(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนที่ 2-5

ตอนที่ 2-5 แผลฉกรรจ์

 

 

 

 

ซองจูจ้องมือที่ยื่นออกมาพลางหัวเราะคิกคัก ช่างเถรตรงเสียเหลือเกินนะ เจ้านี่คงรู้จักแต่การพูดทื่อๆ ราวกับขอนไม้เท่านั้นสินะ  

 

 

“หน้าด้านจังเลยนะ รู้มั้ยว่าเหล้านี่ราคาตั้งเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้เลิกผลิตไปแล้วด้วย หาไม่ได้ง่ายๆ เลยนะ เพราะงั้นระหว่างที่ดื่มมันไปก็รู้สึกขอบคุณฉันเสียด้วยละ” 

 

 

พูดออกมาพร้อมกับแสดงท่าทางโอ้อวดเสียใหญ่โต ทำราวกับเขาเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว จองอูได้แต่แอบขำให้กับท่าทางแบบนั้นของซองจู 

 

 

ทั้งสองไม่ได้พูดคุยโต้เถียงเรื่องใดกันต่ออีก จนกระทั่งเวลาเดินมาจนถึงช่วงหัวค่ำ 

 

 

ร่างกายที่อ่อนล้าอยู่แล้ว แถมยังถูกกรอกเหล้าดีกรีแรงเข้าไปอีก ร่างกายที่ไหนจะทนรับไหว หากกลับเป็นเรื่องประหลาด ที่ทั้งซองจูซึ่งหมดแรงไปกับการต้อนรับแขกเหรื่อ หรือแม้แต่จองอูซึ่งเป็นมนุษย์ผู้นอนในเวลากลางวัน กลับทนอยู่มาจนถึงเวลานี้ได้ ทั้งคู่ยังคงดื่มเหล้าด้วยกันบนโซฟาตัวเดิมโดยที่ไม่รู้สึกตัวถึงความแปลกประหลาดนี้เลย 

 

 

จองอูที่ศีรษะโงนเงนจนแทบจะตั้งตรงไม่ได้ บนไหล่ของเขามีซองจูที่คอพับไปแล้วซบพิงอยู่ มันคงไม่แปลกอะไรหากจองอูจะไม่ได้เอาแขนข้างหนึ่งของซองจูมาพาดเอาไว้ที่เอวตัวเอง ด้วยกลัวว่าอีกคนจะไหลตกลงไปข้างล่าง ใบหน้าขาวซีดของซองจูนั้นดูราวกับดวงจันทร์ท่ามกลางความมืดมิด และความมืดมิดที่ว่าซึ่งกำลังโอบล้อมซองจูเอาไว้ก็คือตัวของจองอูนั่นเอง 

 

 

แสงของดวงจันทร์จะมีค่าก็ในยามที่ถูกโอบล้อมด้วยความมืดมิด 

 

 

ความมืดมิดภายนอกค่อยๆ คืบคลานเข้ามาโอบล้อมร่างของคนทั้งสอง ซึ่งยังคงไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งใด 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

“นี่ ฉันขอด้วยแก้วนึง” 

 

 

ไม่รู้ทำไมถึงได้อยากลืมตาตื่นมาแต่เช้าทั้งที่ยังง่วงอยู่แบบนี้ จองอูที่กำลังเดินไปทางห้องครัวเพื่อเติมคาเฟอีนให้ไปกระตุ้นดวงตาที่ไม่ยอมลืมขึ้น แต่กลับถูกซองจูเรียกเอาไว้ เขาหันกลับไปด้วยคิดว่าตัวเองคงจะหูฝาด แต่กลับเห็นใบหน้าของซองจูปรากฏสู่สายตา โดยที่อีกฝ่ายกำลังเอนตัวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น จองอูเพียงพยักหน้ารับอย่างเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยถามซองจู  

 

 

“อเมริกาโน่?” 

 

 

“อือ แบบเย็น” 

 

 

“รู้แล้ว เดี๋ยวเอามาให้” 

 

 

คำตอบที่สวนกลับมาในเวลาเดียวกันกับที่จองอูชะงักฝีเท้า 

 

 

หากเป็นปกติ คงต้องค่อยๆ บดเมล็ดกาแฟ แล้วจึงนำไปดริปด้วยอุณหภูมิที่พอเหมาะ หากตอนนี้เขาต้องทำให้คนใจร้อนเช่นซองจู จะให้มาพิถีพิถันแบบนั้น อีกคนคงได้ร้อนรนจนไฟลุกขึ้นมาเสียก่อน จองอูเดินไปยังโฮมบาร์ที่อยู่ระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่น แล้วพาตัวไปยังส่วนที่มีเครื่องชงกาแฟตั้งอยู่ 

 

 

“เอาแบบที่ดื่มทุกวันใช่ไหม” 

 

 

“ไม่เอาอันนั้น เอาแบบที่นายดื่มทุกวันน่ะ” 

 

 

“อะไรนะ?” 

 

 

“ก็ที่นายเอามาบดๆ ชงๆ แบบทุกวันน่ะ แบบนั้นแหละ” 

 

 

“…มันนานนะ” 

 

 

“ไม่เป็นไร” 

 

 

ไม่รู้ว่าคนใจร้อนแบบนั้นเกิดนึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงได้อยากดื่มกาแฟดริป แต่ว่าตัวเขาเองก็ชอบดื่มกาแฟดริปมากกว่ากาแฟที่ชงจากเครื่องชงเสียด้วยสิ เขาจึงเลือกที่จะตามใจซองจู จองอูเปิดช่องแช่แข็งตู้เย็นหยิบเอาเม็ดกาแฟออกมาแล้วใส่ลงในเครื่องบดเมล็ดกาแฟ 

 

 

“ว่าแต่นายซื้อของที่ต้องลำบากลำบนแบบนั้นมาทำไม?” 

 

 

ซองจูที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เฝ้ามองดูอีกฝ่ายอยู่พักนึงจึงได้เอ่ยถามจองอูออกมา เจ้ายักษ์สีดำนั่น ดูไม่ได้เข้ากับการทำงานประณีตอะไรแบบนี้เลยสักนิด และเหมือนว่าตอนนี้คนทั้งคู่จะสนิทใจกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน 

 

 

“อะไรล่ะ” 

 

 

“ฉันเคยเห็นในหนังนะ มันมีแบบที่คล้ายเครื่องปั่น ที่ใส่เข้าไปแล้วก็จะบดให้เลยน่ะ แล้วทำไมนายถึงมานั่งบดด้วยมือแบบนั้นล่ะ ไม่ปวดแขนรึไง” 

 

 

“ก็แค่เคยชินกับแบบนี้น่ะ” 

 

 

“คงไม่ใช่เพราะไม่มีเงินซื้ออะไรแบบนั้นหรอกนะ ฉันซื้อให้เอาไหม” 

 

 

“มันไม่ใช่เพราะไม่มีเงินซื้อเครื่องบดอัตโนมัติแบบนั้นซะหน่อย” 

 

 

อุตส่าห์แสดงความใจดีอย่างที่สุด แต่กลับไม่รู้จักขอบคุณกันเลยสักนิด ซองจูได้แต่จิ๊ปากอย่างขัดใจ จองอูเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ถึงกับหัวเราะออกมา 

 

 

“เจ้านี่ นายหัวเราะเยาะฉันเหรอ” 

 

 

“ก็แล้วแต่จะคิด” 

 

 

แม้อยากจะเถียงต่อ แต่เพราะจองอูไม่ได้ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย ซองจูจึงทำได้เพียงทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอ แล้วจึงหันมาจดจ้องจองอูที่นำเมล็ดกาแฟที่บดเสร็จเรียบร้อยมาดริป 

 

 

หลังจากงานแต่งงานของซองฮี ซองจูรู้สึกสบายใจกับการอยู่กับจองอูมากขึ้น จองอูที่แม้จะรับรู้เกี่ยวกับตัวตนที่ติดลบของเขาแต่กลับไม่ได้ใส่ใจอะไร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ และอีกฝ่ายเองก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆ ไปบ้าง แต่ซองจูก็คิดว่านั่นไม่ได้เป็นปัญหาอะไร 

 

 

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะถึงขั้นสนิทสนม แล้วเกิดเป็นมิตรภาพระหว่างเพื่อนกันหรอกนะ ก็แค่พูดคุยกันได้อย่างสนิทใจในระดับหนึ่ง ทานข้าวด้วยกันบ้างบางครั้ง หรือแบ่งปันนั่นนี่อย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ แต่ว่าการได้แสดงท่าทีสนิทสนมกับใครแบบนี้สำหรับเขามันก็นานมากแล้ว สำหรับซองจู ความสัมพันธ์กับจองอูนั้นนับเป็นเรื่องแปลกใหม่ 

 

 

คิมจองอูนั้นประสบกับเรื่องราวแบบไหนมา หรือถูกขัดเกลามาอย่างไรนั้น เขาไม่อาจรู้ แต่อย่างไรเสียอีกคนก็นับได้ว่าเป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถยกโทษให้กับเรื่องที่อีกคนตีสนิทกับมินซิกได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็นะเขาก็พอจะเข้าใจพฤติกรรมของอีกคนอยู่บ้าง 

 

 

ถึงจะเป็นพวกไม่ค่อยพูดและชอบพูดจากตรงไปตรงมา แต่ว่าอีกคนกลับเป็นคนที่เอาใจใส่ต่อคนรอบข้างในระดับหนึ่ง แม้อาชีพของอีกฝ่ายจะเกี่ยวข้องกับดนตรี จึงมักจะทำงานโต้รุ่งอยู่ตลอด แต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่จะทำเสียงดังรบกวน และทำให้ซองจูตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อหวนคิดไปถึงสมัยเรียน เขามักจะต้องประสบกับความทุกข์ทรมานจากมลภาวะทางเสียงที่เกิดจากการดีดกีต้าร์ของซองฮี ตอนนั้นมันเป็นปัญหาระดับชาติเลยทีเดียว แล้วเวลาที่มินซิกไม่ว่าง จองอูก็จะเป็นคนจัดการเรื่องอาหารการกินให้แทน เพียงเวลาไม่นานจองอูก็ค่อยๆ เข้ามามีอิทธิพลในชีวิตประจำวันของซองจูมากยิ่งขึ้น 

 

 

“อ๊ะ ได้แล้ว ถ้าอยากเติมน้ำแข็งเพิ่มก็ไปเอาในช่องแช่แข็งเองนะ” 

 

 

ในขณะที่ซองจูกำลังจมอยู่กับความคิดตัวเอง กาแฟก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว 

 

 

อีกคนเดินเข้ามายังห้องนั่งเล่นเงียบๆ ก่อนจะวางแก้วใสขนาดพอเหมาะลงบนโต๊ะดัง ตึ่ก ซองจูมองไปยังแก้วใสที่ภายในนั้นมีก้อนน้ำแข็งลอยอยู่ท่ามกลางมวลน้ำกาแฟสีเข้ม ดูราวกับสัตว์น้ำที่กำลังแหวกว่ายอย่างช้าๆ อยู่ในนั้น ก่อนเจ้าตัวจะเปิดปากพูดออกมา 

 

 

“ของนายล่ะ?” 

 

 

“ก็กำลังจะทำนี่ไง” 

 

 

 พูดจบจองอูก็เดินกลับไปทางห้องครัว จองอูที่ทั้งตัวยังคงสวมเสื้อผ้าสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นเคย ยามที่ร่างสูงใหญ่และแข็งแรงนั่นเคลื่อนไหวมันดูราวกับเป็นภาพเงา 

 

 

“แล้วทำไมไม่ทำพร้อมกันเลยล่ะ?” 

 

 

“ฉันกับนายใช้เมล็ดกาแฟไม่เหมือนกันไง” 

 

 

“แล้วจะทำให้มันยุ่งยากแบบนั้นเพื่อ?” 

 

 

“ก็เมล็ดกาแฟแบบที่ฉันชอบ นายไม่ชอบ” 

 

 

จองอูตอบแบบนั้นพร้อมกับหยิบของบางอย่างออกมาจากช่องแช่แข็ง 

 

 

เจ้าตัวเทเมล็ดกาแฟลงไปในเครื่องบดกาแฟ ก่อนเสียงดัง ตึ่ก จากการปิดลิ้นชักจะดังขึ้น กล้ามเนื้อแข็งแรงปรากฎบนท่อนแขนซึ่งกำลังค่อยๆ ขยับด้วยความเร็วคงที่ เสียงเมล็ดกาแฟที่ถูกบดดังออกมาให้ได้ยิน ซองจูที่ได้ยินเสียงซึ่งฟังแล้วชวนให้ใจสงบค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ดื่มด่ำกับการจิบกาแฟที่จองอูชงให้ 

 

 

ในตอนนั้นเอง เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมของดอกไม้และกลิ่นเลม่อนลอยมาเตะจมูก 

 

 

“นายใส่อะไรลงในกาแฟเหรอ” 

 

 

“เปล่า ไม่ได้ใส่ ทำไมเหรอ” 

 

 

“มันมีกลิ่นดอกไม้อะไรสักอย่างออกมาด้วย แล้วก็กลิ่นเหมือนพวกผลไม้ด้วย” 

 

 

“อ้อ เมล็ดกาแฟพันธุ์นั้นก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ไม่ชอบเหรอ ก็นึกว่าจะชอบซะอีก” 

 

 

“ไม่ใช่ไม่ชอบหรอก แต่เพราะไม่เคยดื่มแบบนี้ต่างหาก” 

 

 

“ถ้าชอบก็ดีแล้ว” 

 

 

จองอูเอาแต่พูดวนไปวนมาอยู่แค่นั้น 

 

 

ช่างเป็นคนที่น่าเบื่อเสียจริง ซองจูถอนหายใจ แล้วเสียงแปลกปลอมก็ดังขึ้น เป็นเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่วางอยู่สุดปลายโต๊ะ มันกำลังสั่นครืดคราดพร้อมกับแสงหน้าจอที่ส่องสว่างขึ้น ซองจูจ้องเขม็งพร้อมหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นให้กับตัวการของเสียงที่ดังขึ้นทำลายช่วงเวลาอันสงบสุขของเขา 

 

 

บนหน้าจอที่ส่องสว่างปรากฏชื่อของดงฮยอน 

 

 

“อะไรกัน มนุษย์นี่โทรมาทีไรไม่เคยจะมีเรื่องดีหรอก” 

 

 

ซองจูพึมพำแผ่วเบา แล้วจึงเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์เจ้าปัญหามา 

 

 

“ทำไม” 

 

 

[นี่ ไอ้การตอบรับโทรศัพท์จากรุ่นพี่แบบนี้นี่มันอะไรกัน] 

 

 

“ก็ไม่ได้อยากจะรับสักหน่อย” 

 

 

[แล้วถ้าฉันโทรมาเรื่องงานนายจะว่าไง] 

 

 

“ปกติก็ไม่เคยคุยเรื่องงานทางนี้อยู่แล้วนี่” 

 

 

เสียงบ่นตอบงึมงำของซองจูทำเอาดงฮยอนถึงกับระเบิดหัวเราะออกมา 

 

 

[ฮ่าๆ ยังไหวพริบดีไม่เปลี่ยนเลยนะ เอ้อ วันนี้นายว่างใช่ไหม] 

 

 

“ดูก่อน มีเรื่องอะไรล่ะ” 

 

 

[ก็แค่มีเรื่องจะคุยด้วย ออกมาเจอกันหน่อยสิ] 

 

 

“เรื่องงานเหรอ” 

 

 

[ไม่ใช่หรอก ก็ขึ้นอยู่กับนายแล้วว่าจะคิดว่ามันสำคัญหรือเปล่า] 

 

 

“อะไรเนี่ย แล้วไง ต้องวันนี้เลยรึไง” 

 

 

ซองจูถึงกับแสดงสีหน้าไม่พอใจกับการถูกเรียกตัวออกไปหากะทันหัน 

 

 

ปกติแล้วดงฮยอนจะโทรมาล้อเล่นแบบนี้ จากนั้นก็จะปรับโหมดเป็นโหมดจริงจัง แล้วถึงจะนัดเวลากับสถานที่เพื่อคุยธุระกัน แต่ว่านี่จู่ๆ ก็มาเรียกให้ไปหาที่บริษัทแบบปัจจุบันทันด่วน ทำอย่างกับแอบมีแผนการอะไรอย่างนั้นแหละ และแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นถมึงทึงขึ้นทันที 

 

 

“ฉันยังไม่คิดที่จะรับงานอะไรหรอกนะ แต่นี่มีบทภาพยนตร์ลึกลับเข้ามารึไง” 

 

 

เขายกกาแฟของจองอูขึ้นมาจิบอึกหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ พิงตัวลงกับโซฟา รสสัมผัสของกลิ่นเลม่อนหอมสดชื่นกับกลิ่นของดอกไม้นั้น ดูจะเป็นที่พอใจเขากว่าที่คิดไว้เสียอีก 

 

 

[ไม่ ไม่ใช่เรื่องนั้น มีอะไรจะให้น่ะ] 

 

 

“ให้? ไม่ใช่ของแปลก ๆ ใช่ไหม?” 

 

 

[ถ้ามันเป็นของแปลก ฉันจะเรียกให้นายออกมาดูรึไง ยังไงก็เถอะ แค่น่าสงสัยมากเท่านั้นแหละ] 

 

 

ซองจูทำเสียงจิ๊ออกมาพร้อมเดาะลิ้นในทันที สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง 

 

 

“เฮอะ จริงๆ เลย แค่ออกไปก็จบใช่ไหม! แล้วจะอยู่ที่บริษัทถึงเมื่อไหร่ล่ะ” 

 

 

[จนกว่านายจะมา] 

 

 

“นี่” 

 

 

[รู้แล้วน่า ไอ้นี่ ที่จริงฉันเองก็ไม่ใช่คนรับของหรอกนะ แต่ก็ ถ้าเข้ามาสักประมาณหลังหน่งทุ่มก็คงจะพอดีกันมั้ง] 

 

 

“หา? มั้งอะไร? นี่ล้อกันเล่นเหรอ? นี่มันเรื่องบ้าอะไร?” 

 

 

เป็นเพราะดงฮยอนที่ทำเหมือนกำลังพูดเล่นไร้สาระ จึงทำให้สติของซองจูขาดผึงไปแล้วเรียบร้อย 

 

 

มีใครบางคนส่งอะไรมาให้ แล้วยังว่าตัวเองไม่ใช่คนรับของนั่นอีก นี่มันพูดเรื่องบ้าอะไรวะ กระทั่งเวลาก็ยังไม่ได้กำหนดให้แน่ชัดอีก พูดเหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นดงฮยอนที่จัดการ แล้วก็นะ ไอ้ชินดงฮยอนเนี่ย ไม่ใช่คนประเภทที่จะยินดีกับเรื่องอะไรแบบนั้นด้วย ซองจูกลืนกาแฟลงคอไปอึกนึง ก่อนจะพูดจาข่มขู่ออกมา 

 

 

“พูดมาซะดีๆ มีแผนอะไรอยู่กันแน่” 

 

 

[ไม่ได้มีอะไรแบบนั้นหรอกน่า ไม่สิ จริงๆ ก็มีเรื่องสำคัญนิดหน่อย เหมือนถ้าไม่ใช่นายก็คงจะไม่ได้ เลิกบ่นแล้วมาเถอะน่า ฉันเองก็อึดอัดใจเหมือนกันนั่นแหละ] 

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset