เครื่องจักรทั้งหมดในโลกตาย
โลกอยู่ในความปั่นป่วน
ฉานนู่และลั่วปิงหลีลอยขึ้นสูงในท้องนภาขณะตามกู่ฉิงซาน
ลั่วปิงหลีมองสมองจักรกลส่วนตัวของกู่ฉิงซานก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“เจ้าขำอะไร” ฉานนู่ถามด้วยความสับสน
“ตั้งแต่พบกัน เขาทำได้ทุกอย่าง ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใคร ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่น่าอับอายแบบนี้ด้วย” ลั่วปิงหลีตอบ
กู่ฉิงซานยิ้มก่อนตอบว่า “เพราะพึ่งเทคโนโลยีกับเครื่องจักรมากเกินไปนั่นแหละ นี่เป็นความผิดของข้าเอง”
ฉานนู่ชำเลืองมองเขาจนเห็นความคิดที่ด้อยค่าตัวเอง นางไม่เก็บมาคิดใส่ใจ จากนั้นจึงผ่อนคลายลงช้าๆ
แต่นางอดที่จะชำเลืองมองลั่วปิงหลีไม่ได้ “นายท่านจะต้องคิดหาหนทางอื่นได้อย่างแน่นอน”
นางเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่าย เผยรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้แล้วกล่าวว่า “แน่นอน! แน่นอน ข้าแค่ล้อเล่นน่ะ อย่าเก็บมาคิดจริงจังเลย”
กู่ฉิงซานยังคงใช้งานสมองจักรกลส่วนตัว
‘ดิ๊งด่องดิ๊ง’ เหรียญสีทองพุ่งออกมาก่อนถามอย่างระแวดระวัง
“เจ้าถามเรื่องแผนใหม่กับข้าหรือ อืม… ตอนนี้ข้าใช้ชุดคำสั่งต่อสู้ชั่วคราวที่เก็บสำรองไว้โดยสหายของข้าในระบบโปรแกรม… ชุดคำสั่งนี้เดิมตั้งใจจะไว้รับมือกับสถานการณ์วันสิ้นโลกฉับพลัน แต่ตอนนี้มันกลับเอามาใช้สร้างค่ายกลเครื่องจักรเพื่อป้องกันการโจมตีจากนอกอวกาศ”
“เดิมที ตอนข้าใช้ชุดคำสั่งนี้ สหายของข้าคนนั้นจะมาสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ข้าเช่นกัน… แต่ตอนนี้พวกเราอยู่ไกลกันเกินไป นางอาจจะไม่ทราบสถานการณ์ที่นี่ ดังนั้นพวกเราจะไม่พึ่งนาง”
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักขณะยืนยันว่า “นี่ไม่ใช่ปัญหา เอาเป็นว่าข้าให้สัญญาละกัน”
‘ดิ๊งด่อง’ เหรียญสีทองถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะกล่าวเสียงต่ำ
กู่ฉิงซานเริ่มใช้งานสมองจักรกลส่วนตัว
ผ่านไปสักพัก คำสั่งพิเศษทำงาน
การสร้างโลกดินใหม่เป็นครั้งที่สองกำลังจะเริ่มขึ้น
…
โลกเก้าร้อยล้านชั้นที่อยู่ไกลลิบ
โลกดั้งเดิม
“คุณผู้หญิง กระเป๋าใบนี้เหมาะกับคุณมาก ดูเข้ากับรูปลักษณ์มากเลยล่ะ”
“งั้นเหรอ”
เสี่ยวเมียวมองกระเป๋าใบใหม่ในกระจกก่อนเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
ตอนนี้ สมองจักรกลส่วนตัวของเธอวูบไหว เสียงของแบร์รี่ดังมาจากข้างใน
“สหายเก่ากลับมาแล้ว”
เสี่ยวเมียวครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “รอก่อนนะ ฉันจะกลับแล้ว”
เธอวางสมองจักรกลส่วนตัวก่อนใส่กระเป๋าใบใหม่ไว้ที่ด้านหลัง
การ์ดใบหนึ่งหลุดออกมาจากมือก่อนลงบนเคาน์เตอร์
“เช็กบิล”
“สามหมื่นหกพันแต้มเครดิต”
“รูดเลย”
“ขอบคุณ”
หลังจากจ่ายบิล เสี่ยวเมียวออกมาก่อนที่จะหายไปจากที่นั่นทันที
เธอปรากฏตัวในบาร์ริมทะเลที่ไกลออกไปสามไมล์ก่อนหน้าลงที่นั่งบาร์
“ดื่มอะไรไหม” แบร์รี่ถาม
“ไม่ล่ะ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” เสี่ยวเมียวถาม
“ได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังพักผ่อนอยู่” แบร์รี่ตอบ
เสี่ยวเมียวถอนหายใจออกมา “ฉันไม่เคยคิดถึงโลกอื่นที่กระจัดกระจายอยู่นอกโลกเก้าร้อยล้านชั้นเพราะที่นี่ปลอดภัยสำหรับพวกเรา”
แบร์รี่กล่าวว่า “โลกเก้าร้อยล้านชั้นไม่ใช่โลกเก้าร้อยล้านชั้นอีกต่อไป เทพไม่ใช่เทพเช่นกัน เงาห้วงลึกกำลังสั่งสมพลังในความมืด อีกไม่นานหายนะยิ่งใหญ่จะมาเยือน”
เสี่ยวเมียวตกตะลึง
ภายใต้สถานการณ์ปกติ พี่ชายจะทำตัวเชื่องช้ามาก มีเพียงตอนเผชิญหน้ากับอันตรายถึงเป็นถึงตายเท่านั้นที่เขาจะจริงจังและอ่อนไหวยิ่งกว่าคนอื่นๆ
สีหน้าของแบร์รี่จริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขากล่าวกับน้องสาวว่า “ดูท่าฉันต้องไต่หอคอยด้วยเพื่อพยายามพัฒนาพละกำลังของตัวเอง”
“ในเมื่อพี่ชายไป ฉันก็จะไปด้วย”
อีกด้าน
นอกชั้นบรรยากาศของโลกดั้งเดิม
วิหารในป้อมปราการดารา
ที่ส่วนลึกของป้อมปราการเต็มไปด้วยอุปกรณ์ขั้นสูงนานาชนิด
แท็งก์ฝึกฝนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยท่อจำนวนมากอยู่ตรงกลางของอุปกรณ์ทั้งหมด
แท็งก์ฝึกฝนปกคลุมไปด้วยไอเย็นเยือกดุจน้ำแข็ง สสารของเหลวจำนวนมากไหลซึมเข้ามาเป็นครั้งคราว เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นภาพข้างในได้อย่างชัดเจน
มีเพียงผู้หญิงเลือนรางขดตัวอยู่เท่านั้นที่มองเห็นได้เลือนราง เธออยู่ในส่วนลึกที่สุดของชั้นเยือกแข็ง
ผ่านไปสักพัก
หญิงสาวคล้ายกับสัมผัสบางสิ่งได้ก่อนพลันเคลื่อนไหว
แสงสีแดงสว่างขึ้นที่นอกแท็งก์ฝึกฝนทันที
เสียงอิเล็กทรอนิกส์เริ่มส่งเสียงเตือน
“รายงานถึงเทพธิดา ศักยภาพทางพันธุกรรมถูกปลดปล่อยออกมาขณะพยายามใช้พลังลี้ลับที่สอง โปรดอย่าขยับ ไม่อย่างนั้นทุกสิ่งจะสูญเปล่า”
หญิงสาวหยุดเคลื่อนไหว
ตอนนี้ ไอเย็นเยือกเข้มข้นมากขึ้น แท็งก์ฝึกฝนค่อยๆ กลายเป็นชั้นเยือกแข็ง มองไม่เห็นว่าข้างในมีอะไรอีกต่อไป
…
“เอาล่ะ! ทีนี้หุ่นยนต์ทั้งหมดจะทำตามชุดคำสั่งฉุกเฉินเพื่อปกป้องโลก”
กู่ฉิงซานปิดสมองจักรกลส่วนตัวด้วยความพึงพอใจ
เบื้องหน้าเขา เกราะศึกเคลื่อนที่หลายร้อยตัวเริ่มขยับ
พวกมันไม่มีความคิด ทำหน้าที่เพียงรักษาสภาพดั้งเดิมของโลกตามขั้นตอนง่ายๆ ที่กำหนดไว้
เหรียญสีทองส่งเสียง ’ดิ๊ง’ ด้วยความพึงพอใจ
ลั่วปิงหลีกล่าวว่า “นายท่าน พวกเราจะไปกันตอนนี้หรือเปล่า”
กู่ฉิงซานหันมามองนาง
เขาเห็นว่าดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสงสัยและความตื่นเต้นเกี่ยวกับการเดินทาง
ฉานนู่กล่าวอย่างกังวลว่า “นายท่าน หรือจะพัฒนาก่อนแล้วค่อยไป”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ไม่ ข้ารู้สึกว่าต้องใช้เวลาสักพักจึงจะรู้สึกถึงพลังและกฎเกณฑ์ก่อนจะสามารถเตรียมการพัฒนาได้”
“ยิ่งกว่านั้น เมื่อพวกเราเคลื่อนไหว จะมีวงแสงกฎเกณฑ์สี่เสาศักดิ์สิทธิ์ พวกเราจะอยู่ภายใต้การคุ้มกันของกฎเกณฑ์แห่งดิน คงไม่มีปัญหาอะไร”
ฉานนู่ลังเลแล้วกล่าวว่า “แต่โลกนั้นอาจจะอันตรายมาก พละกำลังของนายท่านยังไม่พัฒนา ข้าเกรงว่า…”
กู่ฉิงซานมองท้องนภา
ความจริง เขารู้สึกถึงอันตรายยิ่งใหญ่แล้ว
นี่ยังเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาไม่เคยออกจากโลกดิน
แต่เขาไม่สามารถซ่อนอยู่ในโลกนี้ตลอดไปได้
ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ทุกสิ่งถูกเตรียมไว้แล้ว เขาได้รับสิ่งที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้สร้างปฐพี เขาเริ่มมั่นใจว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการเตรียมการของอีกฝ่ายได้
กู่ฉิงซานหัวเราะแล้วกล่าวว่า “ฉานนู่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อไหร่ผู้คนจะเติบได้เร็วที่สุดในกระบวนการฝึกฝน”
“เมื่อไหร่หรือ”
“เมื่อออกเดินทางไง”
ขณะพูด กู่ฉิงซานใช้แผนที่ดวงดาวที่ซ่อนอยู่ตรงหว่างคิ้ว
ดาบยาวสี่เล่มตกอยู่ด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็วก่อนหายไปอย่างเงียบงัน
เหรียญสีทองลอยกลับมาที่ถุงเก็บของด้วยตัวเอง
วงแสงสีขาวปรากฏขึ้นรอบกู่ฉิงซาน ก่อเกิดเป็นวงแสงอย่างสมบูรณ์ ปกคลุมเขาไว้แล้วพาขึ้นสู่ท้องนภา
เขาออกจากโลกดินเพื่อเข้าสู่จักรวาลอันมืดมิด
…
สำหรับโลก จักรวาลเป็นเพียงภาชนะที่สามารถเก็บโลกเอาไว้ได้มากมาย
แต่บางครั้ง จักรวาลก็คือโลกที่สมบูรณ์ การออกจากจักรวาลก็คือการออกจากโลกปัจจุบัน
พูดง่ายๆ ก็คือ กู่ฉิงซานเหาะตรงไปสู่จักรวาลกว้างใหญ่ตามการชี้นำของแผนที่ดวงดาว
หลังจากเหาะมาได้สักพัก ดังคาด ร่างอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นด้านข้างขณะมองเขาที่อยู่ใกล้กับวงแสง
ร่างหลากสีสันและเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ร่างท่อนบนเป็นสีขาวราวหิมะ แขนสีดำ
ผู้ถักทอชีวิตหุบเหว!
นางรออยู่นอกโลกดินอย่างอดทนจนถึงช่วงเวลานี้ที่เหยื่อติดเบ็ด
“กู่… ฉิง… ซาน!”
ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวเน้นทีละคำราวกับพยายามจะกัดคำเหล่านั้นเข้าไป
“คิดถึงข้าหรือ”
ขณะเดินทางด้วยวงแสงสีขาว กู่ฉิงซานโบกมือทักทายนางอย่างเป็นมิตร
“แน่นอนว่าข้าคิดถึงเจ้า เป็นเวลาหนึ่งหมื่นปี ข้าคิดถึงเจ้าตลอดเวลาเลยล่ะ” ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวกล่าว
นางควบคุมแขนขาเพื่อให้สามารถเกาะติดกับวงแสงได้มากขึ้น
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าไม่ชอบผู้หญิงช่างตื๊อและกระตือรือร้นจนเกินไป แบบนั้นจะทำให้ข้าอยากหลีกหนีจากพวกนางมากกว่า”
ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวจ้องเขาแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “อย่างไรวงแสงนี้ก็ต้องหายไป ข้าอยากรู้นักว่าถึงตอนนั้นแล้วเจ้ายังจะพูดแบบนั้นกับข้าได้หรือเปล่า”
กู่ฉิงซานปิดปากแน่น
เมื่อผู้ถักทอชีวิตหุบเหวอยากเยาะเย้ย เขายกมือขึ้นอีกครั้งก่อนชูนิ้วกล้างอยู่เงียบๆ
“เจ้าคนโง่ รอข้าก่อนเถอะ ข้าจะต้องทำให้เจ้าเสียใจที่มาโลกนี้” ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวคำราม
กู่ฉิงซานมองแววตาอันบ้าคลั่งของอีกฝ่ายขณะยังคงคิดมาตรการตอบโต้อยู่ในใจ
ทำให้นางโกรธจนเสียสติได้ แล้วอย่างไรต่อ
‘วิ้ง…’
วงแสงสีขาวส่งเสียงสั่นไหว
กู่ฉิงซานและผู้ถักทอชีวิตหุบเหวมองไปข้างหน้าพร้อมกัน
พวกเขาเห็นดาวเคราะห์ขนาดเล็กปรากฏขึ้นในความมืดข้างหน้า!
“ดาวคนคู่! เป้าหมายของเจ้าคือดาวคนคู่สินะ!” ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวหัวเราะออกมา
“เจ้าไม่แม้แต่จะกล้าเข้าโลกดิน แต่กล้าเข้าดาวคนคู่หรือ” กู่ฉิงซานดูสับสน
“แน่นอน! เจ้านั่นสามารถมองเห็นอนาคตได้ ใครจะรู้ล่ะว่ามันทิ้งอะไรไว้ในโลกดินบ้าง แต่ดาวคนคู่นั้นไม่ใช่ นี่คือโลกอิสระ!”
ขณะผู้ถักทอชีวิตหุบเหวพูด นางเกาะวงแสง “เจ้าจบแล้ว กู่ฉิงซาน ข้าจะตามหาเจ้าให้เจอ จากนั้นก็ฆ่าเจ้าซะ”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “เห็นได้ชัดว่าเจ้าใช้พลังบนดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่ได้แต่ก็ยังคิดจะมาขยี้ข้าน่ะหรือ”
ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวเดือดดาล
ตอนนี้ วงแสงสีขาวพลันระเบิดเป็นคลื่นกระแทกขนาดใหญ่
…นี่คือพลังกฎเกณฑ์ของสี่เสาศักดิ์สิทธิ์!
ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวพลันถูกโยนออกไป
“ลาก่อนนะ!”
กู่ฉิงซานฉวยโอกาสเร่งความเร็วก่อนมุ่งเข้าสู่ดาวเคราะห์ที่ปกคลุมด้วยแสงสีขาว
หลังจากหนีมาได้ สักพักใหญ่ ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวจึงทรงตัวในจักรวาลอันเงียบสงัดได้ในที่สุด
นางเหาะกลับมาขณะลอยอยู่นอกดาวคนคู่อยู่เงียบๆ
ตอนนี้ ไม่มีความโกรธบนใบหน้าของนางแม้แต่นิดเดียว มันถูกแทนที่ด้วยความคิดมากมาย
“อยากทำให้ข้าหงุดหงิดหรือ ช่างเป็นวิธีที่เหลวไหล”
“แต่เมื่อเข้าโลกนี้ไป ทุกคนสามารถใช้พลังวิเศษได้เพียงหนึ่งนาทีแรกเท่านั้น…”
ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน
ท้ายที่สุด นางคล้ายกับตัดสินใจบางสิ่งได้ก่อนเหาะตรงเข้าหาดาวคนคู่
เมื่อเข้าสู่ดาวเคราะห์ นางเริ่มร่ายคาถา “ท่านหญิงที่เคารพในดาวเคราะห์คนคู่เอย นางมีชีวิตอยู่เพื่อการฆ่า นางทรงพลังและอำนาจ ทุกคนที่พยายามฆ่านางล้วนถึงแก่ความตาย ผู้คนเคารพในพลังและวิชาของนาง เต็มใจที่จะทำเพื่อนาง”
ขณะร่ายคาถา นางกลายเป็นหญิงสาวร่างสูงงดงาม
“เอาล่ะ กู่ฉิงซาน ข้าสาบานว่าจะตามหาเจ้าให้เจอเพื่อให้เจอกับการทรมานชั่วนิรันดร์”
หญิงสาวยิ้มชั่วร้ายก่อนค่อยๆ ตกลงสู่ดาวเคราะห์
ทันทีที่ลงมา ไม่มีตัวตนใดอยู่ในจักรวาลมืดมิดอีก
ภายใต้ดาราเยือกแข็ง เกิดความเงียบสงัดในจักรวาลอันว่างเปล่า ไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียว
…
‘ฟิ่ว…’