World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 1

ตอนที่ 1 บทผิด

4 เมษายน ปี 2008

วันเสาร์

ณ โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งในหยางเฉิง ห้องเรียนมัธยมปลายปี 3 ห้อง 4

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ในฐานะเด็กบาปรุ่นใหม่ยุคศตวรรษที่ 21 จะมีใครบ้างที่ไม่เคยได้ยินเรื่องการเกิดใหม่?

แม้ว่าเขาจะไม่ได้เกิดใหม่เอง แต่บนโลกออนไลน์มีเยอะแยะมากมาย แค่ปรายตามอง ก็รู้แล้วว่าการเกิดใหม่เป็นวิธีเดียวที่สมาชิกกลุ่มคนจนอ้วนเตี้ยเอาชนะกลุ่มคนสูงรวยหล่อได้!

ยิ่งกว่านั้นเราไม่มีเงินไม่มีผู้หญิง ถ้าไม่ทำอะไร การเกิดใหม่แค่ทำให้เราใช้ชีวิตได้นานขึ้นไม่กี่ปีเท่านั้น มันไม่คุ้มเลย

เขารออย่างอดทนจนเสียงกริ่งจบคลาสดังขึ้น อาจารย์ที่คุ้นเคยกับร่องรอยความไม่คุ้นเคยก็พยายามยื้อเวลาสุดความสามารถก่อนจะออกนอกห้องเรียนไปอย่างไม่เต็มใจ

ส่วนคำพูดสุดท้ายที่อาจารย์บอกพวกเขาก่อนเดินจากไป ฟางผิงตัดสินว่าเขาได้ยินผิด

“การลงทะเบียนสอบวิชายุทธจะเริ่มสัปดาห์หน้า นักเรียนคนไหนสนใจก็เริ่มเตรียมตัวได้เลย”

ฟางผิงไม่ได้สนใจฟังนัก เขาจึงคิดว่าตัวเองได้ยินเป็น’ลงทะเบียนสังคมศาสตร์’และทุกคนต้องลงทะเบียนก่อนเกาเข่า อย่างไรก็ตามโรงเรียนมักจะลงทะเบียนให้ ดังนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องเตือนนักเรียนเลย

(ผู้แปล : เกาเข่า เหมือนเป็นเอนทรานซ์ของจีน)

ที่สำคัญที่สุด ปีสามห้องสี่เป็นห้องวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มันเกี่ยวข้องกับสังคมศาสตร์ยังไง?

แต่ด้วยการเกิดใหม่ ทำไมฟางผิงต้องสนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ด้วย?

เวลานี้ ในหัวของฟางผิงมีแต่เรื่องจะไปแข่งกับแจ๊คหม่าหรือหม่าฮั่วเถิงยังไง

แม้ว่าปี 2008 จะค่อนข้างสายไปหน่อย แต่ถ้าคนที่มาเกิดใหม่ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่คาดฝันและทิ้งผลงานไว้บนโลกบ้าง เขายังจะเรียกว่าเกิดใหม่ได้อีกเหรอ?

หรือเขาควรสนใจการเมืองแทนธุรกิจ?

ฟางผิงแอบคิดคำนวณอยู่ในใจ เขาไม่มีอารมณ์คุยกับสหายรอบข้าง

เด็กพวกนี้จะเข้าใจเป้าหมายชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่เขาคิดไว้ได้อย่างไร? ‘สหาย จากนี้ไปเราคงอยู่กันคนละโลกแล้วแหละ’ ฟางผิงคิด

ขณะที่ฟางผิงวางแผนอนาคต เพื่อนร่วมชั้นหยางเจี้ยนที่นั่งอยู่แถวหน้าก็หันหน้ามาแล้วถาม “ฟางผิง เฉินฝาน นายจะลงทะเบียนไหม?”

หยางเจี้ยนได้ทิ้งความประทับใจให้ฟางผิงอย่างล้ำลึก แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพราะความหล่อเหลาของอีกฝ่าย

หลังจบการศึกษามหาลัย ฟางผิงกับเพื่อนๆได้เข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่นครั้งใหญ่ครั้งนึง หยางเจี้ยนที่จบมาใหม่มางานเลี้ยงรุ่นมัธยมปลายพร้อมกับเคราสั้นสี่เหลี่ยมบนหน้า ตอนนั้นฟางผิงเกือบเผลอคิดไปแล้วว่าพ่อของหยางเจี้ยนมาร่วมงานเลี้ยงรุ่นมัธยมปลายของพวกเขาด้วย

นับแต่นั้นมา ฟางผิงก็ไม่เคยลืมสหายเคราเต็มหน้าคนนี้ เพราะเขาเด่นเกินไป

เนื่องจากมีความคิดเต็มหัว ฟางผิงจึงไม่ได้ตอบ

คนที่นั่งโต๊ะติดกับฟางผิงคือเฉินฝาน หนึ่งใน’คู่หูคนสามัญ’ เป็นนักเรียนอีกคนที่ถูกล้อเลียนว่าเป็นตัวตลก เขาส่ายหน้าแล้วเอ่ย “ฉันไม่ลงสมัคร มันเสียเงินเปล่า”

“แค่ค่าสมัครก็หมื่นหยวนแล้ว แถมฉันค่อนข้างมั่นใจว่าฉันไม่ผ่าน เงินจำนวนนี้ มันพอจ่ายค่ากินค่าเทอมตอนปีหนึ่งของฉันเลยนะ”

หยางเจี้ยนถอนหายใจ “จริง ฉันก็อดเศร้าไม่ได้ ฉันกังวลว่าถ้าฉันไม่ลอง ฉันจะเสียใจไปตลอดชีวิต”

คนที่นั่งโต๊ะติดกับหยางเจี้ยนเป็นนักเรียนชายอีกคน เขาหันหน้ามาเข้าร่วมบทสนทนาด้วย เขากล่าวด้วยสีหน้ามืดมน “นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะไต่เต้าให้สูงขึ้น น่าเสียดายที่มันไม่เกี่ยวข้องกับเรา”

เสียงทอดถอนหายใจที่เศร้าเสียใจของสามสหายทำให้ลู่โจวสับสน

ลงสมัคร?

สมัครสอบสังคมศาสตร์ที่ครูพูดถึงเหรอ?

ค่าสมัครหมื่นหยวน?

มันเป็นปี 2008 ถ้าเขาจำไม่ผิด ราคาบ้านที่หยางเฉิงประมาณสี่พันหยวนต่อตารางฟุตเท่านั้น ค่าสมัครสอบแพงขนาดนี้เลย?

เจ้าหนูพวกนี้ไม่ได้จำผิดหรอกใช่ไหม?

หรือพวกเขาถูกหลอก?

ขณะที่ฟางผิงอยากขัดจังหวะแล้วเอ่ยถาม เฉินฝานสหายโต๊ะติดกันของเขาก็ดันกรอบแว่นแล้วตอบด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ “แค่เพราะเราใช้วิชายุทธไม่ได้แล้วไปสอบสังคมศาสตร์แทน ไม่ได้หมายความว่าเราจะประสบความสำเร็จไม่ได้!”

“มันมีหลักสูตรสอนวิชายุทธเหมือนกัน พอเราเรียนจบหาเงินได้ เราค่อยไปเรียนตอนนั้นเอาก็ได้”

“เราอาจไม่เก่งเท่าเอกวิชายุทธ แต่อย่างน้อยพวกเราก็มีความหวัง!”

จากนั้นสหายโต๊ะติดกันของหยางเจี้ยนก็เข้าร่วมบทสนทนาอย่างตื่นเต้น “ใช่แล้ว! เราควรหาทางไปเรียนมหาลัยสังคมศาสตร์ที่ดีที่สุด พอเราเรียนจบ เงินเดือนกับผลประโยชน์ก็ไม่เลวเหมือนกัน!”

“ฉันยังอยากลองอยู่ดี…” หยางเจี้ยนกล่าวอย่างลังเลใจ ครอบครัวของเขาค่อนข้างรวย แถมเขายังมีร่างกายที่แข็งแกร่ง เขาคงไม่พอใจจนกว่าจะได้ลอง

เมื่อได้ยินว่าหยางเจี้ยนอยากลอง เฉินฝานกับคนอื่นก็ไม่ได้เกลี้ยกล่อมเขา แม้ว่าความหวังจะมีเพียงเล็กน้อย แต่โอกาสมันวางอยู่ตรงหน้าแล้ว

แม้ว่าทุกคนจะยังเด็ก แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าถ้าพวกเขาหยุดหยางเจี้ยนและทำให้เขาเสียโอกาส พวกเขาก็จะกลายเป็นศัตรูกัน

เมื่อทั้งสามคุยกันอย่างเมามันส์ สีหน้าของฟางผิงก็ไม่มีอะไรนอกจากความสับสน

อะไรเนี่ย?

ฟางผิงกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ เขาจ้องมองทั้งสามหน่ออยู่ครู่นึง เขาสังเกตว่าทั้งสามไม่ได้มีอารมณ์ขันเลย จากนั้นในที่สุดเขาก็ตระหนักว่ามีอะไรผิดปกติ

ขณะที่ฟางผิงกำลังจะเอ่ยปากถาม เขาก็โดนขัดจังหวะอีกครั้ง

ที่โต๊ะข้างฟางผิงกับสหาย ชายหนุ่มสองคนที่กระซิบกระซาบกันคงคิดว่าบทสทนาเข้มข้นไม่พอ พวกเขาจึงเข้ามาแจมด้วย

เมื่อเสียงฝั่งฟางผิงเงียบลง ชายหนุ่มทรงผมลานบินเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าตื่นเต้น เขาถาม “หยางเจี้ยน เฉินฝาน นายได้อ่านข่าวบนอินเตอร์เน็ตเมื่อคืนไหม?”

หยางเจี้ยนกับเฉินฝานส่ายหน้า มันใกล้เกาเข่าแล้ว ทุกคนต่างก็ถูกผู้ปกครองควบคุมอย่างเข้มงวด ใครจะมีเวลาท่องอินเตอร์เน็ตกัน?

เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่รู้ ฟางผิงกับสหายอีกคนก็มีสีหน้าเดียวกัน ชายทรงลานบินจึงหัวเราะ “น่าเสียดาย! เมื่อคืนมีเรื่องใหญ่!”

“นายรู้ไหม? ปรมาจารย์หม่าทะล่วงผ่านขั้นแปดแล้ว!”

“ปรมาจารย์หม่าอายุน้อยกว่าสี่สิบเสียอีก เขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุด”

“เมื่อวาน เพนกวินกรุ๊ปได้ออกจดหมายท้าประลองประธานกูเกิ้ลเอเชียแปซิฟิก แทม ที่เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นแปดเท่ากัน!”

“อะไรนะ?!”

“เป็นเรื่องจริงเหรอ?”

“ปรมาจารย์หม่าบรรลุขั้นแปดแล้ว? เขาพึ่งทะลวงขั้นเจ็ดไม่กี่ปีไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่น่าเชื่อ!”

“จางฮ่าว รีบเล่ามา เป็นการประลองเปิดหรือประลองส่วนตัว?”

“การต่อสู้ของขั้นแปด ฉันอยากเห็นจริงๆ น่าเสียดายเรามีคุณสมบัติไม่พอไปดูด้วยซ้ำ…”

เนื่องจากมีเกาเข่ารออยู่ จึงมีนักเรียนมัธยมปลายปีสามไม่มากนักที่ท่องโลกอินเตอร์เน็ตหลังเลิกเรียน ดังนั้นแม้ว่าจะมีเรื่องใหญ่ แต่มีสหายร่วมห้องเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่ทราบเรื่องนี้

เด็กหนุ่มหัวลานบินชื่อจางฮ่าว เสียงที่เขาใช้พูดไม่ใช่เบาๆเลย

เมื่อเขาพูดจบ ก่อนที่ฟางผิงกับพรรคพวกจะทันตอบ นักเรียนรอบๆที่ได้ยินบทสนทนาก็เริ่มพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

จางฮ่าวที่มีความสุขกับการได้เป็นจุดสนใจพูดต่อด้วยความตื่นเต้น “เป็นความจริง!”

“ปรมาจารย์หม่าทะลวงผ่านแล้วจริงๆ! มันไม่ใช่แค่เรา! ทุกคนก็ไม่คิดว่าเขาจะทะลวงผ่านขั้นแปดได้เร็วขนาดนี้!”

“เพราะแบบนี้ไง พอพวกเขาประกาศท้าประลอง ทั้งโลกถึงตกตะลึง!”

“ถ้าปรมาจารย์หม่าชนะแทมได้ เพนกวิ้นกรุ๊ปจะสามารถขยายตัวไปยังประเทศต่างๆในเอเชียแล้วกลายเป็นองค์กรที่มีอิทธิพลที่สุดในเอเชีย!”

“พอปรมาจารย์หม่าทะลวงผ่านขั้นเก้าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพนกวิ้นกรุ๊ปจะกลายเป็นหนึ่งในองค์กรที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก!”

“คุณพระ มันจะเร็วไปแล้ว! ปรมาจารย์ขั้นแปด!”

“อันดับปรมาจารย์มีการอัพเดทยัง? ดูเหมือนปรมาจารย์หม่าตั้งเป้าจะเอาท็อปสามสิบ!”

“เดี๋ยววว ท็อปสามสิบอะไร? ฉันคิดว่าต่อให้เขาอยากอยู่ท็อปยี่สิบ มันก็ไม่ใช่ปัญหา”

“นั่นเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม? ยังไงซะปรมาจารย์หม่าพึ่งทะลวงผ่าน เขาจะเป็นท็อปยี่สิบเร็วขนาดนั้นได้ไง? เว้นแต่ว่าหลังเอาชนะแทมจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น”

“…”

ในเวลานี้ นักเรียนทุกคนต่างก็แสดงความเห็นออกมา สีหน้าของแต่ละคนมีทั้งความตื่นเต้น ความชื่นชม ความคาดหวังและความปรารถนาเขียนไว้อยู่ชัดเจน

แม้แต่ผู้หญิงก็ไม่มีข้อยกเว้น

ทุกคน ยกเว้นคนเดียวคือฟางผิง

ในหัวของฟางผิงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม สีหน้าเขาว่างเปล่าเหมือนหน้ากระดาษ ไม่ต้องพูดถึงในหัวเลย

‘เกิดอะไรขึ้น?’

เขาได้ยินที่ทุกคนพูด ได้ยินทุกคำ

แต่ทำไมเขาถึงจับต้นชนปลายไม่ถูก?

ปรมาจารย์หม่าเป็นผู้ใด?

แน่นอน เขารู้จักเพนกวิ้นกรุ๊ป ในปี 2008 เพนกวิ้นกรุ๊ปก็เป็นผู้นำในวงการไอทีแล้ว

เขารู้จักกูเกิ้ลเช่นกัน มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้จัก

จากที่จางฮ่าวพูดเมื่อกี้ เพนกวิ้นกำลังแข่งขันทางธุรกิจกับกูเกิ้ลงั้นเหรอ?

แต่ทำไม…ทำไมมันถึงฟังดูผิดธรรมชาติ?

ฟางผิงกลืนน้ำลายอีกครั้ง เขารู้สึกริมฝีปากแห้งผาก ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง เขารู้สึกเหมือนมีคนส่งบทผิดให้เขา!

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Global Gaowu, Global Martial Arts, Quan Qiu Gao Wu, Toàn Cầu Cao Võ, WBMA, 全球高武
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง World’s Best Martial Artist เรื่องย่อ ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว! หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย! นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ “สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?” อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset