กู่ฉิงซานหมดคำจะพูดเล็กน้อยเมื่อเห็นราชาวิญญาณมารกำลังร้องไห้
เจ้านี่…กลายมาเป็นราชาวิญญาณมารได้อย่างไร
ตอนนี้ ราชาวิญญาณมารเห็นกู่ฉิงซานแล้ว
ผิวสีดำเหมือนกัน ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนกัน เขายาวเหมือนกัน
เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาจากไหน แต่อีกฝ่ายดูเหมือนเขามากเลย
ราชาวิญญาณมารตกตะลึงจนอดที่จะถามไม่ได้ว่า “เจ้าเป็นใคร”
กู่ฉิงซานตอบว่า “ลองเดาสิ”
ราชาวิญญาณมารแผดเสียงคำราม “ราชาผู้นี้ไม่มีพี่น้อง แล้วเจ้ามาทำบ้าอะไรที่นี่”
ขณะกล่าว เขายืนขึ้น กลิ่นอายค่อยๆ เพิ่มขึ้น
พี่น้องหรือ
ประโยคนี้ดึงดูดความสนใจของกู่ฉิงซานได้เล็กน้อย
กู่ฉิงซานเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปาก ส่งเสียงชู่ว์เบาๆ ก่อนขยิบตาให้ราชาวิญญาณมาร
“หืม” ราชาวิญญาณมารกล่าวอย่างงุนงง
ดูท่าอีกฝ่ายมีความลับบางอย่างที่จะพูด เขาจึงต้องหักห้ามตัวเองเอาไว้ชั่วครู่ ไม่ให้ลงมือในทันที
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ตอนแรกเจ้าคุกเข่า ตอนนี้กลับยืนขึ้นมา เจ้าสัมผัสได้ถึงแรงดันอันแก่กล้าภายในปราสาทได้หรือเปล่า”
ราชาวิญญาณมารจึงนึกอะไรขึ้นได้
เขารีบคุกเข่าอีกข้างตรงอ่างล้างหน้า
กู่ฉิงซานพูดอะไรไม่ออก
ดูเหมือนเจ้านี่จะสิ้นหวังเอามากๆ
กลายเป็นว่าเขาต้องการตัวตนที่เหมาะสมเพื่ออยู่ในโลกมาร
ตอนนี้ ราชาวิญญาณมารหันศีรษะมาอีกครั้งก่อนถามด้วยเสียงต่ำว่า “ให้ไว เจ้าเป็นใคร”
กู่ฉิงซานถอนหายใจ “ถึงแม้จะน่าละอายที่ต้องพูดออกมา แต่ข้าคือพี่น้องของเจ้าจริงๆ ”
ราชาวิญญาณมารกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “เหลวไหล! ข้าไม่มีพี่น้องสักหน่อย!”
ตูม!!!
มือยักษ์ตกลงมาจากท้องนภาก่อนฟาดใส่ราชาวิญญาณมารลงกับพื้น
มือยักษ์กระจัดกระจายกลายเป็นดาบบินจำนวนนับไม่ถ้วน
ดาบบินจำนวนมากทะลวงออกจากมือยักษ์ แทงลึกเข้าไปยังแขนขาของราชาวิญญาณมารเพื่อตรึงอีกฝ่ายไว้กับพื้น
“อ๊ากกกกก!” ราชาวิญญาณมารกรีดร้อง
กู่ฉิงซานเดินไปหาราชาวิญญาณมารอย่างช้าๆ ขณะปล่อยให้ดาบบินหลายร้อยเล่มก่อตัวเป็นปีกดาบสองข้างอยู่บนแผ่นหลัง
ตอนนี้เขาคือผู้ฝึกยุทธระดับเบิกเนตรมิติ วิชาดาบของเขาก้าวเข้าสู่ระดับจอมภูตดาบเช่นกันซึ่งไกลจากครั้งแรกที่เขาบุกโลกมาร
“ว่าไง เจ้ามีพี่ใหญ่หรือยัง”
กู่ฉิงซานมองต่ำมาที่ราชาวิญญาณมารก่อนถามเสียงอ่อน
ราชาวิญญาณมารตะโกนออกมา “ข้ามี! ข้ามี!”
“เอาล่ะ ตะโกนเรียกพี่ใหญ่สิ” กู่ฉิงซานกล่าว
“พี่ใหญ่!”
“เรียกอีก”
“พี่ใหญ่! พี่ใหญ่ของข้า! ยกโทษให้ข้าด้วย!”
ตอนนี้ อารักขามารเจ็ดถึงแปดตนพุ่งออกมาจากปราสาท
กู่ฉิงซานไม่เงยหน้ามอง
ท่ามกลางดาบบินที่ลอยอยู่ด้านหลัง ประกายดาบโค้งยักษ์สีขาวราวดวงจันทร์หลายเล่มวูบไหว
อารักขามารถูกประกายดาบกวาดในฉับพลัน แม้กระทั่งเลือดเนื้อก็หายไป
บนหน้าต่างสีโลหิต ข้อความปรากฏขึ้นทันที
“ได้รับพลังวิญญาณสิบแต้ม”
“ได้รับพลังวิญญาณเจ็ดแต้ม”
“ได้รับพลังวิญญาณเก้าแต้ม”
…
กู่ฉิงซานชำเลืองมองหน้าจอก่อนลอบพยักหน้า
ราชาวิญญาณมารแห่งอารัมภบทแตกต่างจากหน้าต่างเทพสงคราม
สำหรับหน้าต่างเทพสงคราม กู่ฉิงซานเพียงสังหารศัตรูที่ใกล้เคียงหรือแข็งแกร่งกว่าเขา หน้าต่างเทพสงครามจึงจะมอบพลังวิญญาณให้
ถ้าศัตรูที่ถูกสังหารอ่อนแอเกินไป หน้าต่างเทพสงครามจะไม่ดึงพลังวิญญาณจากศัตรูที่ตายให้แม้แต่นิดเดียว
แต่บัญญัติของราชามารนั้นต่างออกไป
เพื่อให้ได้พลังวิญญาณที่มากพอจะพัฒนาต่อ มันจึงไร้หลักการ
บรรยากาศนองเลือดและลงมืออย่างหนักที่หน้าปราสาทดึงดูดความสนใจจากมารได้เป็นจำนวนมาก
มารจำนวนมากเริ่มมาที่นี่
กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปคว้าความว่างเปล่า ดาบเสียงคลื่นปรากฏขึ้นในมือ
ดาบยาวแทงลำคอของราชาวิญญาณมารเล็กน้อย
“บอกข้ามาตามตรง เจ้ามีพี่น้องอยู่กี่ตนกันแน่” กู่ฉิงซานกระซิบ
เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นอายดาบอันเย็นเยือกรอบคอ ราชาวิญญาณมารถึงกับสั่นสะท้าน
เจ้านี่เป็นพวกวิตถารอย่างรุนแรง!
นี่เขาไปยั่วยุศัตรูแข็งแกร่งตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่มีทาง ชีวิตของเขาอยู่ในมืออีกฝ่ายแล้ว แบบนี้ยังไม่คิดจะก้มหัวให้อีกหรือ
โชคยังดี ราชาวิญญาณมารก็คือมารที่ประสบกับสายลมและคลื่นอันแรงกล้ามาเช่นกัน สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยเผชิญ มันคือประสบการณ์ที่อยู่ในเกณฑ์ที่รับมือได้
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของราชาวิญญาณมารแล้วกล่าวว่า “เจ้าพูดถูก ที่จริงข้ามีพี่น้องอยู่เยอะเลยล่ะ”
กู่ฉิงซานเลิกคิ้วแล้วถามว่า “โห ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้ามีพี่ใหญ่อยู่ตนเดียวนะ”
“ใช่ ข้าจำผิดไป ข้ามีพี่ใหญ่เพียงตนเดียว” ราชาวิญญาณมารรีบเห็นด้วย
กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
แต่ดาบยาวกลับกดลึกลงไปอีก เขากำลังจะเฉือนผิวของราชาวิญญาณมารแล้ว
ราชาวิญญาณมารรีบตะโกนออกมา “พี่ใหญ่ เจ้าคือพี่ใหญ่ของข้าเพียงตนเดียว โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”
“เอาเถอะ เจ้าไม่แม้แต่จะจำพี่ใหญ่อย่างข้าได้ ข้าจะลงโทษเจ้าเพื่อให้ขอโทษพี่ใหญ่ หากข้าพอใจแล้วถึงจะไว้ชีวิตเจ้า” กู่ฉิงซานกล่าว
ราชาวิญญาณมารถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาเก่งเรื่องขอโทษอยู่แล้ว
“พี่ใหญ่ คือว่านะ พวกเราไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งนาน เพราะงั้นจู่ๆ ข้าก็เลยจำไม่ได้ มันเป็นเรื่องปกติ อย่าโกรธกันเลย”
“พี่ใหญ่ ข้าจะนั่งกินลมกับเจ้าคืนนี้ มาดื่มของดีกัน หากเจ้ามีความคับข้องใจอะไร เชิญดื่มสักสองสามแก้ว แต่ข้าไม่คิดจะบังคับหรอกนะ”
“พี่ใหญ่…”
…
ราชาวิญญาณมารยิ้มก่อนเริ่มขอร้องกู่ฉิงซาน
ตอนนี้ มารจำนวนมากมาเป็นสักขีพยานกับฉากนี้
มีมารจำนวนมากมามุงดูด้วยความตื่นเต้น
ในปราสาท มีอารักขามารจำนวนมากเข้ามารายล้อมทั้งสอง
ไม่ช้า พวกมารสังเกตเห็นสิ่งหนึ่ง
ราชาวิญญาณมารมีพี่ใหญ่ที่ทรงพลัง
ตอนนี้ กู่ฉิงซานหยิบดาบออกมา นั่งยองๆ ตรงหน้าราชาวิญญาณมารแล้วกล่าวว่า “ข้าสงสัยอยู่อย่างหนึ่งน่ะ”
“พี่ใหญ่ เชิญพูดมาได้เลย” ราชาวิญญาณมารกล่าว
“ทำไมในตอนแรกถึงเป็นน้องเล็กอย่างเจ้าที่ได้ปกครองโลกวิญญาณมารแทนที่จะเป็นข้า” กู่ฉิงซานถาม
ราชาวิญญาณมารตกตะลึง
นี่คือคำถามเชิงจินตนาการ
แต่ว่า
เขาไม่สามารถแต่งเรื่องได้ด้วยตัวเอง
ราชาวิญญาณมารกำลังลังเล ฉับพลันก็หันมาพบกับสายตาของกู่ฉิงซาน
เขาเห็นเงาดาบจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในดวงตาของอีกฝ่าย
จะใช้เนตรสังหารงั้นหรือ
มีเสียงดังขึ้นในใจของราชาวิญญาณมาร
ยังไงก็ตาม เขายังเป็นมาร เขายังมองเห็น
วิชาที่ใช้จากเนตรไม่มีคำว่าอ่อนแอ พวกมันยากที่จะหลบเลี่ยงได้!
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าพละกำลังของอีกฝ่ายน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน
ต่อให้จะมีคนอื่นอยู่ในปราสาทด้วย เขาก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะเจ้านี่ได้!
ตอนนี้ ลางสังหรณ์แห่งความตายอันแรงกล้าก่อตัวขึ้นในใจของราชาวิญญาณมาร
ภายใต้การกระตุ้นของหายนะต่างๆ การแสดงของเขาอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติขณะตะโกนว่า
“พี่ใหญ่ เจ้าลืมไปแล้วหรือ โลกวิญญาณมารเป็นของเจ้ามาตั้งแต่แรก แต่เจ้าต้องไปต่อสู้กับกับโลกมารแห่งอื่น ก่อนจะไป เจ้าขอให้ข้าดูแลแทน”
รอบข้างเงียบสงัด
พวกมารมองหน้ากัน
มันมีเรื่องแบบนั้นด้วยหรือ
กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เขาถามอีกครั้งว่า “ในปราสาท…มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ”
ราชาวิญญาณมารยิ้มแล้วกล่าวว่า “นั่นคืออิสรภาพของแม่มด มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
กู่ฉิงซานมองหน้าอีกฝ่ายขณะครุ่นคิดเล็กน้อย
เขาตบบ่าราชาวิญญาณมารแล้วกล่าวว่า “น้องเล็ก เจ้าทำให้ตระกูลของพวกเราอับอายยิ่งนัก”
ประกายดาบวูบไหว
ศีรษะของราชาวิญญาณมารตกลงจากร่างก่อนกลิ้งไปอยู่ด้านข้าง
ก่อนตาย ยังมีความสงสัยเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าของราชาวิญญาณมาร
ทำไมเจ้านี่ถึงฆ่าเขาล่ะ
เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่ก็มองออกเช่นกัน เขาเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ทำได้แค่กินและรอวันตาย ไม่มีเหตุผลเลยที่จะมาฆ่าเขา ทำไมถึงต้องลงมือด้วย
น่าเสียดายที่เขาจะไม่มีวันเข้าใจเรื่องนี้
หลังจากราชาวิญญาณมารตายแล้ว มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในหูของกู่ฉิงซาน
เขามองหน้าต่างต้นเพลิง
บนหน้าต่าง แถวตัวอักษรสีโลหิตขนาดเล็กยังคงปรากฏขึ้นมา
“ท่านได้รับการยอมรับจากราชาวิญญาณมารต่อหน้าสาธารณะ”
“ท่านได้รับตัวตนใหม่: พี่ใหญ่ของราชาวิญญาณมาร ดังนั้นท่านต้องเข้าร่วมค่ายโลกวิญญาณมาร”
“ท่านสังหารราชาวิญญาณมาร”
“ท่านชนะการต่อสู้”
“ภารกิจเสร็จสิ้น”
“ฟังก์ชันแรกของหน้าต่างต้นเพลิงทำงานแล้ว”
“นับจากนี้ไป ท่านสามารถใช้ร้านขายของชำเบื้องต้นได้”
สัญลักษณ์สีโลหิตขนาดเล็กอยู่ตรงหน้าก่อนพลันหายไปหมดสิ้น
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงต้นเพลิงดังขึ้น
“เพราะสถานการณ์ปลอมตัวของท่าน ร้านขายของชำเบื้องต้นจะปิดลงทันที”
“การเปลี่ยนฟังก์ชันแรกของบัญญัตินี้จะกลายเป็นศูนย์การ์ด ฟังก์ชันทั้งหมดในอนาคตจะปรากฏขึ้นที่นี่”
“โปรดจั่วการ์ดใบแรกของท่าน”
กู่ฉิงซานถามอย่างเงียบงันว่า “ข้าควรทำอย่างไร”
ต้นเพลิงตอบว่า “ถ้าท่านเชื่อใจข้า ข้าก็จะจั่วให้ ถ้าท่านอยากจั่วเอง ข้าจะตระเตรียมไว้ให้”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “งั้นเจ้าจั่วเลย”
“ขอบคุณที่เชื่อใจข้า ข้าจะเตรียมให้อย่างระวังโดยยึดตามระดับการ์ดส่วนตัวของท่าน” ต้นเพลิงกล่าว
บนหน้าต่างสีชาด การ์ดมรกตปรากฏขึ้นทันที
บนหน้าการ์ดคือภาพวาดเกราะสีดำ หมอกสีดำไร้พรมแดนปกคลุมอยู่
เกราะทั้งชุดเต็มไปด้วยความโอ่อ่าและความลี้ลับ
นี่นับว่าดูดี!
แต่ตอนนี้ราชาวิญญาณมารเพิ่งตายไป รอบข้างถูกปกคลุมไปด้วยพวกมาร กู่ฉิงซานไม่มีเวลาจะมาตรวจสอบการ์ดอย่างละเอียด
เขาหยิบการ์ดขึ้นมาก่อนยืนขึ้นแล้วกล่าวกับพวกมารที่ยังเงียบอยู่ว่า “หากรักชีวิตก็จงถอยไปเสีย ไม่งั้น ถ้าพวกเจ้าเกิดตายขึ้นมาก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
พวกมารกลุ่มใหญ่รีบถอยออกมา
ฆาตกรคนนี้ถึงกับสังหารน้องชายตัวเอง ใครจะรู้ล่ะว่าเขาจะทำอะไรได้บ้าง
แต่ยังมีมารบางพวกที่มีพละกำลังพอสมควร จึงยังไม่ถอยไปไหนสักพัก
กู่ฉิงซานมองภายในปราสาท
มีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้ามืดมนของเขา
“ราชาวิญญาณมารกระดูกชั่วร้าย เจ้ายังไม่คิดจะออกมาอีกหรือ”
เสียงของกู่ฉิงซานดังก้องทุกหนแห่ง
ใช่แล้ว ตอนที่ราชาวิญญาณมารร้องขอความเมตตา ในตอนนั้น เขาสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนแอบสอดแนมอยู่
คนที่แอบดูนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายมืดมนอันทรงพลัง เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายและความอาฆาตพยาบาท
“มีแค่เจ้าหรือ” เสียงผู้หญิงเย้ายวนดังขึ้น
เสียงผู้หญิงดังขึ้นอีกครั้งว่า “ดูท่าข้ามีแต่ต้องฆ่าด้วยตัวเองสินะ”
เสียงของนางพลันเบาลงราวกับถูกใครบางคนหยุดเอาไว้
กู่ฉิงซานยิ้มเจื่อนแต่ไม่ได้พูดอะไร
ตอนนี้ เสียงเกียจคร้านอีกเสียงดังขึ้น
“เจ้าเป็นพี่ใหญ่ของเขาจริงหรือ ข้าไม่สนเรื่องความเป็นพี่น้องอะไรหรอก เพราเห็นแก่พละกำลังของเจ้า ออกไปจากโลกมารนี้เสีย ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า”
พวกมารที่สังเกตการณ์ส่งเสียงดังขึ้นมา
เขาคือราชาวิญญาณมารกระดูกชั่วร้ายจริงๆ !
กลายเป็นว่าที่นี่ถูกยึดครองโดยอีกฝ่ายมาตั้งแต่แรก แม้กระทั่งแม่มดก็ยังเป็นคนของเขาอีกด้วย
แต่ว่า ทำไมเขาไม่ลงมือสังหารราชาวิญญาณมารเสียเลยล่ะ
พวกมารเริ่มคาดเดา
ใช่…
นั่นแหละ…
พวกมารสบตากันโดยไม่พูดอะไร
การเยินยอมักน่าสนใจเสมอ โดยเฉพาะในหมู่พวกมาร
นี่นับว่ามีเหตุผล
หากลองคิดกลับกัน
ไม่สงสัยเลยว่าพี่ใหญ่ของราชาวิญญาณมารจะบอกว่าราชาวิญญาณมารคือความอับอายของตระกูล
ไม่สงสัยเลยว่าเขาจะสังหารน้องเล็กของตัวเอง!
“ออกไปจากโลกมารแห่งนี้หรือ ไม่ ข้าจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างช้าๆ
เมื่อความคิดขยับ ปีกดาบยักษ์สองเล่มที่อยู่ด้านหลังพลันหายไปกลายเป็นธาราแสงอย่างรวดเร็ว
พายุดาบแรงกล้าทะยานขึ้นสู่ท้องนภา
“ราชาวิญญาณมารกระดูกชั่วร้าย ทิ้งชีวิตและวิญญาณของเจ้าเสีย พวกมันล้วนเป็นอาหารของข้า”
“ข้าคือราชาวิญญาณมารตัวจริงของโลกมารแห่งนี้”
กู่ฉิงซานคำราม