ขณะกู่ฉิงซานฟังคำอธิบาย การเปลี่ยนแปลงใหม่เกิดขึ้นในความมืดที่เขาอยู่
เสียงจักรกลเย็นเยือกดังขึ้น
“พบกุญแจสู่ช่องทางหุบเหว”
ในความมืดไม่มีสิ้นสุด แสงสายหนึ่งสาดส่องมาจากท้องนภาก่อนตกกระทบบนกุญแจสามเหลี่ยม
กุญแจสามเหลี่ยมยังคงส่งเสียง “ฉ่าๆ ”
“ยืนยันความถูกต้องของกุญแจ”
“ข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้รับการตรวจสอบเพื่อยืนยันความถูกต้องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว”
เบื้องหน้ากู่ฉิงซาน จอแสงปรากฏขึ้นมา
เขาเห็นจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งยืนอยู่หน้าประตูโลหะยักษ์ขณะออกแรงผลักประตูอย่างหนัก
ประตูส่งเสียงครืน
เสียงจักรกลดังขึ้นอีกครั้ง
“เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการยืนยันแล้ว”
“หลังจากวิเคราะห์สถานการณ์ ยืนยันได้ว่าระดับภัยคุกคามของเหตุการณ์นี้: ร้ายแรง”
“ทำการเรียกวิญญาณมังกรให้มารับมือ”
เสียงจักรกลหายไป
บนจอ จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งเปิดประตู
เขาระเบิดเสียงหัวเราะคมปลาบออกมา เมื่อก้าวข้ามประตู เขาเดินและกระโดดราวกับกำลังฉลองให้กับบางสิ่ง
จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งเป็นชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายโอ่อ่าอย่างเห็นได้ชัด แต่เขายังคงแสดงการร่ายรำอันมีเสน่ห์อย่างต่อเนื่อง มันช่างดูแปลกประหลาดสุดบรรยาย
เขาก้าวเข้าสู่ความมืดไม่มีสิ้นสุดในประตู
ในเวลาเดียวกัน เสียงจักรกลเย็นเยือกดังขึ้นอีกครั้ง
“วิญญาณมังกรได้รับข่าวแล้ว กำลังเดินทางมา”
“เริ่มประมวลเหตุการณ์”
สิ้นเสียงนี้ สถานการณ์ใหม่ปรากฏขึ้นบนจอแสง
กลุ่มสายลมหวีดหวิวจับตัวเป็นของแข็งจากอากาศบางขณะขวางทางจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งเอาไว้
“น่าเสียดาย ข้างหน้านี้มีประตูอยู่จริง คงยอมให้ปล่อยออกมาไม่ได้หรอก”
สายลมหวีดหวิวค่อยๆ หลอมรวมเป็นรูปลักษณ์คนขึ้นมา
“มังกร!”
จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งร้องเสียงหลง
เสียงของเขาออกสาวอย่างสมบูรณ์
“ข้าเอง ขอโทษด้วย ครั้งนี้ข้าจะมาทำลายแผนของเจ้าอีกครั้ง”
ร่างดังกล่าวเดินออกมาจากความมืด
เขามีเขาคมกริบสีดำหนึ่งคู่บนศีรษะและไว้เครา แม้จะดูมีอายุ แต่แววตายังคมปลาบและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา รูปร่างกำยำ สวมเสื้อคลุมยาวสีดำ
นี่คือวิญญาณมังกร
ถึงร่างกายจะหลับใหลอยู่ แต่วิญญาณกลับปรากฏออกมาชั่วคราวเพื่อมาขวางทางจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง
“ช่างน่าเสียดายที่ได้มารอ่อนแอมาเป็นภาชนะ ถ้าเช่นนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องตื่นขึ้นมาก็สามารถเก็บกวาดเจ้าได้ด้วยการใช้แค่วิญญาณ”
มังกรมารคล้ายกับรู้สึกเสียดายขณะส่ายหน้าเล็กน้อย เขาแหลมสีดำหนึ่งคู่บนศีรษะก็สั่นไหวเช่นกัน
จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งอ้าปากออกมา เสียงหญิงสาวดังขึ้น เสียงดังกล่าวเหมือนกับคมดาบทะลวงอากาศ
“ไอ้สุนัขเฝ้าบ้านตัวนี้นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะคุกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ล่ะก็เจ้าก็ขังข้าไม่ได้หรอก!”
“ก็จริง” มังกรมารยอมรับ
เขาลูบแหวนที่อยู่บนมืออีกข้างอย่างแผ่วเบาราวกับเป็นการเคลื่อนไหวโดยจิตใต้สำนึก
เขาสวมแหวนไว้ทุกนิ้ว
แหวนบางวงแผ่แสงสีทองหม่นออกมา แหวนบางวงส่องแสงสีม่วงเข้มเลือนรางออกมา แหวนหรูหราบางวงมีอัญมณีหลากสีสันฝังเอาไว้
เห็นได้ชัดว่าแหวนเหล่านี้เป็นของสวมใส่ที่มีค่านัก…
“ปล่อยข้าไป นับจากนี้พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งจ้องมังกรมาร
มังกรมารเลิกเล่นแหวนตัวเองแล้ว
“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ นานทีปีหนพวกเราจะเจอหน้ากัน ไม่มีเรื่องสำคัญจะพูดหรอกหรือ” เขาถามอย่างหงุดหงิด
“เจ้าคุ้มกันที่นี่มาหลายร้อยล้านปี ข้ารู้ เจ้าเองก็อยากเป็นอิสระจากพันธนาการใช่ไหมล่ะ” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว
“ผู้ถักทอชีวิต เจ้าไม่ทำให้ข้าประทับใจเอาเสียเลย”
“ขอแค่เจ้าปล่อยข้าไป เจ้าก็ไม่ต้องคุ้มกันที่นี่อีกต่อไปแล้ว”
มังกรมารฟังอยู่เงียบๆ ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา
“นี่คือเงื่อนไขของเจ้าหรือ น่าเบื่อเกินไปแล้ว ข้ากินและนอนที่นี่ ทุกๆ แสนปี ข้าก็สามารถวิวัฒนาการได้ด้วยการกลืนกินพลังสายเลือดเข้าไป ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้าแล้ว”
“แข็งแกร่งกว่าข้าหรือ”
ใบหน้าของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งเผยความเหยียดหยันออกมา
“เจ้ามังกรมาร มนุษย์เพียงมอบความรู้ผิวเผินให้กับเจ้า เจ้ามัวแต่สับสนกับความรู้เหล่านี้จนไม่อาจเข้าใจความจริงทั้งหมดได้”
“ความจริงอะไร” มังกรมารถาม
“โลกนั้นไร้ขีดจำกัด ทุกสิ่งที่มนุษย์รู้เป็นเพียงหยดน้ำในทะเลของโลกอันไร้ขอบเขต ไม่ว่าพวกมันจะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจเข้าใจความจริงที่อยู่เหนือทุกตัวตนได้หรอก”
“แต่พวกเขาก็ฆ่าเจ้าได้” มังกรมารกล่าวอย่างสงบ
“พวกมันก็แค่พยายามสุดความสามารถจนทำลายร่างกายของข้าได้ตอนที่พละกำลังข้าอยู่ในจุดอ่อนแอที่สุดหลังจากผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดมาห้าครั้ง”
จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งยิ้มอย่างมีชัย “เจ้ามนุษย์ที่น่าสงสารไม่ได้เข้าใจว่าความนิรันดร์คืออะไร ส่วนเจ้าที่เป็นสัตว์ร้ายก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับข้ายังไง”
“ข้าก็แค่ต้องขังเจ้าเอาไว้เท่านั้น”
หลังจากมังกรมารกล่าวจบ เขายื่นมือออกไปจบจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งอย่างแผ่วเบา
“เปรี้ยะ!”
มีเสียงเด่นชัดดังขึ้น
ร่างของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งแตกสลายเป็นโลหิตหนาทันที
ฟองโลหิตเหล่านี้ไม่สลายไป มันรวมตัวอีกครั้งในอากาศ กลิ้งไปมาไม่หยุดหย่อน ไม่ช้าก็ก่อตัวเป็นภาพหญิงสาวขึ้นมา
แต่มังกรมารไม่ให้โอกาสอีกฝ่าย
เขาอ้าปากก่อนปล่อยเปลวเพลิงสีน้ำเงินอ่อนออกมา
เปลวเพลิงพุ่งออกไป เมื่อสัมผัสเข้ากับหยดโลหิตก็เกิดการเผาไหม้ขึ้นมาในฉับพลัน
เสียงหญิงสาวเคร่งขรึมดังขึ้นจากเปลวเพลิง
“เจ้ามังกรมาร อย่าพลาดท่าให้ข้าก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้น ข้าจะต้องทำลายร่างกายของเจ้าเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!”
เปลวไฟที่โหมกระหน่ำสลายทุกสิ่งจนกลายเป็นเถ้า
เสียงหญิงสาวหายไป
มังกรมารเลิกสนใจก่อนหันศีรษะไปมองจอแสง
ดวงตาของเขากวาดผ่านอุปสรรคทั้งหลายก่อนจับจ้องมาที่กู่ฉิงซาน
“เผ่าพันธุ์มนุษย์พบเจอได้ยากนัก ขอบคุณที่เตือนข้า หายนะที่นี่จึงได้ถูกคลี่คลายลง”
มังกรมารกล่าว
“ด้วยความยินดี ยังไงเสีย ข้าพบเรื่องนี้เข้าโดยบังเอิญน่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว
มังกรมารกล่าวว่า “ข้าอยากตบรางวัลให้นัก เจ้าคงไม่รู้ว่าโลกมารทั้งหมดเป็นของข้า สมบัติทุกชิ้นในโลกมาร ข้าสามารถหยิบมาเมื่อไหร่ก็ได้”
“มันช่างน่าทึ่งยิ่งนัก” กู่ฉิงซานชื่นชม
มังกรมารครุ่นคิดสักพัก จากนั้นกล่าวว่า “เอาแบบนี้ เพราะสถานการณ์เร่งด่วน ประกอบกับบทบาทของเจ้า ข้ามีสมบัติสามชิ้นจากโลกมารให้เจ้าเลือก เจ้าสามารถเลือกหนึ่งชิ้นไปเป็นรางวัลได้”
“ข้าไม่สมควรได้รับ” กู่ฉิงซานกล่าว
“ไม่ เจ้าสมควรได้รับ มาเอาไปได้เลย” มังกรมารกล่าว
“แต่ข้าไม่รู้ว่าจะไปหาท่านได้ยังไง” กู่ฉิงซานกล่าว
มังกรมารหัวเราะออกมา “ง่ายมาก เจ้าแค่สั่งแผ่นวงกลมแล้วบอกว่าเจ้าจะมาหาข้า”
“ฟังดูง่ายมากเลย” กู่ฉิงซานยิ้มออกมาเช่นกัน
“ก็มันง่ายจริงๆ นี่” มังกรมารกล่าวซ้ำ
พวกเขามองหน้ากันก่อนเผยรอยยิ้มออกมา
แต่กู่ฉิงซานไม่ขยับ
มังกรมารถามอย่างสงสัยว่า “เป็นอะไรหรือ”
ขณะถาม เขาเล่นกับแหวนในมือ
กู่ฉิงซานมองมังกรมารแล้วกล่าวว่า “มีสถานการณ์พิเศษอีกอย่างหนึ่ง ข้าคิดว่าท่านต้องรู้ให้ได้”
“สถานการณ์พิเศษหรือ” มังกรมารนิ่ง
“ใช่ สถานการณ์นี้มากพอจะเป็นภัยคุกคามสวรรค์ดึกดำบรรพ์กับโลกมารดึกดำบรรพ์ ทันทีที่ถึงขั้นนั้น ทั้งสองโลกจะถูกทำลาย” กู่ฉิงซานกล่าว
มังกรมารชำเลืองมองกู่ฉิงซานด้วยความคาดไม่ถึง
มังกรมารหยุดเล่นแหวนในมือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ว่ามา”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “วิญญาณกรีดร้องกำลังยึดครองสวรรค์ดึกดำบรรพ์ มันใช้กองกำลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์เพื่อสร้างอาวุธขึ้นมา”
กู่ฉิงซานบอกความจริงไปตามตรง
มังกรมารตั้งใจฟัง ใบหน้าเปี่ยมด้วยความครุ่นคิด
“กลายเป็นว่า…นี่เป็นเรื่องคาดไม่ถึงจริงๆ พวกเราควรทำอย่างไรดี”
เขาพึมพำ
เกิดความเงียบอยู่หลายอึดใจ
“ข้อมูลของเจ้ามีค่านัก โปรดมาหาข้าเพื่อรับรางวัลเลย จากนั้นข้าจะไปสวรรค์ดึกดำบรรพ์กับเจ้าเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น” มังกรมารกล่าว
“ท่านวางแผนจะไปสวรรค์ดึกดำบรรพ์จริงๆ หรือ” กู่ฉิงซานถามอย่างยินดี
มังกรมารตอบด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า “แน่นอน นี่คือสิ่งที่จะปล่อยผ่านไม่ได้ ข้าจะไม่นั่งมองเผ่าพันธุ์เทพและเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่ถูกควบคุมโดยสัตว์ประหลาดหุบเหวมาทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เหลือเด็ดขาด”
“แบบนั้นเยี่ยมไปเลย” กู่ฉิงซานพยักหน้า
ถึงแม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่เขายังไม่ขยับ ไม่แม้แต่จะออกคำสั่งกับแผ่นวงกลมใต้เท้าตัวเอง
มังกรมารจ้องเขาและไม่พูดอะไรพักใหญ่
ทันใดนั้น ในความมืดไม่มีสิ้นสุดด้านหลังมังกรมาร เส้นไหมสีขาวบางพันรอบคอของเขาอย่างเงียบงัน