หลายอย่างในชีวิตประจำวันเปลี่ยนแปลงไปมาก
ตารางชีวิตที่เคยตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนนี้ เวลาตื่นนอนของซองจูมันเริ่มช้าไปจากเดิม ก็แค่จากเวลาหกโมงเช้าเปลี่ยนมาเป็นแปดโมงเช้าก็เท่านั้น จากเคยชินที่ต้องเริ่มต้นเช้าวันใหม่ให้พอดีกับเวลาของพ่อแม่มาโดยตลอดนั้น นี่กลับถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับซองจู ออกกำลังกายให้เสร็จในช่วงเช้า และกลับมาทานมื้อเที่ยงในช่วงสายกับจองอูที่ออกมาจากห้อง หรือกระทั่งการนั่งคุยเล่นกัน มันคือสิ่งที่เพิ่มขึ้นมา
มินซิกเองที่คอยช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ หรือดูแลเรื่องอาหารของซองจูอยู่บ่อยๆ ก็สนิทกับคนทั้งสองมากขึ้นตามไปด้วย ช่องว่างระหว่างกันค่อยๆ ลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นซองจูจึงไม่ได้มีทีท่าต่อต้านจองอู แล้วทั้งคู่ก็มักจะใช้เวลาในยามบ่ายร่วมกัน
ไม่ได้มีแค่ชีวิตประจำวันของซองจูเท่านั้นที่เปลี่ยนไป
จองอูเองก็แตกต่างไปจากที่เขาเคยคาดการณ์ไว้ จากที่คิดว่าคงทนนิสัยของซองจูไม่ได้ แล้วก็ต้องจากไปในที่สุด แต่กลับยังคงปักหลักอยู่ที่นี่อย่างเดิม ข้าวของที่เคยมีเพียงไม่กี่ชิ้นในตอนแรกก็เพิ่มมากขึ้น เพราะเจ้าตัวเริ่มทำงานอย่างจริงจังแล้ว ซองจูคิดว่าจองอูคงจะไม่ออกมาจากห้องของตัวเองในตอนเช้า แล้วจะไม่ให้เรียกว่าเต้นกินรำกินได้อย่างไรกัน ว่าพร้อมเดาะลิ้นใส่
แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากๆ ไม่ได้มีแค่นั้น
“อึก อื้อ! อ๊ะ ตรงนั้น… อีกนิด อีก อีก ฮึก! อ้า…”
“ตรงนี้?”
“จะ เจ็บ…”
“โกหก ทุกครั้งที่ใส่เข้าไป นายเอาแต่รัดฉันใหญ่เลยนะ”
“อ๊ะ อื้อ! นาย อย่าพูด…อึก!”
ไม่สนว่าตอนไหนเวลาไหน ทั้งคู่มักจะชอบแก้เบื่อด้วยวิธีนี้
ซองจูที่ไม่เคยเสพติดการมีสัมพันธ์กับใครถึงขนาดนี้ ตอนนี้เขากลับทำตัวเป็นหัวขโมยที่แอบย่องเข้ามาในยามวิกาล แล้วยังถึงกับเป็นฝ่ายออกปากชักชวนจองอูมาที่ห้องก่อน คนที่รู้จักตัวเขา หากได้รู้เรื่องนี้คงมีอันได้ตกตะลึงกันยกใหญ่
“นายน่ะ เดี๋ยวนี้ไม่คิดว่าทำแรงเกินไปรึไง? คิดถึงสภาพร่างกายกันบ้างสิ”
วันนี้ก็เช่นกัน หลังจากกิจกามในยามบ่ายจบลง ซองจูนอนแผ่อยู่บนเตียงหายใจหอบถี่พร้อมกับพึมพำประโยคนั้นออกมา แล้วไอ้คนที่ก่อนหน้านี้ตะโกนร้องว่า ‘เอาอีก’ นั่นมันอะไรกัน จองอูอยากจะสวนกลับไปเช่นนั้น แต่ก็ทำได้เพียงหัวเราะออกมา พร้อมกับลูบหัวของซองจูเบาๆ
“นายเนี่ยนะ เอาแต่ใจจริง”
ไม่ชอบใจที่อีกคนทำราวกับตัวเขานั้นเป็นเด็กๆ ซองจูจึงแสดงความหงุดหงิดออกมา เห็นเช่นนั้นแล้วรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนริมฝีปากนั่นก็ไม่ได้จางหายไปเลยสักนิด จองอูที่ตระหนักถึงความจริงนั้น จึงได้รีบปรับสีหน้ากลับคืนมาเช่นเดิม ก่อนจะลุกขึ้นยืนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”
“รู้แล้วเดี๋ยวไป นายก็อาบด้วยใช่ไหม”
“อื้อ ฉันจะไปอาบห้องโน้น”
เก็บกวาดเสื้อผ้าที่ตกอยู่บนพื้นห้อง ก่อนจะออกไปจากห้องนั้นไปด้วยร่างกายที่ยังคงเปลือยเปล่า ซองจูซึ่งมองตามหลังของจองอูไป แสดงสีหน้าว้าวุ่นใจขึ้นมา
“ไอ้บ้านั่น ทำไมจู่ๆ ก็เป็นแบบนั้น…”
เขาเข้าไปในห้องอาบน้ำ ทั้งที่ยังคงรู้สึกแปลกๆ กับการที่ถูกจองอูลูบสัมผัสที่หัวก่อนหน้านี้
ซ่า
ยามเมื่อสายน้ำอุ่นไหลออกมากระทบถูกตัว ความสับสนในหัวจึงค่อยเริ่มสงบลง ซองจูขยี้ผมตัวเองจนมันเกิดฟองแชมพูออกมามากมาย พร้อมกับถอนหายใจเฮือกออกมา
อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ไม่คิดเลยว่าตัวเขาจะมาหมกมุ่นกับเรื่องที่เหมือนการเอาตัวเขาไปเล่นกับไฟถึงขนาดนี้ พอได้อยู่กับจองอูแล้วมันทำให้รู้สึกสบายใจ แล้วยังเปิดเผยตัวตนออกมาได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ไม่จำเป็นต้องฝืนยิ้ม หรือพยายามทำตัวให้ดูดี แม้แต่ความอ่อนแอที่ไม่เคยอยากแสดงให้ใครเห็น กับจองอูแล้วจะเปิดเผยมันออกมามากแค่ไหนก็ได้
ช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ กับแขกไม่ได้รับเชิญที่เขาเคยไม่ชอบใจ ทำไมถึงได้ให้ความรู้สึกผ่อนคลายขนาดนี้ เป็นเรื่องที่เขาเองก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ดังนั้น ซองจูจึงยังคงไม่ได้แสดงความอ่อนโยนกับอีกฝ่าย ถ้าหากเขาเถียงอีกคนออกไปด้วยความหงุดหงิด จองอูก็เพียงแสดงสีหน้าเหมือนกับบอกว่าเอาอีกแล้วนะ แล้วก็ยอมลงให้เขา หรือการที่อีกฝ่ายยอมรับอารมณ์ของเขาได้ มันทำให้เขายิ่งได้ใจอย่างไม่มีเหตุผล ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ตัวเขาเริ่มทำตามการชี้นำของจองอูเหมือนเด็กๆ แม้จะคิดได้ในตอนหลัง แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดมันได้แล้ว นั่นยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนว่าตัวเขามันไม่ใช่ตัวเขามากขึ้นไปอีก ซองจูถอนหายใจยาวออกมาอีกครั้ง ก่อนจะปิดก๊อกฝักบัว และเริ่มถูร่างกายด้วยฟองน้ำถูตัว
“อื้อ…”
ในตอนที่ฟองน้ำถูตัวปัดผ่านถูกหน้าอก ความรู้สึกเสียวซ่านก็แล่นวาบขึ้นมาทันที ทำให้เขาถึงกับเผลอส่งเสียงครางออกมาโดยไม่รู้ตัว จนต้องรีบปิดปากตัวเองไว้ แม้จะรู้ดีว่าไม่มีทางที่ใครจะมาได้ยิน แต่หลังจากได้มองไปรอบๆ จนพอใจแล้ว ซองจูจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เช่นเดียวกับความสบายใจที่ตัวเขามีต่อจองอู สิ่งที่มันแปลกไปก็คือการตอบสนองของร่างกายนี้ เหมือนกับที่ตัวเขาเสแสร้งต่อหน้าผู้คนอยู่ตลอด สำหรับคนรักมันก็ไม่ได้ต่างอะไรเลยสำหรับซองจู ร่างกายที่ไม่เคยมีใครได้ล่วงล้ำเข้ามา ช่างน่าประหลาดที่มันกลับเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับจองอู ไม่ใช่แค่นั้น สัมผัสที่เหมือนจะลืมไป แต่ก็พอนึกถึงขึ้นมาเมื่อไหร่ ความเสียวซ่านและร้อนรุ่มพวกนั้นก็ทำให้ซองจูคอยวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวจองอูไปเสียแล้ว
เขาไม่เคยกำหนดรสนิยมของตัวเองเลยสักครั้ง กับผู้หญิงเขาก็สามารถมีความสัมพันธ์ด้วยได้โดยที่ไม่ได้มีปัญหาอะไร ผู้ชายที่เขาเคยชอบพอก็มีเพียงแค่เซจองเท่านั้น เขาไม่ได้ปฏิเสธว่าตัวเองชอบผู้ชาย แล้วก็ไม่คิดว่าจะต้องเป็นแบบนั้นไปตลอดชีวิต แต่ว่าเรื่องนี้นี่มันอะไรกัน ประสบการณ์ที่ควรจะจบลงในครั้งเดียว มันกลับยังคงดำเนินต่อมาเรื่อยๆ ตอนนี้เขาตกอยู่ในตำแหน่งที่คอยอ้าขาให้จองอูไปโดยสัญชาตญาณเสียแล้ว แล้วก็มันเป็นความจริงที่กระแทกใจซองจูอย่างจังว่า ตัวเขานั้นไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือขยะแขยงตัวเองในแบบนั้นเลย
“ช่างมัน ไม่ใช่เรื่องสำคัญสักหน่อย”
ประหม่ากับเรื่องเซ็กซ์อะไรแบบนี้ ดูไม่สมกับเป็นฮันซองจูเลย ซองจูหัวเราะออกมา ก่อนจะเริ่มต้นอาบน้ำอีกครั้ง ได้แต่หวังว่าสายน้ำอุ่นที่ราดรดลงบนร่างกายจะช่วยชะล้างความคิดยุ่งเหยิงที่คอยวนเวียนอยู่ในหัวออกไปด้วย เขาปล่อยใจให้ว่างเปล่า แล้วจึงขัดถูฟองน้ำไปทั่วตัวซ้ำๆ อย่างนั้น
“ทำไมนานแบบนี้ คิดว่าเป็นลมไปแล้วซะอีก”
หลังจากไดร์ผมที่เปียกชื้นจนแห้งสนิทดี ตัวเขาก็ออกมาจากห้อง แล้วก็ได้เจอกับจองอูที่กำลังชงกาแฟอยู่ในครัว ราวกับต้องการจะถามอีกคนว่ามีของเขาด้วยหรือไม่ จึงได้พาตัวเองเดินเวียนไปวนมาแถวๆ นั้นอย่างรอคอย และแล้วแก้วใสที่มีกาแฟบรรจุอยู่เต็มเปี่ยมก็ถูกยื่นส่งมาให้ เมื่อยื่นมือออกไปรับมาแล้ว เจ้าตัวก็ยังคงยืนพิงอยู่กับโฮมบาร์ แล้วจ้องมองไปที่จองอู
เหมือนกับอีกคนไม่มีเสื้อผ้าสีอื่นแล้ว ทั้งบนและล่างสวมทับด้วยสีดำไปเสียทั้งหมด แล้วยังใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งที่มีผมยาวปรกอยู่แบบนั้นอีก มันยิ่งพาลให้เกิดความอึดอัดขึ้นอีกเป็นเท่าตัว อากาศก็ร้อนอยู่แล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังเอาแต่แต่งตัวแบบนั้นอีกนะ แขนที่ยื่นออกไปด้วยหมายจะช่วยเกลี่ยเส้นผมที่ยังคงชื้นอยู่นิดๆ ที่ปรกอยู่บนใบหน้าของจองอูนั้นออก ในตอนนั้นเอง เขาก็เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบที่หลังมือ
พลั่ก!
กะพริบตาปริบๆ อย่างต้องการถามว่านี่มันเรื่องอะไรกัน แต่แล้วก็สบตาเข้ากับจองอูที่ดูตกตะลึงยิ่งกว่า ใบหน้าแข็งกร้าวและร่างกายที่ผงะถอยไปด้านหลังก็ปรากฏสู่สายตาเขาทั้งหมด
“เอ่อ โทษที ตกใจน่ะ…”
อีกฝ่ายเอ่ยขอโทษที่ปัดป้องมือเขาออกด้วยสีหน้าลำบากใจ แต่พอได้เห็นสีหน้าที่ดูไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรของซองจูแล้ว ก็ประหลาดใจขึ้นมา
“ช่างเถอะ ฉันเองก็ทำไปโดยพลการ…”
เสียงพูดที่ไม่ได้ตะโกนออกมาเช่นปกติ แล้วยังท่าทางที่ดูละล้าละลัง สภาพนั้นของซองจูกลับทำเอาฝ่ายจองอูเสียอีกที่ต้องตื่นตกใจ ถ้าหากเกิดเรื่องแบบนี้ อีกคนควรต้องพูดว่านายเมินฉันเหรอ กล้าดียังไงมาปัดมือฉัน อะไรทำนองนั้นออกมาสิ ปกติฮันซองจูจะชอบพูดจาอย่างอวดดีด้วยการตะคอกเสียงดังเหมือนการทิ้งระเบิด ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะใช้วิธีถอยออกไปก้าวหนึ่งแบบนี้ เขาแสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมา ก่อนจะยื่นมือไปทาบทับบนหน้าผากของซองจู
“ไม่สบายเหรอ?”
“ไอ้นี่…ประสาทเหรอ”
ที่สุดแล้ว ซองจูที่อึ้งไปกับการกระทำของอีกคน ก็ถึงกับหลุดพ่นคำด่าออกไป ความกังวลที่ปรากฎอยู่บนหน้าของจองอูจึงสลายหายไปทันที ไม่ใช่ความสนิทสนม แต่มันก็เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เลวนัก เป็นความสัมพันธ์ที่ช่างคลุมเครือ
“นี่ เมื่อไหร่ของนายจะเสร็จ จะอยู่นี่ตลอดเลยรึไง? ไปที่โซฟากันเถอะ”
“อ๋อ เกือบเสร็จแล้ว เดี๋ยวจัดการเสร็จแล้วจะตามไป ไปก่อนเลย”
“…ก็ได้”
แม้การดริปกาแฟจะไม่ได้ใช้เวลามากขนาดนั้น แต่อาจเพราะอีกคนไม่ค่อยชอบรออะไร ถึงได้เอ่ยปากชวนให้ไปที่ห้องนั่งเล่นด้วยกัน จองอูจึงบอกให้ซองจูออกไปก่อน แล้วจึงกลับมาจัดการเก็บกวาดโฮมบาร์เงียบๆ เอากาดริปกาแฟและดริปเปอร์ที่ใช้แล้ววางตากบนที่ตากจาน แยกกากกาแฟในที่กรองกากออกมาจัดการด้วยท่าทางที่เชี่ยวชาญ ซองจูที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองดูการกระทำของจองอู แล้วจึงเอ่ยปากถามขึ้น
“ก่อนมาเต้นกินรำกิน นายทำอะไรมาก่อนเหรอ?”
“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้น”
“อ้าว แล้วมันไม่จริงรึไง?”
“มันเป็นการดูถูกอาชีพ”
ไม่ยอมตอบคำถามที่เขาถามออกไป แล้วยังจะมาพูดตำหนิกันอีก ซองจูซึ่งกำลังเบะปากออกมา ไม่อาจทนนิ่งเงียบได้อีกต่อไป จึงยอมเปลี่ยนคำพูดแล้วถามออกไปใหม่อีกครั้ง
“ก่อนมาทำดนตรีน่ะ ทำอะไรเหรอ?”
“ก็ทำนั่นนี่ไปเรื่อย”
“นี่ ไอ้เด็กบ้า น้อยใจรึไง งอนที่ถูกเรียกว่าพวกเต้นกินรำกินเหรอ?”
“ไม่ใช่ซะหน่อย”
จองอูที่จัดการทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย เดินถือแก้วกาแฟของตัวเองเข้ามา ซองจูที่มองอีกฝ่ายอยู่ก่อนแล้วยังคงเบะปากอยู่อย่างนั้น
“ถ้าไม่ใช่แล้วอะไรล่ะ ก็เห็นอยู่ว่างอนชัดๆ”
“ฉันไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กแบบนายสักหน่อย”
“ดูๆ เถียงทุกคำเลยเนี่ย”
ซองจูเดาะลิ้น ในขณะที่จองอูก็วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงข้างๆ ซองจู
“ก็มันไม่มีอะไรไง ก็แค่หาอะไรใกล้ตัวทำ อะไรที่ทำให้มีกินมีใช้ก็ทำหมดนั่นแหละ”
“ผิดกฎหมายก็ได้งั้นเหรอ?”
“ยกเว้นเรื่องผิดกฎหมายก็ทำมาเกือบหมดแล้วนะ ถ้าสบายใจจะทำ”
“งั้นก็ แค่ไม่ทำเรื่องที่อึดอัดใจ แต่จากการกระทำของนายมันดูน่าสงสัยจะตายไป อย่าไปพูดอะไรแบบนั้นที่ไหนล่ะ”
ซองจูพูดเช่นนั้นพร้อมกับทำสีหน้าไม่สบายใจ จองอูที่ได้เห็นสีหน้าแบบนั้น ก็ถึงกับแสดงอาการประหลาดใจออกมา
“นายว่าฉันดูน่าสงสัยงั้นเหรอ?”
“แล้วไม่ใช่รึไง? ใส่แต่เสื้อผ้าสีดำทุกวัน ผมก็เอาปิดหน้าไว้ตั้งเป็นครึ่งแบบนั้นไม่น่าสงสัยหรือไง? อายุก็ตั้งเยอะ ยังไม่หายจากโรคเด็กม.2 อีกเหรอ”
“โรคเด็กม.2 อะไร แค่ใส่สีดำแล้วมันง่ายดีก็แค่นั้น”
ใบหน้าของจองอูหลุดยิ้มออกมา แต่ไม่นานก็กลับไปเป็นเรียบเฉยเช่นปกติ
“หน้าตาก็ใช่ว่าจะขี้เหร่ แล้วทำไมต้องเอาบังไว้ด้วย จัดทรงให้มันดูเรียบร้อยหน่อยไม่ได้รึไง? เดี๋ยวก็หน้าร้อนแล้ว เห็นแบบนี้แล้วมันทำให้ฉันอึดอัด”