ลม ไฟ น้ำและดิน
ลมและไฟผ่านไปแล้ว ยังเหลือภัยพิบัติอีกสองอย่าง
กู่ฉิงซานกลับสู่โลกที่ประกอบด้วยน้ำทั้งหมดอีกครั้ง
ไม่เหมือนกับคราวที่แล้ว ในภัยพิบัติน้ำคราวนี้ กู่ฉิงซานต้องเผชิญหน้ากับตัวเองในหกโลกคู่ขนาน
เขาเห็นกู่ฉิงซานในโลกคู่ขนานแรกมาถึงก่อนขอทดสอบกู่ฉิงซาน
ผ่านไปสักพัก
กู่ฉิงซานคนนั้นนั่งยองกับพื้นขณะมองอักขระค่ายกลบนน้ำอย่างละเอียดก่อนกล่าวด้วยความทึ่งว่า “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าค่ายกลจะมีผลที่แสนวิเศษขนาดนี้ เจ้าไปเรียนรู้มาจากไหนกัน”
กู่ฉิงซานตอบว่า “จากอารยธรรมการฝึกฝนที่สามารถคงอยู่ได้เพียงท้องนภา ไม่อาจลงมาสู่ผืนดินได้”
“อารยธรรมของพวกเขาต้องทรงพลังมากแน่ๆ”
“ใช่แล้ว แถมยังเป็นพวกเห็นแก่ตัวมากอีกด้วย…มา วางมือบนแผ่นหยกนี่ เรียนรู้ก่อนแล้วค่อยไป”
…
กู่ฉิงซานอีกคนปรากฏตัวขึ้น
“ในฐานะคนที่ก้าวข้ามภัยพิบัติ บัญญัติฝั่งเจ้าคืออะไร” เขาถาม
“ราชามารแห่งอารัมภบท”
“ฟังดูไม่ดีเลยนะ บัญญัติของข้ามีชื่อว่าที่พักพิง”
“ข้ารู้จักบัญญัตินี้ ดูเหมือนเจ้าจะดูดีขึ้นมากเลยนะ”
“เป็นธรรมดา มันไม่หนักหนาเท่ากับเจ้าหรอก แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ทำได้ไม่ถูกต้องนัก”
“ไม่มีอะไรราบรื่นตลอดหรอก…เจ้าแต่งงานหรือยัง”
“ยังหรอก ข้าไม่กล้าจะสร้างปมขึ้นมา กลัวว่าจะมีสิ่งผิดปกติกับปมที่สร้างขึ้น”
“เกิดอะไรขึ้น”
“เออ ใครบางคนจะมาบุกชิงตัวตอนงานแต่งแน่ๆ ดังนั้นข้าก็เลยไม่กล้าแต่งงานน่ะ”
“ว่าไงนะ! ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าจะไร้ประโยชน์เพียงนี้…ทำไมไม่ฆ่าพวกมันซะเลยล่ะ ขนาดผู้หญิงของตัวเองเจ้าก็ยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้งั้นหรือ”
“เฮ้อ ขนาดตัวข้าเองยังปกป้องไม่ได้เลย ผู้หญิงพวกนั้นล้วนมาที่นี่เพื่อชิงตัวข้า”
“หมายถึงแบบนี้นี่เอง…”
…
“การทดสอบที่ข้าจะให้เจ้าคือการสร้างกลไกหลัก”
“เรื่องนี้ข้าก็ทำได้อยู่ แต่เกรงว่าคงจะเทียบกับเจ้าไม่ได้”
“ไม่เป็นไร ข้าจะรั้งตัวเจ้าไว้ที่นี่ให้มันได้อะไรล่ะ แค่พยายามสุดความสามารถ หลังจากนั้นข้าจะให้ผ่านเอง”
“ขอบใจ…จะว่าไปแล้ว ทำไมเทคโนโลยีของเจ้าถึงได้พัฒนาดีขนาดนี้”
“เรื่องนั้นก็เพราะข้าใช้งานเทพธิดาแห่งความยุติธรรม พวกเราทะลวงไฟร์วอลล์ของยานอวกาศอาร์กติกก่อนขโมยผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดมา”
“เจ้าได้จัดการเทพมารหรือยัง”
“เทพมารหรือ อะไรล่ะนั่น”
“ช่างเถอะ ถือว่าไม่ได้ถามก็แล้วกัน”
…
“ใช่แล้ว เจ้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนที่มาทดสอบข้า”
“แต่ก็ยังแย่กว่าเจ้านิดหน่อยล่ะนะ”
“บัญญัติของเจ้าคืออะไร”
“หมื่นสวรรค์สิ้นโลกออนไลน์ โหมดเล่นคนเดียว”
“…ไม่สงสัยเลยว่าทำไมแข็งแกร่ง เอาเถอะ ข้ามีบางสิ่งจะให้เจ้า”
“นี่คืออะไร”
“แผ่นหยกขนาดใหญ่ ประสบการณ์การฝึกฝนของข้าทั้งหมดอยู่ในนี้ ”
“ขอบใจ”
…
กู่ฉิงซานอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ขณะตอบรับภัยพิบัติน้ำ
คาดไม่ถึง ในโลกคู่ขนานนับไม่ถ้วน ไม่มีกู่ฉิงซานคนไหนที่ดีกว่าตัวเขา
เขาแข็งแกร่งที่สุด
และแหล่งกำเนิดของทั้งหมดนี้มาพร้อมกับหน้าต่างระบบเทพสงคราม
กู่ฉิงซานสังเกตเห็นสถานการณ์นี้แล้ว
ในโลกคู่ขนานแต่ละแห่ง พวกเขาไม่ได้รับหน้าต่างระบบเทพสงคราม แต่ได้มีการโหลดบัญญัติอื่นแทน
ท้ายที่สุด ตัวตนจากโลกคู่ขนานทั้งหกก็จากไป
ภัยพิบัติน้ำสิ้นสุดลงแล้ว
ร่างของกู่ฉิงซานขยับ แรงมหาศาลผลักเข้ามาจนพาออกจากโลก
ต่อไปคือภัยพิบัติสุดท้าย
ภัยพิบัติดิน
นี่คือภัยพิบัติสุดท้ายเพื่อจะก้าวเข้าสู่ระดับสามพันโลกและยังเป็นภัยพิบัติที่พิเศษที่สุดในบรรดาสี่ภัยพิบัติใหญ่
แม้กระทั่งจุดกำเนิดก็เผยแถวตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กออกมาบนหน้าต่างเพื่อเตือนกู่ฉิงซานว่าจะต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอย่างเคร่งขรึม
“นายท่าน ท่านกำลังจะเข้าสู่ภัยพิบัติดิน”
“ขอเตือนอีกครั้ง ท่านกำลังจะเข้าสู่โลกวิเศษที่สุดของดิน”
“ภัยพิบัตินี้เป็นภัยพิบัติที่พิเศษยิ่ง โปรดอย่าชะล่าใจ เพราะบัญญัตินี้ไม่สามารถตระเตรียมความช่วยให้ได้ในระหว่างเกิดภัยพิบัตินี้”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “พูดเหมือนกับเจ้าช่วยข้าตอนก้าวข้ามภัยพิบัติอื่นอย่างนั้นแหละ”
หลังจากจุดกำเนิดเงียบไป ข้อความทั้งหมดบนจอก็หายตามไปด้วย
มันเพียงเตือนว่า
“นายท่าน โปรดตระหนักด้วยว่าในภัยพิบัติดิน ความสามารถทั้งหมดของท่านจะถูกผนึกด้วยโลกดินพิเศษ ทำให้ไม่สามารถใช้ความสามารถใดๆ ได้”
กู่ฉิงซานถามว่า “ความทรงจำของข้าจะถูกผนึกด้วยหรือเปล่า”
“ไม่ถูกผนึก แต่หลังจากเข้าโลกดินแล้ว รากฐานการฝึกฝนทั้งหมดของท่านจะหายไปในโลกดิน ของทุกชิ้นที่มีพลังจะไม่สามารถนำออกมาได้ ร่างกายจะเสื่อมสภาพจนกลับสู่การเป็นคนธรรมดา” จุดกำเนิดตอบ
“ตราบที่ยังมีความทรงจำ เช่นนั้นวิชาดาบกับประสบการณ์การต่อสู้ของข้าก็ยังอยู่ ข้ารู้ว่าจะจัดการกับมันยังไง” กู่ฉิงซานกล่าว
จุดกำเนิดกล่าวว่า “ก็จริง แต่จงระวังไว้ด้วย หากท่านตายในภัยพิบัติ ทุกสิ่งจะไม่สามารถแก้ไขได้”
“เข้าใจแล้ว”
ภายนอก กู่ฉิงซานสงบมาก แต่ความจริง ในใจเขาแอบกังวลเล็กน้อย
โลกดิน
ไม่ว่าจะมีพลังวิญญาณยิ่งใหญ่แค่ไหน ไม่ว่าจะเรียนรู้วิชาที่ยอดเยี่ยมมามากมายเพียงใด ไม่ว่าจะครอบครองพลังวิเศษที่ทำให้ร่างกายพิเศษหรือไม่ก็ไม่สามารถใช้ได้ผลในโลกดิน
โลกนี้โด่งดังมากจนเป็นข่าวลื่อในโลกแห่งการฝึกฝน
เพราะมันจำกัดพลังวิเศษทั้งหมด ผู้ฝึกยุทธ์จึงต้องดิ้นรนเอาตัวรอดในโลกดินในฐานะคนธรรมดา
กู่ฉิงซานรอสักพักด้วยลมหายใจแผ่วเบา
ความมืดรอบตัวของเขาค่อยๆ หายไป แสงสว่างนับไม่ถ้วนสาดมาที่ดวงตาของเขา
ท้องนภาสดใส
วินาทีต่อมา กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนทรายนุ่ม
เขาเข้าสู่โลกดินแล้ว!
กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าลึกๆ
รอบข้างเต็มไปด้วยทะเลทรายไกลสุดลูกหูลูกตา
ในทะเลทราย มีถนนตรงจากสุดขอบโลกยันสุดขอบสายตาของกู่ฉิงซาน
ที่สุดขอบทางหลวงคล้ายกับมีสิ่งปลูกสร้างเลือนรางอยู่
บนลูกตาของกู่ฉิงซาน ข้อมูลทั้งหมดหายไป เหลือเพียงแถวตัวอักษรเท่านั้น
“อยู่รอดให้ได้เจ็ดวัน”
หลังจากอ่านจบ แถวตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กหายไปเช่นกัน
ดวงตะวันร้อนแรงประดับท้องนภาจนทำให้เกิดอาการแสบร้อนที่ผิวหนังเล็กน้อย
กู่ฉิงซานพยายามปล่อยจิตเทพแต่กลับพบว่าจิตเทพของเขาใช้ได้แค่ในทะเลแห่งความตระหนักรู้ นอกเหนือจากนั้นไม่มีแม้แต่ร่องรอย
เขากวาดทั่วทะเลแห่งความตระหนักรู้
เขาเห็นว่าทุกสิ่งถูกผนึกเอาไว้ อยู่ในสภาพแตะต้องไม่ได้อย่างสมบูรณ์
ข่าวดีคือเวลาบนโลกดินช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด
เพื่อให้แน่ใจว่าจะอยู่ในสภาพวัตถุทั้งหมด กฎเกณฑ์ของโลกดินจึงผนึกสภาพของดาบพิภพโดยตรง
แบบนี้ กู่ฉิงซานจึงโล่งอกใจขึ้นมามาก
ข่าวร้ายคือ…
กู่ฉิงซานกระโดดออกไปอย่างรุนแรงด้วยหวังว่าจะทะยานขึ้นสูง แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เขากระโดดได้สูงเพียงครึ่งเมตร จากนั้นก็ตกลงมาบนพื้นอย่างแรง
โชคยังดี ทรายนุ่มจนไม่ทำให้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวด
แต่ความรู้สึกร้อนผ่าวบนทรายค่อยๆ ทะลวงผ่านรองเท้าบูตก่อนซึมผ่านฝ่าเท้าของเขาทีละน้อย
เกราะศึกหมอกดำไม่สามารถเอาออกมาใช้ได้ ชุดกับรองเท้าบูตที่กู่ฉิงซานสวมอยู่นั้นเปลี่ยนแปลงจากชุดฝึกฝนพิเศษระดับสูงเป็นชุดธรรมดา
กู่ฉิงซานพึมพำออกมา “น่าทึ่งมาก พลังอะไรกันที่สามารถทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นของธรรมดาไปได้”
เขาหยุดให้ความสนใจสิ่งเหล่านี้อย่างรวดเร็ว
เพราว่าร้อนเกินไป กู่ฉิงซานจึงเริ่มมีเหงื่อออกหลังจากยืนอยู่สักพัก
ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดา ทะเลทรายย่อมเป็นสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย
กู่ฉิงซานมองสิ่งปลูกสร้างที่สุดขอบทางหลวง
นั่นคือสถานที่เดียวสำหรับสิ่งมีชีวิต
เขาไม่เสียเวลาอีกต่อไปก่อนก้าวเท้าไปข้างหน้า เดินไปตามทางหลวงเพื่อมุ่งสู่สิ่งปลูกสร้างเหล่านั้น
ไม่มีหมู่เมฆบนท้องนภา
ดวงตะวันร้อนแรงสาดกระทบพื้นโดยตรง ทำให้อากาศบนถนนบิดเบี้ยว
โลกทั้งใบเหมือนกับหม้อไอน้ำ
กู่ฉิงซานถอดชุดออกนานแล้วขณะสวมหมวกกันแดดเรียบง่ายบนศีรษะ
นี่คือการเดินทางไกลที่ยาวนานและยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มฝึกฝนมา
หยาดเหงื่อไหลผ่านแผ่นหลัง
ผิวหนังที่เผยออกมาแดงก่ำเพราะดวงตะวัน
หลังจากเดินมาได้ครึ่งชั่วโมง กู่ฉิงซานประหลาดใจที่พบว่าเขาเริ่มหอบ
นี่คือโลกวิเศษจริงๆ ดังนั้นสภาพร่างกายของเขาจึงกลายเป็นคนธรรมดา สมรรถภาพทางร่างกายจึงคล้ายกับของคนธรรมดา
แต่ตอนนี้ไม่มีทางอื่นแล้ว
เขาต้องรักษาจังหวะการหายใจเอาไว้ พยายามไม่เงยหน้าขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่มั่นคง
อีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไป
เมื่อกู่ฉิงซานรู้สึกว่าร่างกายกำลังจะล้มลง ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดหมาย
ถนนถูกแยกออกมาอยู่ข้างทางหลวง นำไปสู่เมืองทะเลทรายขนาดเล็ก
ไม่มีคนอยู่ในเมือง แต่กลับมีเสียงดนตรีแผ่วเบาแว่วมาเป็นครั้งคราว
ใช่แล้ว ไม่มีใครออกมาในวันที่ร้อนแบบนี้หรอก
ถึงแม้จะแทบหมดสติเพราะดวงตะวัน แต่กู่ฉิงซานยังรักษาความระแวดระวังพื้นฐานที่สุดเอาไว้
เขาหรี่ตามองไปที่เมือง
สิ่งปลูกสร้างจำนวนมากในเมืองมีร่องรอยที่คล้ายกับการต่อสู้อยู่มากมาย
ถนนเต็มไปด้วยกับดักและป้อมปราการแบบเรียบง่าย
บ้านบางหลังที่อยู่ใกล้ทางหลวงถูกเผาสิ้นจนกลายเป็นสีดำ ประตูยังคงเปิดอ้าอยู่ตลอด
แต่ถ้ามองลึกเข้าไปในเมือง สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ยังสมบูรณ์
ดูท่าอันตรายหลักจะมาจากถนน
กู่ฉิงซานไม่รออีกต่อไป
พละกำลังกายภาพของเขาถึงขีดจำกัด ต่อให้ระแวดระวังไป เขายังต้องหาสถานที่หลีกเลี่ยงดวงตะวันร้อนแรงอยู่ดี
เขาเดินตรงไปที่เมืองก่อนหยุดอยู่หน้าสิ่งปลูกสร้างแรกที่ถูกเผา
ขณะมองใกล้ๆ เขาเดินไปที่สิ่งปลูกสร้างอย่างไม่ลังเล
นี่คือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้ทางหลวงที่สุด ประตูและหน้าต่างล้วนได้รับความเสียหาย ข้างในเละเทะไปหมด ชั้นเก็บของว่างเปล่าจำนวนหนึ่งหล่นอยู่บนพื้น ไม่มีอะไรอยู่ข้างใน
ดูท่าก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง มันเคยเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตมาก่อน
กู่ฉิงซานมองรอบข้างก่อนในใจจะผ่อนคลายลง
ไม่มีของที่เป็นประโยชน์อยู่ที่นี่
จากมุมมองของคนอื่น นี่ยังเป็นการพิสูจน์ว่าซูเปอร์มาร์เก็ตเคยถูกบุกมาหลายครั้ง
ดังนั้นถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ที่นี่นับว่าปลอดภัย
ไม่มีแสงตะวันในห้อง ในที่สุดกู่ฉิงซานก็รู้สึกมีกำลังขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะใช้ประโยชน์จากเรี่ยวแรงสุดท้ายที่เค้นออกมาจากร่างกาย กู่ฉิงซานเดินไปยังส่วนลึกของบ้าน เปิดประตูที่หักออกแล้วเดินเข้าไปข้างใน
ด้านหลังคือคลังเก็บของและห้องสินค้าของซูเปอร์มาร์เก็ต
ในทำนองเดียวกัน มีหลายสิ่งเคยถูกเคลื่อนย้ายจากที่นี่ ไม่มีอาหารหรือน้ำหลงเหลืออยู่
บนพื้น ขวดไวน์ว่างเปล่าเต็มไปด้วยฝุ่น ดูท่ามันจะถูกทิ้งไว้ที่นี่มาพักใหญ่แล้ว
อีกทั้งยังมีหนังสือพิมพ์ที่ถูกใช้ห่อบางอย่างอยู่ด้วย
กู่ฉิงซานเม้มริมฝีปากแห้งขณะก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยิบขวดไวน์ว่างเปล่าขึ้นมา
เขาถือขวดไวน์ไว้ในอ้อมแขนอย่างเคร่งขรึม
นี่คือสิ่งแรกที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้
เขาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาก่อนพบที่นั่งติดกำแพงอันร่มรื่น
ถึงแม้จะกระหายน้ำมาก แต่กู่ฉิงซานก็คาดการณ์ว่าเขาจะสามารถทนได้อีกสักพัก
ตอนนี้ที่ต้องทำก่อนคือฟื้นฟูพละกำลังร่างกาย
ตอนหยิบขวดไวน์ขึ้นมา เขาก็แทบจะไม่เหลือแรงแล้ว
สภาพแบบนั้นไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์อะไรได้หรอก
เวลาผ่านไปช้าๆ
ดวงตะวันคล้อยต่ำเล็กน้อย อุณหภูมิด้านนอกไม่สูงมากนัก
กู่ฉิงซานได้พักฟื้นมาแล้วครึ่งชั่วโมง
ในที่สุดพละกำลังกายภาพก็ฟื้นขึ้นมาเล็กน้อย
แต่เขากระหายน้ำ แถมไม่มีร่องรอยของน้ำลายอยู่ในปากเลย
นี่เป็นสัญญาณการขาดน้ำอย่างรุนแรงในร่างกาย
ในฐานะผู้ฝึกยุทธ ทำไมถึงต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้ด้วย
ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกยุทธคนอื่น เกรงว่าคงเริ่มหาแหล่งน้ำกันไปแล้ว
ทว่า กู่ฉิงซานมีประสบการณ์จากวันโลกาวินาศมานานแล้ว ทำให้ยังคงสงบและระแวดระวังอยู่
เขาโยนหนังสือพิมพ์เก่าลงกับพื้น
ข้อความที่นี่ยากจะเข้าใจ
แต่ภาพสงครามต่างๆ ในหนังสือพิมพ์ยังทำให้เขาคาดเดาเกี่ยวกับโลกนี้ได้
ในโลกที่ความสามารถมากมายไม่สามารถใช้ได้ เทคโนโลยีถูกพัฒนาจนถึงระดับหนึ่ง
เขาเห็นเครื่องบินโบราณและขีปนาวุธในภาพ ยังมีต้นแบบของจักรกลอีกด้วย
ในฐานะศัตรูของสิ่งเหล่านี้ มันคือตัวตนของมนุษย์อย่างหนึ่ง…หรือไม่ก็เป็นสัตว์ประหลาดที่ถูกสร้างจากการกลายพันธุ์ผิดปกติในร่างมนุษย์
ผลที่ได้ เป็นการยากมากที่จะรับมือได้ในฐานะคนธรรมดา
กู่ฉิงซานขยับร่างกายขณะครุ่นคิด
เขาตรวจสอบร่างกายในฐานะคนธรรมดาเพื่อให้แน่ใจว่าพละกำลังกายภาพจะสามารถควบคุมการตอบสนองมากมายของร่างกายได้
ผ่านไปสักพัก เสียงครืนของจักรกลดังมาจากด้านนอก
กู่ฉิงซานพิงกับกำแพงขณะชำเลืองมองนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
เขาเห็นรถขนส่งโบราณ
รถบรรทุก