หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.379 – ลี้ลับ
ท่ามกลางความโกลาหลอันมิอาจอธิบายได้
ภายในพื้นที่และเวลาอันสับสนวุ่นวาย
ทุกสิ่งโดยรอบเปรียบดั่งผืนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
บ่อยครั้งก็มักจะมีสิ่งแปลกๆผลุบขึ้น และหายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางกระแสความวุ่นวายนี้
ที่นี่คือมิติที่ว่างเปล่าอันเชี่ยวกราด
กู่ฉิงซานเฝ้ามองดูฉากที่คุ้นตานี้ ในหัวใจของเขาค่อยๆหม่นลง
ตามคำแนะนำของสองวิชาลับ กระแสมิติที่ว่างเปล่านี้จะปรากฏขึ้นเพียงชั่วขณะ
แล้วหลังจากนั้น เขาก็จะสัมผัสได้ถึงตำแหน่งที่ตั้งของปรภพ
ขั้นต่อไป ตัวเองก็จะไล่ตามการเหนี่ยวนำของวิชาลับ เพื่อมุ่งหน้าตามเส้นทางสู่ปรภพ
แต่เขากลับนิ่งอยู่ในมิติที่ว่างเปล่าอันเชี่ยวกราดมาสักพักแล้ว และการเหนี่ยวนำก็ยังไม่ปรากฏขึ้น?
ทำไมจึงเป็นแบบนี้กัน?
กู่ฉิงซานพยายามบังคับให้ตัวเขาเองขบคิดอย่างใจเย็น
ใช่สิ บางทีสองวิชาลับนี้อาจจะนำไปสู่ปรภพในโลกของผู้ฝึกยุทธก็ได้ แต่ไม่ใช่ปรภพของโลกจริง
หรือเป็นเพราะสองโลกมันแตกต่างกัน อะไรๆที่เกี่ยวข้องกับหกวิถีจึงแตกต่างกันออกไปด้วย? ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่าปรภพในแต่ละโลกจึงแตกต่างกันไปใช่หรือไม่?
บางทีจากที่นี่ไปยังปรภพของโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ มันอาจจะเป็นการเดินทางที่ยาวไกลก็ได้
ดังนั้นทันทีที่เขาเข้าสู่มิติที่ว่างเปล่าอันเชี่ยวกราด เขาจึงสูญเสียความรู้สึกในการเหนี่ยวนำทิศทางไป?
แต่แล้วทันใดนั้นเอง พลังอำนาจแปลกๆก็พลันปรากฏออกมา
มันเป็นพลังอำนาจอันอ่อนนุ่ม ค่อยๆเข้าห่อหุ้มกู่ฉิงซานเอาไว้ และฉุดดึงเขาไปยังทิศทางหนึ่งอย่างอ่อนโยน
เมื่อกู่ฉิงซานที่กำลังระมัดระวังตัวอยู่ เมื่อสัมผัสได้ถึงมัน เขาก็เข้าใจทุกอย่างในทันที
นี่เป็นฝีมือของร่างใหญ่ที่มีอายุนับ 100000 ปี!
นี่คือพลังอำนาจของเขา!
กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อยด้วยอารมณ์อันหลากหลาย
ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน อีกฝ่ายเปิดเผยความลับมากมายกับตัวเอง เขาบอกตนเองถึงวิธีจัดการกับการตายของนางเซียนไป่ฮั่ว แถมยังเล่าถึงวิธีการผสานทั้งสองโลกอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ ผลลัพธ์มันจึงกลายเป็นว่าอีกฝ่ายถูกฟาดผ่าด้วยสายฟ้าอันทรงพลานุภาพชนิดที่ตัวกู่ฉิงซานมิเคยพบเห็นมาก่อน และมิอาจติดต่อกันได้เป็นระยะเวลานาน
อีกฝ่ายกลับมาหายดีแล้วใช่หรือไม่?
แต่เอาเถอะ เดาไปก็เท่านั้น เพราะไม่ว่ายังไงเดี๋ยวเขาก็จะได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว
บางที โดยอาศัยความรู้ความเข้าใจของอีกฝ่าย มันอาจจะสามารถให้คำแนะนำบางอย่างเกี่ยวกับตนเองเพิ่มมากขึ้นก็ได้
ทันทีที่พิจารณาจนถึงจุดนี้ กู่ฉิงซานก็ยินยอมให้พลังอำนาจดังกล่าวนำพาตนเองเคลื่อนย้ายไปท่ามกลางมิติที่ว่างเปล่า
และพลังที่ว่าก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงการตอบสนองของเขา มันจึงเร่งความเร็วมากยิ่งขึ้น
ความเร็วของกู่ฉิงซานค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
ข้ามผ่าน ‘กระแสน้ำวนสีดำ’ ที่กระจายตัวอยู่ในมิติที่ว่างเปล่า ทะยานตัวสูงขึ้นข้าม ‘เนินเขาอันอ้างว้างรกร้างไร้ซึ่งสิ่งใดอยู่อาศัย’ และสุดท้าย ‘ทะลุผ่านเมืองที่ว่างเปล่า’ อย่างระมัดระวัง
สิ่งมีชีวิตที่น่าขนลุก แปลกประหลาดและพิศดารมากมาย ผลุบขึ้นและหายไปในระหว่างการเดินทางในมิติที่ว่างเปล่าของเขา
แต่ที่ติดตาที่สุดคงเป็นยักษ์ตาเดียวที่ถือกระบองใหญ่ และกำลังวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก
ทว่ากู่ฉิงซานไม่ได้ใส่ใจที่จะสังเกตถึงสิ่งที่กำลังไล่ตามมัน เพราะจู่ๆพลังอำนาจที่กำลังฉุดดึงเขาก็เหินสูงขึ้นเป็นแนวตั้ง เพื่อทำการหลีกเลี่ยงสถานที่แห่งนั้นซะก่อน
หลังจากที่ลอยล่องมาอย่างยาวนาน ในที่สุดเขาก็กลับเข้ามาสู่โลกอีกด้านหนึ่งที่ไม่รู้จักอีกครั้ง
ตรงหน้า ปรากฏเสาทองแดงที่เชื่อมต่อระหว่างผืนดินและผืนฟ้า
พร้อมด้วยร่างยักษ์ในเกราะสีดำที่ถูกตอกตรึงอยู่บนเสาทองแดง
และโครงกระดูกสีดำที่กระจุกตัวกันอย่างหนาแน่น เดินวนและปีนป่ายไปมาบนพื้นดินอันกว้างใหญ่เป็นระยะเวลานาน
กู่ฉิงซานค่อยๆลอยมาอยู่ด้านหน้าของร่างใหญ่
“ในที่สุดเจ้าก็มา” เสียงได้ดังขึ้น
“เป็นเช่นนั้น แท้จริงแล้วเราไม่ได้พบเจอกันนานทีเดียว ว่าแต่อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” กู่ฉิงซานถาม
“ตัวข้านั้นไม่มีทางตาย หรืออาจจกล่าวว่าเพราะอย่างไรเสียข้าก็ตายลงไปแล้วก็ได้ ฉะนั้นอาการบาดเจ็บเพียงเท่านี้ ผลกระทบของมันจึงส่งผลแค่ทำให้ข้าต้องทุกข์ทรมาน ทว่ามิอาจทำให้ข้าสูญสลายไปได้”
“คราก่อนข้าต้องขอบคุณสำหรับคำแนะนำของท่านจริงๆ เพราะคำแนะนำนั่น ข้าจึงสามารถช่วยชีวิตหนึ่งในคนที่สำคัญที่สุดต่อข้าเอาไว้ได้” กู่ฉิงซานกล่าว
“กระไรนะ? นี่เจ้าสามารถทำมันได้จริงๆอย่างนั้นหรือ?” ร่างใหญ่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าได้ฉุดผู้คนออกมาจากเงื้อมมือของโชคชะตา เช่นนั้นแล้วโชคชะตาของเจ้าอาจจะแก้แค้นเจ้าด้วยการมอบประสบการณ์อันแสนพิศวงที่ยากจะเข้าใจได้กลับคืน เจ้าสามารถบอกข้าได้ไหมว่าประสบการณ์ใดกันที่เจ้าได้ผ่านพ้นมา”
“แน่นอน” กู่ฉิงซานกล่าว
จากนั้นเขาก็ได้เล่าถึงประสบการณ์ที่เขาได้พานพบอีกครั้ง
“มันน่าสนใจอย่างแท้จริง เช่นนั้น กล่าวได้ว่าเจ้ากำลังจะเข้าไปแทนที่นายน้อยชุดคลุมม่วง และกลับไปยังโลกที่กำลังจะพินาศลงในไม่ช้าอย่างงั้นสินะ” ร่างใหญ่กล่าว
“ใช่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่นั้น” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างหดหู่
“ยังมีอะไรอีกรึ?”
“ท่านลองมองดูข้าตอนนี้ซี จิตวิญญาณอยู่ในสถานะตกตาย มันถูกแยกออกจากร่างกายมนุษย์เพื่อที่จะออกค้นหาปรภพ แต่แท้จริงแล้วกลับถูกส่งพรวดลงมาในมิติที่ว่างเปล่าอันเชี่ยวกราด และมิอาจหาสิ่งใดเจอได้เลย”
ร่างใหญ่พอได้ฟัง มันก็หัวเราะด้วยกระแสเสียงราบเรียบออกมา
“จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้า ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการแก้แค้นของโชคชะตานะ และแน่นอนว่ามันจะยังคงดำเนินต่อไป ตอนนี้เจ้าเริ่มรู้สึกเสียใจที่ได้ช่วยเหลือนางผู้นั้นแล้วหรือยัง?”
กู่ฉิงซานตอบยืนยันทันควัน “ข้ามิเสียใจเลย”
น้ำเสียงของร่างใหญ่ที่เปล่งออกมาบ่งบอกถึงความชื่นชม “ยอดเยี่ยม เช่นนั้นก็มาเถอะ ขอให้ข้าได้ตรวจสอบสถานะปัจจุบันของเจ้าโดยละเอียดหน่อยซิ”
ฉับพลันนั้นบังเกิดลมกรรโชก มันวูบผ่านร่างจิตวิญญาณของกู่ฉิงซานไป
“รวดเร็วยิ่งนัก ขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นกลาง แม้ว่าจะยังเล็กจ้อยและอ่อนแอ ทว่าความไวในการยกระดับของเจ้ากลับช่างรวดเร็วจนน่าตกใจ”
“อ่า แล้วยังมีอะไรอีกนะ เจ้าเป็นผู้ฝึกดาบ … แล้วก็ได้มาถึงขอบเขตนักดาบนิรันดร์แล้ว? ดี ดีมาก นี่แสดงให้เห็นว่าข้าอ่านคนไม่ผิดจริงๆ”
ร่างใหญ่เริ่มจะจริงจังมากขึ้นและกล่าวว่า “ช่างเป็นความคืบหน้าที่รวดเร็วยิ่งนัก กล่าวได้ว่าเจ้ามีคุณสมบัติที่ดี และข้าคิดว่าอีกไม่นาน เจ้าคงจะต้องกลับมาช่วยข้าได้แน่ๆ”
“แม้ว่าท่านจะเอ่ยปากเช่นนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะช่วยท่านอยู่แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“แต่มันอาจจะอันตรายเล็กน้อยนะ”
กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “บางครั้งแม้จะไม่ได้ทำสิ่งใดเลย แต่ชีวิตก็ยังคงเต็มไปด้วยอันตรายอยู่ดี สิ่งสำคัญที่สุดก็คือท่านเคยช่วยเหลือข้า และจุดนี้ข้าย่อมมิยินยอมลืมเลือน”
ร่างใหญ่สัมผัสได้ถึงทัศนคติของเขา ในหัวใจก็บังเกิดความพอใจขึ้นหลายส่วน
“ดีมาก เช่นนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าทะลวงผ่านไปในขอบเขตที่สูงยิ่งกว่านี้ ข้าก็จะเรียกเจ้ากลับมาที่นี่อีกครั้งก็แล้วกัน”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา”
ร่างใหญ่นิ่งไป ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความกังวล “การแยกจิตออกจากกายเป็นสิ่งที่อันตรายยิ่ง เพราะเหตุใดกันเจ้าถึงต้องการจะไปยังปรภพ?”
กู่ฉิงซานกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกจริงอีกครั้งและเอ่ยถามออกไปว่า “เรื่องราวเกี่ยวกับทางปรภพ ท่านพอจะรู้อะไรหรือไม่?”
ร่างใหญ่เงียบงันไปนาน มิอาจเอ่ยคำใดได้ ท่าทีที่แสดงออกของเขาดูจะอึดอัดมากขึ้น
มันกำลังไตร่ตรอง สุดท้ายก็เอ่ยออกมา “สิ่งที่เรียกกันว่าหกวิถีแห่งสังสารวัฏ มันคือโลกทั้งหกที่อยู่ร่วมกัน ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ในโลกของเจ้าจะมีปรภพที่เชื่อมต่อกันแน่นอนอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นแล้วโลกอื่นๆเล่า?”
“โดยปกติแล้วพลังของปรภพจะสอดคล้องกับโลกอื่นๆที่เชื่อมต่อกับมัน อย่างเช่นบางหากเป็นบางโลกมนุษย์ที่ทรงพลังแกล่งกล้า ทางปรภพก็จะแกล่งกล้าไปด้วย”
“หากเป็นตามที่ท่านพูดมา ข้าคิดว่าทางปรภพที่เชื่อมต่อกับโลกของข้าไม่สมควรที่จะแข็งแกร่งมากจนเกินไปนัก”
ร่างใหญ่ราวกับกำลังหวาดกลัวที่จะเอ่ยออกมา “เจ้าคงต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง และบางครั้งสถานการณ์อาจจะแตกต่างออกไปจากที่เจ้าคาดเดา … มันอาจจะล้มล้างความคิดเดิมๆของเจ้าไปเลยก็ได้”
“แต่ในทางกลับกัน ข้าก็ยังไม่แนะนำให้เจ้าไปยังปรภพอยู่ดี”
ร่างใหญ่ยังคงกล่าวต่อ “มันจะต้องเป็นสถานการณ์ที่น่าหวาดกลัวมากอย่างแน่นอน ถึงสามารถก่อให้เกิดปัญหาปรภพได้”
“ด้วยความแข็งแกร่งในขอบเขตเช่นเจ้า ย่อมมิอาจเผชิญหน้ากับความเสี่ยงอันใหญ่หลวงนี้ได้ ข้าขอเตือนให้เจ้าละทิ้งโลกของเจ้าไปเสียจะดีกว่า”
“ตราบใดที่ยังมีความหวัง ข้าก็ยังอยากที่จะลอง มิเช่นนั้นจิตแห่งเต๋าของข้าคงจะว้าวุ่นสับสน และทั้งคนทั้งร่างจะสูญเสียจิตแห่งการฝึกยุทธไป”
“โลกใบนั้นมันสำคัญต่อเจ้ามากนักหรือ?”
“โลกมิได้สำคัญอะไร แต่มีบางคนในโลกใบนั้นที่สำคัญต่อข้า และข้าไม่ต้องการให้พวกเขาท่องเตร่ไปทั่วทั้งจักรวาลอย่างไร้หนทาง”
ร่างใหญ่เงียบไปนาน นานมากๆ
แต่แล้วมันก็เอ่ยออกมาด้วยอารมณ์ว่า “มนุษย์ช่างเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา ดั่งเช่นตัวข้าเอง ก็ไม่คิดว่าจะมีจุดจบเช่นนี้เหมือนกัน แล้วอีกอย่างตอนนี้ เจ้าก็เป็นความหวังเดียวของข้า- ”
“-แต่มันก็จริงนะ เพราะถ้าเจ้ามิใช่คนแบบนี้ มันก็คงไม่คุ้มค่ากับการที่ข้าตั้งความหวังเอาไว้กับเจ้าหรอก”
ขณะกล่าว ร่างใหญ่ก็ถอนหายใจออกมา
“เอาล่ะ! ขอให้ข้าได้ลองทบทวนดูเกี่ยวกับมันก่อนนะ … ”
มันงึมงำครุ่นคิด และแล้วก็ตัดสินใจได้ในที่สุด
“เจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก มิเช่นนั้นคงไม่มีความสามารถทำสิ่งต่างๆได้มากมายขนาดนี้ ดังนั้น ข้าจึงยังอยากที่จะซ่อนตัวเจ้าเอาไว้อีกสักพัก”
“มันยังเร็วเกินไปที่จะเปิดเผยการดำรงอยู่ของตัวตนที่พิเศษเช่นเจ้า”
“และตัวเลือกที่ดีที่สุดคือ ข้าจะมอบสิ่งหนึ่งให้ ส่งต่อมันไปยังเจ้า”
บนร่างใหญ่ เกล็ดชิ้นเล็กๆของเกราะรบสีดำตกลงมา
เกล็ดเกราะบินตรงไปหยุดอยู่หน้ากู่ฉิงซาน
“เจ้าสิ่งนี้คือ?” กู่ฉิงซานถามอย่างสงสัย
“ข้าได้ต่อสู้มาแล้วทั้งสิบโลก และแน่นอน ว่ามันไม่ใช่เพียงเพราะข้านั้นไร้เทียมทานชนิดอยู่ยงคงกระพัน แต่มันเป็นเพราะข้าได้อาศัยสิ่งอื่นที่สามารถใช้ปกป้องและรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ต่างหาก”
“นี่เป็นวิชาที่ดีที่จะช่วยชีวิตเจ้าได้ จงใช้มันแล้วเรียนรู้เสีย”
“จริงๆหรือ?”
กู่ฉิงซานรับเอาเกล็ดสีดำมา
และเกล็ดชุดเกราะสีดำก็แตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับปรากฏสัญลักษณ์ที่สาดประกายแสงลึกลับออกมา
“แต่กาลก่อน ยามเมื่อข้ายังเป็นเด็ก วันหนึ่งข้าได้ค้นพบเจ้าสิ่งนี้ในซากปรักหักพังโบราณ”
“และมันได้ช่วยชีวิตข้ามานับครั้งไม่ถ้วน”
“แต่ตอนนี้ ข้าได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับมันได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นข้าขอส่งต่อมันให้แก่เจ้า หวังว่าเจ้าจะศึกษาเรียนรู้มันอย่างจริงจังนะ”
“ถ้าเจ้าตัดสินใจที่จะไปปรภพ วิชานี้อาจจะช่วยเจ้าได้”
กู่ฉิงซานตั้งใจฟังอย่างเป็นเรื่องเป็นราว วิสัยทัศน์ของเขาตกลงบนสัญลักษณ์ลึกลับ
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม หนึ่งบรรทัดเส้นแสงขนาดเล็กกระพริบไหวอย่างต่อเนื่อง
“ค้นพบวิชาเฉพาะ : ความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต