มืดสนิท
ในความเงียบสงัด เสียงของผู้หญิงพลันดังขึ้น
“นายท่าน พวกเราต้องรอแบบนี้แหละ ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่กว่านางจะได้สติขึ้นมา”
จากนั้นมีเสียงผู้ชายอันคุ้นเคยดังขึ้น “ไม่ต้อง ห่วงอย่างไรก็ตาม เจ้าต้องรอให้นางได้สติแล้วบอกว่าทุกสิ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
เสียงผู้หญิงบอกว่า “เอาเถอะ นายท่าน ท่านไม่ไปหาชายชรานำทางหรือ”
“ตอนนี้เนี่ยนะ”
“ใช่ อย่างไรก็ตาม พวกเราต้องออกจากดาวคนคู่ไม่ช้าก็เร็ว ทำแบบนั้นท่านจะสามารถหาทางออกได้”
“ก็ได้ งั้นเจ้าดูแลนางด้วย ข้าจะไปตามหาชายชรานำทาง”
“อืม”
เสียงหยุดลงตรงนี้
รออยู่สักพัก
เสียงของกู่ฉิงซานไม่ดังอีกต่อไป
มีเพียงเสียงแตกของกิ่งไม้ที่แผดเผารอบข้าง บางครั้งจะได้ยินเสียงผู้หญิงฮัมเพลงออกมาอย่างแผ่วเบา
หญิงสาวร่างสูงลืมตาขึ้นช้าๆ
ราตรีมืดสนิท
ข้างกองไฟขนาดเล็ก มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าสวยสดงดงามนั่งอยู่
พอมาคิดดูแล้ว นางคือวิญญาณดาบของกู่ฉิงซาน ฉานนู่
กู่ฉิงซานไปหาชายชรานำทางเพื่อถามวิธีออกจากที่นี่ วิญญาณดาบของเขาจึงมาคุ้มกันที่นี่
ตอนนี้ ฉานนู่สังเกตเห็นก่อนพลันหันศีรษะมามองที่นี่
ทั้งสองสบตากัน
หญิงสาวร่างสูงถามอย่างสงบว่า “ข้าตายไปนานแค่ไหน”
“เหลือเชื่อมากที่เจ้ากลับมามีชีวิตได้หลังจากตายไปสิบชั่วโมง”
ฉานนู่ยืนขึ้นขณะเดินมาหาหญิงสาวร่างสูง
นางประหม่าเล็กน้อย
โชคที่แท้จริงของนายท่านเหลืออีกแค่ไม่กี่สิบนาทีเท่านั้น นางไม่รู้ว่ามันสายเกินกว่าจะพิชิตความเชื่อใจจากสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้อีกครั้งหรือเปล่า
หญิงสาวร่างสูงนั่งขัดสมาธิ “นี่มันไม่ถูก ข้าไม่เคยฟื้นคืนชีพเร็วขนาดนี้มาก่อน เจ้าใช้พลังแบบไหนกัน”
ฉานนู่กล่าวตามจริงว่า “พวกข้าพบอัญมณีก่อนมอบมันให้ตุ๊กตาหุ่นเชิด ตุ๊กตาหุ่นเชิดขอให้ภูตที่อาศัยอยู่ในลำธารนี้ช่วยเจ้า”
“อัญมณีอะไร”
“อัญมณีบุปผาวารีน่ะ”
“ข้ารู้จักอัญมณีนั่น… แม้แต่ภูตก็ยังหาอัญมณีนั่นได้ยาก ไม่สงสัยเลย”
หญิงสาวร่างสูงยืนขึ้นช้าๆ ขณะขยับร่างกาย
นางมีร่างที่เกือบสมบูรณ์แบบในชุดคลุมขนนกหลากสีสันที่บางและอ่อนนุ่ม
“ข้าจำได้ว่าถูกสับเป็นชิ้นๆ จากภูตที่เกลียดที่สุด แต่กู่ฉิงซานก็รวมร่างข้าเข้าด้วยกันหรือ?” นางถามอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่ ข้าเป็นคนประกอบร่างของเจ้าเอง ชุดที่เจ้าสวมก็เป็นของข้า น่าเสียดายที่เจ้าสูงกว่าข้าก็เลยใส่ได้ไม่พอดีน่ะ” ฉานนู่มองอีกฝ่าย
หญิงสาวร่างสูงหลับตาลงขณะครุ่นคิดสักพัก
เมื่อนางค่อยๆ กลับมามีสติ นางก็สัมผัสได้ถึงมือเรียวยาวอันกระฉับกระเฉงที่ช่วยรวบรวมชิ้นส่วนให้
นางลืมตาขึ้น สายตาจับจ้องที่มือของฉานนู่
ใช่แล้ว เป็นมือนี้แหละ
ดูท่าร่างของนางจะไม่ถูกผู้ชายแตะต้อง
ใบหน้าของหญิงสาวร่างสูงมืดมนเล็กน้อยก่อนถามว่า “ข้าตายได้ยังไง”
ฉานนู่อธิบายเกี่ยวกับเลือดมังกรมารกับระบำสังเวยชีพ
ยังไงก็ตาม นายท่านบอกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องปกปิดเรื่องนี้จากนาง
หญิงสาวร่างสูงฟังอยู่เงียบๆ ไม่ได้เผยความเกรี้ยวกราดอย่างที่ฉานนู่คิดเอาไว้
นางแค่เผยสีหน้านึกถึงความทรงจำเท่านั้นก่อนกล่าวกับตัวเองว่า “สุดท้ายก็เป็นเพราะวิชาที่ชายชรานำทางหลงเหลือไว้หรือ เฮ้อ ช่างแข็งแกร่งอะไรอย่างนี้ ทั้งที่ภายนอกดูใจดีแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับไม่ใช่…”
เสียงของนางค่อยๆ เบาลง แววตาเศร้าโศกทอประกาย
ตอนนี้ ร่างหนึ่งวิ่งมาจากด้านล่างของลำธาร
เป็นร่างของกู่ฉิงซานนั่นเอง
เขาดูประหลาดใจ “เจ้าฟื้นคืนชีพไวขนาดนี้เลยหรือ”
ทั้งที่อีกฝ่ายเคยสังหารนางมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้นางกลับไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
กู่ฉิงซานมองอีกฝ่ายขณะรอดูท่าที
ในเวลาเดียวกัน บนม่านตาของเขา เวลานับถอยหลังเลื่อนลงมาอย่างรวดเร็ว
“โชคที่แท้จริงเหลือเวลาอยู่ที่: เจ็ดนาที เก้าวินาที”
เจ็ดนาที
เจ็ดนาทีนี้จะตัดสินว่าผู้ถักทอชีวิตหุบเหวจะเป็นศัตรูหรือว่ามิตรของเขา
แต่เขาไม่อยากมีศัตรูแบบนี้เลยจริงๆ
กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อย
หลังจากได้สู้กัน เขาประทับใจในระดับวรยุทธของอีกฝ่าย
มันเป็นเรื่องทีน่าประทับใจจริงๆ เพราะระดับวรยุทธนี้สามารถไปถึงเฉพาะผู้แข็งแกร่งที่มีจิตบริสุทธิ์และเถรตรงเท่านั้น
ยังมีหลายสิ่งในโลกใบนี้ นั่นอาจหมายรวมถึงสิ่งมีชีวิตทรงพลังมากด้วย พวกเขาสามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญวรยุทธได้อย่างง่ายดาย
แต่ความแข็งแกร่งไม่ได้หมายถึงระดับสูงส่งของพลัง
ยกตัวอย่างเช่นวิญญาณกรีดร้อง ไม่ว่าจะทรงพลังแค่ไหน มันก็ไม่สามารถเข้าใจเรื่องวิญญาณกับจิตที่อยู่ในพลังวรยุทธนี้
หญิงสาวร่างสูงฟังคำพูดของกู่ฉิงซานแล้วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้ามีกลิ่นแปลกๆ อยู่ตามร่างกาย คิดว่าคงเป็นวิชาฟื้นฟูระดับสูงที่ภูตใช้ ดังนั้นมันจึงมีประสิทธิภาพและไวกว่า”
“ภูตนี่เก่งจริงๆ” กู่ฉิงซานชม
โชคยังดี ความสนใจของอีกฝ่ายไปอยู่ที่วิชาของภูต ไม่มีการกล่าวถึงการร่ายรำและการสังหารก่อนหน้านี้
แบบนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ทั้งสองฝ่ายเผชิญกับปัญหาโดยตรง
หญิงสาวร่างสูงเย้ยหยันว่า “พวกภูตแปลกประหลาดและพิลึกเสมอ มันไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ”
นางยกมือเรียวสีขาวขึ้นเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายดู
“มีอะไรหรือ” กู่ฉิงซานไม่รู้สาเหตุที่ทำแบบนั้น
หญิงสาวร่างสูงก้มศีรษะแล้วกล่าวว่า “พวกภูตชอบเก็บรวบรวมสิ่งที่มีพลังวิเศษ ดังนั้นพวกเขาจึงจงใจร่ายวิชาฟื้นฟูระดับสูงบนตัวข้าเพื่อให้มีสิทธิ์อันชอบธรรมในถอดแหวนข้าเพื่อเป็นรางวัลตอบแทน”
กู่ฉิงซานตกตะลึง
เขาพลันนึกออกถึงความสำคัญของแหวนวงนั้นที่มีต่อหญิงสาวร่างสูง
หลังจากอีกฝ่ายโดน “ได้พบกันอีกครั้ง” เข้าไป ฉานนู่ได้ถามจุดอ่อนของนางครั้งหนึ่ง
แหวนวงนั้นคือจุดอ่อนของนาง!
หากไม่มีแหวนสาบาน หญิงสาวร่างสูงจะเสียพลังส่วนใหญ่ไปชั่วคราว!
…เรื่องราวดูจะมีปัญหาขึ้นมา
เพราะตามข่าวลือในโลกเก้าร้อยล้านชั้น หากถูกภูตเอาของไป พวกเขาก็จะไม่มีวันคืนเด็ดขาด
กู่ฉิงซานมองหน้าของอีกฝ่าย
ดูท่าหญิงสาวร่างสูงไม่คล้ายกับกระสับกระส่ายหรือวิตก นางกลับดูดโดดเดี่ยวเล็กน้อย
กู่ฉิงซานถามว่า “แหวนวงนั้นสำคัญหรือ ข้าเคยได้ยินมาว่าของที่ถูกภูตเอาไป พวกเขาจะไม่ยอมคืนให้ง่ายๆ ”
หญิงสาวร่างสูงตอบอย่างสงบว่า “ไม่เป็นไร เพราะข้าไม่ได้เป็นคนทิ้งแหวนสาบานสักหน่อย ดังนั้นหุบเหวจะไม่ลงโทษเจตจำนงหุบเหวของข้า ไม่ช้าก็เร็ว ฮอร์ครักซ์ชิ้นนี้จะกลับมาสู่มือข้าเอง”
เจตจำนง… หุบเหวหรือ
ในใจของกู่ฉิงซานสั่นสะท้าน เขากล่าวพร้อมกับเผยสีหน้าโล่งใจออกมา “แบบนั้นก็ดี”
ตอนนี้ หญิงสาวร่างสูงมองเขาแล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พวกเราต้องรีบแล้ว”
“ทำไมล่ะ”
“ทันทีที่ข้าเสียพลังหุบเหวไป มังกรมารจะต้องรู้ตัวอย่างแน่นอน ที่จริง มันรู้นานแล้วว่าข้าอยู่ที่นี่”
กู่ฉิงซานกล่าวต่อจากคำพูดนางว่า “มังกรมารไม่เคยมาที่นี่มาก่อน มันน่าจะหวาดกลัวพลังของเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าเสียพลังหุบเหวไปแล้ว มันต้องมาฆ่าเจ้ากับข้าเพื่อเอาดาบศักดิ์สิทธิ์กับดาบพิภพไปอย่างแน่นอน”
หญิงสาวร่างสูงกล่าวว่า “เพราะอย่างนั้น ข้าจึงเสียพลังหุบเหวไปชั่วคราว เหลือเพียงรากฐานการฝึกฝนวรยุทธเท่านั้น ดังนั้นข้าไม่สามารถมุ่งสู่ประตูโลกในตอนนี้ได้…”
“มันยังไม่สายเกินไป ข้าได้หนทางที่จะไปจากที่นี่จากชายชรานำทางแล้ว ตอนนี้พวกเราไปได้ทุกเมื่อ” กู่ฉิงซานกล่าว
หญิงสาวร่างสูงไม่ตอบ
นางเงียบสักพักราวกับกำลังตัดสินใจ
ตอนนี้กู่ฉิงซานโล่งใจขึ้นมาก
เพราะท่าทีของอีกฝ่ายดีขึ้นกว่าแต่ก่อน เขาอาจจะไม่ถูกหมายหัวเป็นการชั่วคราว
เขามองหน้าต่างระบบเทพสงคราม
ยังเหลือสามสิบวินาทีก่อนโชคที่แท้จริงจะหมดลง
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักจึงกล่าวขอโทษว่า “โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่ระบำสังเวยชีพปลิดชีพเจ้า เพราะข้าไม่สามารถควบคุมการร่ายรำนั่นได้น่ะ”
หญิงสาวร่างสูงกำลังจะพูดบางอย่าง แต่หลังจากได้ยินคำพูดของกู่ฉิงซานแล้ว นางก็ปิดปากอีกครั้ง
ยี่สิบ วินาที
สิบวินาที
เจ็ดวินาที
ห้าวินาที
หญิงสาวร่างสูงเปิดปากพูด
“เจ้าได้รับการสอนสั่งจากชายชรานำทาง นับว่าเป็นศิษย์เขาครึ่งหนึ่ง… ช่างเถอะ ข้าจะไปกับเจ้าก็แล้วกัน พอแหวนกลับมาหาข้าแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปสู้ประตูโลกเอง”
จู่ๆ นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดว่า “ยังไงก็ตาม ข้าต้องผ่านประตูโลกเพื่อแก้แค้นให้สำเร็จให้ได้”
โชคที่แท้จริงสิ้นสุดลงแล้ว
โฮก!
ทันใดนั้น มีเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนไปทั่วท้องนภาดังขึ้น
เสียงหนักแน่นมาจากนอกท้องนภา “ผู้ถักทอชีวิตหุบเหว เจ้าถูกหุบเหวทิ้งแล้วหรือ ฮ่าๆ ”
หญิงสาวขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “พวกเราต้องไปแล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถใช้พลังวิเศษบนดาวคนคู่ได้ก็เถอะ แต่สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของมังกรมารก็คือร่างกาย หากอยู่ที่นี่มันย่อมได้เปรียบกว่าพวกเราแน่นอน”
กู่ฉิงซานรู้สึกอึดอัดก่อนกล่าวทันทีว่า “ไปเถอะ!”
พวกเขาสามคนกลายเป็นเงาก่อนหายไปจากฝั่งลำธาร
…
อีกด้าน
เด็กผู้หญิงกระโปรงสั้นกะทัดรัดกำลังมองแหวนตรงหน้า
แหวนสีเงินฝังอัญมณีสดใสเอาไว้
แหวนวงนี้มีขนาดพอๆ กับเด็กผู้หญิงกระโปรงสั้น มันแผ่ความผันผวนที่มองไม่เห็นออกมาเป็นครั้งคราว ผลักเด็กผู้หญิงออกไปไกลหลายเมตร
“ฮ่าๆ ข้าชอบของลี้ลับ ยังไงก็ตาม ข้ารักษาบาดแผลให้นางแล้ว การเอาแหวนวงเล็กมาก็ถือว่าเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของภูต”
ขณะเด็กผู้หญิงพูด นางหยิบไม้เท้าสั้นออกมาก่อนชี้ไปยังแหวนที่อยู่กลางอากาศ
“ขอดูหน่อยซิว่าเจ้ามีจุดกำเนิดมาจากที่ใด”
นางร่ายคาถา
“ความลับของสิ่งแปลกประหลาดเอ๋ย จงเผยออกมา!”
แสงสีเขียวปล่อยออกมาจากไม้เท้าสั้นขณะพุ่งไปทางแหวน
แหวนลอยอยู่ในอากาศบาง
เสียงค่อยๆ ดังมาจากแหวน
เสียงแรกเป็นเสียงผู้ชายแข็งแรง “หลิน ข้าค้นหาแหวนโครงกระดูกทั่วมิติและเวลาจำนวนมากเพื่อนำมาเป็นวัสดุสร้างแหวนวงนี้โดยเฉพาะ ข้าขอมอบมันให้เจ้า”
เสียงหัวเราะคล้ายกระดิ่งเงินดังขึ้น ผู้หญิงเริ่มพูดว่า “เหอะๆ เจ้าจะพยายามอย่างหนักไปเพื่ออะไร”
“แน่นอนว่าก็เพื่อความรักของพวกเรายังไงล่ะ”
เดิมภูตตัวน้อยหยิบหนังสือเล่มเล็กมาบันทึก แต่ตอนหลังก็อดที่จะตะโกนออกมาไม่ได้ “ยืดเยื้อเกินไปแล้ว ข้ามส่วนนี้ไป!”
นางโบกไม้เท้าสั้นในมือ
สองเสียงนั้นหายไปทันที
ผ่านไปสักพัก เสียงต่อมาดังมาจากแหวน
เสียงผู้ชายกล่าวอย่างร้อนรนว่า “หลิน คราวนี้เจ้าต้องช่วยข้านะ”
“เจ้าจะให้ข้าช่วยอย่างไรล่ะ” ผู้หญิงถาม
“รังลี้ลับแห่งมิติและเวลาไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยสำหรับมนุษย์เลย ศัตรูทางการเมืองของข้าในครั้งนี้สูญเสียอย่างหนัก ดังนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ควรไปอยู่บนพื้นผิวหุบเหวนิรันดร์ที่กว้างใหญ่อย่างไร้สิ้นสุดได้ อีกทั้งยังรองรับผู้คนเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยอย่างลับๆ ได้อย่างสมบูรณ์ นี่คือความเห็นทางการเมืองของข้า มันคือสิ่งที่ข้าผลักดัน แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดคือไม่มีนักรบแข็งแกร่งที่มานำทีม ผู้คนก็เลยหวาดกลัวที่จะไปน่ะ” ผู้ชายกล่าว
เสียงผู้หญิงดูลังเล “พื้นผิวหุบเหวนิรันดร์…”
เสียงผู้ชายกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “นี่คือการกระทำที่ข้าได้ทำการตัดสินใจแล้ว จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้ หลิน มีแค่เจ้าเท่านั้นที่สามารถนำทีมไปสำรวจที่นั่นได้”
เสียงผู้หญิงกล่าวว่า “ข้าทำเพื่อเจ้าได้อยู่หรอก แต่สหายของข้า”
เสียงผู้ชายขัดนางก่อนรีบกล่าวว่า “เจ้าจะต้องทำให้พวกเขายอมมาด้วยให้ได้ ขอแค่พิสูจน์ได้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ในหุบเหวสามารถอยู่รอดได้สามวัน เจ้าสามารถกลับมาได้หลังจากครบสามวันแล้ว”
เขากล่าวต่อว่า “หลิน ทันทีที่การตัดสินใจนั่นได้รับการสนับสนุน ชีวิตของพวกเราจะดีขึ้น ถึงตอนนั้นข้าจะแต่งงานกับเจ้า ครั้งนี้โปรดช่วยข้าด้วยเถอะ”
เสียงผู้หญิงกล่าวด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยว่า “ไม่สำคัญหรอกว่าข้าจะตายเพื่อเจ้าก็ได้ แต่สหายของข้า ข้าไม่อยากขอให้พวกเขามาทำเรื่องอันตรายแบบนี้เลย”
ผู้ชายกล่าวว่า “ขอแค่เจ้าเห็นด้วย พวกเขาก็ต้องเห็นด้วยแน่ พวกเขารู้แล้วว่าข้าได้เสนอเรื่องนี้กับเจ้า พวกเขาต้องยอมทำแน่นอน”
“ว่าไงนะ เจ้าบอกพวกเขาไปแล้วหรือ” เสียงผู้หญิงประหลาดใจ
เสียงผู้ชายวิงวอน “นี่มันเป็นการกระทำที่ง่ายมาก พวกเขาล้วนเต็มใจไปสำรวจกับเจ้าครั้งหนึ่งแน่ นี่จะช่วยให้ข้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงได้”
ผู้หญิงถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า “ที่จริง… คนของเจ้าไม่ได้อยู่แนวหน้าก็เลยไม่รู้ว่าหุบเหวเป็นสถานที่ที่คาดเดาอะไรไม่ได้ ข้าอยากให้เจ้าสาบานมาก่อนว่าหากมีความปั่นป่วนในหุบเหวนิรันดร์ขึ้นมา ต้องส่งพวกข้ากลับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ”
ผู้ชายหัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “อย่าห่วงไปเลย เรื่องนี้น่ะทำแน่ ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในหุบเหวมากแค่ไหน ข้าจะรับประกันความปลอดภัยของเจ้าก่อนอย่างแน่นอน”
“…ถ้าอย่างนั้น ข้าจะพาทุกคนไปเพื่อเจ้า”
ในที่สุดเสียงผู้หญิงก็อ่อนลง
………………………………………….