เต่าวิญญาณกำลังบอกเซี่ยเต้าหลิงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคโบราณ
ในเวลาเดียวกันนั้น
กู่ฉิงซานออกจากดาวคนคู่ขณะเคลื่อนย้ายผ่านวังวนความว่างเปล่าไม่มีสิ้นสุด
กลุ่มแสงสว่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นข้างหน้า
เสียงร้องเล่นเต้นรำอันไพเราะเสนาะหูมาจากแสงสว่างเจิดจ้า ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบเมื่อได้ฟัง
กู่ฉิงซานถูกห่อหุ้มในพลังเคลื่อนย้ายก่อนพุ่งเข้าสู่แสงสว่างเพียงชั่วอึดใจ
‘ตุบ!’
เขาล้มลงกับพื้น
พื้นอ่อนนุ่ม
กู่ฉิงซานยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจขณะก้าวขึ้นพรมหนางดงามที่อยู่ใต้เท้า
ขณะมองรอบข้าง โลกทั้งใบถูกปกคลุมด้วยพรมสีแดง
เสียงดนตรีเสนาะหูดังขึ้นเป็นครั้งคราวในความว่างเปล่า
หญิงสาวในชุดราตรีสีน้ำเงินหรูหราเดินผ่านกู่ฉิงซานไป
นางมองกู่ฉิงซานก่อนกล่าวอย่างรังเกียจว่า “พลังในตัวเจ้าปั่นป่วนเกินไป แถมยังแก่กว่าเล็กน้อย เจ้าไม่เหมาะที่จะมาเต้นกับข้า”
หญิงสาวกล่าวเช่นนั้นก่อนจากไป
“เดี๋ยว”
ทันทีที่กู่ฉิงซานพูดออกมา หญิงสาวก็หายไปแล้ว
เมื่อมองรอบข้าง
เขาก็ไม่เห็นใครอีกแล้ว
กู่ฉิงซานแข็งทื่ออยู่กับที่ด้วยความประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่าเขามาถึงในโลกวิญญาณธาตุ แต่ทำไมถึงมองไม่เห็นอะไรเลยล่ะ
ตอนนี้ หญิงสาวเร่าร้อนอีกคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาในชุดราตรี
“จุ๊ๆ ดูดีไม่เลว แต่พลังกฎเกณฑ์อสนีบาตขุ่นมัวเกินกว่าจะเป็นสหายกับข้าได้”
หญิงสาวกล่าว หันหลังแล้วเดินจากไป
“นี่” กู่ฉิงซานรีบตะโกน
โดยไม่รอให้กู่ฉิงซานพูดอีกเป็นครั้งที่สอง หญิงสาวหายไปอย่างไร้ร่องรอย
จบกัน
กู่ฉิงซานมองรอบข้าง
เว้นแต่พรมสีแดงที่อยู่ทั่วทุกมุมโลกแล้ว เขาก็มองไม่เห็นอะไรอีก
หลังจากลังเล เขาพลันนึกออกว่าพละกำลังที่เคยถูกพันธนาการไว้กลับคืนมาแล้ว
กู่ฉิงซานปล่อยจิตเทพทันทีขณะตรวจสอบรอบข้าง
ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เห็นอะไร
ทว่า มีเสียงบทสนทนา เสียงหัวเราะ เสียงร้องเพลง เสียงฝีเท้าเบาๆ เสียงวางจานอาหารค่ำ เสียงสัมผัสแก้วไวน์และเสียงอื่นๆ อีกมากมาย
ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่ดูท่าโลกนี้กำลังจัดงานเต้นรำครั้งใหญ่อยู่
ทันใดนั้นเอง ผู้ชายในชุดเคร่งขรึมจำนวนมากปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
อีกฝ่ายชำเลืองมองเขา จากนั้นหันหลังแล้วหายไป
เสียงสนทนาของคนเหล่านี้ลอยไปตามสายลม
“นี่มันเรื่องผิดพลาดหรือเปล่า”
“ไม่ เขามีกลิ่นอายจากจดหมายเชิญอยู่ ดูท่าคนใหญ่โตคนนั้นจะขอให้เขามา”
“สหายที่น่าสงสาร กลิ่นอายบนร่างของเขาปั่นป่วน ไม่มีใครอยากสนทนากับเขาเลย”
“ใครจะกล้าล่ะ แค่ได้กลิ่นลมหายใจยังรู้สึกวิงเวียนเลย”
เสียงค่อยๆ หายไป
ผ่านไปหลายอึดใจ ผู้หญิงอีกกลุ่มพลันปรากฏตัวขึ้นขณะผ่านกู่ฉิงซาน
“แหม ชายหนุ่มคนนี้ดูดีไม่เลว แต่น่าเสียดายที่กฎเกณฑ์บนร่างกายปั่นป่วน ไม่อย่างนั้นข้าคงเข้าไปคุยแล้ว”
“เจ้านี่เหลือเกินจริงๆ จะดูแค่รูปลักษณ์ได้อย่างไร”
“ไม่ต้องมาบอกข้าเลย ข้าลุ่มหลงในวิญญาณร่ำไห้นับพันล้านที่อยู่ด้านหลังเขามากกว่า ข้าชอบชายหนุ่มคนนั้นเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่กลิ่นอายธาตุของเขาน่ารังเกียจจนข้าไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย”
“ด้วยลมหายใจเน่าเฟะแบบนั้น ไม่ใช่แขกของพวกเราอย่างแน่นอน”
“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเขามาจากไหน กลุ่มก้อนธาตุปั่นป่วนนั่นน่ะ แถมพวกยามก็ไม่สนใจไยดีเลยด้วย!”
หญิงสาวสนทนาก่อนร่างกายหายไป
กู่ฉิงซานตกตะลึงขณะรออยู่สักพัก
ความวุ่นวายรอบตัวค่อยๆ ดังขึ้น งานเลี้ยงและงานเต้นรำค่อยๆ ไปถึงจุดไคลแม็กซ์
แต่แม้จะยืนอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครมาตอบเขา
ดูเหมือนโลกทั้งใบจะทอดทิ้งเขาแล้ว
กู่ฉิงซานทำสมาธิแล้วพึมพำกับตัวเองด้วยความไม่เข้าใจว่า “ท่านอยากให้ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อถูกส่งตัวกลับหรือท่านกำลังจะบอกอะไรข้ากันแน่”
ผู้สร้างปฐพีสามารถมองเห็นเศษเสี้ยวแห่งอนาคตนับไม่ถ้วน ตัวตนยิ่งใหญ่เช่นนั้น ทุกสิ่งจะมีความนัยลึกลับแฝงอยู่
ดังนั้น ตอนเขามาโลกวิญญาณธาตุแห่งนี้ เขาจึงไม่เป็นที่ต้อนรับแต่อย่างใด มองไม่เห็นสิ่งใดราวกับถูกเมิน
ทีนี้เขาควรทำอย่างไรดี
กู่ฉิงซานครุ่นคิด ทันใดนั้นเสียงหญิงชราดังขึ้นในหูของเขา
“เจ้าหนู ทำไมเจ้าถึงยืนอยู่ที่นี่เพียงลำพังล่ะ”
กู่ฉิงซานพลันหันไปมอง
เขาเห็นหญิงชราชุดดำพร้อมผ้าพันคอบนใบหน้ากำลังมองมาอย่างระแวดระวัง
นางไม่สูง ทั่วร่างโค้งเล็กน้อย ดวงตาสีเทาลุ่มลึกดุจทะเล
“สวัสดี ตอนแรกข้ามาถึงที่นี่ แต่ไม่พบหนทางมาสักพักใหญ่แล้วขอรับ” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างสุภาพ
หญิงชรากล่าวขอโทษ “อย่าได้ตกใจไป เพราะวิญญาณธาตุอ่อนไหวกับลมหายใจมาก พวกเขามีสิ่งที่ชอบกับสิ่งที่ไม่ชอบ”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าเคารพในการตัดสินใจของคนอื่น ไม่คิดจะไปก้าวก่ายเรื่องพวกนี้หรอก”
หญิงชราถามว่า “โดนดูถูกแบบนี้จะดีหรือ”
กู่ฉิงซานตอบอย่างจนใจว่า “แน่นอนว่ามันผิดหวังนิดหน่อย แต่ปกติข้าก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของคนอื่นอยู่แล้ว ดังนั้นข้าจึงรับได้”
“ปกติเจ้าทำอะไรล่ะ”
“ช่วยโลกและฆ่าคน”
“จุดจบของโลกมาถึงแล้วแต่เจ้าพยายามจะช่วยโลก ไม่เหนื่อยบ้างหรือ”
“ชีวิตปกติก็ดีอยู่แล้ว ข้าจึงขอพูดตามตรงว่าไม่ได้สนใจจะช่วยโลกเลย ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยเอาคนอื่นมาแทนที่ข้าเถอะ”
“ใครจะไปรู้วิธีคลี่คลายเรื่องนี้ได้ ปกติงานนี้ก็สิ้นหวังและเหนื่อยล้ามากแล้ว เวลาพักผ่อน มันจะไปหาเวลาพักผ่อน ได้อย่างไร”
“ข้าไม่มีงานอดิเรกหวือหวา มีแต่ความชอบทำอาหาร”
“เอาเถอะ ข้าเชื่อว่าเจ้ามีอาหารอร่อยอยู่ในร่างกายมากมาย น่าเสียดายที่พวกเด็ก ๆ กลัวจนไม่ได้กลิ่นมัน” หญิงชรากล่าว
กู่ฉิงซานถามด้วยความสับสนว่า “กลิ่นอายหรือ ท่านหมายถึงอะไร”
หญิงชรายิ้มออกมา “เอาเถอะ ข้ามีคำแก้ตัวให้พวกวิญญาณอยู่: วิญญาณธาตุส่วนใหญ่นั้นเรียบง่ายมาก ไม่ได้รับพรมาเป็นเวลานาน พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่ากลิ่นอายในตัวเจ้าคืออะไร”
หญิงชราอ้าแขนออกแล้วกล่าวต่อว่า “เพราะความไม่รู้ ดังนั้นจึงมีความกลัวอยู่ในใจ นี่คือธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดี”
“ข้าเข้าใจขอรับ” กู่ฉิงซานตอบอย่างสุภาพ
เขาประสานมือให้อีกฝ่าย
หญิงชราเดินมาหาเขาก่อนกระซิบบอกว่า
“วิญญาณน้ำถูกดึงดูดโดยพลังวิญญาณอสนีบาตในร่างกายของเจ้าก่อนจะจากไปเพราะลมหายใจหุบเหวของเจ้า”
“วิญญาณไฟชอบสหายที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างของวิญญาณอสนีบาต แต่พวกเขาไปก็เพราะกลิ่นอายมังกรมารบนร่างกายของเจ้านั่นแหละ”
“พวกยามระแวดระวังกลิ่นอายสังหารของเจ้า พวกผู้หญิงหวาดกลัวเจ้า ความจริง พวกเขาใช้ชีวิตเพื่อความสนุกสนาน บางครั้งก็จะตอบรับคำเรียกขานจากโลกอื่นเพื่อมอบพลังธาตุให้”
“ความจริง พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกลียดลมหายใจของเจ้า พวกเขาหวาดกลัวโดยไม่รู้สาเหตุ”
“กลัวในสิ่งที่ไม่รู้หรือ” กู่ฉิงซานยิ้ม
“ใช่ เจ้ามีลมหายใจของโลกคู่ขนาน พวกเขาไม่เข้าใจลมหายใจนี้เลย แต่ก็สามารถสัมผัสถึงพลังอันน่าสะพรึงนี้ได้” หญิงชรากล่าว
“ท่านจะบอกว่านี่คือพลังน่าสะพรึงสินะ” กู่ฉิงซานยืนยันอีกครั้ง
“ใช่ เจ้าสะดุดตาเกินไปด้วย ทันทีที่อยู่ในสภาพแวดล้อมหนึ่ง เจ้าจะเป็นที่สนใจของทุกคนทันทีเพราะมีการผสานจากเหตุและผลในโลกคู่ขนานมากมาย โชคยังดี เหตุและผลเหล่านั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวที่ไม่เกี่ยวเนื่องกัน มันสามารถคลี่คลายได้”
“ท่านช่วยข้าได้หรือเปล่า” กู่ฉิงซานถาม
หญิงชรากะพริบตาให้เขา “แน่นอนว่าข้าช่วยเจ้าได้ แต่ทันทีที่เจ้าปรากฏตัวในโลกของพวกเรา ข้าจะถูกพบตัวไปด้วย”
กู่ฉิงซานเข้าใจทันที
ผู้สร้างปฐพีอาจจะส่งเขามาโลกนี้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ
อีกอย่าง เป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายว่าทำไมนางถึงอยู่ในโลกที่ไม่สามารถเข้ากันได้
แถมอีกฝ่ายยังรู้จุดกำเนิดเป็นอย่างดีด้วย
“ถ้าท่านสามารถช่วยข้าลบล้างลมหายใจเหล่านี้ได้ ข้าจะซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง” กู่ฉิงซานกล่าว
หญิงชรายิ้ม ยื่นมือออกมาตบไหล่ของกู่ฉิงซาน
“ชุดคลุมของเจ้าดีมาก มันมากพอที่จะปกปิดกลิ่นอายอื่นได้ มีเพียงกลิ่นอายน่าสะพรึงของโลกคู่ขนานเท่านั้นที่ข้าจะต้องเป็นคนกำจัดเอง”
นางขึ้นเสียงเพื่อทำการร่ายคาถา
“เวลาต้องไม่ปั่นป่วน เมื่อนั้นถึงจะกลับสู่วิถีเดิมเพื่อนำความสงบสุขมาสู่ทุกชีวิต”
ตอนนี้ กู่ฉิงซานรู้สึกถึงคลื่นวารีอบอุ่นผ่านตัวเขาไป
เขารู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายมาก
ดูท่าบางสิ่งที่หนักอึ้งและมองไม่เห็นจะหายไปจากวิญญาณแล้ว
ในความว่างเปล่าตรงหน้า แถวหิ่งห้อยสองแถวพลันปรากฏขึ้น
“ราชินีบรรพกาลของวิญญาณธาตุ วิญญาณแห่งเวลา ทำการลบล้างลมหายใจจากโลกคู่ขนานให้ท่านแล้ว”
“คำใบ้: นางคือวิญญาณนิรันดร์ที่คงอยู่ในมิติและเวลามาตั้งแต่ยุคโบราณ จงใช้ความฉลาดเวลาสนทนากับนาง”
หายากนักที่หน้าต่างระบบเทพสงครามจะแจ้งเตือนเช่นนี้ กู่ฉิงซานรู้ถึงความสำคัญทันที
“ท่านหญิง ขอบคุณที่ช่วยข้าชะล้างลมหายใจของโลกคู่ขนานให้” เขารีบขอบคุณ
หญิงชรายิ้มแล้วกล่าวว่า “ผู้สร้างสี่เสาศักดิ์สิทธิ์คือสหายข้า อีกอย่าง เป็นหน้าที่ข้าในฐานะวิญญาณแห่งเวลาที่จะลบล้างการกัดกร่อนของโลกคู่ขนานให้”
……………………….