ซองจูจ้องมือที่ยื่นออกมาพลางหัวเราะคิกคัก ช่างเถรตรงเสียเหลือเกินนะ เจ้านี่คงรู้จักแต่การพูดทื่อๆ ราวกับขอนไม้เท่านั้นสินะ
“หน้าด้านจังเลยนะ รู้มั้ยว่าเหล้านี่ราคาตั้งเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้เลิกผลิตไปแล้วด้วย หาไม่ได้ง่ายๆ เลยนะ เพราะงั้นระหว่างที่ดื่มมันไปก็รู้สึกขอบคุณฉันเสียด้วยละ”
พูดออกมาพร้อมกับแสดงท่าทางโอ้อวดเสียใหญ่โต ทำราวกับเขาเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว จองอูได้แต่แอบขำให้กับท่าทางแบบนั้นของซองจู
ทั้งสองไม่ได้พูดคุยโต้เถียงเรื่องใดกันต่ออีก จนกระทั่งเวลาเดินมาจนถึงช่วงหัวค่ำ
ร่างกายที่อ่อนล้าอยู่แล้ว แถมยังถูกกรอกเหล้าดีกรีแรงเข้าไปอีก ร่างกายที่ไหนจะทนรับไหว หากกลับเป็นเรื่องประหลาด ที่ทั้งซองจูซึ่งหมดแรงไปกับการต้อนรับแขกเหรื่อ หรือแม้แต่จองอูซึ่งเป็นมนุษย์ผู้นอนในเวลากลางวัน กลับทนอยู่มาจนถึงเวลานี้ได้ ทั้งคู่ยังคงดื่มเหล้าด้วยกันบนโซฟาตัวเดิมโดยที่ไม่รู้สึกตัวถึงความแปลกประหลาดนี้เลย
จองอูที่ศีรษะโงนเงนจนแทบจะตั้งตรงไม่ได้ บนไหล่ของเขามีซองจูที่คอพับไปแล้วซบพิงอยู่ มันคงไม่แปลกอะไรหากจองอูจะไม่ได้เอาแขนข้างหนึ่งของซองจูมาพาดเอาไว้ที่เอวตัวเอง ด้วยกลัวว่าอีกคนจะไหลตกลงไปข้างล่าง ใบหน้าขาวซีดของซองจูนั้นดูราวกับดวงจันทร์ท่ามกลางความมืดมิด และความมืดมิดที่ว่าซึ่งกำลังโอบล้อมซองจูเอาไว้ก็คือตัวของจองอูนั่นเอง
แสงของดวงจันทร์จะมีค่าก็ในยามที่ถูกโอบล้อมด้วยความมืดมิด
ความมืดมิดภายนอกค่อยๆ คืบคลานเข้ามาโอบล้อมร่างของคนทั้งสอง ซึ่งยังคงไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งใด
* * *
“นี่ ฉันขอด้วยแก้วนึง”
ไม่รู้ทำไมถึงได้อยากลืมตาตื่นมาแต่เช้าทั้งที่ยังง่วงอยู่แบบนี้ จองอูที่กำลังเดินไปทางห้องครัวเพื่อเติมคาเฟอีนให้ไปกระตุ้นดวงตาที่ไม่ยอมลืมขึ้น แต่กลับถูกซองจูเรียกเอาไว้ เขาหันกลับไปด้วยคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาด แต่กลับเห็นใบหน้าของซองจูปรากฏสู่สายตา โดยที่อีกฝ่ายกำลังเอนตัวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น จองอูเพียงพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยถามซองจู
“อเมริกาโน่?”
“อือ แบบเย็น”
“รู้แล้ว เดี๋ยวเอามาให้”
คำตอบที่สวนกลับมาในเวลาเดียวกันกับที่จองอูชะงักฝีเท้า
หากเป็นปกติ คงต้องค่อยๆ บดเมล็ดกาแฟ แล้วจึงนำไปดริปด้วยอุณหภูมิที่พอเหมาะ หากตอนนี้เขาต้องทำให้คนใจร้อนเช่นซองจู จะให้มาพิถีพิถันแบบนั้น อีกคนคงได้ร้อนรนจนไฟลุกขึ้นมาเสียก่อน จองอูเดินไปยังโฮมบาร์ที่อยู่ระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่น แล้วพาตัวไปยังส่วนที่มีเครื่องชงกาแฟตั้งอยู่
“เอาแบบที่ดื่มทุกวันใช่ไหม”
“ไม่เอาอันนั้น เอาแบบที่นายดื่มทุกวันน่ะ”
“อะไรนะ?”
“ก็ที่นายเอามาบดๆ ชงๆ แบบทุกวันน่ะ แบบนั้นแหละ”
“…มันนานนะ”
“ไม่เป็นไร”
ไม่รู้ว่าคนใจร้อนแบบนั้นเกิดนึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงได้อยากดื่มกาแฟดริป แต่ว่าตัวเขาเองก็ชอบดื่มกาแฟดริปมากกว่ากาแฟที่ชงจากเครื่องชงเสียด้วยสิ เขาจึงเลือกที่จะตามใจซองจู จองอูเปิดช่องแช่แข็งตู้เย็นหยิบเอาเม็ดกาแฟออกมาแล้วใส่ลงในเครื่องบดเมล็ดกาแฟ
“ว่าแต่นายซื้อของที่ต้องลำบากลำบนแบบนั้นมาทำไม?”
ซองจูที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เฝ้ามองดูอีกฝ่ายอยู่พักนึงจึงได้เอ่ยถามจองอูออกมา เจ้ายักษ์สีดำนั่น ดูไม่ได้เข้ากับการทำงานประณีตอะไรแบบนี้เลยสักนิด และเหมือนว่าตอนนี้คนทั้งคู่จะสนิทใจกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
“อะไรล่ะ”
“ฉันเคยเห็นในหนังนะ มันมีแบบที่คล้ายเครื่องปั่น ที่ใส่เข้าไปแล้วก็จะบดให้เลยน่ะ แล้วทำไมนายถึงมานั่งบดด้วยมือแบบนั้นล่ะ ไม่ปวดแขนรึไง”
“ก็แค่เคยชินกับแบบนี้น่ะ”
“คงไม่ใช่เพราะไม่มีเงินซื้ออะไรแบบนั้นหรอกนะ ฉันซื้อให้เอาไหม”
“มันไม่ใช่เพราะไม่มีเงินซื้อเครื่องบดอัตโนมัติแบบนั้นซะหน่อย”
อุตส่าห์แสดงความใจดีอย่างที่สุด แต่กลับไม่รู้จักขอบคุณกันเลยสักนิด ซองจูได้แต่จิ๊ปากอย่างขัดใจ จองอูเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ถึงกับหัวเราะออกมา
“เจ้านี่ นายหัวเราะเยาะฉันเหรอ”
“ก็แล้วแต่จะคิด”
แม้อยากจะเถียงต่อ แต่เพราะจองอูไม่ได้ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย ซองจูจึงทำได้เพียงทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอ แล้วจึงหันมาจดจ้องจองอูที่นำเมล็ดกาแฟที่บดเสร็จเรียบร้อยมาดริป
หลังจากงานแต่งงานของซองฮี ซองจูรู้สึกสบายใจกับการอยู่กับจองอูมากขึ้น จองอูที่แม้จะรับรู้เกี่ยวกับตัวตนที่ติดลบของเขาแต่กลับไม่ได้ใส่ใจอะไร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ และอีกฝ่ายเองก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆ ไปบ้าง แต่ซองจูก็คิดว่านั่นไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะถึงขั้นสนิทสนม แล้วเกิดเป็นมิตรภาพระหว่างเพื่อนกันหรอกนะ ก็แค่พูดคุยกันได้อย่างสนิทใจในระดับหนึ่ง ทานข้าวด้วยกันบ้างบางครั้ง หรือแบ่งปันนั่นนี่อย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ แต่ว่าการได้แสดงท่าทีสนิทสนมกับใครแบบนี้สำหรับเขามันก็นานมากแล้ว สำหรับซองจู ความสัมพันธ์กับจองอูนั้นนับเป็นเรื่องแปลกใหม่
คิมจองอูนั้นประสบกับเรื่องราวแบบไหนมา หรือถูกขัดเกลามาอย่างไรนั้น เขาไม่อาจรู้ แต่อย่างไรเสียอีกคนก็นับได้ว่าเป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถยกโทษให้กับเรื่องที่อีกคนตีสนิทกับมินซิกได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็นะเขาก็พอจะเข้าใจพฤติกรรมของอีกคนอยู่บ้าง
ถึงจะเป็นพวกไม่ค่อยพูดและชอบพูดจากตรงไปตรงมา แต่ว่าอีกคนกลับเป็นคนที่เอาใจใส่ต่อคนรอบข้างในระดับหนึ่ง แม้อาชีพของอีกฝ่ายจะเกี่ยวข้องกับดนตรี จึงมักจะทำงานโต้รุ่งอยู่ตลอด แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่จะทำเสียงดังรบกวน และทำให้ซองจูตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อหวนคิดไปถึงสมัยเรียน เขามักจะต้องประสบกับความทุกข์ทรมานจากมลภาวะทางเสียงที่เกิดจากการดีดกีต้าร์ของซองฮี ตอนนั้นมันเป็นปัญหาระดับชาติเลยทีเดียว แล้วเวลาที่มินซิกไม่ว่าง จองอูก็จะเป็นคนจัดการเรื่องอาหารการกินให้แทน เพียงเวลาไม่นานจองอูก็ค่อยๆ เข้ามามีอิทธิพลในชีวิตประจำวันของซองจูมากยิ่งขึ้น
“อ๊ะ ได้แล้ว ถ้าอยากเติมน้ำแข็งเพิ่มก็ไปเอาในช่องแช่แข็งเองนะ”
ในขณะที่ซองจูกำลังจมอยู่กับความคิดตัวเอง กาแฟก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
อีกคนเดินเข้ามายังห้องนั่งเล่นเงียบๆ ก่อนจะวางแก้วใสขนาดพอเหมาะลงบนโต๊ะดัง ตึ่ก ซองจูมองไปยังแก้วใสที่ภายในนั้นมีก้อนน้ำแข็งลอยอยู่ท่ามกลางมวลน้ำกาแฟสีเข้ม ดูราวกับสัตว์น้ำที่กำลังแหวกว่ายอย่างช้าๆ อยู่ในนั้น ก่อนเจ้าตัวจะเปิดปากพูดออกมา
“ของนายล่ะ?”
“ก็กำลังจะทำนี่ไง”
พูดจบจองอูก็เดินกลับไปทางห้องครัว จองอูที่ทั้งตัวยังคงสวมเสื้อผ้าสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นเคย ยามที่ร่างสูงใหญ่และแข็งแรงนั่นเคลื่อนไหวมันดูราวกับเป็นภาพเงา
“แล้วทำไมไม่ทำพร้อมกันเลยล่ะ?”
“ฉันกับนายใช้เมล็ดกาแฟไม่เหมือนกันไง”
“แล้วจะทำให้มันยุ่งยากแบบนั้นเพื่อ?”
“ก็เมล็ดกาแฟแบบที่ฉันชอบ นายไม่ชอบ”
จองอูตอบแบบนั้นพร้อมกับหยิบของบางอย่างออกมาจากช่องแช่แข็ง
เจ้าตัวเทเมล็ดกาแฟลงไปในเครื่องบดกาแฟ ก่อนเสียงดัง ตึ่ก จากการปิดลิ้นชักจะดังขึ้น กล้ามเนื้อแข็งแรงปรากฎบนท่อนแขนซึ่งกำลังค่อยๆ ขยับด้วยความเร็วคงที่ เสียงเมล็ดกาแฟที่ถูกบดดังออกมาให้ได้ยิน ซองจูที่ได้ยินเสียงซึ่งฟังแล้วชวนให้ใจสงบค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ดื่มด่ำกับการจิบกาแฟที่จองอูชงให้
ในตอนนั้นเอง เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมของดอกไม้และกลิ่นเลม่อนลอยมาเตะจมูก
“นายใส่อะไรลงในกาแฟเหรอ”
“เปล่า ไม่ได้ใส่ ทำไมเหรอ”
“มันมีกลิ่นดอกไม้อะไรสักอย่างออกมาด้วย แล้วก็กลิ่นเหมือนพวกผลไม้ด้วย”
“อ้อ เมล็ดกาแฟพันธุ์นั้นก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ไม่ชอบเหรอ ก็นึกว่าจะชอบซะอีก”
“ไม่ใช่ไม่ชอบหรอก แต่เพราะไม่เคยดื่มแบบนี้ต่างหาก”
“ถ้าชอบก็ดีแล้ว”
จองอูเอาแต่พูดวนไปวนมาอยู่แค่นั้น
ช่างเป็นคนที่น่าเบื่อเสียจริง ซองจูถอนหายใจ แล้วเสียงแปลกปลอมก็ดังขึ้น เป็นเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่วางอยู่สุดปลายโต๊ะ มันกำลังสั่นครืดคราดพร้อมกับแสงหน้าจอที่ส่องสว่างขึ้น ซองจูจ้องเขม็งพร้อมหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นให้กับตัวการของเสียงที่ดังขึ้นทำลายช่วงเวลาอันสงบสุขของเขา
บนหน้าจอที่ส่องสว่างปรากฏชื่อของดงฮยอน
“อะไรกัน มนุษย์นี่โทรมาทีไรไม่เคยจะมีเรื่องดีหรอก”
ซองจูพึมพำแผ่วเบา แล้วจึงเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์เจ้าปัญหามา
“ทำไม”
[นี่ ไอ้การตอบรับโทรศัพท์จากรุ่นพี่แบบนี้นี่มันอะไรกัน]
“ก็ไม่ได้อยากจะรับสักหน่อย”
[แล้วถ้าฉันโทรมาเรื่องงานนายจะว่าไง]
“ปกติก็ไม่เคยคุยเรื่องงานทางนี้อยู่แล้วนี่”
เสียงบ่นตอบงึมงำของซองจูทำเอาดงฮยอนถึงกับระเบิดหัวเราะออกมา
[ฮ่าๆ ยังไหวพริบดีไม่เปลี่ยนเลยนะ เอ้อ วันนี้นายว่างใช่ไหม]
“ดูก่อน มีเรื่องอะไรล่ะ”
[ก็แค่มีเรื่องจะคุยด้วย ออกมาเจอกันหน่อยสิ]
“เรื่องงานเหรอ”
[ไม่ใช่หรอก ก็ขึ้นอยู่กับนายแล้วว่าจะคิดว่ามันสำคัญหรือเปล่า]
“อะไรเนี่ย แล้วไง ต้องวันนี้เลยรึไง”
ซองจูถึงกับแสดงสีหน้าไม่พอใจกับการถูกเรียกตัวออกไปหากะทันหัน
ปกติแล้วดงฮยอนจะโทรมาล้อเล่นแบบนี้ จากนั้นก็จะปรับโหมดเป็นโหมดจริงจัง แล้วถึงจะนัดเวลากับสถานที่เพื่อคุยธุระกัน แต่ว่านี่จู่ๆ ก็มาเรียกให้ไปหาที่บริษัทแบบปัจจุบันทันด่วน ทำอย่างกับแอบมีแผนการอะไรอย่างนั้นแหละ และแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นถมึงทึงขึ้นทันที
“ฉันยังไม่คิดที่จะรับงานอะไรหรอกนะ แต่นี่มีบทภาพยนตร์ลึกลับเข้ามารึไง”
เขายกกาแฟของจองอูขึ้นมาจิบอึกหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ พิงตัวลงกับโซฟา รสสัมผัสของกลิ่นเลม่อนหอมสดชื่นกับกลิ่นของดอกไม้นั้น ดูจะเป็นที่พอใจเขากว่าที่คิดไว้เสียอีก
[ไม่ ไม่ใช่เรื่องนั้น มีอะไรจะให้น่ะ]
“ให้? ไม่ใช่ของแปลก ๆ ใช่ไหม?”
[ถ้ามันเป็นของแปลก ฉันจะเรียกให้นายออกมาดูรึไง ยังไงก็เถอะ แค่น่าสงสัยมากเท่านั้นแหละ]
ซองจูทำเสียงจิ๊ออกมาพร้อมเดาะลิ้นในทันที สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง
“เฮอะ จริงๆ เลย แค่ออกไปก็จบใช่ไหม! แล้วจะอยู่ที่บริษัทถึงเมื่อไหร่ล่ะ”
[จนกว่านายจะมา]
“นี่”
[รู้แล้วน่า ไอ้นี่ ที่จริงฉันเองก็ไม่ใช่คนรับของหรอกนะ แต่ก็ ถ้าเข้ามาสักประมาณหลังหน่งทุ่มก็คงจะพอดีกันมั้ง]
“หา? มั้งอะไร? นี่ล้อกันเล่นเหรอ? นี่มันเรื่องบ้าอะไร?”
เป็นเพราะดงฮยอนที่ทำเหมือนกำลังพูดเล่นไร้สาระ จึงทำให้สติของซองจูขาดผึงไปแล้วเรียบร้อย
มีใครบางคนส่งอะไรมาให้ แล้วยังว่าตัวเองไม่ใช่คนรับของนั่นอีก นี่มันพูดเรื่องบ้าอะไรวะ กระทั่งเวลาก็ยังไม่ได้กำหนดให้แน่ชัดอีก พูดเหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นดงฮยอนที่จัดการ แล้วก็นะ ไอ้ชินดงฮยอนเนี่ย ไม่ใช่คนประเภทที่จะยินดีกับเรื่องอะไรแบบนั้นด้วย ซองจูกลืนกาแฟลงคอไปอึกนึง ก่อนจะพูดจาข่มขู่ออกมา
“พูดมาซะดีๆ มีแผนอะไรอยู่กันแน่”
[ไม่ได้มีอะไรแบบนั้นหรอกน่า ไม่สิ จริงๆ ก็มีเรื่องสำคัญนิดหน่อย เหมือนถ้าไม่ใช่นายก็คงจะไม่ได้ เลิกบ่นแล้วมาเถอะน่า ฉันเองก็อึดอัดใจเหมือนกันนั่นแหละ]