งานเลี้ยงจบลงแล้ว
ถานเจิ้นผิงก้าวขึ้นรถ เขามองลูกชายคนโตที่ไม่ค่อยรู้เรื่องราวอะไรแล้วถอนหายใจ “คนที่เหมือนกันมักอยู่ด้วยกันจริงๆ”
ลูกชายทั้งสองของเขาเข้ามหาลัยวิชายุทธได้ และกําลังจะกลายเป็นนักศึกษาวิชายุทธ
กระนั้นเมื่อเทียบกับฟางผิงแล้ว มารยาทของพวกเขาต่างกันมาก
ฟางผิงฉลาดมาก เขารู้ว่าเมื่อไหร่ควรสู้เมื่อไหร่ควรถอย
มันเห็นได้จากตอนแรกที่เขาเจรจาแทนจินเค่อหมิง ฟางผิงประเมินสถานการณ์ได้อย่างช้านาญ
เขารับผลประโยชน์จากคนอื่น แต่ไม่ได้ทําให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ผู้อํานวยการจินถึงกับขอบคุณฟางผิงด้วยซ้ํา
ซองแดงที่เขามอบให้มาจากคําสั่งของจินเค่อหมิง นั่นเป็นความจริง
ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร ฟางผิงก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการแล้ว การฝากเขาดูแลพ่อแม่ให้เป็นแค่การไว้หน้าเขาเท่านั้น
ฟางผิงเป็นนักศึกษามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ ใครจะโง่ไปสร้างปัญหาให้พ่อแม่ของเขาล่ะ?
เป็นถานเจิ้นผิง ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งที่ฝากผู้ฝึกยุทธขั้นสามดูแลลูกชายต่างหากที่หน้าด้าน
มิตรภาพของหวังจินหยางกับฟางผิงอาจไม่ได้เกิดจากแค่พรสวรรค์อย่างเดียว
มีอัจฉริยะอยู่มากมายนับไม่ถ้วน แม้ว่าฟางผิงจะไม่เลว แต่ก็มีผู้เข้าสอบวิชายุทธคนอี นอีกมากตัวหวังจินหยางเองก็เป็นอัจฉริยะ แล้วอะไรที่ทําให้เขาเห็นฟางผิงเท่าเทียมกับตน?
ถ้าเกิดฟางผิงมีแค่พรสวรรค์ มันคงไม่พอให้หวังจินหยางมาเกี่ยวข้องด้วยหรอก
ยิ่งกว่านั้นในฐานะผู้นํากระทรวงศึกษา มีตําแหน่งสูงในเมือง ถานเจิ้นผิงมีความเข้าใจบางอย่างอยู่บ้าง
ฟางผิงกับหวังจินหยางรู้จักกันตอนหวังจินหยางกลับมาเมืองหยางเฉิงครั้งก่อนเพื่อจับกุมหวงปิน
ต่อมาก็มีข่าวเปิดเผยว่าหวงปินได้เช่าห้องอยู่ชั้นบนของห้องฟางผิง
หวังจินหยางเดินทางไปเขาชางซานโดยสูญเปล่าและเดินทางกลับมา แต่จู่ๆเขาก็นํา ศพหวงปินไปกรมสืบสวน ระหว่างชันสูตรก็พบว่าหวงปินเสียชีวิตจากแรงอัดกระแทก แต่ก็มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยจํานวนมากบนร่างกายรวมถึงร่องรอยของยาในร่างกาย
(ผู้แปล : แรงอัดกระแทกมาจากหวังจินหยาง อาการบาดเจ็บเล็กน้อยเป็นของฟางผิง)
หวังจินหยางจําเป็นต้องทําแบบนั้นเพื่อจัดการหวงปินด้วยเหรอ?
นอกจากหวังจินหยางแล้ว จะเป็นฝีมือใครได้อีกบ้าง?
ถานเจิ้นผิงไม่ได้คิดมากนัก กรมสืบสวนก็ไม่ได้สืบสวนเพิ่มเติมเช่นกัน เขาตายไปแล้ว คดีจี งถูกปิด
อย่างไรก็ตามความคิดเหล่านี้ไม่ได้หายไป
“หวงปิน ผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุด ตกอยู่ในเงื้อมมือของเด็กที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ!”
“หลังเกิดเรื่อง หวังจินหยางช่วยกําจัดหลักฐานให้
“สมบัติของหวงปินถูกแบ่งกัน”
“หวังจินหยางไม่ได้มอบทรัพยากรฝึกฝนของเตรียมผู้ฝึกยุทธสูงสุดให้ฟางผิง ตัวหวังจินหยางเองยังมีทรัพยากรให้ตัวเองไม่พอเลยด้วยซ้ํา
เมื่อนําชิ้นส่วนปริศนามาปะติดปะต่อกัน หลายอย่างก็ชัดเจนขึ้น
แม้ว่าฟางผิงจะดูไม่อันตราย แต่เขาเป็นแมงป่องพิษ เขาไม่ขาดความรู้และประสบการณ์เขา ไม่ได้ขาดเมื่อเทียบกับหวังจินหยาง
แถมฟางผิงยังเข้ามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ได้ เขาอาจไปได้เหนือกว่าหวังจินหยาง
ความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวเขา ถานเจิ้นผิงพลันเอ่ยขึ้น “ห่าว เทา นับแต่นี้ไปให้คุยกับเพื่อนร่วมชั้นให้มากขึ้น”
ถานเทากับภานเห่ารีบพยักหน้า แม้ว่าพ่อของพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไร พวกเขาก็รู้ว่าต้องทํายังไง
ฟางผิงไม่แน่ใจว่าถานเจิ้นผิงกําลังคิดอะไรอยู่
ถ้ามีคนเดาถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกับหวงปิน เขาก็ไม่แปลกใจ
ถ้าเขาไม่เป็นที่รู้จัก มันคงไม่ถูกเปิดเผย
อย่างไรก็ตามเขาเข้ามหาลัยวิชายุทธ แถมเขายังสนิทกับหวังจินหยาง มันไม่ยากที่จะสรุปว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
อย่างไรก็ตามฟางผิงในตอนนี้ไม่ได้กังวลว่าคนอื่นจะรู้ไหม
คนนึงเป็นประธานสมาคมวิถียุทธ เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสาม
อีกคนเป็นนักศึกษาใหม่ของมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ที่ใกล้เข้าสู่ขอบเขตผู้ฝึกยุทธแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเมืองหยางเฉิงหรือเมืองรุ่ยหยาง ต่อให้มีคนรู้ว่าพวกเขาเอาสมบัติของหวงปินไปพวกเขาก็ไม่แสดงความเห็นกับการกระทําของพวกเขา
ส่วนเหยื่อที่ถูกหวงปินปล้นนั้น
บางคนเสียชีวิต และไม่จําเป็นต้องสนใจบุคคลเสียชีวิตนัก
ทรัพยากรที่หวงปินปล้นมานั้นไม่ได้มาจากช่องทางที่ถูกกฎหมาย ของเหล่านี้ซื้อได้จากตลาดมืด แต่ไม่อาจทําได้อย่างเปิดเผย
เหยื่อที่ยังมีชีวิตอยู่ย่อมไม่กล้าพูดอะไร พวกเขาทําได้แต่กล้ํากลืนอยู่เงียบๆ
ตอนกรกฎาคม ฟางผิงเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองของเพื่อนๆเช่นกัน
นอกเหนือจากนั้น ฟางผิงก็ยังฝึกฝนไม่หยุดและยังสอนน้องสาวฝึกฝนด้วย
และในที่สุดฟางหยวนก็รู้เหตุผลที่เธอไม่อยากอาหารแล้ว!
ฟางผิงไม่มีแผนซ่อนฤทธิ์ยาเติมเต็มเลือดและลมปราณกับเธอ พอเขาไปมหาลัย ยาเติมเต็มเลือดและลมปราณที่เหลือก็ต้องให้น้องสาวใช้
ถ้าเขาไม่อธิบายให้เธอเข้าใจชัดเจน เด็กสาวอาจกินยาตามใจชอบโดยไม่ใส่ใจ จากนั้นมันจะเป็นปัญหา
เมื่อเธอพบว่ามันเป็นเพราะเธอกินยาเติมเต็มเลือดและลมปราณ ฟางหยวนก็ถลึงตาใส่จนแทบฆ่าคนได้
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอรู้สาเหตุที่ทําให้เธอไม่อยากอาหารแล้ว อีกส่วนเป็นเพราะเนื่องจากฟางผิงให้เม็ดยาอันล้ําค่ากับเธอ ซึ่งมันสิ้นเปลืองมาก!
นี่เป็นเม็ดยาที่มีมูลค่าหลายพันหยวน แถมฟางผิงยังหลอกให้เธอคิดว่ามันเป็นช็อคโกแลตรูปถั่ว!
นอกจากนี้ เมื่อเธอคิดถึงตอนที่ฟางผิงให้เม็ดยาเติมเต็มเลือดและลมปราณกับหลิวเหวินหลิวอู่คนละเม็ดก่อนพวกเขากลับไป ฟางหยวนก็รู้สึกอยากไปบ้านน้าเพื่อเอาเม็ดยากลับคืนมาต่อให้ต้องฆ่าคนก็ตาม
ฟางยิ่งใช้เวลาเกือบเดือนฟังคําบ่นของฟางหยวน
เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม มันก็ถึงเวลาฟางผิงออกเดินทาง
เขาจะไปเซี่ยงไฮ้ก่อนกําหนดเพื่อหาทางหาเงินและทําความคุ้นเคยกับเมือง
ณ สถานีรถไฟ
ขณะที่เขากําลังจะออกเดินทาง ฟางหยวนก็ร้องไห้อย่างหนัก
ที่เธอเรียกเขาว่า “ฟางผิงฟางผิง”มาโดยตลอดไม่ได้หมายความว่าเธอจะเกลียดพี่ชาย มันเป็นการแสดงความรักในแบบของเธอ
ฟางผิงมักจะเก็บของอร่อยๆให้เธอ ถ้าเป็นอะไรสนุกๆ เขาก็จะปล่อยให้เธอได้เล่นก่อน ถ้ามีใครรังแกเธอ ฟางผิงก็จะทุบตีคนๆนั้นแก้แค้นให้เธอมาเสมอ
ฟางผิงหลอกให้เธอกินเม็ดยาหลายหมื่นหยวนโดยบอกว่ามันเป็นช็อคโกแลตรูปถั่ว
ตอนนี้ฟางผิงกําลังจะไปเซี่ยงไฮ้และอาจไม่กลับมาหลายเดือน
เพื่อนร่วมชั้นเธอเคยบอกว่านักศึกษามหาลัยวิชายุทธยุ่งมาก และอาจไม่ได้กลับบ้านตอนปิดเทอมฤดูหนาวและฤดูร้อนด้วย
ตั้งแต่เด็ก ฟางหยวนไม่เคยแยกจากฟางผิงเลย ครั้งก่อนตอนที่ฟางผิงไปสอบสิบกว่าวัน เธอคิดถึงเขามาก
ตอนนี้เขาจะหายไปหลายเดือน เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ ฟางหยวนก็ตาบวมเป่ง เธอจับเสื้อฟางผิงไม่ยอมปล่อย
สุดท้าย หลังฟางผิงสัญญากับเธอหลายข้อ พ่อแม่ดุไปหลายที่ ฟางหยวนถึงปล่อยอย่างไม่เต็ม
เมื่อฟางผิงขึ้นรถไฟ เด็กสาวก็สะอึกสะอื้นออกมา “อย่าลืม..อย่าลืมกลับมาบ้านช่วงวันหยุดโทรหาหนูบ่อยๆ ต้องบอกหนูตอนมีแฟน…”
ฟางผิงบีบแก้มเธออย่างไร้ปราณี และมันเป็นครั้งแรกเลยที่ฟางหยวนอยากให้พี่ชายบีบแก้มเธอนานๆ
” พี่ไปก่อนนะ! เป็นเด็กดีล่ะ!”
ฟางผิงโบกมือลาพ่อแม่ เขาก้าวขึ้นไปบนรถไฟท่ามกลางสายตาเป็นห่วงและไม่เต็มใจของครอบครัว
“ฟางผิง! ดูแลตัวเองด้วย!”
เด็กสาวตะโกนเสียงดัง น้ําตารินไหลอย่างห้ามไม่อยู่
ฟางผิงที่ขึ้นรถไฟแล้วรู้สึกเจ็บแปลบในใจ แม้แต่ความคิดที่จะไปมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ก็หายไปไม่น้อย