บนแท่นสูงของคฤหาสน์
ทั้งสี่คนพยายามสุดความสามารถเพื่อสังหารสัตว์ประหลาด
กู่ฉิงซานยังไม่ลงมือ
เขาสังเกตทิศทางการต่อสู้อย่างสงบ
ความจริง สัตว์ประหลาดพวกนั้นก็แค่ผีดิบที่เคลื่อนไหวช้าเท่านั้น
ดูเหมือนกับผลงานอันล้มเหลวจากศิษย์ในสำนักขัดเกลาซากศพ
สัตว์ประหลาดเช่นนั้นนำโลกไปสู่จุดจบได้อย่างไร
กู่ฉิงซานสังเกตและใคร่ครวญอย่างจริงจัง
ทันใดนั้น เขาสังเกตเห็นว่านอกจากฝูงผีดิบแล้ว ยังมีกลุ่มอื่นเข้ามาผสมโรงอีก
มันคือชายร่างใหญ่สูงสามเมตร มัดกล้ามดิ้นไปมาอย่างต่อเนื่อง มันแทบไม่เคลื่อนไหวเมื่อโดนกระสุนสาดเข้าไป
ร่างวิวัฒนาการ
“จรวด!” เหล่าหลี่ตะโกน
ชายผมบลอนด์ฝืนยกเครื่องยิงจรวดจากพื้นเอาไว้บนบ่า เล็งไปที่สัตว์ประหลาดแล้วยิงออกไปทันที
จรวดพุ่งออกไปพร้อมควันหางยาว กระแทกใส่สัตว์ประหลาดด้วยความเร็วที่สูงลิบ
ตูม
เลือดเนื้อกระเซ็น!
ทว่าผีดิบตัวอื่นกลับเฉยชาขณะยังคงเดินมาทางคฤหาสน์
กู่ฉิงซานสังเกตเห็นว่ามีอีกหลายตัวที่เริ่มปรากฏขึ้นจากไกลๆ
“จำนวนมีมากเกินไป”
ชายผมดำคำรามอย่างหงุดหงิด
คนอื่นไม่พูด
ซากศพเคลื่อนเข้าหาคฤหาสน์เป็นจำนวนมากราวกับไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย
ตอนนี้ กู่ฉิงซานติดตั้งอุปกรณ์ของเขาก่อนยืนขึ้นแล้วตบบ่าเหล่าหลี่
“นี่”
“คุณจะทำอะไร” เหล่าหลี่อดที่จะถามไม่ได้
“มีสัตว์ประหลาดอยู่ฝั่งพวกเราน้อยแล้ว ผมจะลงไปดูสถานการณ์ด้านล่างให้” กู่ฉิงซานกล่าวเสียงดัง
“มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ มันคือสัตว์ประหลาดนะ ถ้าคุณออกไปได้ตายแน่!” เหล่าหลี่คำราม
การสั่นสะเทือนของปืนกลรุนแรงมากจนพวกเขาต้องพูดเสียงดัง
เหล่าหลี่หยิบปืนก่อนยิงสัตว์ประหลาดอีกตัว
“ผมคือนักวิทยาศาสตร์ อยากศึกษาโครงสร้างร่างกายของพวกมัน” กู่ฉิงซานกล่าว
“คุณไม่ได้เรียนรู้เรื่องเครื่องจักรหรอกหรือ”
“พูดให้ถูกคือเทคโนโลยีชีวจักรกลของร่างกายมนุษย์ พวกเราจะค่อยๆ คุ้นชินและเข้าใจศัตรูหากทำแบบนี้”
เหล่าหลี่เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย
“จะเข้าใจไปเพื่ออะไร พวกมันเป็นสัตว์ประหลาดนะ!” เขากล่าวอย่างสับสน
“คุณต้องเชื่อในวิทยาศาสตร์” กู่ฉิงซานตบปืนในมือของเหล่าหลี่
เหล่าหลี่คิดตามเช่นกัน หากไม่มีปืน เขาคงตายไปแล้ว
อีกอย่าง นักวิทยาศาสตร์คนนี้ถือว่าเก่งมาก เขาซ่อมได้แทบทุกอย่างที่เป็นเครื่องจักร
“…ฉันอาจจะไม่สามารถปกป้องคุณได้” เหล่าหลี่กล่าว
“ไม่เป็นไร ผมไปไม่ไกลหรอก อีกอย่าง ผมปกป้องตัวเองได้”
กู่ฉิงซานตบคันธนูยาวในมือ
หลังจากพูดจบ เขาเดินลงไปจากห้องใต้หลังคาก่อนมาปรากฏตัวในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว สุดท้ายออกไปสู่พื้นที่นอกคฤหาสน์
สามคนที่เหลือสังเกตเห็นตัวตนของเขา
“ทำไมนักวิทยาศาสตร์ถึงลงมาข้างล่างล่ะ”
ชายผมบลอนด์หยิบระเบิดจากพื้นก่อนขว้างออกไป
ตูม
เหล่าหลี่ป้องหูขณะรอให้แรงระเบิดมหาศาลผ่านไปจึงพูดว่า “เขาบอกว่าอยากศึกษาสัตว์ประหลาดน่ะ”
“บ้าวิทยาศาสตร์เกินไปแล้ว” หญิงสาวกล่าว
มีหลายคนมองลงมา
พวกเขาเห็นกู่ฉิงซานคุกเข่าอยู่หน้าซากศพ
ซากศพถูกยิงไปหลายครั้งแต่ยังไม่ตาย เมื่อทราบว่ามีคนเป็นเดินเข้ามา มันจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อพยายามจะกัดอีกฝ่าย
“อย่าขยับ”
กู่ฉิงซานถือเดือยทหารก่อนสอดเข้าไปในเบ้าตาของอีกฝ่าย ศีรษะของซากศพถูกตรึงกับพื้นทันที
ซากศพดิ้นรนสักพักแต่ก็ยังขยับไม่ได้
กู่ฉิงซานเปิดไฟฉายที่มัดไว้กับไหล่ หยิบกริชออกมาเพื่อเริ่มผ่าศพ
การเคลื่อนไหวของเขาเร็วและมีประสิทธิภาพ ทั้งเรียบง่ายและเป็นระเบียบ ไม่มีความลังเลสักนิด
“ดูอวัยวะภายในก่อนละกัน”
“หัวใจไม่เต้น”
“เลือดกลายเป็นสีดำ ดูท่าสาเหตุจะมาจากการติดเชื้อ”
“อวัยวะภายในหดลงไปมาก แต่ท้องกลับมีขนาดใหญ่ขึ้นมา”
“เห็นได้ชัดว่าสูญเสียพละกำลังกายภาพทั่วไปของคนเป็นไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นพละกำลังมาจากไหนกันล่ะ”
“…ช่างมันก่อน มีบางสิ่งอยู่ในท้อง ในดูซิ ดูเหมือนจะเป็นเนื้อเยื่อจากร่างมนุษย์”
“ด้วยการกินเนื้อคนถึงทำให้มีพลังงานในการเคลื่อนไหว”
“ดวงตากลายพันธุ์ไปแล้ว ไม่มีลูกตา แต่กลับมองเห็นข้าได้อย่างแม่นยำ”
“ฟันแหลมคมมากขึ้นราวกับสัตว์ร้าย”
“จมูกเป็นเนื้อตายอย่างสมบูรณ์ หูมีการเปลี่ยนแปลงทางสัณฐานวิทยาคล้ายกับเป็นการวิวัฒนาการ”
กู่ฉิงซานใช้ความพยายามอีกเล็กน้อยเพื่อขุดหูออกจากซากศพ
เขามองใกล้ๆ ราวกับกำลังมองผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง
“ใช่ มันวิวัฒนาการเล็กน้อย มันคือปาฏิหาริย์แห่งชีวิต”
หลังจากพูดจบ เขายืนขึ้นแล้วเดินไปหาซากศพต่อไปที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
“ช้าก่อน!” เหล่าหลี่ตะโกนมาจากชั้นบน
“เกิดอะไรขึ้น”
“ในเมื่อคุณศึกษาเสร็จแล้ว ทำไมถึงยังไม่กลับมาอีก”
“ตัวอย่างเดียวมันไม่มากพอ ต้องศึกษาซากศพเพิ่มอีกถึงจะได้ผลลัพธ์”
หลังจากนั้น กู่ฉิงซานย่อตัวลงตรงหน้าซากศพร่างต่อไป
เขาเริ่มผ่าศพอย่างจริงจัง
ฉากนี้ถูกทั้งสี่คนจากชั้นบนเห็นเต็มตา
“ใช่แน่ๆ เขามันคนบ้า” หญิงสาวออกความเห็นอีกครั้ง
“ไม่ นี่แหละนักวิทยาศาสตร์” ชายผมบลอนด์แสดงความชื่นชมออกมา “คนที่ไม่เข้าใจมักชอบคุยโวทั้งที่เป็นความคิดเห็นจากคนอื่น แต่นักวิทยาศาสตร์ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงจะวิเคราะห์และศึกษาปัญหาด้วยตัวเอง”
“ดูสิ เขากำลังจะผ่าศพที่สามแล้ว” ชาวผมดำกล่าว
“ให้ความสนใจเรื่องความปลอดภัยด้วย ฉันคิดว่าเขาสามารถช่วยพวกเราได้มาก” ชายผมบลอนด์กล่าว
“ได้ ฉันจะปกป้องเขาเอง” เหล่าหลี่กล่าว
…
กู่ฉิงซานกลับไปที่ห้องใต้หลังคา
เขาดูเหนื่อยเล็กน้อย แต่ในแววตาเผยความรู้สึกตื่นเต้นออกมา
“ได้อะไรมาบ้าง” ชายผมบลอนด์ถาม
“ก็มั่นใจแน่ๆ ว่าพวกมันใช้เสียงและการมองเห็นเพื่อตามหาเหยื่อ เสียงคือปัจจัยหลัก การมองเห็นไม่ได้สูงมากนัก พวกมันทำได้เพียงแยกแยะสิ่งต่างๆ ตรงหน้าได้เพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น หากอยู่ห่างออกไปมากกว่าห้าเมตรก็จะแยกแยะได้เพียงแสงสว่างกับความมืด ในด้านวิวัฒนาการ เมื่อพวกมันกินอาหารมากพอแล้ว ความเร็วในการกลายพันธุ์ของร่างกายจะเพิ่มขึ้น” กู่ฉิงซานตอบ
หลายคนถึงกับตกตะลึง
นักวิทยาศาสตร์คนนี้ช่างละเอียดอ่อนจริงๆ
“คุณมีคำแนะนำอะไรหรือเปล่า” เหล่าหลี่ถาม
“คำแนะนำของผมคือไม่ต้องยิงแล้ว” กู่ฉิงซานตอบ
“ไม่ต้องยิงหรือ แบบนั้นเท่ากับรอความตายไม่ใช่หรือไง”
“ไม่จริงเลย”
กู่ฉิงซานผูกระเบิดกับลูกธนู ดึงสลักระเบิดออกก่อนง้างคันธนูอย่างรวดเร็ว
เขายิงมันออกไป
ลูกธนูกลายเป็นภาพติดต่อก่อนพุ่งออกไปพร้อมกับระเบิด
ลูกธนูนี้ใช้พละกำลังสิบส่วน จากนั้นลูกธนูข้ามกลุ่มซากศพก่อนพุ่งไปยังทางหลวง
ตูม!
ระเบิดทำงาน
ผีดิบหยุดนิ่ง
ผีดิบเกินครึ่งหันหลังแล้วมุ่งสู่ทิศที่เกิดระเบิดเสียงดังราวกับฟ้าผ่า
มีเพียงผีดิบที่อยู่ใกล้คฤหาสน์เท่านั้นที่ลังเลก่อนขยับเข้าหาคฤหาสน์ต่อ
“เกิดอะไรขึ้น” เหล่าหลี่ถามด้วยความสับสน
“เสียงไง สัตว์ประหลาดพวกนั้นถูกดึงดูดด้วยเสียงของอาวุธปืน ดังนั้นพวกมันจึงเดินทางมาไกลเพื่อมารวมตัว เช่นนั้นพวกคุณต้องตัดใจเรื่องการใช้อาวุธปืนเพราะเสียงที่เกิดขึ้นมานั้นมันดังเกินไป” กู่ฉิงซานอธิบายอย่างอดทน
“เช่นนั้นพวกเราจะฆ่าสัตว์ประหลาดยังไงล่ะ” หญิงสาวสงสัย
กู่ฉิงซานดึงธนูออกมาอีกครั้ง
ท่ามกลางราตรี ลูกธนูพุ่งออกไปอย่างเงียบงันก่อนปักเข้ากลางศีรษะของผีดิบ
“การเคลื่อนไหวของพวกมันช้า ต้องเข้าใกล้ถึงจะเห็นเหยื่อ จากนั้นจะแผดเสียงคำรามแล้วเร่งความเร็ว ดังนั้นตราบที่อยู่ไกลก็สามารถจัดการพวกมันได้ด้วยอาวุธมีคมพวกนี้” กู่ฉิงซานตอบ
“ก็จริง แต่คุณบอกว่าพวกมันเห็นพวกเราได้นี่” ชายผมบลอนด์กล่าว
“พวกมันสายตาสั้นมาก ดังนั้นวิธีนี้ดียิ่งกว่าการทำให้เกิดเสียง พวกเราแค่ต้องเปิดไฟที่สิ่งปลูกสร้างอื่นแล้วปิดไฟที่คฤหาสน์ของพวกเรา” กู่ฉิงซานกล่าว
“และพวกเราล่ะ”
กู่ฉิงซานยื่นแว่นตาอินฟราเรดกลางคืนให้อีกฝ่าย
ชายผมบลอนด์ตกตะลึงอีกครั้ง
ความจริงมันง่ายขนาดนี้ ทำไมถึงคิดไม่ได้กันนะ
“จริงด้วย พวกเราสามารถใช้แว่นตาอินฟราเรดกลางคืนได้” เขาพึมพำ
หลายคนพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
ชายผมบลอนด์รับแว่นมาแล้วกล่าวกับคนอื่นว่า “แค่ทำตามที่นักวิทยาศาสตร์บอกก็พอ!”
พวกเขาหยิบหน้าไม้ทหารออกมาอย่างรวดเร็ว ปิดไฟในคฤหาสน์และเริ่มยิงใส่ผีดิบนอกคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
ในระหว่างนั้น กู่ฉิงซานผูกระเบิดอีกครั้งก่อนยิงไปที่ทางหลวง
ผีดิบอีกกลุ่มไปแล้ว
แรงกดดันที่ส่งผลกับทุกคนลดลงไปมาก
การต่อสู้ที่เดิมถึงเป็นถึงตายค่อยๆ พัฒนาสู่เกมการยิง
ทุกคนถึงขั้นมีเวลาพอจะนั่งกินข้าวเย็น
“คุณรู้วิธีนี้ได้อย่างไร” ชายผมดำอดที่จะถามไม่ได้
“พวกคุณอาจจะไม่เคยได้ยินชีวกลศาสตร์ของมนุษย์ อันที่จริง ข้อมูลพื้นฐานของร่างกายมนุษย์ถูกปกปิดจากพวกเรานักวิจัย” กู่ฉิงซานกล่าว
“ฉันเสียดายจริงๆ ที่ตอนนั้นไม่ตั้งใจเรียน” เหล่าหลี่กล่าว
“ยังไงก็ตั้งเรียนไม่ไหวนี่นะ ไอคิวไม่ถึง” เหล่าหลี่กล่าวต่ออย่างไม่ใส่ใจขณะกินอาหารโดยไม่เงยหน้าขึ้น
ชายผมดำยักคิ้ว
“วิทยาศาสตร์หมวดนี้ล้ำสมัยมาก ไม่มีข้อมูลอ้างอิง ต้องทำการสำรวจทีละเล็กละน้อย ถ้าไม่ชอบจริงๆ ก็มีแต่ต้องถูกบังคับให้เรียนรู้เพื่อความอยู่รอด” กู่ฉิงซานกล่าวขณะบีบนวดไปมา
“คุณชอบกายวิภาคศาสตร์หรือ” จู่ๆ หญิงสาวถามขึ้น
ท่าทีสงบและกระตือรือร้นตอนอีกฝ่ายศึกษาซากศพทำให้นางหวาดกลัวเล็กน้อย
“กายวิภาคศาสตร์หรือ” กู่ฉิงซานหัวเราะ “นั่นมันคือทักษะพื้นฐานของวิชาอื่นต่างหากล่ะ”
“วิชาอะไร”
“การทำอาหารน่ะ”
…
พวกเขาลองยิงธนูตรงระเบียงด้านนอกเพื่อดูว่าจะสามารถสังหารผีดิบด้านล่างได้หรือไม่
ตามคำขอของกู่ฉิงซาน ทุกคนแบ่งเป็นสองกลุ่มเพื่อให้มีเวลาหลับนอนและพักผ่อน
ท้ายที่สุด
รุ่งอรุณมาถึง
กู่ฉิงซานยืนอยู่ตรงระเบียงเพื่อเฝ้าระวังเป็นกะสุดท้าย
เมื่อดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นตรงขอบฟ้า แถวตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กพลันปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าตรงหน้า
“เจตจำนงแห่งโลกดินรับรู้ถึงการกระทำของท่านแล้ว”
“มันกำลังจะมาสื่อสารกับท่าน”
“ก่อนหน้านั้น ราชามารแห่งอารัมภบทจะมอบคำอธิบายอย่างเร่งด่วนให้”
“อย่าหาเรื่องเด็ดขาด มันคือร่างชีวิตรูปแบบโลกที่อาศัยอยู่ในหุบเหวนิรันดร์”
“มันแข็งแกร่งกว่าทุกสิ่งที่ท่านเคยรู้จัก!”
ทันใดนั้น ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กคล้ายกับสัมผัสถึงบางสิ่งได้ พวกมันล้วนหายไปอย่างสงบ
ตูม
กู่ฉิงซานตกตะลึง ทั้งคฤหาสน์ ทางหลวง เมืองเล็ก ผีดิบ ท้องนภาและสิ่งต่างๆ ล้วนหายไปต่อหน้าต่อตาเขา
พายุสีเทาไร้ที่สิ้นสุดห้อมล้อมเขาเอาไว้
ถึงไม่รู้ว่าพายุสีเทานี้คืออะไร แต่มันทำให้กู่ฉิงซานรู้สึกถึงความโอ่อ่าอย่างเหลือเชื่อ
ถ้าเป็นคนธรรมดาจริงๆ มายืนที่นี่ คงคิดไปไกลว่าจะได้พบเจอผู้สร้าง
แต่ในแง่มุมหนึ่ง ร่างชีวิตของโลกก็เป็นผู้สร้าง
พายุสีเทารวมตัวตรงฝั่งตรงข้ามกู่ฉิงซานก่อนกลายเป็นศีรษะมนุษย์ขนาดใหญ่
มันมองกู่ฉิงซานก่อนส่งเสียงยาวเนิบช้าออกมา
“ผู้ฝึกยุทธ ทำไมเจ้าถึงมาที่โลกของข้า”
กู่ฉิงซานสงบสติก่อนตอบว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติ”
ศีรษะยักษ์ที่เกิดจากพายุฝนสีเทารำพึงออกมาว่า “อืม…ร่างกายของเจ้าปลดปล่อยพลังแห่งการเติบโตออกมา ผ่านมาแล้วนับหมื่นปี นานมากแล้วที่ไม่มีมนุษย์มาหาข้าเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติ”