2 ตอน
หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.385 – มารยักษ์
อสูรกายเอนหลังอิงผนังหิน ด้วยร่างกายอันใหญ่โตของมันทำให้เกือบจะปิดกั้นเส้นทางทั้งหมดที่จะนำไปสู่ปรภพ
มันกำลังหลับตา จมอยู่ในห้วงนิทรา
กู่ฉิงซานหุบกรงเล็บมอนสเตอร์ เบียดเสียดเข้าไปในฝูงเผ่ามารที่แออัดโดยรอบ และเคลื่อนกายไปทางอสูรกายอย่างช้าๆ
ข้างกายของอสูรกาย มีเพียงช่องว่างเล็กๆเอาไว้สำหรับไว้เผ่ามารทั่วๆไปใช้ผ่านทางเท่านั้น
กู่ฉิงซานที่แฝงตัวอยู่ในฝูงมาร จ้องมองไปยังอสูรกายอย่างเงียบๆ
ด้วยการจ้องมองของเขา ส่งผลให้หน้าต่างระบบเทพสงครามเด้งแจ้งเตือนขึ้นมา
“นี่เป็นการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตพิเศษ มันคืออสูรกายประเภทอาวุธ หากผู้เล่น หากคุณต้องการทราบข้อมูลแบบเฉพาะของอสูรกายชนิดนี้ จำเป็นต้อง 500 แต้มพลังวิญญาณ”
“ไม่จำเป็นหรอก เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร” กู่ฉิงซานลอบพูด
เขาพยายามสงบสติอารมณ์ สภาวะจิตใจค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย
อสูรกายที่เรียกกันว่าประเภทอาวุธน่ะ มันไม่ใช่มารที่แท้จริง
เดิมทีแล้ว พวกมันคือตัวตนอันทรงพลังที่ร่วงหล่นลงสู่สายธารแห่งกาลเวลา ส่วนร่วงหล่นลงด้วยเหตุใดนั้นก็มิอาจทราบได้
และพวกมารก็ชอบเก็บรวบรวมชิ้นส่วนร่างกายของตัวตนที่ทรงพลังเหล่านั้นมา คอยเฟ้นหาชิ้นส่วนแปลกๆมาจากหลากสวรรค์หมื่นโลกา
และเจ้าของชิ้นส่วนเหล่านั้น บ้างก็เป็นสิ่งมีชีวิตแปลกตา ขณะที่บ้างก็เคยเป็นถึงจ้าวผู้ปกครองโลกใบนั้นทั้งใบ
เมื่อโลกเหล่านั้นถูกครอบครองโดยเผ่ามารอย่างสมบูรณ์ ร่างกายของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะถูกนำมาเย็บเป็นส่วนหนึ่งของอสูรกายที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ชิ่นส่วนร่างกายของสิ่งมีชีวิตในโลกที่พ่ายแพ้จะถูกขุดขึ้นมารักษา และทำการเปลี่ยนแปลงเป็นมาร หลังจากหลากหลายปีที่เฝ้าฟูมฟักมานับไม่ถ้วน ในที่สุดพวกมันก็กลายมาเป็นอาวุธที่ทรงอำนาจสูงสุด
และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับยักษ์เบื้องหน้านี้
เกรงว่าครั้งหนึ่งมันอาจจะเคยเป็นจ้าวผู้ปกครองโลกใบใดสักใบหนึ่ง แต่แล้วก็ได้ตกตายลงในสงครามอันโหดร้าย หลงเหลือทิ้งไว้เพียงร่างกายส่วนบนที่ยังคงเดิม
เมื่อเพ่งมองอย่างใกล้ชิด จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบนตัวมัน เดิมทีแล้วมีแขนจริงๆเพียงสองข้างเท่านั้น
ส่วนแขนอื่นๆ ทั้งหมดถูกเย็บเพิ่มเติมเข้ามาในภายหลัง
และด้วยกระบวนวิธีอันแสนลึกลับ ส่งผลให้สองแขนเดิมที่ติดตัวมัน ยังคงสามารถระเบิดอำนาจดั้งเดิมออกมาได้
เจ้านี่คือสิ่งที่เผ่ามารมักจะใช้ในการโจมตีเมืองหรือหมู่บ้าน
แน่นอน ว่าประเภทของอสูรกายมิได้ถูกจำกัดอยู่แค่นี้
สิ่งที่แกร่งเหนือล้ำยิ่งกว่ามันก็คือ อสูรกายประเภทปฐมบทแห่งความโกลาหล
ซึ่งอสูรกายประเภทดังกล่าว มันเกินกว่าขอบเขตสามัญสำนึกความเข้าใจของมนุษย์ไปโดยสมบูรณ์
คุณไม่มีทางทราบได้หรอกว่าในตอนแรกมันคืออะไร
เพราะมันมีทุกชนิดของพลังอำนาจอันแปลกประหลาดจากประเภทต่างๆที่มิอาจคาดเดาได้ มันสามารถลงมือได้โดยที่คุณไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ คุณอาจถูกกินลงไป หรือถูกฆ่าตายไปก่อนจะทันรู้ตัวเลยก็ได้
อย่างไรก็ตาม อสูรกายประเภทปฐมบทแห่งความโกลาหลมิใช่ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด
จริงๆแล้วชื่อประเภทของอสูรกายที่ทำให้ทุกคนที่ได้พบเจอล้วนสิ้นหวังก็คือ
‘อสูรกายที่สร้างมาจากชิ้นส่วนร่างกายของเทพวิญญาณ’
อย่างเช่นอสูรกายประเภทอาวุธตนนี้ มันครอบครองพลังงานก่อนตายของเทพวิญญาณแถมยังมีทั้งวิถีทำลายของมารที่ทรงอำนาจ และครอบครองอำนาจของโลกอีกด้วย
และจอมมารที่แท้จริง ก็ได้ใช้เจ้าชิ้นส่วนของเทพวิญญาณตนนี้นี่ล่ะ เป็นอาวุธในการยึดครองโลกของกู่ฉิงซาน
มีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันจากหน่วยข่าวกรองของมนุษย์ในช่วงชีวิตก่อนหน้าว่า
กองกำลังมนุษย์ชาติชั้นสูงที่เก่งกาจที่สุดได้แตกพ่าย และโดนล้างบางทั้งกองทัพ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตายลง พวกเขาก็ได้ส่งรายงานข้อมูลอันยากจะเห็นถึงความจริงกลับมาได้
เนื้อหาของข้อมูล โดยสิ้นเชิงแล้วมีเพียงสองประโยคเท่านั้น
ประโยคแรก ‘การล่มสลายของมนุษยชาติคงไม่อาจหยุดยั้งได้อีกแล้ว’
ส่วนในประโยคที่สอง ใจความว่า ‘อสูรกายที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าจอมมารน่ะ .. มีอยู่จริง!’
รายงานที่ได้รับมานี้ เป็นในช่วงระหว่างสงครามครั้งสำคัญที่สุดระหว่างมนุษย์กับมาร ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการบ่อนทำลายขวัญกำลังใจทหาร เหล่าผู้บัญชาการเผ่ามนุษย์หลายคนรวมไปถึงกู่ฉิงซานจึงตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ ว่าจะเก็บรายงานนี้ไว้เป็นความลับสุดยอด
…….
ในหัวใจของกู่ฉิงซานกำลังระลึกถึงเหตุการณ์จากอดีตที่ผ่านมา เขายืนอยู่ท่ามกลางดงมารและเงียบงันไปครู่หนึ่ง
แท้จริงแล้วเกิดสิ่งใดขึ้นในปรภพกันแน่? เผ่ามารจึงถึงขั้นส่งอสูรกายดัดแปลที่ทรงพลังเช่นนี้มาเพียงเพื่อปิดกั้นเส้นทางเอาไว้?
แต่แล้วเขาก็ส่ายหัว ขณะที่ดวงตาของเขาตกลงบนร่างอสูรกายยักษ์
ทั้งหมดไม่มีอะไรที่จะสามารถคาดเดาหรือล่วงรู้ได้
เพราะความจริง ได้อยู่เบื้องหลังของอสูรกายตนนี้แล้ว
เพียงแค่ก้าวเข้าสู่ปรภพเท่านั้น เราก็จะทราบถึงเรื่องราวทั้งหมด!
กู่ฉิงซานเริ่มขยับฝีเท้าของเขาอีกครั้ง
เขาพร้อมที่จะดู พร้อมที่จะเห็นแล้วว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
กรงเล็บแหลมเจาะเข้าไปจนเกิดรอยแยกระหว่างหิน ก้าวต่อไปทีละก้าว ทีละก้าว
กู่ฉิงซานค่อยๆเคลื่อนกายอย่างเชื่องช้า
ไม่รวดเร็วจนเกินไป ไม่มีเสียงดังใดๆ ไม่โดดเด่นจนสังเกตเห็นได้
เขายับยั้งจิตสัมผัสเทวะ ก้มหน้าลง และรักษาสภาวะการเคลื่อนไหวของตนอย่างระมัดระวัง ไม่ยินยอมเผยถึงอาการผิดปกติใดๆ
ใกล้เข้าไป
ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดเขาก็เดินมาถึงเบื้องหน้าของอสูรกาย
อสูรกายยังคงจมอยู่ในห้วงหลับลึก
ทว่าเพียงเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทำลายล้างจางๆที่ออกมาจากอสูรกาย ร่างกายของกู่ฉิงซานก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
ช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองมันใหญ่เกินไป เพียงแค่กลิ่นอายเท่านั้น เจ้าอสูรกายก็สามารถปราบกู่ฉิงซานได้โดยสมบูรณ์
กู่ฉิงซานได้แต่กัดฟันกรอดชนิดหัวชนฝา หุบกรงเล็บอันแหลมคม ค่อยๆคลานไปเบื้องหน้าทีละก้าว
มุ่งหน้าตรงไปทางข้างกายของอสูรกายอย่างช้าๆ
มันจำเป็นที่จะต้องผ่านเส้นทางแคบๆนั้นไป เพื่อที่จะเข้าไปยังส่วนที่ลึกยิ่งกว่าของถ้ำ
ภายในถ้ำมืดช่างเงียบงัน
เผ่ามารส่วนใหญ่กำลังหลับลึกและพักผ่อน
มีเพียงตัวเขาที่เป็นมารกระดูกเท่านั้นที่กำลังเคลื่อนกายอย่างช้าๆ
เวลาผ่านพ้นไปเล็กน้อย
กู่ฉิงซานก็มาหยุดอยู่ด้านข้างของอสูรกายจนได้
ตราบใดที่เขายังคงรักษาความเร็วระดับนี้เอาไว้ อีกเพียงไม่กี่นาที เขาก็จะสามารถผ่านอสูรกายตนนี้ไปได้ในที่สุด
กู่ฉิงซานอดทนเหยียดกรงเล็บของเขาออกไป ใช้มันเจาะแทรกผ่านผนังหินและก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
แต่แล้วโดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ จู่ๆอสูรกายที่หลับลึกก็ยกแขนของมันขึ้น! และกวาดมือเข้าไปทางฝูงมารข้างกายมัน!!
และตำแหน่งที่มันคว้าจับ … ก็มีกู่ฉิงซานรวมอยู่ด้วย!!!
กู่ฉิงซานไม่รู้เลยว่าเรื่องบัดซบนี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
แต่เขาสาบานได้ว่า ตนเองไม่ได้ทำอะไรกระตุ้นให้อสูรกายค้นพบตัวอย่างแน่นอน
บางทีอสูรกายตนนี้อาจจะหลับลึก และเผลอละเมอก็ได้
มือของมันเคลื่อนใกล้เข้ามา ขยับท่วงท่าอย่างเป็นธรรมชาติ
และการเคลื่อนไหวนี้ของอสูรกาย เผ่ามารตนอื่นๆมิได้ตอบสนองเลย
มารจำนวนมากได้ถูกคว้าจับขึ้น
แน่นอน ว่ากู่ฉิงซานก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
เขาและเผ่ามารเกือบร้อยถูกกุมอยู่ในมือของอสูรกาย บีบจับเอาไว้อย่างแน่นหนา
มารบางตนดูเหมือนจะรับรู้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น พวกมันเริ่มดิ้นรนด้วยความสยองเกล้า กรีดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง
แม้จะได้ยินเสียงโวยวายเหล่านี้ ทว่าอสูรกายก็ยังคงไม่ลืมตา
มันอ้าปากกว้าง และค่อยๆขยับมือส่งมารทั้งหลายลงไปในปากของมัน
กู่ฉิงซานทั้งผลัก ทั้งดัน ทั้งเบียดเผ่ามารตนอื่นๆ จนในที่สุดก็มาถึงช่องว่างของมือใหญ่
เบื้องล่างเขา เผ่ามารตนอื่นๆเริ่มตอบสนองและกำลังทยอยกันวิ่งหนีแล้ว
ทันใดนั้นสายตาของกู่ฉิงซานก็หันไปเห็นมารมังกรตาเดียวตนหนึ่ง
มารมังกรตาเดียวกำลังวิ่งหนีอย่างรวดเร็วด้วยความว่องไวเป็นอย่างมาก
เวลานี้ กล่าวได้ว่ามันอยู่ในตำแหน่งข้างกายของอสูรกาย และในไม่ช้า มันจะข้ามผ่านร่างอสูรกาย เข้าสู่ส่วนลึกของถ้ำมืด
เอาเป็นแกก็แล้วกัน!
กู่ฉิงซานไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาเร่งใช้ออกด้วยร่างเงาแทนที่!
พริบตานั้น มารมังกรตาเดียวก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของอสูรกาย
ขณะที่กู่ฉิงซานสามารถหลบเร้นออกไป และมาโผล่ตรงข้างร่างอสูรกายแทน
ในช่วงเวลานี้ ความรู้สึกวิกฤตอันแสนจะเข้มข้นก็ยังเวียนวนอยู่ในจิตใจของเขา
เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันน่าขนลุกจากปลายเส้นผม
ร่างเงาแทนที่ไม่สมควรที่จะมีปัญหาใดๆ
แต่ในบรรดาหลายสิบหลายร้อยเผ่ามารที่อยู่ในมือของอสูรกาย มอนสเตอร์มารกระดูก ได้ถูกแทนที่ด้วยมังกรตาเดียว
กู่ฉิงซานก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามือของอสูรกายจะตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี่หรือไม่
ณ เวลานี้ เขาจะไม่ยอมใช้โชคในการเดิมพัน หรือเฝ้ารอผลลัพธ์ที่เรียกว่าความบังเอิญอีกต่อไป!
จิตสัมผัสเทวะในขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นปลายถูกปลดปล่อยออกมา กวาดเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำมืด
เส้นทางที่มืดมิดทั้งหมดกระจ่างชัดขึ้นในจิตสัมผัสเทวะของกู่ฉิงซาน-
-เขาจะไม่ยินยอมรับความเสี่ยงอีกต่อไป และหายวับไปจากสถานที่เดิมในฉับพลัน
ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว!
ในชั่วพริบตา เขาก็ข้ามผ่านเส้นทางไปไกลเกินกว่าพันลี้!
แล้วร่างของกู่ฉิงซานก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ตลอดทั้งร่างของมารกระดูก ทั้งหมดล้วนสั่นเทาอย่างมิอาจควบคุมได้
ทว่าบัดนี้ ความรู้สึกของวิกฤตอันเข้มข้นในจิตใจของเขามันยังดันไม่ยอมจางหายไป ตรงกันข้าม มันกลับระเบิดออกมาอย่างรุนแรงราวกับถูกเผาไหม้!