กู่ฉิงซานยังคงพุ่งไปข้างหน้า
เขาพุ่งเข้าไปในฉาก สังหารศัตรูที่อยู่ข้างใน จากนั้นพุ่งเข้าสู่ฉากย่อยถัดไป
ความมืดกระจายตัว
กฎเกณฑ์แห่งการทำลายล้างทำลายเส้นทาง
กู่ฉิงซานบุกเข้าภาพใหม่
หวังหงเตาและเชียนซานเย่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน
พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับวิญญาณลี้ลับอีกต่อไป แต่ไปถึงระดับก้าวสู่เทพ ห่างจากระดับขีดสุดความว่างเปล่าเพียงก้าวเดียว
กู่ฉิงซานลังเลสักพัก
เขาพบว่ายังไม่มีพรจากคุณงามความดี
ดาบยาวกวัดแกว่ง
หวังหงเตาและเชียนซานเย่เคลื่อนไหวช้าเกินไป ทำให้พวกเขาถูกสังหาร
…ต่อให้ศิษย์อาจารย์จะอยู่ในระดับก้าวสู่เทพ แต่พวกเขายังไม่เก่งพอจะมายืนอยู่ต่อหน้ากู่ฉิงซานในวันนี้
นี่คือการแสดงให้เห็นถึงปริมาณ
ด้วยคนตายหนึ่งล้านล้านคนที่บุกเข้ามาพร้อมกัน กู่ฉิงซานไม่คิดว่าเขาจะสามารถขัดขืนได้
แต่ไม่ว่าทั้งสองคนจะแข็งแกร่งแค่ไหนในระดับก้าวสู่เทพ เขาก็ไม่หวาดกลัว
ความคิดของเขาเปลี่ยนไปมาก
ที่โลกสมบัติของทริสเต้…
มารสองร้อยล้านตน เขาไม่ได้สังหารด้วยตัวเอง
เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในหัวของเขา
แต่เขาจะเผชิญหน้ากับเทพแห่งความเย็นยะเยือกที่มีพละกำลังก้าวกระโดดถึงสามขั้นได้อย่างไร
เขาอยู่ระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด หากทะยานขึ้นสามระดับ เขาจะไปถึงระดับจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมี
แล้วมังกรหุบเหวที่มีพละกำลังเพิ่มขึ้นสามระดับล่ะ
แล้ววิญญาณกรีดร้องล่ะ
แล้วร่างหุบเหวของหลินล่ะ
หากไม่มีคุณงามความดี เขาไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้
ไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะคาดเดาทั้งหมดด้วยจินตนาการ
กู่ฉิงซานกัดฟันขณะพุ่งเข้าสู่ฉากต่อไปทันทีที่ฉากเดิมแตกสลาย
รากษสปรากฏตัว
“เจ้าฆ่าข้าด้วยการลอบโจมตี!” เขาคำราม
กู่ฉิงซานชำเลืองมองเขา
รากษสหายไป
เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง มันก็กลายเป็นธุลีไปแล้ว
ภาพแตกสลาย
กู่ฉิงซานยังคงมุ่งสู่ภาพต่อไป
หากไม่มีคุณงามความดีตั้งแต่ต้นจนจบ
…หากทั้งหมดนี้เป็นของจริง เขาจะทำอย่างไร
เหมือนกับมหาภัยพิบัติทั้งหลาย มหาภัยพิบัตินี้คือการที่กฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพีรับรู้ถึงการพัฒนาของนักพรต นี่คือมหาภัยพิบัติที่มาเยือน
เขาจะหนีจากมหาภัยพิบัตินี้อย่างไร
สายตาของกู่ฉิงซานเปลี่ยนไป
ในประวัติศาสตร์ มีใครบางคนที่สามารถหลบหนีขณะก้าวข้ามมหาภัยพิบัติได้หรือ
ไม่มี
ไม่ว่าโลกจะอยู่ไกลแค่ไหน มหาภัยพิบัติจะตามติดนักพรตที่ก้าวข้ามมหาภัยพิบัติจนกระทั่งนักพรตรอดจากมหาภัยพิบัติหรือตายจากมหาภัยพิบัติ
กู่ฉิงซานอดที่จะถือดาบคู่ไม่ได้
หากต้องเผชิญหน้ากับเทพแห่งความเย็นยะเยือกในระดับจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมีจริงล่ะก็…
…
เขาเดินทางไปจนสุดสาย แต่กลับพบอีกสิ่งที่แปลกประหลาด
สัตว์ประหลาดที่พบซากศพขนาดใหญ่ยังไม่ปรากฏตัว
เห็นได้ชัดว่าเขาเคยสังหารมัน
แต่กฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพีไม่ทำให้สัตว์ประหลาดตัวนั้นปรากฏตัวเพื่อมาห้ามเขา
หรือว่ามีปัญหากับกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพี หรือเป็นปัญหาที่ตัวเขาเอง
หัวใจของกู่ฉิงซานอยู่ท่ามกลางความโกลาหล ไม่สามารถตามหาคำตอบได้
แต่เขาเชื่อในตัวซากศพขนาดใหญ่มากกว่า
เขาไปข้างหน้าอีก
เขาเข้าสู่อีกภาพ
…ครั้งนี้เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดบรรพกาล เนตรมาร
กู่ฉิงซานชักดาบออกมา
บัดซบ
เขาลอบกล่าวเช่นนั้นอยู่ในใจ
เส้นเวลาทั้งหมดโกลาหลเช่นกัน
ความจริง ตามการจัดเรียงของเวลา เขาควรเริ่มจากยุคโบราณ
มีเพียงทวยเทพเท่านั้นที่รู้ว่ามหาภัยพิบัติโกลาหลขนาดนี้ได้อย่างไร
ภาพแตกสลาย
ก้าวไปข้างหน้า
ในที่สุด กู่ฉิงซานก็มาถึงอีกภาพ
เทพที่มีลมหายใจเป็นน้ำแข็งลอยอยู่ในอากาศ พลังสุดจินตนาการระเบิดออกมา
เขาคำรามออกมา “เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่น่ารังเกียจ เจ้าฆ่าข้าด้วยการลอบโจมตี แถมเจ้ายังช่วงชิงตำแหน่งของข้าไป!”
ตอนนี้ พลังของเขาได้รับการยกระดับอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มันช่างดูเหมือนกับเทพจริงๆ
ด้วยพละกำลังตอนนี้ของกู่ฉิงซาน เขาไม่ต้องทำอะไร
มหาภัยพิบัตินี้คืออะไรหรือ เห็นได้ชัดว่ามันคือมหาภัยพิบัติถึงตาย!
กู่ฉิงซานเบือนสายตาหนี ไม่มองเทพแห่งความเย็นยะเยือกตัวจริงอีก
ทันทีที่เขาเข้าสู่ฉากดังกล่าวก็รู้สึกถึงลมหายใจเยือกแข็งอันคุ้นเคย เขาเข้าใจดีว่าไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้
ความจริงนี้ได้พิสูจน์คำพูดของซากศพขนาดใหญ่
มหาภัยพิบัติยากที่จะผ่านได้
หากไม่อยากตายที่นี่ก็ต้องหาทางหลบหนีจากมหาภัยพิบัติ
แต่มหาภัยพิบัติคือภัยพิบัติสวรรค์อย่างหนึ่ง ไม่ว่าผู้ฝึกยุทธจะไปที่ใด มันก็จะตามติดผู้ฝึกยุทธเสมอ
จนกว่าจะสิ้นสุดลง
ถึงแม้สถานการณ์จะเข้าทางตัน แต่กู่ฉิงซานก็ได้เตรียมการไว้แล้ว
เขาเคยเผชิญหน้ากับความตายมาตลอด
“ปิงหลี!” กู่ฉิงซานกล่าวผ่านการส่งสัญญาณเสียง
“นายท่าน ข้าพร้อมแล้ว!”
บนดาบศักดิ์สิทธิ์ เสียงของลั่วปิงหลีดังขึ้น
กู่ฉิงซานชักดาบศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างไม่ลังเล
เขาหันดาบศักดิ์สิทธิ์ไปทางหนึ่งก่อนฟาดใส่ตัวเองอย่างรุนแรง
“กระแสปั่นป่วน” ทำงาน!
“กระแสปั่นป่วน: เมื่อถึงเวลาที่ท่านโจมตีใส่ตัวตนหนึ่ง ท่านสามารถทำให้สภาพของตัวตนนั้นข้ามช่วงเวลาปัจจุบันไปยังช่วงเวลาที่ระบุได้”
ลมหายใจของกู่ฉิงซานพลันระบายออก
เขาฟื้นคืนตัวเองในสภาพที่เคยเป็นตอนเพิ่งไปถึงระดับสามพันโลก
ในตอนนั้น เขาเพิ่งผ่านภัยพิบัติดิน น้ำ ไฟและลม พลังของเขายังไม่มั่นคง
เขาอยู่ในช่วงเวลานั้น
เขามีพลังวิญญาณไม่พอที่จะโจมตีระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์
เขาไม่รู้สึกว่าอยากฝึกฝนในวันนี้
…สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่มีพละกำลังจะมายั่วยุมหาภัยพิบัติ
เพียงพริบตา กู่ฉิงซานตกจากระดับสามพันขั้นสูงสุด
“อย่า!”
เทพแห่งความเย็นยะเยือกส่งเสียงคำรามด้วยความไม่เต็มใจคล้ายกับจะลงมือ
แต่กู่ฉิงซานถูกผลักออกจากภาพนั้นแล้ว
ภาพทั้งหมดหายไปอย่างรวดเร็ว โลกแห่งมหาภัยพิบัติค่อยๆ หายไป
เมื่อไม่รู้สึกถึงเสียงสะท้อนของสวรรค์กับปฐพีที่ผู้ฝึกยุทธต้องทะลวง เขาก็ไม่สามารถหาเป้าหมายในมหาภัยพิบัติได้
มหาภัยพิบัติไม่สามารถสัมผัสการพัฒนาของกู่ฉิงซานได้ เป็นธรรมดาที่มันจะหายไป
โลกทั้งใบฟื้นคืนกลับเป็นดังเดิม
นี่คือโลกเพชร
กู่ฉิงซานยืนอยู่ที่นั่นเงียบๆ
“ข้าจะไปนอนล่ะ กระแสปั่นป่วนกินพลังมากเกินไป ข้าขยับไม่ได้เป็นเวลาสิบวัน อย่าเรียกใช้ข้าล่ะ”
เสียงเหนื่อยล้าของลั่วปิงหลีดังมาจากดาบศักดิ์สิทธิ์
“ได้ ครั้งนี้ขอบใจมาก” กู่ฉิงซานกล่าว
“ไม่เป็นไร สถานการณ์เมื่อครู่อันตรายเกินไป”
ลั่วปิงหลีกล่าวขณะหาว เสียงค่อยๆ หายไป
กู่ฉิงซานเก็บดาบศักดิ์สิทธิ์เข้าทะเลแห่งความตระหนักรู้
ขณะถือดาบพิภพเอาไว้ เขายืนอยู่ในโลกเพชรเพียงลำพัง
ครั้งนี้ ฉานนู่เหาะมาจากไกลๆ พร้อมหลิน
“นายท่าน ทำไมท่านถึงลดรากฐานการฝึกฝนตัวเองล่ะ” นางถามด้วยความประหลาดใจ
หลินมองกู่ฉิงซานด้วยสีหน้ามีนัย
กู่ฉิงซานกำลังจะตอบ แต่เขาพลันรู้สึกถึงแรงฉุดพิเศษ
เขานั่งขัดสมาธิทันทีก่อนกล่าวกับฉานนู่ว่า “คุ้มกันข้า เดี๋ยวกลับมา”
เขาหลับตาหลังจากพูดจบ
วินาทีต่อมา ภายใต้สายตาของฉานนู่และหลิน วิญญาณของเขาออกจากร่างก่อนลอยตรงไปยังส่วนลึกของท้องนภา
หลินมองวิญญาณเขาออกจากร่างก่อนถามด้วยความสับสนว่า “เขาจะไปไหนน่ะ”
ฉานนู่ไม่พูดสักคำ นางดึงค่ายกลออกมาแล้วเริ่มตระเตรียมค่ายกลป้องกันมากมาย
เมื่อทุกสิ่งถูกติดตั้ง นางถือดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพไว้ในมือเพื่อคุ้มกันกู่ฉิงซาน
ตอนนี้เองที่นางกล่าวขึ้นว่า “ข้าไม่รู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับนายท่าน เจ้าสามารถถามเขาได้ตอนที่กลับมา”
…
กู่ฉิงซานลอยไปสู่กระแสวงวันไร้ที่สิ้นสุดในความว่างเปล่า
ครั้งนี้ พลังของเขาสูงกว่าก่อนหน้าหลายเท่า เขาจึงสัมผัสพลังที่ปกคลุมร่างกายได้อย่างเลือนราง
ตัวตนลึกลับที่หลอกหลอนในความว่างเปล่าไม่สามารถตรวจจับเขาได้
หลังจากลอยอยู่นาน ความว่างเปล่าตรงหน้ากู่ฉิงซานเปลี่ยนไป
โลกที่คลุมเครือและลึกลับเผยตรงหน้าเขาช้าๆ
โครงกระดูกสีดำเข้มอยู่บนพื้นกว้างใหญ่ไม่ไปไหน
ที่ใจกลางปฐพี มีเสาทองสัมฤทธิ์เรียงต่อกัน
ซากศพขนาดใหญ่ในเกราะสีดำถูกตรึงไว้กับเสาทองสัมฤทธิ์
ร่างกายของมันยังฟื้นฟูไม่มากนัก แขนข้างหนึ่งกลายเป็นกระดูกสีขาว มีเม็ดเล็กๆ นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา
…หลังจากถูกสัตว์ประหลาดกัดเมื่อคราวที่แล้ว แขนข้างนี้จึงฟื้นฟูอย่างช้าๆ
“ไม่ได้เจอกันนานนะ” กู่ฉิงซานกล่าว
“เจ้าถึงกับหนีจากมหาภัยพิบัติ ข้าคิดว่าเจ้าจะตายแล้วเสียอีก” เสียงของซากศพขนาดใหญ่ดังก้องในใจของกู่ฉิงซาน
“แสดงว่าไม่มั่นใจในตัวข้าหรือ” กู่ฉิงซานยิ้ม
“นั่นไม่ใช่ปัญหาของเจ้า แต่ข้าขอถามเจ้าว่ามีกี่คนที่เหนือกว่าระดับสามพันโลกในช่วงไม่กี่ปีมานี้”
“ครึ่งเทพหรือเปล่า” กู่ฉิงซานตอบอย่างไม่แน่ใจ
“ครึ่งเทพและเทพล้วนเป็นของปลอม” ซากศพขนาดใหญ่กล่าว
กู่ฉิงซานรู้เรื่องนี้อยู่เต็มอกจึงถามว่า “ตามความเห็นของเจ้า ไม่มีใครสามารถเหนือกว่าระดับสามพันโลกได้หรือ”
“ใช่แล้วล่ะ เป็นตัวตนที่หายากมาก แต่ข้ามั่นใจว่าเจ้าไม่ใช่คนกลุ่มนั้นแน่นอน” ซากศพขนาดใหญ่ตอบ
กู่ฉิงซานถามว่า “คนแบบไหนกันล่ะ”
“คนที่จะกลับมาอีก”
“เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กลับมาอีก คิดว่าข้าจะตายในมหาภัยพิบัติหรือ”
“ถูกต้อง”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะว่า…” ซากศพขนาดใหญ่ถอนหายใจแล้วตอบอย่างเปล่าเปลี่ยวว่า “ที่จริง ยุคของสิ่งมีชีวิตดั้งเดิมจบลงแล้ว กฎเกณฑ์ของโลกกำลังขับไล่สิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้น ดังนั้น มหาภัยพิบัติจะไม่มอบคุณงามความดีให้เจ้าอีก ยิ่งเรื่องที่จะช่วยเจ้าให้ไปถึงระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์หรือสูงกว่านั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
กู่ฉิงซานประหลาดใจ
เขาพยายามรักษาความสงบเอาไว้ก่อนถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “ถ้างั้นทำไมถึงยังมีคนพัฒนาต่อล่ะ”
ซากศพขนาดใหญ่ตอบว่า “เพราะเมื่อคนต่อไปพัฒนา กฎเกณฑ์สวรรค์กับปฐพีของโลกจะถูกใช้ ผู้คนจะกลับชาติมาเกิดพร้อมสิ่งพิเศษบางอย่าง สิ่งเหล่านั้นเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ของโลกภายใน ดังนั้นเมื่อพวกเขาพัฒนา พวกเขาจะหยิบยืมกฎเกณฑ์ของโลกภายในแทนที่จะเป็นโลกตื้นเขิน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ถูกฆ่า”
“โลกภายใน… มันอยู่ที่ไหนล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
“ใต้หุบเหวนิรันดร์คือทางเข้าสู่โลกภายใน” ซากศพขนาดใหญ่ตอบ
ซากศพขนาดใหญ่นิ่งคล้ายกับพบแสงแห่งความหวังที่จุดในดวงตาของกู่ฉิงซาน
มันลังเล ท้ายที่สุดก็อธิบายว่า “เจ้าไม่ต้องคิดที่จะไปโลกภายในเลย มันถูกทำลายตอนวันสิ้นโลกไปแล้ว”
………………………………………….