หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.398 – เดิมพันด้วยชีวิตเจ้า!
กู่ฉิงซานค่อยๆนึกคิดในจิตใจ ไม่นานนัก กลุ่มก้อนกลิ่นอายสีฟ้าก็เริ่มแยกตัวออกมาจากร่างกายของเขา
เขาคว้าจับกลุ่มก้อนกลิ่นอายที่ว่านี้ และรู้สึกถึงถึงความเย็นที่เล็ดลอดออกมาจากมัน
ไม่น่าแปลกใจเลย กระแสไอเย็นนี่มันคือปราณดาบมิใช่หรือ?
เขาถอนหายใจอย่างเงียบๆ
จิตแห่งดาบของดาบได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ทว่าตนเองที่เป็นถึงนักดาบนิรันดร์ดันไม่รับรู้ถึงมัน
นี่นับว่าเป็นเรื่องน่าอายเกินกว่าจะกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตรงส่วนนี้จะตำหนิกู่ฉิงซานทั้งหมดเลยก็คงจะไม่ได้
อย่างแรกเลย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอกับจิตอาร์ติแฟคที่ปรากฏกายในรูปร่างของมนุษย์
—แถมยังเป็นหญิงที่มีลักษณะโดดเดี่ยวเย็นชา และงดงามเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย แล้วเขาจะไปทันตรัสรู้ว่าเธอคือจิตแห่งดาบได้อย่างไร?
กู่ฉิงซานค่อยๆถ่ายเทจิตสัมผัสเทวะลงไปในกลุ่มก้อนกลิ่นอายสีฟ้า
กลิ่นอายสีฟ้ากระชากออก ดูราวกับว่ามันจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้นเสียงของผู้หญิงก็ดังออกมาจากกลุ่มก้อนกลิ่นอายนี้
“ข้าเห็นเจ้าแล้ว”
กู่ฉิงซานแสดงท่าทีปิติและกล่าวออกมา “เช่นนั้นได้โปรดออกมาพบกับพวกเราด้วยเถอะ”
“ขอเวลาประเดี๋ยว ข้าได้มาถึงช่วงเวลาสำคัญในการซ่อมแซมแล้ว และกำลังจะกลับมาสมบูรณ์ดังเดิมในไม่ช้า”
“เข้าใจแล้ว” กู่ฉิงซานตอบ
ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าเหตุใดนางจึงไม่ปรากฏตัวออกมา กลับกลายเป็นว่านางกำลังวุ่นอยู่กับการซ่อมแซม – รักษาอาการบาดเจ็บของตนอยู่นี่เอง
เมื่อคิดไปถึงก่อนหน้านี้ที่นางขอสมบัติล้ำค่าทั้งสามอย่าง จริงๆแล้วพวกมันก็ได้ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยเร่งให้จิตอาร์ติแฟคฟื้นตัวได้เร็วขึ้นนี่เอง
ปมอันน่าฉงนทั้งหลายได้คลี่คลายลงแล้ว
จากนั้น กู่ฉิงซานก็ถ่ายทอดคำกล่าวของฉานนู่ให้กับกลุ่มอาวุธ
“ว่าไงนะ! นางบาดเจ็บสาหัสมิใช่หรอกหรือ แล้วเพราะเหตุใดกันจึงสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นนี้?” วิหคขาวร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
“นางเป็นกฏเกณฑ์ที่มาจากภูเขาล้อมเหล็ก บางทีนั่นอาจเป็นส่วนที่ทำให้นางสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วก็ได้นะ” โล่ครุ่นคิดและกล่าว
กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “แล้วรายละเอียดเบื้องลึกที่นางได้รับบาดเจ็บเล่าเป็นอย่างไร?”
กลุ่มอาวุธต่างพากันส่ายหัวพร้อมกัน
ทุกตนเบนสายตาไปทางตะขอเกี่ยววิญญาณ
“นี่มันช่างน่าแปลกจริงๆ ในช่วงเวลานั้นตลอดทั้งปรภพได้ถูกปิดกั้นด้วยอะไรบางอย่าง ทำให้ข้าเองก็ไม่อาจทราบได้เช่นกัน” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว
พอได้ยินแบบนั้น กู่ฉิงซานกับเหล่าอาวุธเทวะในที่นี้ก็นิ่งงันไป และเลือกที่จะเฝ้ารออย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นอีกสักพัก
บนกระแสน้ำของสายธารเหนือหัวขึ้นไป จู่ๆก็มีรังสีแสงสวรรค์ที่ดูแข็งกร้าวสาดทะลุลงมา
“ดูเหมือนว่าข้างบนจะเกิดเรื่องผิดปกติขึ้นนะ” กระบี่ภูติตัดกระดูกเอ่ยอย่างกระสับกระส่าย
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปดูกันเถอะ” กู่ฉิงซานเสนอ
แล้วเขาก็นำเหล่าอาวุธเทวะลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ มองไปรอบๆเพื่อค้นหาถึงสิ่งผิดปกติ
แล้วก็พบกับความผันผวนที่ผิดปกติ จากทิศทางของภูเขาล้อมเหล็ก
มองไกลๆจากบนผิวน้ำของสายธาร จะเห็นแค่เพียงบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาราสว่างสดใส
จุดแสงดั่งดวงดาราทั้ง 36 ที่ส่องสว่างอยู่เบื้องบน พวกมันทั้งหมดเชื่อมโยงเข้าหากันและกัน สาดรังสีแสงปกคลุมไปทั่วทั้งยอดเขา
“นั่นมันมหาค่ายกลแห่งปรภพ ‘ผนึกมาร’ นี่! พวกเขาทำได้สำเร็จจริงๆด้วย!” วิหคขาวอุทานออกมาด้วยความสุข
“ไม่ได้เป็นนั้นซะทีเดียว ค่ายกลจักสำแดงฤทธิ์โดยสมบูรณ์ก็ต่อมันถูกเป้าหมายแล้ว ทว่าพวกเขากับหอกหลากสีกำลังอยู่ในช่วงจังหวะหยุดชะงัก แต่ละฝ่ายกำลังยื้อยุทธกันและกัน – นี่เปรียบดั่งการวัดพลังกันอย่างลึกล้ำ” ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยออกมาอย่างกังวล
ทันใดนั้นเอง เสียงผู้หญิงก็กังวานขึ้นตามมา “พวกเขาสามารถทำได้แค่เพียงตรึงหอกหลากสีแค่ชั่วคราว และเมื่อไหร่ที่พวกเขาใช้กำลังออกไปจนหมดสิ้นแล้ว มหาค่ายกลก็จะถูกทำลายลงโดยหอกหลากสี”
หนึ่งกลุ่มก้อนแสงสีฟ้าที่ลุกไหม้ปรากฏขึ้นบนผิวน้ำของสายธารแห่งการหลงเลือน
และกลุ่มแสงก็กระจายตัวออกเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงร่างของหญิงสาวในชุดโบราณ
ชุดคลุมฟ้าที่มีสีสัน ร่างกายบอบบาง ผิวเปล่งปลั่งราวกับหยก ริมฝีปากสีชาด คิ้วราวกับถูกปักร้อยเรียงโดยขนของนกหงสา ทว่าการแสดงออกทางสีหน้าโดยรวมแล้วยังคงดูเย็นชา
แน่นอนว่าเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากดาบขุนเขาเทวะหกโลกา , สิ่งประดิษฐ์เทวะ – จิตอาร์ติแฟคฉานนู่
เหล่าสรรพวุธตนแล้วตนเล่าเอ่ยกล่าวด้วยความเคารพ “ยินดีที่ได้พบ ฉานนู่”
หญิงชุดคลุมฟ้าพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ
ตะขอเกี่ยววิญญาณบินเข้ามา แล้วอนุญาตให้หญิงชุดคลุมฟ้าถือตนเอง
“ข้าจะให้เจ้าได้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างเมื่อเร็วๆนี้”ตะขอกล่าว
หญิงชุดคลุมฟ้ากำตะขอเกี่ยววิญญาณ และหลับตาลงเล็กน้อย
ชั่วขณะหนึ่ง ตะขอเกี่ยววิญญาณก็ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวทุกอย่างไปจนหมดสิ้น
หญิงชุดคลุมฟ้าลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
เธอหันไปมองกู่ฉิงซาน พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนสีหน้าเย็นชาของเธอ
“หลังจากที่เจ้าสังหารอสูรกาย เจ้าก็ยังสามารถสังหารแมงมุมเขมือบวิญญาณไปได้อีกหนึ่งตน นั่นนับว่าช่างน่าทึ่งโดยแท้”
“เพียงเท่านั้นไม่นับว่าเป็นสิ่งใดหรอก” กู่ฉิงซานตอบกลับ
หญิงในชุดโบราณโค้งกายคารวะและเริ่มเอ่ยปากว่า “ข้าต้องขอโทษด้วยที่ก่อนหน้านี้มิได้เอยปากขอบคุณเจ้าสำหรับเรื่องของสมบัติล้ำค่าให้มันเป็นเรื่องเป็นราว แต่เพราะพวกมัน ในที่สุดตอนนี้ข้าจึงหายดีแล้ว”
“เอาเถอะ หายดีก็ดีแล้ว บอกตรงๆว่าตอนนั้นข้าก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเจ้าจะเป็นอาวุธเทวะที่อัดแน่นไปด้วยกฏเกณฑ์ของภูเขาล้อมเหล็ก” กู่ฉิงซานถอนหายใจ
“ใช่ ข้าคือดาบขุนเขาเทวะหกโลกา”
“งั้นก็เข้าเรื่องกันเลย ตัวข้า-กู่ฉิงซานได้มาหาเจ้าในครั้งนี้ เพราะต้องการที่จะอาศัยความแข็งแกร่งของเจ้าในการช่วยโลกปรภพและโลกมนุษย์”
“ว่าไงนะ!” ฝูงสรรพวุธเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
ถึงแม้อำนาจของดาบขุนเขาเทวะจะน่าเกรงขาม แต่ลำพังมันก็คงไม่มีความสามารถมากพอถึงขั้นที่จะช่วยเหลือทั้งสองโลกได้หรอก
หากมันทรงพลานุภาพถึงเพียงนั้นจริงๆ เผ่ามารก็คงจะไม่กล้าบุกมาแล้ว
สีหน้าของหญิงชุดคลุมฟ้าดูจะหมองลงเล็กน้อยและกล่าวว่า “เกรงว่าเจ้าคงต้องผิดหวังเสียแล้วล่ะ ข้ามิได้ทรงอำนาจถึงเพียงนั้นหรอก ยามนั้นข้าเองก็แทบจะไม่สามารถช่วยเหลือคนอื่นๆได้เลย ข้าเพียงทำได้แค่ทานรับการโจมตีจากหอกหลากสีเท่านั้น และเพียงโดนมันโจมตีเข้าใส่ไม่กี่ครั้ง ตัวข้าก็ถูกแรงฟาดอัดปลิวไปไกลแล้ว ”
“ข้ามิได้ต้องการให้เจ้าต้านทานมันมากครั้งจนเกินไปหรอก แต่ขอแค่ทำตามแผนที่ข้าวางไว้ก็พอ แล้วพวกเราก็จะช่วยโลกปรภพได้อย่างแน่นอน”
คำพูดของกู่ฉิงซานเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
หญิงในชุดคลุมฟ้าขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาว่า “ทั้งปรภพ ทั้งเทพวิญญาณ และสรรพวุธมากมายนับไม่ถ้วน ก็ยังไม่อาจรับมือกับหอกหลากสีได้”
“แถมเพื่อที่จะเอาชนะเทพแห่งปรภพ เผ่ามารยังถึงขั้นสูญเสียอสูรกายที่ครอบครองพลังอำนาจชนิดอยู่ยงคงกระพันไปกว่า 100 ตน เพียงเพื่อใช้งานหอกหลากสี”
“แล้ววิธีใดของเจ้ากัน ที่มันจะสามารถข้ามหน้าข้ามตาตัวตนที่ทรงพลานุภาพเหล่านั้นได้? ช่วยเหลือปรภพกระนั้นหรือ? หากมิใช่ว่าเจ้าเป็นผู้ที่ช่วยเหลือข้าและสังหารอสูรกายมาก่อนแล้วล่ะก็ ตอนนี้ข้าคงคิดว่าเจ้ากำลังอวดดีโม้เหม็นเปล่งวาจาไร้สาระไปแล้ว”
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเป็นเย็นชา
แต่กู่ฉิงซานกลับแค่ยิ้มออกมา
แล้วกล่าวว่า “หอกหลากสีแน่นอนว่าย่อมทรงอำนาจอย่างแท้จริง มันดุร้ายและแข็งกร้าวอย่างหาที่ใดเปรียบ และเผ่ามารก็ไม่ได้ทำผิดพลาดใดๆเลย … จนกระทั่งการต่อสูจบลง”
“จนกระทั่งการต่อสูจบลง? นั่นเจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ตะขอเกี่ยววิญญาณทนไม่ไหวจำต้องเอ่ยแทรก
“พวกมันไม่ควรที่จะวางหอกหลากสีไว้บนภูเขาล้อมเหล็ก”
“เผ่ามารทำแบบนั้น ก็เพราะต้องการที่จะแยกตัวหอกให้อยู่ห่างออกไป แล้วทำการยึดครองไปตลอดทั้งปรภพ นั่นเจ้าไม่เข้าใจหรือ?” หญิงชุดโบราณสีฟ้ามองเขาวูบหนึ่งและกล่าว
เธอเอ่ยต่อว่า “และด้วยพลังอำนาจที่สามารถกดดันทั้งปรภพได้อย่างแท้จริงเช่นนี้ กล่าวได้เลยว่ากระทั่งเทพวิญญาณจากอาณาจักรสวรรค์ก็ยังมิกล้าเผชิญหน้ากับมัน”
“ด้วยพลังอำนาจที่ว่านั่น ต่อให้อาณาจักรสวรรค์ก็ยังมิใช่คู่ต่อกรของมัน ตรงจุดนี้เจ้ายังไม่ชัดเจนอีกหรือ?”
กู่ฉิงซานหันไปมองเธอและกล่าวว่า “เผ่ามารมิได้ทำถูกต้องไปซะทุกขั้นตอน อย่างไรเสียพวกมันก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิต และยังคงมีบางจุดในแผนการที่พลาดพลั้งไปบ้าง และข้าก็จะใช้ช่องโหว่จากความพลาดพลั้งที่ว่านั่นหาได้เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์สงครามในครั้งนี้”
หญิงชุดคลุมฟ้ากลอกตามองบน และกล่าว “เจ้าเนี่ยนะ? หากเจ้าไม่อาศัยสายธารแห่งการหลงเลือน ด้วยความแข็งแกร่งอย่างเจ้าน่ะไม่มีทางรับมือกับพลังของอสูรกายได้หรอก”
กู่ฉิงซานยังคงกล่าวต่อ “หากเจ้ายินดีที่จะช่วยข้า พวกเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงสงครามทั้งหมดได้! นี่เป็นโอกาสเดียวของเราเท่านั้น!”
“โอกาส?”
“ใช่ จงให้โอกาสข้า แล้วข้าจะใช้โอกาสที่เจ้ามอบให้ เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้ พลิกกระดานให้ฝ่ายเรากลับมาชนะเอง!”
หญิงชุดคลุมฟ้าไม่ตอบ
เธอเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า
แล้วพบว่ารังสีแสงสวรรค์ค่อยๆจะมืดดับลง จางหายไปอย่างช้าๆ
36 อาวุธแห่งปรภพต่างพากันส่งเสียงร่ำไห้ครวญครางออกมาเป็นระยะๆ
กำลังที่พวกเขามี มันเริ่มจะสูญไปจนแทบสิ้นแล้ว!
ปรากฏร่องรอยของความโศกเศร้าขึ้นในแววตาของหญิงชุดคลุมฟ้า
เธอโบกมือเบาๆ
ต่อมา เบื้องล่างของสายธารแห่งการหลงเลือน หินสีเทาที่มิอาจทำลายได้ค่อยๆเริ่มแยกออกจากกันเป็นสองฟากฝั่ง
ตามด้วยดาบที่เจิดจรัส สาดประกายอันละเอียดอ่อนบินออกจากรอยแยก
ส่วนอัดลักษณ์ของดาบ สำหรับความกว้าง มันบางและแคบกว่าดาบเล่มอื่นๆเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสำหรับความยาว มันกลับยาวมากกว่าดาบทั่วไปๆไประดับหนึ่ง
บนใบดาบสาดประกายแสงเย็นเยียบ มันคมกล้าอย่างหาที่ใดเปรียบ แต่กลับมีความสว่างไสวราวกับหยาดน้ำค้างในฤดูใบไม้ร่วง แฝงไว้ซึ่งความงดงามที่รู้สึกลึกล้ำและเป็นเอกลักษณ์
ดาบยาวแทรกผ่านระหว่างกระแสภายในสายธารแห่งการหลงเลือน ก่อนจะทะลุขึ้นมาบนผิวน้ำ และลอยมาตกลงข้างกายของหญิงชุดคลุมฟ้า
เธอยื่นมือออกไปคว้าจับดาบยาว
กู่ฉิงซานมองไปที่ฉากนี้ด้วยความตกใจ
จิตแห่งดาบ … กำลังกุมดาบอยู่?
อย่าบอกนะว่านางก็สามารถใช้ดาบได้เหมือนกับผู้ฝึกดาบเช่นกัน?
กู่ฉิงซานเพียงแค่คิด แต่หญิงชุดคลุมฟ้ากลับเป็นคนเอ่ยปากออกมาด้วยตนเอง
“ข้าทราบดีว่าเจ้าน่ะเป็นผู้ฝึกดาบ ดังนั้นข้าจึงหวาดเกรง .. หวาดเกรงว่าเจ้ากำลังจะหลอกลวงข้า”
“หลอกลวง?”
“ถูกต้อง หากข้ายินยอมให้เจ้าใช้สอย แล้วเกิดในกรณีที่เจ้ามีความคิดหมายจะนำข้าออกจากปรภพขึ้นมา แล้วบังเอิญทำได้สำเร็จ โลกปรภพก็จะถึงคราล่มสลาย”
เธอเอ่ยต่อว่า “หากจะให้ข้าร่วมมือ ก็จงพิสูจน์สิ พิสูจน์ว่าเจ้าต้องการใช้ข้าเพื่อที่จะช่วยเหลือโลกปรภพ”
“จะให้ข้าพิสูจน์มันอย่างไร?”
“จงเดิมพันด้วยชีวิตของเจ้า ปฏิญาณสาบานตนว่าจะช่วยโลกปรภพ แล้วทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง มิฉะนั้นร่างเจ้าจะตกตาย จิตแห่งเต๋าจะสลายไป ขณะที่จิตวิญญาณจะจมลงสู่ขุมนรกไร้สิ้นสุด มิอาจออกมาได้อีกเลย”
เหล่าสรรพวุธเมื่อฟังจนถึงตอนนี้ ในที่สุดพวกมันก็อดไม่ไหวอีกต่อไป
“ฉานนู่ มิจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย เจ้าก็รู้นี่ว่าหากปฏิญาณสาบานในปรภพ สิ่งนั้นย่อมจะสำฤทธิ์ผลอย่างแน่นอน” ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยขัดออกมาก่อน
“ใช่แล้วล่ะ เจ้าอย่าบังคับให้เขาทำเช่นนั้นเลย แค่นี้เขาก็ช่วยพวกเรามากพอแล้ว” วิหคขาวกล่าว
“แต่ข้าคิดว่าจริงๆแล้วการที่ฉานนู่จะกังวลก็นับว่าถูกต้องอยู่นะ” โล่กล่าว
“ข้าเห็นด้วยนะ หากไม่มีคำสาบานเป็นข้อผูกมัด แล้วถ้าเจ้าเผ่ามนุษย์ที่ขโมยดาบแล้วหนีไปล่ะจะว่ายังไง?” หอกยาวกล่าว
“ทว่าคำสาบานนี้มันโหดร้ายเกินไป” ค้อนดาวตกถอนหายใจออกมา
พวกเขาเริ่มโต้เถียงกันอย่างดุเดือด
หญิงชุดคลุมฟ้าวาดดาบยาวออกไปปราม
แล้วอาวุธทั้งหมดก็หุบปากลงทันที
บนสายธารแห่งการหลงเลือนพลันจมลงสู่ความเงียบ และสามารถได้ยินกระทั่งเสียงลมเบาๆที่พัดผ่านไป
“เจ้ากล้าที่จะปฏิญาณสาบานตนหรือไม่?” หญิงชุดคลุมฟ้าสบตากับกู่ฉิงซาน เอ่ยถามเสียงเย็น
กู่ฉิงซานเงียบ
แล้วทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ง่ายๆแค่นั้นเองหรือ?”