากอาการแข็งทื่อเพราะการหยุดนิ่ง ดวงตาของนางจับจ้องกับแสงสีทองเล็กน้อย
“หายากนักที่จะสามารถออกจากที่นี่ได้โดยตรง”
นางพึมพำเสียงต่ำ เอื้อมออกไปในความว่างเปล่าเพื่อดึงแสงสีทองสายเล็กที่กำลังจะหายไปเอาไว้
แสงสีทองสายเล็กคล้ายกับตรวจจับตัวตนของนางได้ก่อนขยายตัวอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นกริชสีทอง
ระบบเทพสงครามพลันปรากฏขึ้น!
“เจ้าเป็นใคร” กริชสีทองถาม
“แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร” ลั่วปิงหลีถามกลับ
กริชสีทองไม่ทำตัวไร้เหตุผลอีกก่อนแสงอันร้อนแรงพุ่งออกจากกริช
ภายใต้แสงดังกล่าว ลั่วปิงหลีเหมือนกับเด็กผู้หญิงรูปร่างสูงเพรียวงามงดที่กำลังยืนรับแสงยามเช้า
นางสัมผัสแสงสีทองอย่างระวังก่อนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้ากำลังสำรวจข้าหรือ”
“เจ้าไม่ใช่นักพรตธรรมดา เจ้าคือ…” เสียงที่คาดไม่ถึงดังมาจากกริชสีทอง
ดูท่ามันจะเข้าใจบางสิ่ง
“…เป็นแบบนี้เอง” กริชสีทองถอนหายใจ
“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว โปรดอย่าบอกคนอื่นว่าข้าเป็นใคร อีกอย่าง เจ้าให้ข้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นทางฝั่งพวกเจ้าได้หรือไม่ หากเจ้าปฏิเสธ ข้าจะลบพิกัดมิติและเวลาของที่นี่ทิ้งเสีย พวกเจ้าจะไม่สามารถกลับมาได้อีกเลย” ลั่วปิงหลีกล่าว
“เจ้าไม่สามารถขู่ข้าด้วยคำพูดได้ แต่เพราะกู่ฉิงซาน ข้าจะให้สัญญาก็ได้” ระบบเทพสงครามกล่าว
กริชสีทองวูบไหวในอากาศก่อนม่านแสงพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าลั่วปิงหลี
บนม่านแสง นางเห็นกู่ฉิงซานกำลังเหาะอยู่ในหมอกแห่งมิติและเวลาอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณ” ลั่วปิงหลีกล่าวอย่างพึงพอใจ
กริชสีทองเมินนางก่อนหันหลังแล้วพุ่งเข้าสู่ความว่างเปล่าแล้วหายไป
…
ในหมอกแห่งมิติและเวลา
กู่ฉิงซานกำลังเหาะอย่างสุดกำลัง
ที่นี่คือโลกที่ประกอบด้วยหมอกและจัตุรัสทั้งหลาย
จัตุรัสแต่ละแห่งเป็นตัวแทนของพื้นที่เวลา พื้นที่เวลาแต่ละแห่งเชื่อมต่อกันจนเกิดเป็นกระแสเวลาจากอดีตถึงอนาคต ตัวตนที่อยู่ในแต่ละจัตุรัสจะไม่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดต่างมิติของมิติและเวลาได้
“คาดไม่ถึง เมื่อมองมิติและเวลาจากมุมนี้ มันกลับกลายเป็นเส้นตาราง ข้าไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อน” กู่ฉิงซานกล่าว
“เป็นครั้งแรกที่ท่านและข้ามาสู่เส้นทางนี้” เสียงของระบบเทพสงครามดังขึ้น “ครั้งนี้พวกเราใช้ช่องทางรวมต่างมิติชั่วคราวเพื่อกลับไปทางฝั่งเทคโนโลยี เส้นทางปลอดภัยเสมอ ไม่ถูกใครสอดแนม อีกอย่าง ข้าไม่สามารถไปได้ไกลมากกว่านี้อีกแล้ว”
ขณะสนทนา พลังแรงกล้ายิ่งเคลื่อนเข้ามา
กู่ฉิงซานถูกดึงก่อนตกลงไปในจัตุรัสแห่งหนึ่ง
ท้องนภาหมุนวนไปมา
ความมืดกวาดผ่านไปทั่ว
จากนั้นโลกทั้งใบค่อยๆ เด่นชัดขึ้นต่อสายตาของเขา
เปลวเพลิงลุกโชน
ควันยาวปกคลุมท้องนภา
อีกฝั่งของแม่น้ำ สงครามยังดำเนินต่อไปจนถึงช่วงวิกฤติที่สุด
เผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังจะสูญสิ้น
ชิ้นส่วนเกราะคุกเข่ากับพื้น ก่อเกิดเป็นร่างนายพลเกราะตัวหนึ่งที่เด่นชัดเป็นพิเศษ
กู่ฉิงซานมองร่างดังกล่าวก่อนถอนหายใจยาว
นั่นคือเขา
ช่วงชีวิตที่แล้วของเขา
ติ๊ง!
เสียงของหน้าต่างระบบเทพสงครามดังขึ้น “กู่ฉิงซานมองแสงสีทองบนร่างของท่านสิ”
“นี่คืออะไร” กู่ฉิงซานถาม
“เยื่อแยกโลก มันจะหายไปหลังจากผ่านไปสิบห้าอึดใจ จากนั้นคนในโลกนี้จะสามารถมองเห็นท่านได้ แต่ระวังไว้ด้วย ท่านต้องทำให้เสร็จภายในสิบห้าอึดใจ ห้ามอยู่นานไปกว่าที่กำหนด ไม่อย่างนั้นสิ่งมีชีวิตในช่วงชีวิตที่แล้วจะมองเห็นพวกท่านสองคน หากเป็นเช่นนี้ หนึ่งในพวกท่านสองคนจะถูกลบล้างด้วยกฎเกณฑ์แห่งเวลา”
“เข้าใจแล้ว ข้าควรทำอะไรต่อไป” กู่ฉิงซานถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
“อีกสักพัก ข้าจะเริ่มการตัดเวลา ท่านจะต้องใช้ประโยชน์ในช่วงเวลานั้นเพื่อส่งข้าไปถึงมือของท่านในช่วงชีวิตที่แล้ว ตั้งใจทำให้ดี การเคลื่อนไหวต้องเร็ว ในเวลาเดียวกัน ท่านอย่าให้ช่วงชีวิตที่แล้วของตัวเองรู้ตัวได้”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “อย่าห่วงไปเลย ตอนนี้ข้ามีร่างของราชาเทพ ง่ายมากที่จะทำเรื่องนี้ด้วยพละกำลังของตัวเอง เช่นนั้นพวกเราต้องทำอะไร”
ระบบเทพสงครามกล่าวว่า “ข้าจะพาท่านไปจากช่วงชีวิตที่แล้วอีกครั้ง ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง”
กู่ฉิงซานตกตะลึง
ทุกสิ่งเริ่มขึ้นแล้ว…
นั่นคือการต่อสู้ที่เผ่าพันธุ์มนุษย์เพิ่งปะทะกับมารในช่วงรัชสมัยเฉิงผิง
ในคืนที่ฝนตกกระหน่ำ นอกค่ายทหารอันว่างเปล่า ชายคนหนึ่งกำลังเดินตรวจตราค่าย
เขาตื่นขึ้นจากหลุมศพคนตาย…
กู่ฉิงซานนึกถึงฉากในตอนนั้นก่อนถอนหายใจเล็กน้อย
“เจ้าไปแล้ว ข้าจะทำอย่างไรต่อไป” เขาถาม
ระบบเทพสงครามกล่าวว่า “เมื่อโลกนี้ถูกทำลาย แหล่งพลังโลกที่พังทลายจะระเบิดอย่างรุนแรง เมื่อพลังนั่นส่งผลกระทบกับท่าน มันจะเตะท่านออกจากที่นี่เพราะลักษณะพิเศษร่วมกันของกฎเกณฑ์แห่งมิติและเวลา”
“ฟังดูไม่ซับซ้อนเท่าไหร่นะ” กู่ฉิงซานกล่าว
ระบบเทพสงครามเตือนเขาเรื่องปัญหา “จำให้ดี หลังจากท่านกลับไปแล้ว ต่อให้ข้าไม่อยู่ที่นั่น ท่านก็ยังมีความสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณอยู่ดี หลังจากข้าไปแล้ว จะไม่มีอะไรมาพรากพลังวิญญาณของท่านได้อีก ท่านต้องใช้ประโยชน์ให้ดี มันคือหนึ่งในแหล่งกำเนิดพละกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด”
“พลังวิญญาณของข้ามีขีดจำกัดสูงสุดหรือเปล่า” กู่ฉิงซานถามอย่างจริงจัง
“ไม่มี”
“ดี ข้าเข้าใจล่ะ”
ตอนนี้ ในค่ายทหารตรงกันข้ามกับแม่น้ำ กู่ฉิงซานในช่วงชีวิตที่แล้วทะยานขึ้นสู่ท้องนภา
ดาบบินจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนตามเขาไปตามสายลม
ค่ายกลดาบ เคลื่อนพร้อมกัน!
ขณะถือดาบยาวเอาไว้ กู่ฉิงซานพุ่งตรงไปยังเงาขนาดใหญ่บนท้องนภา
ในค่ายทหารใต้เขา เสียงจำนวนนับไม่ถ้วนดังขึ้นระงม
“ท่านกู่ พวกเราจะกลับบ้านด้วยกัน!”
“กลับบ้านด้วยกัน!”
“กลับบ้านพร้อมกับท่าน!”
…
ทางฝั่งนี้ของแม่น้ำ กู่ฉิงซานหลุบตาลง
เมื่อเห็นฉากนี้ในช่วงชีวิตที่แล้วอีกครั้ง อารมณ์ของเขาหดหู่เล็กน้อย
“เร่งมือเข้า ได้เวลาไปแล้ว!”
ระบบเทพสงครามเร่ง
“อืม”
กู่ฉิงซานตอบ
สกิลศักดิ์สิทธิ์ หดตัว!
เพียงพริบตา เขาหายไปจากพื้นดินก่อนปรากฏตัวเหนือท้องนภาทันที
เขาใช้พลังอันแก่กล้าของราชาเทพเพื่อซ่อนตัวในความว่างเปล่าขณะมองตัวเองในช่วงชีวิตที่แล้วเหาะเหิน จากนั้น
กริชสีทองปรากฏขึ้นในมือของเขา
“เตรียมพร้อม”
เสียงของระบบเทพสงครามมาจากกริชสีทอง
ตูม!
แสงเจิดจ้ากวาดผ่านโลก กลายเป็นแสงสีขาวไม่มีสิ้นสุดในความว่างเปล่า
ตอนนี้ โลกทั้งใบหยุดนิ่ง
ทุกสิ่งพลันช้าลง ทุกเสียงหายไป
กู่ฉิงซานเห็นตัวเองในช่วงชีวิตที่แล้วกำลังเหาะไปหาเทพมารซึ่งๆ หน้าด้วยความเร็วที่ช้ายิ่ง
เขามองขณะอ้าปากก่อนแผดเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดออกมา
พลังของนักพรตจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันจนกลายเป็นดาบแสงเจิดจ้าก่อนตัดศีรษะเทพมารขนาดใหญ่ที่บดบังแสงนภาตรงจุดดังกล่าว
เวลาในตอนนี้ยังคงอยู่กับที่
แสงสว่างเจิดจ้ามากขึ้น
“เร็วเข้า! ตอนนี้แหละ!”
เสียงของระบบเทพสงครามมาจากกริชสีทอง
กู่ฉิงซานกัดฟันขณะพุ่งไปข้างหน้า ยัดกริชสีทองเข้าที่มือของตัวเองในช่วงชีวิตที่แล้ว
“รักษาตัวด้วย!”
เขากล่าว
“ท่านเองก็รักษาตัวด้วย” ระบบเทพสงครามกล่าว
ในสายลมกรรโชก
แสงสีทองวูบไหว
เพียงพริบตา กู่ฉิงซานถือกริชสีทองเอาไว้ก่อนหายไปจากโลกนี้
มันจบแล้ว
เมื่อเห็นว่าระบบเทพสงครามพาตัวเองในช่วงชีวิตที่แล้วออกไป กู่ฉิงซานเริ่มหดตัวก่อนหายไปจากท้องนภาทันที
พลังที่ปกปิดตัวเขาเอาไว้กำลังจะหายไป ตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถมองเห็นเขาได้
กู่ฉิงซานเหาะไปทางแม่น้ำ แหวกว่ายไปยังก้นแม่น้ำแล้วใช้วิชาเพื่อกลั้นหายใจขณะรออย่างอดทน
เขากำลังรอ
รอจนกระทั่งโลกเริ่มพังทลาย
คลื่นแปลกประหลาดถูกปลดปล่อยจากส่วนลึกของโลก
ความผันผวนนี้กวาดไปทั่วโลก
เมื่อกวาดมาถึงกู่ฉิงซาน มันพลันห้อมล้อมรอบเขาเอาไว้ก่อนพันรอบตัวสายแล้วสายเล่า
พลังนี้ยิ่งมายิ่งรวมตัวมากขึ้นจนยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งขึ้น กู่ฉิงซานรู้สึกได้ถึงพลังบีบอัดอันทรงพลัง
แม้กระทั่งพละกำลังเทพแห่งความเย็นยะเยือกก็ไม่สามารถต้านทานพละกำลังตรงหน้านี้ได้
ฉับพลันนั้นเอง กู่ฉิงซานพบว่าพลังนี้รวมตัวตรงหน้าอกของเขาอย่างสมบูรณ์ขณะออกแรกดันอย่างหนัก!
ความว่างเปล่าพลันแยกออก
เพียงพริบตา กู่ฉิงซานหายไปจากมิติและเวลานี้
…
หลายหมื่นปีก่อน
สวรรค์ดึกดำบรรพ์
ในตำหนักราชาเทพนอกสวรรค์
ลั่วปิงหลีขมวดคิ้ว
นางลบล้างแสงสีทองอย่างรวดเร็วก่อนหยุดสอดแนมมิติและเวลานั่น
วินาทีต่อมา กู่ฉิงซานออกมาจากความว่างเปล่าก่อนตกลงสู่พื้น
การตัดเวลาสิ้นสุดลงแล้ว
ทุกสิ่งกลับสู่ความปกติ
แต่กู่ฉิงซานกองอยู่กับพื้น ไม่ขยับไปไหน
เขามองตรงไปยังความว่างเปล่าตรงหน้า
บนรูม่านตา หน้าต่างระบบอันคุ้นเคยไม่ปรากฏขึ้นมาอีก
“ระบบ”
กู่ฉิงซานถามอย่างเงียบงัน
ไม่มีเสียงดังเด่นชัด
ไม่มีคำตอบ
ใช่แล้ว ระบบเทพสงครามกลับสู่อดีตแล้ว
ลูปปิดตายของมิติและเวลาก่อตัวขึ้น เหตุและผลที่สมบูรณ์แบบนั่นจะทำให้ไม่มีใครพบต้นกำเนิดของระบบเทพสงครามอีก
อีกอย่าง นับจากนี้ไป เขาจะสามารถใช้บัญญัติของราชามารได้อย่างปลอดภัยโดยไม่สร้างความโกลาหลในมิติและเวลาอีก
ในโถงอันว่างเปล่า เสียงอันน่าตกตะลึงที่คุ้นเคยพลันดังขึ้น
“เป็นไงบ้าง”
ลั่วปิงหลีนั่นเอง
นางถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมจู่ๆ เจ้าลงไปกองกับพื้นทั้งที่เมื่อครู่ยังนั่งอยู่บนบัลลังก์ราชาเทพล่ะ”
กู่ฉิงซานเผยยิ้มแห้งออกมาแล้วกล่าวว่า “หลังจากทำความเข้าใจวิชาแล้ว ข้าดันทำผิดพลาดก็เลยตกลงมาน่ะ”
“ดูจากสีหน้าเจ้าแล้ว ความผิดพลาดนี้น่าจะส่งผลร้ายแรงมากใช่หรือไม่” ลั่วปิงหลีมองเขาขณะถามช้าๆ
“ไม่ขนาดนั้น แต่ข้าต้องจริงจังมากขึ้นในอนาคต”
กู่ฉิงซานลุกขึ้นจากพื้น เดินกลับไปบัลลังก์ราชาเทพอย่างช้าๆ ก่อนนั่งลง
นับจากนี้ ในยุคโบราณที่เต็มไปด้วยอันตราย เขาจะเดินเพียงลำพัง