สิ่งที่เรียกว่าภัยพิบัติไฟคือการนำวิญญาณของผู้ฝึกยุทธไปยังสวรรค์แห่งหนึ่ง
ผู้ฝึกยุทธ์จะต้องให้วิญญาณกลับเข้าร่างภายในระยะเวลาที่กำหนด
เมื่อเวลาผ่านไป ถ้าวิญญาณยังอยู่ในสวรรค์แห่งหนึ่งไม่ยอมกลับมา เช่นนั้นร่างของผู้ฝึกยุทธจะถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟ
กู่ฉิงซานยืนอยู่ที่นั่นขณะรอสักพัก
เปลวเพลิงเกือบโปร่งแสงปรากฏขึ้นจากอากาศบางขณะปกคลุมเขาอย่างสมบูรณ์
เปลวเพลิงไม่มีสิ้นสุดกระจายออก ก่อเกิดเป็นฉากโลกตรงหน้าดวงตาของกู่ฉิงซาน
“โลกอิสรภาพ”
กู่ฉิงซานพึมพำ
จื้อลัวคงไม่คาดคิดว่าไม่นานหลังจากเขาเพิ่งออกมา เขาจะกลับมาที่โลกอิสรภาพอีกครั้ง
ตอนเขาอยู่ระดับแสวงโลกาขั้นสูงสุด เขาออกจากโลกอิสรภาพทันทีหลังจากผ่านภัยพิบัติไฟ ไม่มีเวลาได้คิดถึงความปลอดภัยของจื้อลัว
แต่อีกฝ่ายมาโลกอิสรภาพก่อนเพื่อเตรียมการมากมายเอาไว้แล้ว
บนยอดเขาหมิงเช่อ จื้อลัวสร้างตำหนักอสุราขึ้นมา ในอุโมงค์ที่นำไปสู่เชิงเขาด้านหลังตำหนัก เขตอาคมและค่ายกลจำนวนมากถูกจัดวางไว้เป็นชั้นๆ
ยิ่งไปกว่านั้น จื้อลัวคือธิดาของอสุราผู้ช่ำชองวิชาการต่อสู้ต่างๆ มากมาย
นางยังกล่าวอีกด้วยว่าเหตุผลที่สามารถเข้าโลกอิสรภาพ ได้ภูเขามาเป็นของตัวเอง หาน้ำพุแห่งความรักที่เย็นเยือกสุดหยั่งและถึงขั้นเตรียมการป้องกันและมาตรการต่างๆ เอาไว้มากมายได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความดีที่นางทำมามากมาย
สิ่งเดียวที่น่ากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้คือพละกำลังของนางแย่เกินไป
กู่ฉิงซานครุ่นคิดไปมาก่อนก้าวเดินไปข้างหน้า
ทันใดนั้น
เขาเข้าสู่โลกอิสรภาพ
เสียงจากทุกทิศเข้าสู่หูของเขา
การดื่ม การสนทนาและเสียงอึกทึกในลาน ไม่ต่างกับที่กู่ฉิงซานมาในคราวที่แล้ว
เสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของกู่ฉิงซาน
“ฮ่าๆๆ วันนี้มีสหายเต๋าใหม่มาที่นี่ด้วย”
เสียงดังกล่าวพลันหยุดลง
เสียงทั่วลานค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ
ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนมองกู่ฉิงซาน
“เป็นเขา…”
“เจ้านั่นกลับมาที่นี่อีกแล้ว…”
“น่าแปลก”
“ไม่ นี่ยังห่างจากคราวที่แล้วไม่มาก ไม่นานนักที่เขาพัฒนาสู่ระดับแสวงโลกา แต่นี่”
พวกผู้ฝึกยุทธ์กระซิบกระซาบ
กู่ฉิงซานเมินคนเหล่านี้ นึกถึงตำแหน่งยอดเขาของจื้อลัวขณะเตรียมจะไปเพื่อเหาะไปทิศทางนั้น
เขาทะยานสูงขึ้นสู่ท้องนภาเพื่อเตรียมจะไป
ครั้งนี้ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่ไม่ตาม
“มาที่นี่ทั้งทีก็ยังอยากจะไปอีกหรือ”
ใครบางคนตะโกนเสียงดัง
ความเร็วของผู้ฝึกยุทธ์คนนี้ไวมาก เพียงปรายตามอง เขาก็ไปอยู่กลางอากาศแล้วขณะไล่หลังกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานไม่เหลียวหลังไปมอง
ในทะเลแห่งความตระหนักรู้ ดาบบินเจ็ดร้อยเล่มพุ่งออกมาขณะปล่อยประกายดาบใส่ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น
ดาบลับ กระแสวารีฟาดฟัน!
กระแสวารีฟาดฟันเจ็ดร้อยสายไหลไปพร้อมกัน พวกผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลังยังตอบสนองไม่ทัน พวกเขาจึงถูกประกายดาบอันยอดเยี่ยมเล่นงาน
ตูม
ประกายดาบที่พุ่งออกไปตัดผ่านท้องนภาก่อนพุ่งออกไปไกลลิบ
วิญญาณของผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในโลกสวรรค์แห่งนี้ถูกทำลายทันที
“เขาฆ่าสหายเต๋าหวัง!”
“บัดซบ หมอนี่ต้องตาย!”
“ลุยกันเลย!”
ในลาน พวกผู้ฝึกยุทธ์ตะโกนเสียงดัง
แต่ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่ไม่กล้าไล่ตาม
เดิมพวกเขาหลีกเลี่ยงจากความทุกข์ทรมานและความไม่เที่ยงของการฝึกฝน พวกเขาจึงมาอยู่ที่นี่เพื่อพยายามยินดีกับพรเป็นเวลาหนึ่งหมื่นปี
เมื่อครู่ หนึ่งในสหายของเขาถูกอีกฝ่ายดูถูกก่อนถูกสังหาร ทุกคนได้เห็นความโหดเหี้ยมของผู้ใช้วิชาดาบกับตาตัวเองแล้ว
ใครล่ะจะกล้ารนหาที่ตายเช่นนี้โดยไม่เตรียมการอะไรก่อน
ผู้ฝึกยุทธ์ทรงพลังเจ็ดถึงแปดคนรวมตัวเข้าด้วยกัน
“ดูท่าจะพัฒนาไปถึงระดับแสวงโลกาแล้วสินะ”
“ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีใครสามารถหยุดได้แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะส่งคนไปมากกว่านี้”
“ครั้งต่อไป มันก็ขึ้นอยู่กับพวกเรา”
“คนอื่นที่ไม่มีฝีมือให้รีบออกจากที่นี่”
พวกเขาบินขึ้นสูงสู่ท้องนภาขณะล้อมกู่ฉิงซานเอาไว้กลางอากาศ
กู่ฉิงซานมองรอบข้าง
เดิมที เขาแค่ใช้ดาบเพื่อป้องกันไม่ให้คนพวกนี้มารบกวนอีก ใครจะไปคิดล่ะว่าพวกเขาจะมาจริงๆ
ทว่า พละกำลังของผู้ฝึกยุทธเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธทั่วไป
กู่ฉิงซานสัมผัสความผันผวนวิญญาณของคนเหล่านี้อย่างละเอียดก่อนค่อยๆ เข้าใจ
ผู้ฝึกยุทธ์ผ่านภัยพิบัติไฟทั้งสิ้นสามครั้ง สองครั้งแรกมาจากช่วงระดับเบิกเนตรมิติและระดับแสวงโลกา จากนั้นแหวกว่ายในภัยพิบัติน้ำและไฟจนมุ่งสู่ระดับวงแหวนนภา เมื่อภัยพิบัติดิน น้ำและไฟของระดับวงแหวนนภาจะนำไปสู่ระดับสามพันโลก
หรือก็คือ ผู้ฝึกยุทธ์ที่ติดอยู่ในโลกอิสรภาพจะมีตั้งแต่ระดับเบิกเนตรมิติ ระดับแสวงโลกาและระดับวงแหวนนภา
ในฐานะผู้ใช้วิชาดาบ ความสามารถการต่อสู้ของกู่ฉิงซานแข็งแกร่งกว่าสหายผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกัน ดังนั้นจึงใช่ว่าจะมีใครมายั่วโมโห
ดังนั้น ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้ที่กล้าขึ้นมาจะต้องอยู่ระดับเดียวกับเขาเป็นอย่างน้อย
พวกเขาล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแสวงโลกาและระดับวงแหวนนภา!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ได้รู้ความจริงว่าคราวที่แล้วที่เขาสามารถผ่านภัยพิบัติไฟได้นั้นก็เป็นเพราะจื้อลัวได้เตรียมการเอาไว้
เมื่อนางไม่อยู่แล้วก็ไม่มีใครมาช่วยขวางไว้
นี่ยังแสดงให้เห็นอีกว่านางได้รับความเชื่อใจจากคนเหล่านี้ถึงทำให้เตรียมการได้มากมาย
ไม่อย่างนั้น เขาต้องเผชิญกับการต่อสู้อันดุเดือดแล้ว
นั่นคือหายนะแห่งความเป็นความตายอย่างแท้จริง
กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อย
แต่ทำไมพวกเขาถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ
ตามเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์ในการผ่านภัยพิบัติไฟ มีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมากมาย ผู้ฝึกยุทธ์จะถูกดึงเข้าสู่โลกสวรรค์จำนวนมากเมื่อมาถึงภัยพิบัติไฟ สิ่งที่พวกเขาประสบพบเจอนั้น สามวันสามคืนก็ยังเล่าไม่จบ
โลกอิสรภาพคือโลกสวรรค์แห่งหนึ่งในบรรดาโลกสวรรค์นับไม่ถ้วน จำนวนผู้ฝึกยุทธ์มีขีดจำกัด มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนน้อยนักที่ก้าวข้ามความทุกข์ได้ ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถสำรวจความลับที่อยู่เบื้องหลังโลกอิสรภาพได้นั้นยิ่งน้องเข้าไปใหญ่
คงจะดีถ้าพวกเขาสามารถกลับไปมีชีวิตได้
ดังนั้น ในบันทึกการฝึกมากมาย มีบันทึกไม่มากที่กล่าวถึงโลกอิสรภาพ แถมไม่มีคำอธิบายที่น่าเชื่อถืออีกด้วย
กู่ฉิงซานมองรอบข้าง
คนเหล่านี้มีระดับสูงกว่าเพียงหนึ่งขั้นเท่านั้น แต่ยังกล้ามาห้ามอย่างนั้นหรือ…
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าคิดว่ามันแปลกมากนะ ว่ากันว่าคนที่ไม่รู้จักกันย่อมไม่มีความคับแค้นใจ ทำไมพวกเจ้าต้องมาหยุดข้าในการก้าวข้ามภัยพิบัติด้วย ไม่อยากเห็นคนอื่นรู้แจ้งหรอกหรือ”
พวกผู้ฝึกยุทธ์มองหน้ากัน
มีคนหนึ่งยิ้มออกมาแล้วตอบว่า “เรื่องนี้ข้าคงบอกไม่ได้”
อีกคนกล่าวว่า “”ในเมื่อมาที่นี่แล้วก็ต้องอยู่ อย่าบังคับให้พวกข้าต้องลงมือ
“ใช่ ถ้าเกิดสู้กัน พวกเราจะมองหน้ากันไม่ติด ยังไงเสีย พวกเราก็ต้องอยู่ด้วยกันในอนาคตอีก”
กู่ฉิงซานยิ้ม
“ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ได้เข้าใจอยู่เรื่องหนึ่งนะ” เขากล่าว
“เรื่องอะไร” ใครบางคนถาม
“พวกเจ้าต้องเตรียมตัวตายหากคิดจะมาขวางเส้นทางของผู้ใช้วิชาดาบ”
เขาหายไปจากตรงนั้น ทันใดนั้น เขามาปรากฏตัวตรงหน้าผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งก่อนฟาดดาบยาวลงไป
ใบหน้าของผู้ฝึกยุทธ์เปลี่ยนไปมาก แต่มือไม่ได้เชื่องช้าแต่อย่างใด
เขาเห็นโล่ขนาดเล็กปรากฏขึ้นจากอากาศบางขณะพยายามปัดป้องดาบของกู่ฉิงซาน
ตึง!
ด้วยเสียงดังสนั่น โล่กระแทกกับดาบยาว
แต่เมื่อดาบกับโล่ปะทะกัน ประกายดาบพลันปรากฏขึ้นด้านหลังผู้ฝึกยุทธ์ก่อนฟันเขาขาดเป็นสองท่อนทันที
ดาบลับ นางแอ่นหวนกลับ
สังหารหนึ่งคนด้วยหนึ่งดาบ
กู่ฉิงซานหายไปอีกครั้งก่อนปรากฏตัวตรงหน้าผู้ฝึกยุทธ์อีกคน
ทว่า ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นตอบสนองอย่างรวดเร็วก่อนถอยออกมาหลายก้าวทันทีจนพ้นระยะการโจมตีของดาบยาว
ผู้ฝึกยุทธ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนเตือนเสียงดังว่า
“ระวังด้วย เขารู้การสร้างมิติเชิงกายภาพ”
เสียงดังกล่าวหยุดลงทันที
ดาบยาวของกู่ฉิงซานยังคงฟาดฟันเพื่อสังหารอีกฝ่ายด้วยการก่อตัวจากอากาศบางในระยะไกลหลายสิบเมตร
ดาบลับ ตามติดชีพ
“ถ้าอยู่ภายในสิบฟุตของศัตรูก็จะโดนฟันจากอากาศอยู่ดี”
ยังเป็นสังหารหนึ่งคนด้วยหนึ่งดาบ
ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นสั่นสะท้านเมื่อเห็นภาพเหล่านี้
ผู้ฝึกยุทธ์คนแรกอยู่ระดับแสวงโลกาและถูกสังหารทันทีก่อนจะทันตอบสนอง
ผู้ฝึกยุทธ์คนที่สองอยู่ระดับวงแหวนนภา แต่ถึงจะตอบสนองทันก็ยังถูกสังหาร
ระดับการฝึกฝนของพวกเขาไม่ได้แย่ยิ่งกว่าวิชาดาบนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็ยังไม่สามารถปัดป้องดาบของอีกฝ่ายได้!