World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 53

ตอนที่ 53 ผู้ฝึกยุทธต้องสู้!

ตอนกลางคืน

เนื่องจากทั้งสี่อยู่ห้องเดียวกัน ฟางผิงจึงบ่มเพาะ’เคล็ดเสริมสร้าง’ไม่ได้ ตอนที่เขาอยู่ว่าง เขาจึงฝึกจวงกงแทน

เมื่อถึงเวลาพักผ่อน ทั้งสี่ก็ดันทั้งสองเตียงมาต่อกัน ทำให้มันเป็นเตียงใหญ่เตียงนึง

มันเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก ฟางผิงเคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่อีกสามคนยังเป็นเด็กมัธยมปลาย ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่มีประสบการณ์ชีวิตในหอพักมหาลัย

คืนนั้น ฟางผิงไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่ทั้งสามคนคุยกันค่อนคืน

…..

วันที่ 1 พฤษภาคม

พวกเขาตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ แต่บรรยากาศกลับหนักอึ้งอย่างยิ่ง

นอกห้อง มีนักเรียนเดินไปมาตามทางเดิน และอาจารย์ก็มาเคาะประตูห้องทีละห้อง

“รีบตื่น เราจะไปรวมตัวกันที่ชั้นล่าง!”

“อย่าลืมบัตรประชาชนกับเอกสารสอบ!”

“คนที่เตรียมเม็ดยามาด้วยเริ่มกินได้ตอนนี้เลย!”

“…”

ท่ามกลางเสียงร้องตะโกน เหล่านักเรียนก็เริ่มหลั่งไหลลงไปชั้นล่าง

ฟางผิงกับพวกตื่นมานานแล้วเช่นกัน พวกเขาออกไปจากห้องก่อนอาจารย์มาเคาะประตูเสียอีก

เมื่อพวกเขาออกจากห้อง พวกเขาก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้สะอึกสะอื้น “ผมไม่สบาย ปราณและเลือดผมลดลง…”

“พ่อ แม่ ผมขอโทษ…”

เสียงสะอื้นดังมาแต่ไกล และก็มีอาจารย์กำลังปลอบใจนักเรียนคนนั้นอยู่

การล้มป่วยก่อนการประเมิณร่างกายเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับผู้เข้าสอบวิชายุทธ

เมื่อเราล้มป่วย ปราณและเลือดก็จะลดลง แถมผู้เข้าสอบหลายคนก็คาบเส้นเกณฑ์สอบผ่านอยู่แล้ว

ถ้าพวกเขาล้มป่วยอีก มันก็แทบเป็นการตัดโอกาสไปเลย

นี่เป็นเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่าการพลาดสอบเกาเข่าอีก ผู้เข้าสอบวิชายุทธมีค่าใช้จ่ายเพียบ!

สำหรับนักเรียนที่มาจากครอบครัวฐานะล่าง แต่เดิมพวกเขาก็ลำบากอยู่แล้ว หลังพลาดไปหนึ่งปี พวกเขาย่อมไม่มีปัญหาไปสอบใหม่ปีหน้า ถ้าเป็นแบบนั้น ที่พวกเขาทำได้ก็คือการยอมแพ้

บางคนก็เศร้า อู๋จื้อเห่าถอนหายใจ “ไม่สบายตอนนี้…เฮ้อ…”

เขาไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกัน ไม่มีอะไรนอกจากเห็นใจ

คำแนะนำยังคงดังก้องอยู่ตรงทางเดิน เมื่อพวกเขาหันไปมอง พวกเขาก็ยังได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นอยู่

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่มีเวลาไปดูสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาเดินตามฝูงชนลงไปชั้นล่าง

…..

ข้างล่าง

เมื่อนักเรียนเดินลงมา อาจารย์จากแต่ละโรงเรียนก็ตะโกนผ่านโทรโข่ง

“ผู้สมัครสอบจากโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่ง เข้าแถวตรงนี้!”

“โรงเรียนมัธยมปลายอันดับสอง ทางนี้!”

“โรงเรียนมัธยมปลายอันดับห้า รวมกันทางนี้!”

“…”

ฟางผิงกับเพื่อนๆเดินไปตรงจุดนัดพบของโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่ง ไม่นานอาจารย์ผู้รับผิดชอบก็เริ่มเช็คชื่อ

เมื่อพวกเขาไล่รายชื่อ พวกเขาก็พบว่ามีคนนึงหายไป

อาจารย์ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่มีคนนึงพูดด้วยน้ำเสียงเห็นใจ “เซียวเลี่ยงห้องแปดมาไม่ได้ เขาเป็นไข้หนัก…”

“คนที่ร้องไห้เมื่อกี้คือเซียวเลี่ยงเหรอ? แย่เลย ปราณและเลือดเขา 110แคลพอดี เขามีหวังมาก”

“ฉันรู้ แต่ตอนนี้ล่ะ? ปีนี้เขาจบแล้ว”

“เขาจบถาวรเลย เกณฑ์ผ่านสอบเพิ่มขึ้นทุกปี แถมครอบครัวเซียวเลี่ยงก็ไม่ได้มีฐานะดีนัก…”

พวกนักเรียนคุยกันเสียงเบาจนกระทั่งอาจารย์ผู้รับผิดชอบตะโกน “ทุกคน เงียบ!”

“นักเรียน สอบวิชายุทธเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!”

“ไม่ว่าพวกเธอจะได้เข้ามหาลัยวิชายุทธหรือไม่ นี่เป็นอุปสรรคด่านแรกในชีวิต!”

“แต่นักเรียนต้องจำไว้ มันไม่ใช่ครั้งสุดท้าย!”

“เดี๋ยวจะมีการประเมิณร่างกาย ทำให้ดีที่สุด ถ้าเธอผ่านก็จะได้ฉลอง!”

“ต่อให้ไม่ผ่านก็อย่ายอมแพ้!”

“พวกเธอยังเด็ก พวกเธอยังมีหวังอีกในอนาคต!”

“ต่อให้เข้าเรียนมหาลัยวิชายุทธไม่ได้ พวกเธอก็เข้าคอสฝึกวิชายุทธได้ ถ้าพวกเธอเข้าคอสฝึกวิชายุทธไม่ได้ พวกเธอก็ยังเข้ากองทัพได้…”

“ต่อให้ล้มเหลวหมด เราก็ยังมีเส้นทางอื่นอีก!”

“เส้นทางวิถียุทธมีมากกว่ามหาลัยวิชายุทธ”

“หลังจบการศึกษา พวกเธอก็ยังเข้าบริษัทใหญ่ๆได้ ถ้าพวกเธอขยันและมีผลงานดี บริษัทอาจสนับสนุนพวกเธอให้เป็นผู้ฝึกยุทธได้อีกด้วย!”

“หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล…”

อาจารย์เริ่มกล่าวสุนทรพจน์สร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียน มันอาจไม่ได้ผลกับผู้ใหญ่ แต่มันยังมีอิทธิพลต่อนักเรียนอยู่บ้าง

ไม่กี่นาทีต่อมา อาจารย์ผู้รับผิดชอบก็หยุดพูด

นอกโรงแรม ถานเจิ้นผิงปรากฏตัวเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครทราบได้

“นักเรียน สถานที่ประเมิณร่างกายอยู่ที่ศูนย์ทดสอบประเมิณร่างกายอันดับหนึ่งเมืองรุ่ยหยาง มันอยู่ห่างออกไป 300 เมตร ทุกคนเข้าแถวตามมา!”

ถานเจิ้นผิงไม่ได้ใช้โทรโข่งหรือตะโกนสุดเสียง อย่างไรก็ตามเสียงเขาดังก้องเข้าไปในหูของนักเรียนหลายพันคน

นี่เป็นพลังของผู้ฝึกยุทธ!

ปราณและเลือดของถานเจิ้นผิงกำลังพลุ่งพล่านออกมาจากร่างกาย แม้แต่คนที่สัมผัสเฉียบคมน้อยกว่าฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของผู้พูดตรงหน้า

……

ทุกคนเดินตรงไปศูนย์ทดสอบประเมิณร่างกายอันดับหนึ่งเมืองรุ่ยหยาง

ทันใดนั้นเองพี่น้องถานก็ปรากฏตรงหน้าฟางผิงแล้วลากเขาไปข้างหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร

ฟางผิงพูดไม่ออก แต่สุดท้ายเขาก็พูดขึ้นมาอย่างงุนงง “นายทำอะไร?”

“ตามฉันมา!”

เมื่อถานเทาพูดจบ เขาก็ลากฟางผิงมาหน้าแถวแล้ว

เวลานั้นเองตรงหน้าแถว ถานเจิ้นผิงก็หยุดเดินแล้วรออยู่ข้างๆ

มีนักเรียนอีกสามสี่คนที่อยู่ข้างถานเจิ้นผิงเช่นกัน

ฟางผิงไม่คุ้นกับโจวปินกับเฉินเจี๋ยนัก แต่อย่างน้อยเขาก็รู้หน้าอีกฝ่ายและเคยเห็นอีกฝ่ายมาก่อน

มีอีกสองคนเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง พวกเขาอาจมาจากโรงเรียนอื่น แต่ฟางผิงไม่รู้จักพวกเขา

เมื่อฟางผิงมาถึง ถานเจิ้นผิงก็อธิบายให้คนอื่นรู้คร่าวๆแล้ว

โจวปินกับที่เหลือชำเลืองมองฟางผิงซึ่งถูกพี่น้องถานลากมา พวกเขาพยักหน้าให้และไปเข้าแถวของนักเรียนโดยไม่ได้พูดอะไร

เมื่อพวกเขาเดินไป ก็เหลือแต่พี่น้องถานกับฟางผิงที่อยู่ข้างถานเจิ้นผิง

ถานเจิ้นผิงชำเลืองมองฟางผิงแล้วพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ “นักเรียนฟางผิง ปราณและเลือดเธอสูงกว่า 130แคลใช่ไหม?”

“เชี่ย!”

คนที่สบถคือถานห่าว แม้เขาจะรู้ว่าปราณและเลือดของฟางผิงค่อนข้างสูง แต่เมื่อวานตาแก่ของเขาไม่ได้บอกว่ามันสูงกว่า 130แคล!

ฟางผิงไม่ได้ปฏิเสธ เขาแค่พยักหน้ายืนยัน

จากนั้นถานเจิ้นผิงก็หัวเราะอีกครั้ง “เยี่ยม มีบางอย่างที่ฉันอยากจะพูดกับเธอ ฟางผิง”

“เชิญพูดเลยครับลุงถาน”

“เมืองรุ่ยหยางมีทั้งหมด 5 เทศมณฑล 3 เขต 1 นคร ในฐานะนครระดับเทศมณฑล เมืองหยางเฉิงยังเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองชั้นนำที่อยู่ในเขตอำนาจของเมืองรุ่ยหยาง”

(ผู้แปล : ทั้งสามอยู่ในระดับ เทศมณฑลหรืออำเภอ เหมือนกัน แต่สูงต่ำน่าจะไม่เหมือนกัน)

“แต่ถึงกระนั้น เมืองหยางเฉิงก็แข็งแกร่งกว่าอีกห้าเมืองเล็กน้อยเท่านั้น และมันก็แข็งแกร่งน้อยกว่าเขตเมืองรุ่ยหยางเล็กน้อย”

“ในการสอบวิชายุทธทุกปี มีนักเรียนกี่คนกันที่ถึงเกณฑ์? และมีกี่คนกันที่เข้ามหาลัยวิชายุทธได้สำเร็จ…?”

“มาตรฐานสอบเหล่านี้เป็นบททดสอบที่สำคัญที่สุด มีโควต้าที่ตายตัวและเคร่งครัด!”

ถานเจิ้นผิงอธิบายสั้นๆ โดยสรุปคือ เขากำลังบอกว่าการแข่งขันในเมืองรุ่ยหยางก็ดุเดือดมากเช่นกัน

สำหรับทุกเขตอำนาจ ผลสอบเหล่านี้คือจุดสำคัญ

หลายคนคงไม่ลืมว่าเมืองหยางเฉิงเป็นแค่นครระดับเทศมณฑล

ถ้าเป็นเขตอื่น โดยเฉพาะ 5 เทศมณฑล ถ้ามีการแซงหน้าเมืองหยางเฉิงไปหลายปี มันเป็นไปได้ที่เมืองหยางเฉิงจะสูญเสียตำแหน่งไป

แน่นอน ความขัดแย้งและการแข่งขันเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฟางผิงมากนัก

มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำไมถานเจิ้นผิงถึงเรียกฟางผิงมา

“การประเมิณร่างกายครั้งนี้ เรากับเทศมณฑลซิงซีและเขตอันผิงได้จัดสอบที่ศูนย์ทดสอบเดียวกัน”

“ใน 5 เทศมณฑล เทศมณฑลซิงซีมีเศรษฐกิจและการศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุด”

“เขตอันผิงก็ได้เปรียบเราไปก้าวนึง เพราะโรงเรียนอันดับหนึ่งเมืองรุ่ยหยางอยู่ในเขตอันผิงและอยู่ใต้เขตอำนาจของเขตอันผิง”

“พูดอีกนัยนึง การเลือกศูนย์ทดสอบนี้ทำให้เราค่อนข้างเสียเปรียบ”

เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของฟางผิง ถานเจิ้นผิงก็ส่ายหน้า “เธอต้องรู้ว่าภาวะอารมณ์ของนักเรียนส่งผลต่อการแสดงปราณและเลือดอย่างมาก”

“ถ้าเธอถูกรายล้อมไปด้วยคนที่อ่อนแอกว่า เธอก็จะมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ผลการประเมิณร่างกายอาจทำให้เธอประหลาดใจ”

“อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอถูกรายล้อมไปด้วยคนที่แข็งแกร่งกว่า ความมั่นใจของเธอจะตกลง เธอจะเป็นกังวลและไม่สบายใจ ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น เธอจะทำได้ไม่เต็มความสามารถ”

นี่ก็คล้ายกับสิ่งที่หวังจินหยางเรียกว่าการระเบิดอารมณ์ ฟางผิงเข้าใจและพยักหน้า

“มีอัจฉริยะที่มีศักยภาพทั้งในโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งเมืองรุ่ยหยางและโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งเทศมณฑลซิงซี”

“ในแง่ของการบริหารของเมืองหยางเฉิงสูงกว่าพวกเขาไปครึ่งก้าว พวกเขากังวลเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว”

“ในนครระดับจังหวัดไม่อาจมีนครระดับมณฑลได้สองเมือง อย่างน้อยก็ไม่ใช่สำหรับเมืองรุ่ยหยาง”

“เพราะงั้น ก่อนการประเมิณ ฉันหวังว่าเธอจะปลดปล่อยปราณและเลือดทั้งหมดและกดดันนักเรียนจากหนึ่งเขตหนึ่งเทศมณฑล”

“ฉันบอกโจวปินกับคนอื่นๆแล้วเหมือนกัน แต่ปราณและเลือดของพวกเขาไม่ได้สูงนัก ต่อให้ระเบิดปราณและเลือดก็มีผลจำกัด”

“แต่เธอต่างออกไป ถ้าเธอระเบิดปราณและเลือด ทุกคนจะสัมผัสได้…”

ในที่สุดฟางผิงก็เข้าใจคำพูดของถานเจิ้นผิง

อย่างไรก็ตามเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ถานเจิ้นผิงกำลังบอกให้เขาระเบิดปราณและเลือดข่มนักเรียนคนอื่น เพื่อทำให้พวกเขากังวลและทำลายขวัญกำลังใจ

พูดตามตรง มันขี้โกงหน่อยๆ

เหมือนอ่านความคิดฟางผิงออก ถานเจิ้นผิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กๆ “ผู้ฝึกยุทธต้องสู้! เราต้องสู้!”

“การสงสารคู่ต่อสู้ สงสารคนอ่อนแอ…นี่ไม่ใช่วิถีของผู้ฝึกยุทธ!”

“นอกจากนี้ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงจะแข็งแกร่งอยู่เสมอ!”

“คนที่ได้รับผลกระทบจากการระเบิดปราณและเลือดไม่มีหวังอยู่บนเส้นทางยุทธอยู่แล้ว”

“เธอคิดว่าอู๋จื้อเห่า ถานเทากับคนอื่นๆจะได้รับผลของการระเบิดปราณและเลือดของเธอเหรอ?”

“ถ้าพวกเขาได้รับผลกระทบง่ายขนาดนั้น เราก็แค่ดึงตัวผู้ฝึกยุทธสักคนมาปลดปล่อยพลัง งั้นนักเรียนทุกคนก็อาจถูกปรับตกแล้ว”

“เราทำไปเพื่อเพิ่มความมั่นใจของนักเรียนเมืองหยางเฉิงเพิ่มสักเล็กน้อย”

“ท้ายที่สุดแล้ว คนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่านักเรียนจากโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งเมืองรุ่ยหยางแข็งแกร่งมาก และความเชื่อแบบนี้จะส่งผลต่อพวกเขาภายหลัง”

ฟางผิงรู้สึกขัดแย้งเล็กน้อย แต่ถานเจิ้นผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “อย่าขี้ขลาดและหนีจากการต่อสู้ นักเรียนฟางผิง จำไว้ว่าฉันไม่ได้กำลังส่งเสริม”

“แต่เมื่อเธอบ่มเพาะนิสัยไม่เด็ดขาด ระวังตัว ขี้ลังเลขึ้นมา เส้นทางผู้ฝึกยุทธของเธอจะยากมาก!”

“เธอยังเด็ก เธอควรแสดงความสามารถ อย่าซ่อนเอาไว้!”

“เธอกังวลเรื่องอะไรกัน?”

“เธอกลัวเปิดเผยพลังที่แท้จริงเหรอ? หรือเธอกลัวคนไม่พอใจ?”

ถานเจิ้นผิงส่ายหน้า “ถ้าเป็นแบบนั้นเธอคิดผิด ยิ่งเธอมีประโยชน์เท่าไหร่ คนอื่นก็ยิ่งชื่นชมเธอ!”

“เธอมีความสัมพันธ์กับหวังจินหยางจากมหาลัยวิชายุทธหนานเจียงไม่ใช่ความลับ”

“เพราะงั้นเธอไม่มีอะไรต้องกังวล…”

ฟางผิงหัวเราะแห้งๆ มันก็จริง เขาไม่มีอะไรต้องกังวล ท้ายที่สุดเฒ่าหวังก็ยอมเป็นแพะให้เขา

ที่เขาลังเลส่วนหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่ามันคดโกง และอีกส่วนเป็นเพราะเรื่องอื่น

หลังหยุดเล็กน้อย ฟางผิงก็กล่าวอย่างเก้ๆกังๆเล็กน้อย “ลุงถาน ผมไม่ได้กังวลเรื่องนั้น”

“ผม…ผมกำลังคิดถึงอัตราผลาญปราณและเลือดตอนปล่อยพลังก่อนการประเมิณ”

“ถ้าเป็นแบบนั้น ตอนประเมิณ ผมจะ…”

ถานเจิ้นผิงผงะเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “นั่นสิ ฉันลืมไปเลย”

“ไม่ต้องห่วง เมืองจะชดเชยให้เธอ”

“หลังเธอระเบิดปราณและเลือด ฉันจะมอบยาปราณและเลือดให้ แต่มันไม่ได้มาจากฉันเอง ถือซะว่ามันเป็นค่าตอบแทนจากเมืองหยางเฉิงเอง”

“ยาปราณและเลือด!”

เมื่อถานเทาได้ยินแบบนั้น เขาก็กล่าวเสียงละห้อยทันที “พ่อ พ่อไม่ได้บอกหรอว่าเป็นยาเติมเต็มปราณและเลือด”

ถานเจิ้นผิงถลึงตามอง ลูกเขาโง่มาก!

พวกโจวปินได้ยาเติมเต็มปราณ และเนื่องจากทั้งสองเป็นลูกชาย พวกเขาจึงได้มากกว่าเล็กน้อยเป็นยาเติมเต็มปราณและเลือด

อย่างไรก็ตามพวกเขาจะเทียบกับฟางผิงได้อย่างไร?

ปราณและเลือดของฟางผิงสูงมากแล้ว เขาอยู่ห่างจากผู้ฝึกยุทธครึ่งก้าว นอกจากนี้ต่อให้พวกเขาพิจารณาเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับหวังจินหยาง แต่มันก็จำเป็นที่พวกเขาต้องชดเชยให้ฟางผิงด้วยเม็ดยาปราณและเลือดเพื่อแลกกับการระเบิดปราณและเลือด

เขาอาจสะกดข่มนักเรียนจากเขตอันผิงและเทศมณฑลซิงซีและลดจำนวนพวกเขาลงเล็กน้อย

ถ้านั่นหมายถึงการที่มีนักเรียนจากเมืองหยางเฉิงผ่านมากขึ้น งั้นมันก็นับว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของเมืองหยางเฉิงแล้ว!

พวกเขาไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งที่สุด พวกเขาแค่ทำให้มั่นใจว่าคนอื่นอ่อนแอกว่าก็พอ

มันเป็นเรื่องยากที่จะแข็งแกร่งกว่าคนอื่น แต่มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะพบว่าคนอื่นอ่อนแอกว่า

ถ้าพวกเขามีทรัพยากรมนุษย์อย่างฟางผิงอยู่ในมือ ทำไมพวกเขาจะไม่ใช้เขาล่ะ?

ถ้าผู้สมัครสอบเมืองหยางเฉิงทำได้ดี เขาสามารถกลับไปคำร้องได้เล็กน้อย ถ้าเป็นแบบนั้น มันอาจไม่ใช่แค่ยาเต็มเติมปราณ 4 เม็ด ยาเติมเต็มปราณและเลือด 2 เม็ดกับยาปราณและเลือด 1 เม็ดอีกต่อไป

ด้วยการเปลี่ยนคำร้องเล็กน้อย เขาอาจเปลี่ยนเป็นยาปราณและเลือด 7 เม็ดได้ด้วยซ้ำ

แน่นอนก่อนอื่้นเลยพวกเขาต้องมั่นใจว่าผลลัพธ์ดีกว่าอีกสองฝ่าย

แม้ว่าฟางผิงจะไม่เข้าใจทุกแผนของถานเจิ้นผิง แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา เขาจึงไม่ได้สนใจมากนักเช่นกัน

แต่เมื่อเขาได้ยินว่ายาปราณและเลือดเป็นค่าตอบแทน เขาก็จำได้ว่าเร็วๆนี้เขาใช้ทรัพย์สินไปมากเท่าไหร่ และลดลงเร็วขนาดไหน

เพราะงั้นฟางผิงจึงไม่ลังเลอีก เขาพยักหน้า “ตกลงลุงถาน ผมจะทำให้ดีที่สุด!”

ถานเจิ้นผิงยิ้ม “นี่แหละเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ!”

“ฟางผิง ลุงถานแก่แล้ว แต่เธอยังเด็ก เราต่างกันมาก”

“ในฐานะคนหนุ่มสาว เธอควรใจสู้อย่าก้มหัวให้ใคร!”

“พอเธอเข้ามหาลัยวิชายุทธ เธอจะตระหนักว่าการปิดบังความสามารถจะทำให้เธอล้าหลัง”

“มีทางเดียวคือต้องสู้!”

“เธอต้องสู้ เธอต้องกล้าสู้ และเธอต้องสู้ให้ได้!”

“ต่อให้แพ้ก็ไม่เป็นไร ถ้าเธอชนะเธอก็จะไปได้ไกลกว่านี้ แต่ที่แย่ที่สุดก็คือเธอไม่มีความกล้าที่จะสู้ตั้งแต่แรก!”

ประโยคสุดท้ายทำให้หัวใจฟางผิงสั่นไหว

ถานเจิ้นผิงไม่ใช่คนเดียวที่พูดแบบนี้ ในหนังสือ หวังจินหยางก็บอกเช่นกัน

แม้แต่ความจริงของโลกก็กำลังบอกให้ฟางผิงสู้!

แม้แต่พี่หม่าก็สู้ เขาไปสู้กับแทมโดยไม่ลังเล การต่อสู้ของพวกเขาสะท้อนให้เห็นถึงตัวอย่างแล้ว

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Global Gaowu, Global Martial Arts, Quan Qiu Gao Wu, Toàn Cầu Cao Võ, WBMA, 全球高武
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง World’s Best Martial Artist เรื่องย่อ ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว! หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย! นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ “สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?” อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset