ตำหนักราชาเทพ
กู่ฉิงซานนั่งบนบัลลังก์สูง รู้สึกถึงความไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา
หน้าต่างระบบเทพสงครามหายไปจากสายตา ความว่างเปล่าสนิททำให้เขาไม่สบายใจมาก
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นเป็นครั้งคราว
เมื่อเขากลับไปพื้นที่จ้าวโลกอีกครั้ง ระบบจะปรากฏขึ้นมาจริงๆ หรือ
นี่คือคำถามที่เขาต้องพิจารณาอย่างจริงจัง
กู่ฉิงซานเริ่มวิเคราะห์ทุกสิ่งอย่างช้าๆ
อย่างแรกเลย
ตอนนี้เขาอยู่ในภาพซ้อนทับของยุคเมื่อหลายหมื่นปีก่อน
ภาพซ้อนทับแห่งเวลาคือเศษเสี้ยวของโลกคู่ขนาน เขาต้องหาทางไปถึงโลกจริงในช่วงเวลาหนึ่งจากที่นี่ ถึงตอนนั้นจึงเอาดาบศักดิ์สิทธิ์ออกมา
ตัดสินจากลำดับของเส้นเวลาแล้ว ครั้งนี้ไกลกว่าจุดที่เขาเคยอยู่ในช่วงชีวิตที่แล้ว
ดังนั้น มีสามประเด็นหลักในช่วงเส้นเวลาทั้งหมด
หนึ่งคือยุคโบราณ
สองคือช่วงแห่งความสงบในโลกแห่งการฝึกฝน
สามคือทันทีที่เขาออกมาเป็นคนสุดท้าย ในพื้นที่จ้าวโลก ภายในผนึกโลกของทรายดูด
จุดแรกของเวลาคือจุดที่ไกลที่สุด ที่จุดนี้ เขาเสียระบบเทพสงคราม ย่อมไม่สามารถได้มันกลับมา
จุดที่สองของเวลาคือปีที่แล้วของเฉิงผิง ตอนนี้ เขาเพิ่งได้ระบบเทพสงครามมา
จุดแรกและจุดที่สองของเวลาสร้างลูปปิดตายขึ้นมาได้ แต่เวลาเดินไปข้างหน้าเสมอ ดังนั้นเส้นเวลาจึงเปลี่ยนจากจุดที่สองไปเป็นจุดที่สาม
ในเส้นเวลาหลังจากผ่านจุดที่สอง ระบบเทพสงครามย่อมคงอยู่ในทุกเวลา ดังเมื่อเวลายังคงเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดที่สาม ระบบเทพสงครามย่อมยังคงอยู่เช่นเดิม
ดังนั้นตามกฎเวลาพื้นฐานและตรรกะทั่วไป ตราบที่เขากลับไปยังจุดที่สาม ระบบจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน
“สมบูรณ์แบบ…” กู่ฉิงซานกระซิบกับตัวเอง
ในที่สุดเขาก็วางใจ
“เจ้ากำลังพูดถึงอะไรน่ะ” ลั่วปิงหลีถาม
นางโยนแผ่นหยกให้กู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานรับแผ่นหยกก่อนมองไปที่ความว่างเปล่า
ทว่า ไม่มีแถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นมา
กู่ฉิงซานเผยยิ้มแห้งออกมา ชั่งน้ำหนักแผ่นหยกในมือแล้วถามว่า “เจ้าขัดเกลาเสร็จแล้วหรือ”
“ใช่ ด้วยแผ่นหยกนี้ พวกเราสามารถไปเส้นทางอื่นได้ทุกเมื่อ” ลั่วปิงหลีกล่าว
“ดี นับจากนี้ไป พวกเราจะรอให้มนุษย์แสงกลับมา” กู่ฉิงซานกล่าว
ลั่วปิงหลีถามด้วยความสับสนว่า “เจ้าบอกว่าจะไปตามหากู่ฉิงซานไม่ใช่หรือ แล้วเจ้าจะมานั่งรออยู่ตรงนี้หรือไง”
“แน่นอนว่าไม่ มากับข้าสิ”
กู่ฉิงซานเหาะมาอยู่ข้างนางก่อนหยิบยันต์เคลื่อนย้ายพริบตาออกมา
พลังวิญญาณกระตุ้นเข้าไปในยันต์วิเศษ ยันต์เคลื่อนย้ายพริบตาพลันเจิดจ้ามากขึ้น
มันทำให้กู่ฉิงซานและลั่วปิงหลีหายไปจากตำหนักราชาเทพ
ท่ามกลางซากปรักหักพัง
แสงและเงาวูบไหว
ทั้งสองปราฏกายขึ้นมา
ลั่วปิงหลีมองรอบข้างแล้วกล่าวว่า “นี่คืออดีตสำนักเซียนธารจันทราสินะ”
“ใช่ พวกเราจะตามหากู่ฉิงซานที่นี่”
กู่ฉิงซานกล่าว
เขากวักมือเรียกข้างหลัง
ฉานนู่ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนลงมาอยู่ตรงหน้ากู่ฉิงซาน
“นายท่าน ข้ารู้หน้าที่ดี ท่านอยากให้ข้าแสดงเป็นราชาเทพสินะ” ฉานนู่กล่าว
“ใช่ ข้าจะทำเรื่องอย่างการใช้บัญญัติ ดังนั้นเจ้าสามารถเป็นราชาเทพเพื่อดูแลข้าได้” กู่ฉิงซานกล่าว
“ได้” ฉานนู่กล่าว
พลังของฉานนู่มาจากเขาล้อมเหล็กใหญ่ สามารถใช้เมื่อใดก็ได้ตามที่ต้องการ ไม่เหมือนกับกู่ฉิงซานที่ต้องท้าทายกับผู้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องและต้องพยายามอย่างหนักเพื่อคอยสั่งสมพลังวิญญาณ
นางขับเคลื่อนความลี้ลับของทุกชีวิตเข้าด้วยกัน ไม่ช้าจึงกลายเป็นราชาเทพที่มีเปลวเพลิงสีครามลุกไหม้ตรงหว่างคิ้ว
ลมหายใจเย็นเยือกรวมตัวเป็นคริสตัลน้ำแข็งรอบเทพหลานเยี่ยน ภายใต้แสงอันเจิดจ้า มันช่างดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
นี่คือเทพแห่งความเย็นยะเยือก
“เอาล่ะ ตอนนี้ถึงตาข้าใช้วิธีแบบเดียวกันแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความไม่เต็มใจ
รูปลักษณ์ของเขาเปลี่ยนไปช้าๆ ก่อนกลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิม
ลั่วปิงหลีมองอย่างสนใจก่อนอดที่จะถามไม่ได้ว่า “เจ้าพยายามมาอย่างหนักนัก ใช้พลังงานไปมากมาย ตอนนี้ยังจะใช้บัญญัติของราชามารอีก เป้าหมายของเจ้าคืออะไร”
กู่ฉิงซานตอบว่า “แน่นอนว่าก็เพื่อให้ได้ดาบมา”
หลังจากพูดจบ เขาเริ่มคิดเกี่ยวกับกลยุทธการติดตามผล
เมื่อมนุษย์แสงกลับมา เขาจะใช้บัญญัติ
ไม่ว่าจะช่วงชีวิตก่อนหน้านี้หรือช่วงชีวิตนี้ เขาก็คุ้นเคยกับราชามารแห่งอารัมภบท ทันทีที่ใช้งานอีกครั้ง เขาจะสามารถใช้มันได้อย่างวางใจ
ด้วยความช่วยเหลือของราชามารแห่งอารัมภบท พละกำลังของเขาจะกลับมาพัฒนาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ประเด็นของคำถามคือเขาจะกลายเป็นมารหรือไม่
ทันทีที่เขาทะลวงผ่านจุดสำคัญของมนุษย์แสงจนกลายเป็นราชามาร มันจะเป็นการขัดกับแผนการทั้งหมด
แต่การทำแบบนี้จะทำให้บัญญัติอื่นตื่นขึ้นมา
เมื่อคิดดังนี้ กู่ฉิงซานอดที่จะเอามือแนบกับถุงเก็บของไม่ได้
ระบบสงครามขนาดใหญ่: เทพวารี กำลังหลับใหลอยู่ในถุงเก็บของ
ถ้าเทพวารีตื่นขึ้นมาล่ะก็…
กู่ฉิงซานครุ่นคิดอยู่นานจนในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา
ไม่มีทาง
เป้าหมายของเขาคือการรักษาดาบ!
เมื่อดาบพิภพถูกรักษาก็สามารถตัดสินใจทำสิ่งอื่นได้ตามแต่สถานการณ์ในตอนนั้นจะอำนวย
กู่ฉิงซานลอบตัดสินใจ
ตอนนี้ ลั่วปิงหลีถามว่า “หลังจากเจ้าได้ดาบศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว เจ้าจะช่วยเผ่าพันธุ์เทพหรือเผ่าพันธุ์มนุษย์”
กู่ฉิงซานมองนาง
ลั่วปิงหลียิ้มขมขื่นแล้วกล่าวว่า “เจ้าเหมาะจะเป็นราชาเทพนะ ข้าถึงกับคิดว่าเจ้าเหมาะจะอยู่กับเผ่าพันธุ์เทพมากกว่า”
กู่ฉิงซานหัวเราะก่อนส่ายหน้า คาดไม่ถึง การหลอกเผ่าพันธุ์เทพจะทำให้คนของตัวเองหวั่นไหวเล็กน้อยด้วย
เรื่องแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้
กู่ฉิงซานอธิบายอย่างอดทนว่า “เจ้าไม่ต้องเก็บมาคิดมากหรอก ความจริง ข้าต้องอยู่ฝั่งเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่แล้ว ข้าเป็นนักพรตมนุษย์นี่นะ”
ลั่วปิงหลีถามว่า “ดังนั้นถ้าเจ้าได้ดาบศักดิ์สิทธิ์มา เจ้าจะฆ่าและกำจัดทุกสิ่งที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างนั้นหรือ”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “การฆ่าหรือแม้แต่สิ่งที่จะฆ่า ข้าไม่ได้สนใจหรอก ข้าแค่อยากรักษาดาบเอาไว้ก็เท่านั้น”
ลั่วปิงหลีครุ่นคิดสักพัก จากนั้นถามว่า “ดาบพิภพหรือ เดี๋ยวนะ เจ้ามีแล้วไม่ใช่หรือ มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“มันได้รับความเสียหายอย่างหนัก วิญญาณอาจจะหายไปได้ทุกเมื่อ มันถูกผนึกโดยอาจารย์ข้าด้วยการใช้วิชาเวลาเพื่อชะลอเวลาเอาไว้ชั่วคราว”
“เขากล่าวว่ามีเพียงดาบศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถรักษาดาบพิภพได้ ดังนั้นข้าก็เลยอยากตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์”
ลั่วปิงหลีฟังอย่างตั้งใจก่อนถอนหายใจ “พวกเรารู้ความจริงแล้ว ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพถึงกับเป็นองค์ประกอบของอาวุธหุบเหวนิรันดร์ ข้าเกรงว่าในช่วงสุดท้าย เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้วางแผนทุกสิ่งอย่างเทพนิรันดร์ที่แท้จริง: วิญญาณกรีดร้อง นั่นเอง”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าจะรวบรวมพลังของสามเหรียญเพื่อพยายามหลบหนีจากมันเอง”
“แล้วถ้าเจ้าหนีไม่ได้ล่ะ” ลั่วปิงหลีถาม
“ถ้างั้นก็สู้จนตัวตาย” กู่ฉิงซานกล่าวขณะประสานมือ
“ควรค่าที่จะตายเพื่อให้ได้ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพหรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น คงจะดีถ้าข้าได้ดาบศักดิ์สิทธิ์มา แต่ถ้าไม่ได้ ขอแค่ความปรารถนาของข้าได้รับการเติมเต็มก็เกินพอแล้ว”
“ความปรารถนาของเจ้าคืออะไร” ลั่วปิงหลีถาม
“รักษาดาบพิภพเอาไว้ มันคือดาบของข้า” กู่ฉิงซานกล่าว
ลั่วปิงหลีตกตะลึง จากนั้นก้มศีรษะลงก่อนหยุดการสนทนา
ฉานนู่พลันกล่าวว่า “มาแล้ว”
บนท้องนภา แสงเจิดจ้าวูบไหว
มนุษย์แสงตกลงมาจากท้องนภา
เขามองกู่ฉิงซาน จากนั้นมองราชาเทพ เทพแห่งความเย็นยะเยือก
“นายท่าน ท่านทำข้อตกลงกับเขาแล้วงั้นหรือ” มนุษย์แสงถาม
ฉานนู่ ไม่สิ ราชาเทพยืนขึ้นแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ราชาผู้นี้จะช่วยกู่ฉิงซานตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ กู่ฉิงซาน ในฐานะผู้ใช้บัญญัติ จะช่วยราชาผู้นี้เพื่อให้ได้พลังบัญญัติของราชามารมา นี่คือข้อตกลงของพวกเรา”
“ยุติธรรมยิ่งนัก” กู่ฉิงซานเสริม
มนุษย์แสงมองเขา กลิ่นอายค่อยๆ โอ่อ่าขึ้นมา
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างสงบว่า “ข้าเข้าใจว่าเจ้ากำลังหักห้ามและย้ำเตือนไม่ให้ตัวเองฆ่าข้า แต่ข้าต้องพูดก่อนว่าหากเผ่าพันธุ์เทพต้องการพลังของบัญญัติ เช่นนั้นก็จงหักห้ามตัวเองให้มากกว่านี้”
มนุษย์แสงกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “เจ้าคิดว่าจะสามารถวิวัฒนาการบัญญัติจนถึงขั้นที่ราชามารจะมาได้งั้นหรือ”
“เพราะงั้นข้าถึงต้องการความช่วยเหลือของเผ่าพันธุ์เทพ จงช่วยข้าให้ได้พลังของบัญญัติมา ข้าคิดว่าพวกเจ้าก็คงไม่ปฏิเสธหรอก” กู่ฉิงซานกล่าว
มนุษย์แสงกล่าวว่า “ถ้างั้น หากเจ้าไม่สามารถทำให้บัญญัติวิวัฒนาการถึงจุดที่มารจุติลงมาได้ล่ะก็…”
“ข้าก็จะตาย”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างสงบ
ในที่สุดมนุษย์แสงก็พึงพอใจ
เขามองราชาเทพ
ราชาเทพยิ้ม ไม่พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น
มนุษย์แสงส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว เขายังรู้สึกว่ามันแปลกเล็กน้อยอยู่ดี
นี่เป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เผ่าพันธุ์เทพมักอยู่เหนือมนุษย์มาโดยตลอด
ทว่าวันนี้ เผ่าพันธุ์เทพได้เลือกเส้นทางที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจนทำข้อตกลงร่วมกับนักพรตมนุษย์
ราชาเทพสามารถปล่อยวางลงได้เพื่อแลกเปลี่ยนกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทั้งหมดก็เพื่อโชคชะตาของเผ่าพันธุ์
เขาเกรงว่าทั่วทั้งประวัติศาสตร์ มีเพียงราชาเทพองค์นี้ที่สามารถคิดวิธีการกระทำเช่นนี้ได้
เขาอาจจะสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของเผ่าพันธุ์เทพได้จริง!
มนุษย์แสงตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนถามว่า “นายท่าน พวกเราจะเริ่มเมื่อไหร่ดี”
“ตอนนี้เลย” ราชาเทพกล่าวอย่างเด็ดขาด
“กู่ฉิงซาน เจ้ามีคำถามอะไรหรือไม่” มนุษย์แสงถาม
“เวลามีค่า เริ่มกันเลยเถอะ” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
มนุษย์แสงสูดหายใจอย่างเงียบงัน
ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว…
“วางมือของเจ้าลงบนมือข้า” เขาชี้มาที่กู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานทำตามที่เขาบอก
เบื้องหลังมนุษย์แสงพลันมีปีกคู่เปล่งประกายสีขาวออกมา
ใต้ท้องนภา
เหนือซากปรักหักพัง
มนุษย์แสงเปล่งเสียงขณะท่องคาถาศักดิ์สิทธิ์เสียงดัง
“จุดจบของโลก!”
“บัญญัติมาร!”
“ไฟแห่งชีวิต จุดกำเนิดของทุกสิ่ง การปฏิวัติของทุกชีวิต”
“เจ้าคือการตกผลึกของอารยธรรม คือจ้าวแห่งคลื่นมารและเป็นแก่นแท้ในการมาของราชามาร”
“มาเถิด ในฐานะลูกแกะตัวน้อย ข้าขอเรียกให้เจ้ามาที่นี่”
“บัญญัติมาร จงมา!”
‘หึ่ง’
สายลมหายไป โลกเงียบสงัด
บางสิ่งคล้ายกับปรากฏขึ้นท่ามกลางบรรยากาศดังกล่าว
รอไม่นานนัก
ในความว่างเปล่าตรงสายตาของกู่ฉิงซาน หน้าต่างสีโลหิตพลันปรากฏขึ้น
แถวตัวอักษรขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่าง
“ยินดีต้อนรับ นักพรตจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ เจ้าเป็นที่โปรดปรานของบัญญัติ”
“บัญญัตินี้จะโหลดได้หลังจากผ่านไปสามวินาที”
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง!”
“หมื่นสวรรค์สิ้นโลกออนไลน์: ต้นเพลิง ถูกโหลดแล้ว”
“ยินดีด้วย! ด้วยความช่วยเหลือของบัญญัติ เจ้าจะสร้างความรุ่งโรจน์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้อีกครั้ง”
กู่ฉิงซานมองหน้าต่างสีโลหิตตรงหน้า
หน้าต่างสีโลหิตนี้มีเวลาและความทรงจำเกี่ยวกับเขามากเกินไป
หลายสิ่งได้เคลื่อนผ่านไป
เขาเติบโตขึ้นเป็นนักดาบยอดเยี่ยม
ตอนนี้ ทุกสิ่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง