กู่ฉิงซานถอนหายใจอย่างจนใจ
นักพรตมนุษย์ไปโลกมารเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติ นี่มันเป็นการยั่วยุกันชัดๆ
หากกล้าที่จะเริ่มการก้าวข้ามภัยพิบัติ ตัวตนจะถูกเปิดเผยทันที
ต่อให้จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งรักศักดิ์ศรี แต่เขาจะต้องลงมือฉีกทั้งเป็นด้วยทุกอย่างที่มีแน่นอน
มารทุกตนจะเข้ามาโจมตี
ถึงตอนนั้น ต่อให้เขาหลบหนีจากจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งมาได้ เขาก็ไม่สามารถอยู่ในโลกมารได้อีกต่อไป
เขาจะหลีกเลี่ยงพวกมารเพื่อเริ่มการพัฒนาได้อย่างไร
กู่ฉิงซานครุ่นคิดอย่างเงียบงัน
เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง
ถุงเก็บของขยับเล็กน้อย
จี้น้ำเต้าหยกปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
มันลอยมาอยู่หน้ากู่ฉิงซานและเขย่าไปมาเพื่อพยายามดึงความสนใจของกู่ฉิงซาน
‘ฟิ่ว…’
“เจ้าต้องการเท่าไหร่”
‘ฟิ่วๆ!’
“เอาไป”
กู่ฉิงซานในตอนนี้ร่ำรวยนัก เขาจึงมอบพลังวิญญาณให้ถึงสองหมื่นแต้ม
จี้น้ำเต้าหยกได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังวิญญาณ จึงทำให้เกิดวิญญาณขึ้นมา
มันลอยไปมาเป็นเลข “แปด” อยู่หน้ากู่ฉิงซานอย่างมีความสุขขณะเขย่าไปมาอย่างยินดี
‘ฟิ่วๆ ฟิ่วๆ!’
“ยอดเยี่ยมจริงๆ ขอให้นายท่านโชคดีตลอดไป!”
“เข้าใจแล้ว เจ้าไปนอนเถอะ ตอนนี้ข้ากำลังหงุดหงิด” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างมีน้ำโห
จี้น้ำเต้าหยกไม่กลับเข้าถุงเก็บของทันที
มันลอยรอบกู่ฉิงซานอย่างช้าๆ ขณะตรวจสอบสีหน้าของกู่ฉิงซานอย่างละเอียด
‘ฟิ่วๆ ‘
อกหักหรือ
กู่ฉิงซานไม่พูด
‘ฟิ่ว ฟิ่วๆ’
หืม ภรรยาหนีไปอยู่กับชายอื่นอย่างนั้นหรือ…
กู่ฉิงซานไม่คิดจะสนใจจี้น้ำเต้าหยกนี่อีก
เมื่อเห็นสีหน้าอันเฉยชาของเขา จี้นำเต้าหยกพลันนิ่งอยู่กลางอากาศก่อนเผยความประหลาดใจออกมา
‘ฟิ่วๆ’
ท่านมีพลังวิญญาณไม่พอหรือ…
มันลงมาอยู่หลังมือของกู่ฉิงซานก่อนพองตัวแล้วส่งไปให้กู่ฉิงซาน
คราวนี้กู่ฉิงซานขยับเล็กน้อย
เขากุมจี้น้ำเต้าหยกเอาไว้แล้วกล่าวว่า “ถ้าเจ้าอยากรู้ ข้าก็จะบอกให้ ความจริง ข้ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่สะดวกใจจะทำที่นี่ เพราะอย่างนั้นข้าเลยรู้สึกกังวลเล็กน้อย”
‘ฟิ่วๆ’
“ปวดขี้หรือ”
“ไม่ใช่ การพัฒนาต่างหาก”
จี้น้ำเต้าหยกกล่าวด้วยความตกตะลึงว่า ‘ฟิ่วๆ ฟิ่วๆ!’
“แน่นอนสิ นี่มันโลกมารนี่นะ!”
กู่ฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่น “ข้ารู้ ดังนั้นข้าก็เลยยังคิดอยู่นี่ไง”
จี้น้ำเต้าหยกลอยขึ้นและวนเวียนรอบเขาก่อนเข้าไปในถุงเก็บของ
กู่ฉิงซานไม่สนใจมากนัก
จี้หยกนี้ทรงพลังมากก็จริง แต่จะให้หวังว่ามันทำได้ทุกสิ่งก็คงจะเกินไป
เขาจมสู่ความเงียบและเริ่มคิดถึงคำถามเดิมซ้ำไปมา
ดาบพิภพเหลือเวลาอีกเท่าไหร่
ในที่สุดเขาก็ได้วิชา “ชะลอเวลา” จากจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง
แต่แม้กระทั่งจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งก็ไม่รู้ว่าวิชาดังกล่าวจะควบคุมเวลาได้ถึงเมื่อไหร่
หลังจากตรวจสอบอยู่หลายวัน เขารู้สถานการณ์คร่าวๆ ของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งเช่นกัน
มีมารอยู่น้อยตนนักที่มีความสามารถลี้ลับด้านเวลา
ใกล้กับทะเลมารโกลาหล ไม่มีวิชาวิเศษที่มารจะใช้ “ชะลอเวลา” ได้
หรือก็คือ ทันทีที่วิชาเวลาบนดาบพิภพสิ้นสุดลง เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
กู่ฉิงซานกำหมัด
ไม่มีทาง!
รอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว!
กู่ฉิงซานยืนขึ้นทันทีก่อนเปิดประตูแล้วเดินออกไป
เขาพุ่งไปตามทางบนเรือจนกระทั่งมาถึงสุดขอบเรือยักษ์
“ราชาวิญญาณมาร ท่านจะไปไหนน่ะ” อารักขามารตนหนึ่งมาเจอเข้าก่อนถามเช่นนั้น
“หามื้อเย็นน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ
“เข้าใจแล้ว ระวังตัวด้วย”
หลังจากอารักขามารกล่าวเช่นนั้น มันก็ไม่ถามอะไรอีก
จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งมีทีมเชฟที่ละเอียดอ่อน แต่มีเพียงตัวเขาและธิดาสองตนเท่านั้นที่ได้รับอาหาร
มารทุกตนต้องไปที่ทะเลเพื่อหาอาหารด้วยตัวเอง
แน่นอน หากโชคไม่ดีก็จะถูกกินโดยสัตว์ประหลาดทะเล
แต่โชคดี เพราะมีเล็บมังกรมารแขวนอยู่บนเรือลำนี้ สัตว์ประหลาดทะเลจำนวนมากจึงจากไปทันทีที่พวกมันเข้ามาใกล้เรือลำนี้
ดังนั้น จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกมารที่จะล่าปลาเพื่อมาทำอาหารทะเลกิน
กู่ฉิงซานกระโดดลงไปในท้องทะเล
ดาบคลื่นเสียงกรีดร้องก่อนตามเขาไปติดๆ
เพียงพริบตา น้ำทะเลทั้งหมดแหวกเป็นทางยาวต่อหน้ากู่ฉิงซาน ทำให้เขาเหาะสู่ทะเลลึกได้อย่างรวดเร็ว
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
กู่ฉิงซานออกจากเรือยักษ์ไปไกลโพ้น
เขาเหาะสุดกำลัง บางครั้งใช้การหดตัวเพื่อเหาะไปหลายหมื่นไมล์เพียงแค่อึดใจเดียว จากนั้นจึงค่อยๆ ลดความเร็วลง
เขาอยู่ไกลจากเรือยักษ์มากนัก
เมื่อถึงเวลาหนึ่ง กู่ฉิงซานจึงหยุดอยู่กับที่
เขาไม่ขึ้นบน แต่ลงล่าง
ดำลงไป!
หนึ่งพันเมตร
หนึ่งหมื่นเมตร
ห้าหมื่นเมตร
หนึ่งแสนเมตร
หนึ่งแสนเก้าหมื่นเมตร
สามแสนเมตร
หกแสนเมตร
หนึ่งล้านเจ็ดหมื่นเมตร!
ตำนานกล่าวไว้ว่าเลยผ่านเกาะมู่ซวีไปคือหุบเหวทะเลที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ แต่กู่ฉิงซานรู้สึกว่าถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่หุบเหวทะเล แต่ความลึกของมันก็ยากที่จะเข้าถึงได้
หากไม่ใช่เพราะดาบคลื่นเสียงที่ควบคุมให้น้ำทะเลถอยออกมา ด้วยรากฐานการฝึกฝนของกู่ฉิงซาน ย่อมไม่สามารถหาสิ่งที่เป็นประโยชน์จากที่นี่ได้
กู่ฉิงซานยืนอยู่ใต้ทะเลขณะชื่นชมสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเลลึก
เขาอยู่ไกลจากเรือยักษ์นัก แถมยังไกลจากหุบเหวทะเลที่แท้จริงและท้องทะเลลึกเสียอีก ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง ไม่ต้องห่วงเรื่องสัตว์ประหลาดทะเลโบราณที่มีอายุหลายร้อยล้านปีด้วย
ส่วนสัตว์ประหลาดทะเลอายุหลายหมื่นปีเหล่านั้น
กู่ฉิงซานหยิบเล็บมังกรออกมาก่อนโยนลงบนพื้นสบายๆ
สัตว์ทะเลขนาดยักษ์จำนวนมากที่ลอบเห็นสิ่งนี้หนีเตลิดทันที
ว่าไปนั่น ถ้าหนีเตลิดเพราะของแค่นี้ก็คงมีอายุได้แค่ไม่กี่หมื่นปีหรอก!
“ดาบคลื่นเสียง สร้างจุดที่ทำให้หลายสิบคนยืนได้หน่อย”
ดาบคลื่นเสียงส่งเสียงหึ่ง รอบตัวของกู่ฉิงซานมีพื้นที่กว้างขวางก่อเกิดขึ้นมา
“ขอบใจ”
กู่ฉิงซานกล่าว
เขาหยิบยาเม็ดออกมา กินเข้าไปแล้วเริ่มพักผ่อน
ผ่านไปครึ่งก้านธูป เขาลืมตาขึ้น สภาพของเขาปรับตัวจนถึงขีดสุด
หลังจากนั้นเขาจึงพูดออกมาสองคำ
“พัฒนา”
ทันทีที่สิ้นเสียง แถวตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กเริ่มปรากฏแก่สายตาของเขา
“ท่านเลือกที่จะพัฒนา”
ใจกลางหน้าต่างต้นเพลิง ช่องพลังวิญญาณใต้การ์ดมรกต “ผู้ใช้วิชาดาบกู่ฉิงซาน” กลายเป็นเปลวเพลิงร้อนแรง
สัญลักษณ์โลหิตขนาดเล็กยังคงปรากฏขึ้นมา
“ภัยพิบัติระดับแสวงโลกากำลังมาเยือน”
“โปรดทราบว่าท่านเป็นผู้ฝึกยุทธ ครั้งนี้จะต้องเผชิญทั้งลมและไฟ”
“หลังจากนับถอยหลังแล้ว ท่านจะต้องเริ่มทดสอบทันที”
“ห้า”
“สี่”
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง!”
ข้อความทั้งหมดบนหน้าต่างต้นเพลิงหายไป
สายลมพัดแรงกล้า
ภัยพิบัติลมมาเยือนก่อน
ในพื้นที่โล่งที่เปิดโดยดาบคลื่นเสียง เสียงจำนวนมากค่อยๆ ดังขึ้น
‘เหอะ’
“ฮ่าๆ”
“เนื้อ! เนื้อของนักพรตมนุษย์!”
“มีเจ้าโง่มาอีกคนแล้ว ข้าจะกินมันเอง!”
“แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน”
“นี่เหมือนกับก้นทะเลเลย”
“หา น่าแปลก ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนอยู่ที่สวรรค์ดึกดำบรรพ์ล่ะ”
พวกมารทรงพลังตนแล้วตนเล่าปรากฏตัวขึ้น
กู่ฉิงซานยืนอยู่เงียบๆ โดยไม่พูดอะไร
จนกระทั่งมารทุกตนมารวมตัวในตำแหน่งภัยพิบัติ
พวกมารมองรอบข้างอย่างสงสัย
พวกมันพลันตอบสนอง ทั้งหมดนี่เกิดจากภัยพิบัตินี้
“บัดซบ ข้าไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีนักพรตข้ามทะเลมาจากข้างใต้ด้วย”
“นักพรตมนุษย์ เจ้าเลือกที่นี่เป็นที่ตายของตัวเองอย่างนั้นหรือ”
“แต่ทำไมน้ำทะเลถึงไม่ตกลงมาล่ะ เป็นความสามารถของมันอย่างนั้นหรือ”
พวกมารจ้องกู่ฉิงซานขณะพูดพล่ามไปเรื่อย
กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นแล้วมองรอบข้าง
“ขอโทษด้วย เวลาข้ามีค่านัก”
เขาพูดอย่างแผ่วเบา
วินาทีต่อมา
ยกเว้นเพียงที่ที่เขายืนอยู่ ทะเลพลันปิดตัวลง