กู่ฉิงซานผู้กลายเป็นรูปลักษณ์ของวิญญาณมารแผดเสียงคำราม
ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้วที่เขามาโลกมาร เขาไม่เสียเวลากับอีกฝ่ายในเรื่องไร้สาระ
ดาบบินหลายร้อยเล่มเคลื่อนไปมาทั่วปราสาท
วิชาดาบของกู่ฉิงซานขยับ
ค่ายกลดาบไท่อี่ ทำงาน!
พายุดาบฟาดฟันขณะพัดอย่างบ้าคลั่งไปทั่วปราสาท
เพียงอึดใจเดียว ทั้งปราสาทถูกกวาดโดยสายลม
สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดและอารักขามารทั้งหลายล้วนหายไป
ปฐพีแตกร้าวราวกระจก
นี่คือฉากที่น่าประทับใจ
พวกมารเดาะลิ้น
มีเพียงแม่มดและราชามารกระดูกชั่วร้ายที่ยังยืนอยู่กลางอากาศ
พวกเขาจ้องมองฉากตรงหน้า ใบหน้าของพวกเขาหนักอึ้งมาก
แข็งแกร่งเกินไป
อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป!
แม่มดกระซิบ “ราชามาร เจ้าสารเลวนี่ไม่รู้ว่ามาจากไหน แต่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งพอตัว”
ราชามารกระดูกชั่วร้ายจ้องมองกู่ฉิงซานด้วยความมุ่งร้าย
“เจ้าคือผู้คุมโลกวิญญาณมารแห่งนี้จริงหรือ” เขาถาม
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ใช่ เดิมทีข้าฝากให้น้องเล็กดูแล ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาโง่จนถึงขนาดที่สมควรตาย”
“ข้าจะคืนโลกมารแห่งนี้ให้กับเจ้า นับจากนี้ไป พวกเราจะไม่ก้าวก่ายกันอีก” ราชามารกระดูกชั่วร้ายกล่าว
“เจ้ายึดครองที่นี่มาเสียนานจนกอบโกยผลประโยชน์ของโลกนี้มากเกินไป แต่ตอนนี้อยากชิ่งหนีอย่างนั้นหรือ นี่มันจะไม่เป็นการดูถูกมากเกินไปหน่อยหรือ” กู่ฉิงซานถาม
“เช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร”
“ข้าต้องการธาตุทั้งห้าของโลกมาร ทั้งโลกมารนี้และก็โลกมารของเจ้า เช่านั้นข้าถึงจะยอมให้เจ้ารอด”
ราชามารกระดูกชั่วร้ายตกตะลึงก่อนถามอย่างเกรี้ยวกราดว่า “บัดซบ คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าหรือ”
‘ฟิ่ว’
ลมกรรโชกพัดผ่าน
แขนขาของเขาถูกพายุดาบกวาดผ่าน ทั่วร่างของเขาตกลงสู่พื้น
คราวที่แล้วเขาเอาชนะกู่ฉิงซานไม่ได้ ตอนนี้กู่ฉิงซานก้าวหน้าขึ้นมาก โอกาสจึงยิ่งน้อยลงเข้าไปใหญ่
“โอกาสสุดท้าย” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
บนพื้นตรงข้ามเขา ราชามารกระดูกชั่วร้ายไม่กล่าวอะไรขณะพยายามงอกแขนขาใหม่อีกครั้ง
แต่เขาหวาดกลัวที่พบว่าบาดแผลไม่สามารถสมานคืนได้เลย!
เลือด เนื้อ แม้กระทั่งพลังวิญญาณกำลังเล็ดรอดออกจากบาดแผลอย่างต่อเนื่อง
เขากำลังจะตาย
“ข้าจะมอบให้เจ้า!” เขาตะโกน
“นี่นับว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง”
กู่ฉิงซานกล่าวขณะยกเลิกผล “หลั่งโลหิต” จากสกิลมรกต
“สกิลการ์ด: หลั่งโลหิต”
“หลังจากสวมใส่การ์ดใบนี้ เมื่อใดก็ตามที่ท่านฟันร่างของศัตรูด้วยอาวุธมีคม สิ่งที่ปกคลุมศัตรูเอาไว้ เช่น เลือดเนื้อ เหล็กกล้า จิต พลังจิตหรืออื่นๆ มันจะค่อยๆ ถูกดึงออกจากร่างของศัตรูเป็นเวลาสิบวินาที”
เหมือนกับคราวที่แล้ว ตอนเผชิญหน้ากับกองกำลังทรงพลังยิ่ง ราชามารกระดูกชั่วร้ายยกธาตุทั้งห้าของโลกมารสองแห่งให้ด้วยความไม่เต็มใจ
“ดีมาก เจ้าไปได้แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
ราชามารกระดูกชั่วร้ายจ้องเขาเขม็งขณะร่ายวิชาเพื่อเปิดประตูแสงเคลื่อนย้ายพริบตา
“ไปกันเถอะ” เขากล่าวกับแม่มด
แม่มดยืนนิ่ง
ราชามารกระดูกชั่วร้ายจ้องนาง
แม่มดยิ้มแล้วกล่าวว่า “เข้าใจแล้ว ท่านราชามาร ข้าจะช่วยท่านเอง”
นางที่เคยช่วยราชามารกระดูกชั่วร้ายพลันชักกริชจากแขนออกมาฟันศีรษะของราชามารทันที
ประตูแสงหายไปทันที
แม่มดถือศีรษะของราชามารเอาไว้ขณะเดินมาหากู่ฉิงซานแล้วคุกเข่ากับพื้นด้วยความเคารพ
นางชูศีรษะของชารามารขึ้นก่อนส่งยิ้มมีเสน่ห์มาให้กู่ฉิงซานแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มว่า “นายเหนือหัวตนใหม่ของโลกวิญญาณมารและโลกมารกระดูกชั่วร้าย ข้าขอมอบศีรษะของศัตรูให้ท่านและยอมจำนนต่อแทบเท้านับแต่นี้ไป”
กู่ฉิงซานมองแม่มด
ต้องบอกว่านางคือมารสาวรูปงาม ไม่เพียงมีใบหน้างดงามเท่านั้น แต่ร่างกายและการเคลื่อนไหวก็ละเอียดอ่อน เผยให้เห็นเสน่ห์ที่ดึงดูดความปรารถนาของผู้คนได้
กู่ฉิงซานลอบรู้สึกว่ามันแปลกประหลาดนัก
คราวที่แล้วนางสังหารเร็วเกินไปจนไม่ทันสังเกตเห็น
นี่น่าจะเป็นแม่มดที่มีประวัติ
กู่ฉิงซานใช้เวลาในโลกมารมานาน ต่อสู้ในหลายสถานที่ ได้พบเห็นราชามารทรงพลังที่สุดถึงสามตน ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงเดาเบาะแสบางอย่างได้
แม่มดคล้ายกับเป็นศิษย์ของราชามารนั่น
อย่างไรเสีย เสน่ห์แบบนี้มันคือความชำนาญเฉพาะตัว
“เจ้าต้องการอะไรจากข้า” กู่ฉิงซานถาม
แม่มดก้มศีรษะแล้วกล่าวด้วยความวิตกระคนเขินอายว่า “ข้าอยากติดตามท่านและทำตามคำสั่งทุกเมื่อเชื่อวัน ท่านลอร์ดผู้ทรงพลัง”
“ดีมาก” กู่ฉิงซานพยักหน้า
“ท่านเห็นด้วยหรือ” แม่มดเงยหน้าขึ้นอย่างมีความสุข
นางโยนศีรษะที่ขัดบรรยากาศออกไปก่อนคุกเข่าลงกับพื้น ขยับเข่าไปข้างหน้าหลายนิ้วเพื่อเข้าใกล้กู่ฉิงซาน
“ใช่ ตอนนี้ข้ามีคำสั่งแล้ว เจ้าจะต้องเชื่อฟัง” กู่ฉิงซานกล่าว
“ถ้าท่านบอกข้า ข้าจะทำตามที่ท่านบอก” แม่มดกระซิบอย่างแผ่วเบา
นางแลบลิ้นยาวไปเลียมุมปากตัวเองอย่างเย้ายวน
เกรงว่าถ้าเป็นผู้ชาย ไม่ว่ายังไงก็ต้องเข้าใจความหมายที่นางจะสื่อ
กู่ฉิงซานก้มมองนางแล้วกล่าวว่า “ข้าบอกว่าให้ปล่อยราชามารกระดูกชั่วร้าย แต่เจ้ากลับฆ่าเขา ทำไมล่ะ”
แม่มดแข็งทื่อ
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “จงสำนึกด้วยความตายซะ”
‘ฉัวะ!’
ประกายดาบวูบไหว
แม่มดถูกฟันเป็นชิ้นๆ จากนั้นถูกพายุดาบพัดพาไปก่อนหายไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์
เสียงเวทนาจำนวนมากดังขึ้นรอบข้าง
ทว่า พวกมารที่ยังอยู่เริ่มลดเสียงลง
ล้อกันเล่นใช่ไหม วิญญาณมารทรงพลังเช่นนี้นับว่าไม่ธรรมดาเลย
แต่ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าคือเขาถึงกับสังหารพี่น้องของตัวเอง ที่น่าตกตะลึงไปกว่านั้นคือเขายังลงมือกับแม่มดอีก ช่างโหดเหี้ยมและไร้ความปรานีจริงๆ
พวกมารไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
นี่คือบุคคลอันตรายที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
ตอนนี้ กู่ฉิงซานหันไปมองพวกมาร
“ไปได้แล้ว” เขากล่าว
พวกมารพากันแยกย้าย
ภายในไม่กี่ไมล์ ไม่มีร่องรอยของมารหลงเหลืออีก
จากนั้นกู่ฉิงซานจึงมองหน้าต่างต้นเพลิง
แถวข้อความแจ้งเตือนใหม่ปรากฏขึ้นบนหน้าต่าง
“การต่อสู้นี้คือการต่อสู้ขั้นแตกหัก พลังวิญญาณของศัตรูจะถูกเก็บรักษาเอาไว้ ท่านสามารถดูดกลืนทั้งหมดเข้าไปได้”
“นายท่าน ต้นเพลิงตรวจพบว่าท่านมีพรสวรรค์พิเศษหายากยิ่ง: พลังวิญญาณไร้ขีดจำกัด อยู่”
“นับจากนี้ไป ท่านสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณทั้งหมดได้โดยไม่ทำให้สูญเปล่า”
“ค่าพลังวิญญาณที่ท่านได้มา:สองหมื่นแปดพันแต้ม”
“ตอนนี้ ท่านต้องเลือกเส้นทางต่อไปนี้”
“จะอัปเกรดตัวละครที่ขึ้นกับแต้มประสบการณ์ต่อสู้หรือจะอัปเกรดตัวละครที่ขึ้นกับแต้มพลังวิญญาณ”
“ท่านสามารถเลือกได้หนึ่งอย่างจากสองอย่างนี้เท่านั้น”
กู่ฉิงซานอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
ประสบการณ์
พลังวิญญาณ
ทางเลือกนี้ช่างคุ้นเคยสำหรับเขานัก
กู่ฉิงซานจงใจถามว่า “มันแตกต่างกันอย่างไร”
ต้นเพลิงตอบอย่างอดทนว่า “โหมดอัปเกรดด้วยแต้มประสบการณ์สามารถเปิดได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าท่านเลือกอัปเกรดด้วยพลังวิญญาณ ท่านต้องทำภารกิจตามที่กำหนดให้เสร็จสิ้นเสียก่อน”
“ต้นเพลิงขอแนะนำให้ท่านใช้พลังวิญญาณในการอัปเกรดเพราะท่านมีพรสวรรค์หายากในการดึงพลังวิญญาณที่ไร้ขีดจำกัด การพัฒนาพละกำลังด้วยวิธีนั้นจึงนับว่าเหมาะสม”
กู่ฉิงซานตกตะลึงเล็กน้อย
‘หืม’
ราชามารแห่งอารัมภบทจริงใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาถึงขั้นคิดถึงผู้อื่นแล้วหรือ
กู่ฉิงซานเห็นด้วย “ก็ได้ ข้าตัดสินใจจะใช้พลังวิญญาณเพื่ออัปเกรด”
บนหน้าต่างต้นเพลิง ภารกิจใหม่พลันปรากฏขึ้น
“ตอนนี้ทำการเปิดใช้งานภารกิจ”
“คำอธิบายภารกิจ: ได้รับพลังวิญญาณมากพอที่จะช่วยให้ระบบเปิดใช้งานโหมดอัปเกรดพลังวิญญาณ”
“เป้าหมายภารกิจ: รวบรวมพลังวิญญาณอีกเจ็ดหมื่นสองพันแต้มเพื่อสร้างพลังวิญญาณหนึ่งแสนแต้มในการให้ต้นเพลิงเริ่มโหมดอัปเกรด”
“รางวัลภารกิจ: โหมดพลังวิญญาณขั้นสูง”
“หมายเหตุพิเศษ: ท่านต้องเลือกเส้นทางที่ถูกต้องจึงจะมีชะตาให้กลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดบนเส้นทางนี้ แบบนี้บัญญัติก็จะได้รับเกียรติเช่นกัน”
เมื่อตัวอักษรขนาดเล็กทั้งหมดหายไป การ์ดใบหนึ่งปรากฏขึ้นตรงกลางหน้าต่าง
บนการ์ด กู่ฉิงซานถือดาบด้วยมือทั้งสองข้างขณะลอยอยู่กลางอากาศ
การ์ดเทพระดับมรกต: ผู้ใช้วิชาดาบกู่ฉิงซาน
ใต้การ์ดเทพใบนี้ แถบสีเข้มปรากฏขึ้นคล้ายกับพลังวิญญาณ
ดูท่านี่จะเป็นโหมดอัปเกรดพลังวิญญาณที่กำลังรอใช้งาน
กู่ฉิงซานลอบพยักหน้า
เทียบกันแล้ว หน้าต่างเทพสงครามมีความต้องการมากกว่า นางต้องการให้สังหารศัตรูทรงพลัง ต้องการให้ใช้พลังวิญญาณเพื่อทำความเข้าใจและความก้าวหน้า จุดเด่นบัญญัติของราชามารคือไม่มีวิธีอันซับซ้อน ไม่สนว่าศัตรูจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ขอแค่สังหารศัตรูได้ก็สามารถดึงพละกำลังของวิญญาณศัตรูได้ ทำให้สามารถทำลายพันธนาการในใจของผู้คนได้ ทำให้ผู้คนกลายเป็นตัวตนที่รู้จักแต่การสังหารเท่านั้น
ระหว่างเทพสงครามกับราชามาร ฝ่ายหนึ่งมุ่งเน้นเจตจำนงของธรรมชาติ ขณะที่อีกฝ่ายปรารถนาเพียงพลัง
ในด้านการฝึกฝนเจตจำนงและเสริมสร้างความสามารถการต่อสู้ แนวทางของหน้าต่างเทพสงครามดูลึกล้ำมากกว่า
ถึงแม้เทพสงครามจะไม่อยู่แล้ว แต่กู่ฉิงซานบอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่กลายเป็นราชามารสังหาร ดังนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวที่จะถูกเปลี่ยนโดยบัญญัติของราชามาร
“พลังวิญญาณหนึ่งแสนแต้ม…”
กู่ฉิงซานพึมพำและเริ่มคิดหาทางรับมือกับภารกิจนี้
เขาย่อมไม่สังหารพวกมารที่อ่อนแอ เขาปรารถนาการต่อสู้จริงๆ
ดังนั้น เกราะศึกจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
กู่ฉิงซานจำรางวัลจากภารกิจแรกได้ทันที
การ์ดเกราะศึกนั่น
ดูท่าต้นเพลิงได้เตรียมการต่อสู้ต่อไปให้แล้ว
กู่ฉิงซานจั่วการ์ดขึ้นมา
นี่คือการ์ดมรกตใบที่สามที่ได้รับหลังจาก “หลั่งโลหิต” และ “หอกปีศาจแดง”