(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนที่ 3-2

ตอนที่ 3-2 ความสับสน

 

 

 

 

พวกเขาเพิ่งจะจัดการสะสางและโยกย้ายห้องซ้อมจากห้องชั้นใต้ดินของบ้านที่เคยใช้เป็นที่ฝึกซ้อม มายังที่นี่ รวมไปถึงห้องอัดที่เป็นห้องเก็บเสียงนั่นก็เพิ่งทำขึ้นมาใหม่ได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น หากเพราะอาการคลุ้มคลั่งของซองจูทำให้เกิดความเสียหายกับสิ่งที่พวกเขาหามาอย่างยากลำบาก พวกเพื่อนๆ คงไม่ยืนดูอยู่เฉยๆ แน่ 

 

 

ทั้งสามคนใช้เวลาจัดการเก็บอุปกรณ์และเครื่องดนตรีที่อยู่รอบๆ โซฟาอยู่ครู่หนึ่ง เอามันไปซ่อนในมุมหนึ่งของห้องอัด รวมไปถึงเก็บพวกของมีคมหรือของจำพวกปากกาทั้งหลายจนเสร็จ ในตอนที่กำลังพักเหนื่อยอยู่นั้น เสียงกริ่งของห้องซ้อมที่ถูกกดรัวอย่างรีบร้อนก็ดังขึ้น 

 

 

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊งงงงงงงงงง 

 

 

“บ้าไปแล้ว ดูท่าคงมาถึงแล้วสินะ” 

 

 

จากคังนัมมาถึงฮงแดได้รวดเร็วขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าต้องเหยียบคันเร่งมิดขนาดไหน แม้จะกังวลว่าคงจะไม่ได้ถูกปรับ แต่เสียงกริ่งที่ดังต่อเนื่องอย่างไร้ความเกรงใจนั่นไม่มีทางที่จะดังขึ้นมาเองได้ เสียงกริ่งนั่นทำให้บรรยากาศในห้องซ้อมเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ซองฮีเก็บสีหน้าก่อนจะเดินไปที่ประตูหน้า รู้สึกเหมือนกับมันกำลังจะเกิดสงครามขึ้น 

 

 

 

 

 

“…ถ้าไม่สะดวกให้พวกเราออกไปก่อนดีไหมครับ?” 

 

 

“ไม่ ไม่ต้อง” 

 

 

ซองจูดูสงบกว่าที่คิด เขาเข้าไปนั่งบนโซฟาที่จัดเตรียมไว้ด้านหนึ่งของห้องด้วยสีหน้าหมองหมุ่น เซจุนสังเกตซองจูที่เป็นแบบนั้นอยู่ตลอด จึงเอ่ยปากออกมาอย่างจริงใจว่าจะหลบออกไปก่อน แต่ทว่ากลับโดนลงดาบด้วยการถูกปฏิเสธ เซจุนที่มีสีหน้าลำบากใจยื่นขวดน้ำส้มไปทางซองจูพร้อมกับฉีกยิ้มออกมา 

 

 

“ขับรถมาเหนื่อยๆ ดื่มสักหน่อยนะครับ” 

 

 

สมกับเป็นบุคคลผู้มีเซ้นส์ของคราฟท์ รับหน้าที่ในการต่อบทสนทนาต่อไป แต่ว่าซองจูกลับไม่สนใจเครื่องดื่มเลยสักนิด สายตาคอยจ้องไปยังซองฮีที่นั่งนิ่งอยู่ตรงหน้า 

 

 

“คิมจองอู” 

 

 

ชื่อที่หลุดออกมาจากปากของซองจูทำเอาคนที่รวมกันอยู่ในห้องซ้อมตะโกนร้องอุทานออกมาด้วยเสียงประหลาด 

 

 

“เอ๋?” 

 

 

“หืม” 

 

 

“หา? นายรู้จักหมอนั่นได้ไง?” 

 

 

คนที่ตกใจที่สุดก็คือซองฮี ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะได้ยินชื่อนี้ที่ไม่น่าจะหลุดออกมาจากปากของซองจูได้ ซองฮีค่อยๆ กวาดสายตามองสำรวจซองจูที่มีสภาพยับเยินด้วยสีหน้าตกตะลึง 

 

 

จู่ๆ ก็มาขอที่อยู่ของห้องซ้อม แต่กลายเป็นว่าคนที่มาหาเขา ไม่ใช่พี่ชายในแบบที่เขาเคยเห็นมาก่อนเลยสักนิด 

 

 

พี่ชายที่มักจะรักษาภาพลักษณ์ตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง สภาพคนตรงหน้าที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงและใบหน้าซีดเซียว ถ้าแม่ได้มาเห็นสภาพนี้เข้า มีหวังคงได้เป็นลมล้มตึงไปแน่ๆ เรื่องนั้นว่าน่าตกใจมากแล้ว แต่ชื่อของคนที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากปากของอีกคนได้เนี่ยสิ ไม่รู้เลยว่าจะต้องตีความมันว่าอย่างไรดี ซองฮีขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับเอ่ยถามซองจู 

 

 

“หมายถึงเลซี่ใช่ไหม? นายรู้จักจองอูได้ยังไง?” 

 

 

“จะเลซี่หรืออะไร ฉันไม่รู้หรอก คิมจองอูอยู่ที่ไหน นายรู้ใช่ไหม” 

 

 

ซองฮีถึงกับหมดแรงกับสิ่งที่ออกมาจากปากของซองจู 

 

 

ตามหาจองอู แต่กลับไม่รู้จักนามแฝงของเจ้านั่น มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ และเพราะตัวเขาเอง ซองจูถึงได้เหมารวมพาลเกลียดพวกที่ทำงานด้านดนตรี แต่นี่ซองจูกลับมาหาเขาเพื่อถามหาจองอู มันยิ่งชวนให้น่าสงสัยเข้าไปใหญ่ ซองฮีกังวลว่าซองจูคงไม่ได้ตามหาจองอูเพื่อจะไปก่อกวนหรอกนะ เขากลืนน้ำลายอย่างใจเย็นก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง 

 

 

“นั่นล่ะ คนที่นายตามหาก็คือเลซี่ ไม่สิ คิมจองอูใช่ไหม คิมจองอูที่แต่งเพลงนั่นน่ะ” 

 

 

“ไอ้บ้าเอ๊ย เลิกทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้สักที! ไอ้บ้านั่นอยู่ไหน นายซ่อนมันเอาไว้ใช่ไหม? หา? ไอ้บ้านั่นมันทำอะไรอยู่ที่ไหนกันแน่วะ” 

 

 

สุดท้ายซองจูก็หมดความอดทนกับการถูกซักไซ้ซ้ำๆ จึงได้ระเบิดอารมณ์ออกมา เพราะเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ ซองจูจึงพุ่งเข้ามาคว้าคอเสื้อของซองฮีอย่างเหลืออด สภาพของซองจูดูแทบไม่เหมือนคนเลยด้วยซ้ำ 

 

 

ดวงตาทั้งคู่ของซองจูแดงก่ำด้วยเลือดที่คั่งอยู่ พาลทำให้สีหน้าซองฮีเต็มไปด้วยความตกใจ จนไม่ทันได้หยุดยั้งอีกคนที่พุ่งมาคว้าคอเสื้อ 

 

 

ซองจูที่ได้เห็นในระยะใกล้ สภาพดูเลวร้ายอย่างมาก ใบหน้าที่ไม่ได้รับการเอาใจใส่จนมีไรหนวดขึ้นประปราย ริมฝีปากแห้งแตกมีรอยเลือดติดอยู่ ทุกครั้งที่อีกฝ่ายแผดเสียงตะโกนออกมา มันทำให้รู้สึกได้ถึงกลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่ นั่นยิ่งทำให้ซองฮีงุนงงมากขึ้นไปอีก 

 

 

พี่ชายของเขาที่ไม่ชอบให้ตัวเองดูน่าเกลียดเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ทั้งยังดื่มเหล้าเฉพาะเมื่อสถานการณ์มันยากจะปฏิเสธเท่านั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า จะมีกลิ่นเหล้าหึ่งออกมาทั้งที่ยังเป็นเวลากลางวันแบบนี้ แล้วยังบุหรี่อีก ซองฮีจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นฮันซองจูคาบบุหรี่ก็คือเมื่อห้าปีที่แล้ว มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่ชายของเขากันแน่ ซองฮีที่ประหม่าจนทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ตรงหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถามออกมา เซจุนที่ทนเฉยไม่ไหวจึงได้พรวดพราดเข้ามาแทน 

 

 

“พี่ครับ ปล่อยมือแล้วมาคุยกันดีๆ ดีกว่านะครับ ซองฮีตกใจจนพูดอะไรไม่ออกแล้วนะครับ” 

 

 

“นายจะทำอะไร ยังไม่เอามือออกไปอีก?” 

 

 

“โธ่ ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะครับ มาเจรจากันอย่างสันติเถอะ เราไม่ใช่วัยที่ต้องลงไม้ลงมือกันแล้วนะครับ ไปรู้จักกับเลซี่ได้ยังกันครับพี่” 

 

 

เซจุนเป็นคนที่มีลักษณะเฉพาะ เมื่อเขายิ้มกว้างกลับช่วยยับยั้งซองจูได้ แม้ว่ามันจะดูเจ้าเล่ห์ไปสักหน่อย แต่เจ้านั่นก็ทำให้คนอื่นรู้สึกสบายใจได้ ซองจูเองก็จัดลำดับเซจุนเอาไว้ค่อนข้างดีเลย เพราะฉะนั้นท่าทางที่โมโหร้ายแบบนั้นของซองจูถึงได้ลดลงเล็กน้อย 

 

 

“ฉันไม่รู้ชื่ออื่นหรอกนะ พวกนายรู้จักหมอนั่นใช่ไหม ถึงขนาดเชิญหมอนั่นไปงานแต่งงานด้วย แน่นอนว่าต้องสนิทกัน บอกหน่อยได้ไหมว่าไอ้บ้านั่นอยู่ที่ไหน” 

 

 

ซองจูอ้อนวอนกับเซจุน ทั้งที่ยังคงจับคอเสื้อของซองฮีอยู่อย่างนั้น มือนั้นกำลังสั่นเทาอย่างรุนแรง ซองฮุนที่พอจะเข้าใจเรื่องราวนั้นแล้ว จึงเอื้อมไปจับมือของซองจูเอาไว้ด้วยสีหน้าเย็นชาเฉพาะตัว 

 

 

“ปล่อยมือแล้วค่อยคุยกันครับ” 

 

 

คำพูดที่แข็งกร้าวนั่นทำให้หางตาของซองจูกระตุกขึ้นมา แต่ทว่ากลับไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านอะไรเป็นพิเศษอย่างที่คิด ทันทีที่ซองฮุนดึงมือนั้นออกมา มือทั้งสองข้างของซองจูก็ตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง 

 

 

“ขอร้องล่ะ พวกนายช่วยบอกที…” 

 

 

เจ้าตัวอ้อนวอนออกมาด้วยน้ำเสียงโรยแรง ทำให้สีหน้าของทั้งสามคนถึงกับเปลี่ยนเป็นลำบากใจขึ้นมา พวกนั้นเองก็ไม่ได้รู้เลยว่าจองอูได้หายตัวไป 

 

 

คิมจองอูที่ใช้นามแฝงว่าเลซี่ในการทำงาน แน่นอนว่าต้องเป็นคนสนิทถึงจะเอ่ยเรียกชื่อของเจ้านั่นได้ และสมาชิกของคราฟท์ที่เรียกชื่อของเจ้านั่นได้ ก็มีอยู่แค่ไม่กี่คน 

 

 

พวกเขาเจอกับจองอูครั้งแรกเมื่อประมาณสี่ปีก่อน 

 

 

ในเวลานั้น มีวงดนตรีที่ชื่อว่าคราฟท์อยู่ก็จริง แต่มันก็เป็นแค่วงเฉิ่มเฉย ที่ดูแล้วไม่น่าจะมาได้ไกลถึงขนาดนี้ ถึงวงจะเป็นที่รู้จัก แต่นั่นก็เป็นเพราะการศึกษาและหน้าตาที่โดดเด่นของสมาชิก มากกว่าจะเป็นเรื่องของดนตรี แม้ว่าเพลงพวกนั้นจะไม่ใช่เพลงแบบที่พวกเขาอยากจะทำก็ตาม ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับทางพวกผู้ใหญ่ของที่นั่น สามปีก่อนจึงได้ถูกไล่ออกด้วยเหตุผลที่คลุมเครือ ต่อมาในช่วงเตรียมออกอัลบั้มใหม่ พวกเขาก็ได้ตัดสินใจชวนกันทำเพลงในแบบที่อยากทำ แล้วในตอนนั้นคนที่ซองฮีนึกถึงขึ้นมาเป็นคนแรกๆ ก็คือจองอูนั่นเอง 

 

 

ในเวลานั้นจองอูเป็นเหมือนดาวเด่นในวงการเพลงอินดี้ เพลงที่เจ้านั่นทำมันกลายเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมและสร้างสรรค์ ไม่เพียงแค่แต่งเนื้อร้อง แต่งทำนอง เรียบเรียงด้วยตัวเองเท่านั้น ยังเล่นดนตรีทุกอย่างเอง รวมทั้งกำกับเสียง ไปจนถึงสร้างมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยมือของตัวเองคนเดียว จึงเป็นเหตุที่ทำให้เจ้านั่นกลายเป็นที่น่าจับตามอง เป็นบุคคลสำคัญสำหรับคราฟท์ที่ไม่อาจหลุดพ้นจากกรอบเดิมๆ ของบริษัทได้เลย 

 

 

จองอูตอบรับคำเรียกร้องจากสมาชิกของคราฟท์ พวกเขาจึงได้เริ่มทำงานร่วมกัน ชื่อของเจ้านั่นได้ขึ้นในเครดิตของซิงเกิลอัลบั้มที่สองของคราฟท์ที่ชื่อว่า ‘LOVESONG’ เมื่อมันถูกปล่อยออกไป ก็สามารถนำพาให้วงกลายเป็นวงโด่งดังขึ้นมาได้ จองอูจึงเป็นเหมือนผู้มีพระคุณของพวกเขา  

 

 

แต่ว่านี่ไม่ใช่ใครอื่น กลับเป็นคิมจองอูคนนั้น คนที่ฮันซองจูตามหาด้วยความเป็นห่วงอยู่ในตอนนี้ สมาชิกทุกคนไม่รู้จะรับมืออย่างไรกับสถานการณ์ที่เหมือนกับเรื่องโกหกนี้ อีกทั้งเรื่องที่จองอูหายไปนั่นด้วย อาจเพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน จองอูเพิ่งมาร่วมทำเพลงทัวร์ด้วยกันกับคราฟท์ จึงยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่ ซองฮีค่อยๆ จัดระเบียบความคิดที่ยุ่งเหยิงทีละนิด ก่อนจะหันไปพูดกับซองจู 

 

 

“ฉันเองก็เพิ่งรู้เรื่องที่จองอูหายไปจากปากนายเนี่ยล่ะ นายไปทำอะไรเจ้านั่น? จองอูไม่ใช่คนที่จะหายไปโดยไม่บอกอะไรแบบนั้น เรื่องนั้นนายน่าจะรู้ดี มันอะไรกันแน่ เรื่องระหว่างพวกนายน่ะ?” 

 

 

คำถามที่แทงใจของซองฮี ทำให้สีหน้าของซองจูถมึงทึงขึ้นมาทันที 

 

 

“ถ้านายรู้แล้วจะทำไมงั้นเหรอ? ทำไมต้องสงสัยด้วยว่ามีอะไรระหว่างกัน?” 

 

 

เพราะซองจูไม่ยอมตอบคำถามออกมาตรงๆ ทำให้ความโกรธของพี่น้องที่มีมากอยู่แล้ว มันยิ่งทบเท่าทวีคูณขึ้นไปอีก 

 

 

“ถ้าฉันรู้ว่านายทำอะไร แล้วฉันจะบอก” 

 

 

“อะไรกันวะ ไอ้เวรนี่!” 

 

 

“ปัดโธ่ พี่ครับ ใจเย็นก่อนนะ” 

 

 

“นี่ ฮันซองฮี พอได้แล้ว” 

 

 

เขาพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้ออีกคนเอาไว้อีกครั้ง บรรยากาศการทะเลาะกันระหว่างพี่น้องที่เริ่มคุกรุ่นทำให้ทั้งเซจุนและซองฮุนรีบวิ่งเข้ามาแยกทั้งสองคนออกจากกัน เซจุนดูซองจู ส่วนซองฮุนดูซองฮี ทั้งคู่คอยกัน และต่างพยายามเกลี้ยกล่อมทั้งสองคน ขณะที่ทั้งพี่ทั้งน้องกลับแผ่รังสีดื้อรั้นออกมาทั้งคู่ 

 

 

“เฮอะ ถึงจะไม่รู้ว่าเจ้านั่นอยู่ที่ไหน แต่ต่อให้รู้ ฉันก็ยิ่งต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้คนแปรปรวนโมโหร้ายอย่างนายจะทำอะไรกับเจ้านั้น คนอย่างนายเกิดประสาทอะไรขึ้นมา กับพี่น้องก็ยังมาทำหวงเจ้านั่นแบบนั้น? หา?” 

 

 

“เวรเอ๊ย นั่นพูดเหรอ นึกว่าเห่าซะอีก ประสาทงั้นเหรอ? นายเป็นอะไรถึงต้องมายุ่งเรื่องคนอื่นวะ? ถ้ามีปัญหา ฉันก็ต้องแก้ปัญหากับไอ้บ้านั่น นายจะเข้ามาสอดทำไม?” 

 

 

“ถ้านายมันปกติฉันคงไม่ยุ่งหรอก! กับเด็กที่เป็นโรคหวาดระแวงแบบนั้น นายจะทำอะไรกับเจ้านั่นหา!” 

 

 

“ว่า ว่าไงนะ…? โรคหวาดระแวงงั้นเหรอ?” 

 

 

ซองจูนิ่งไปทันทีที่ได้ยินคำที่ไม่คาดคิด ในตอนนั้นเซจุนที่ยังไม่ปล่อยมือจากซองจูจึงเริ่มเอ่ยปลอบอีกคน 

 

 

“พี่ครับ พี่ใจเย็นก่อนนะ เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่า นายเองก็หยุดได้แล้วซองฮี ถ้านายยังเป็นแบบนี้คงจะคุยกันรู้เรื่องหรอกนะ” 

 

 

“นี่ นายอยู่ข้างใครกันแน่วะ” 

 

 

“มันใช่เรื่องที่จะมาแบ่งข้างกันตอนนี้ไหม ทำไมกัน ไม่สมกับเป็นนายเลยนะแบบนี้น่ะ พี่ครับ พี่กับจองอูน่ะ เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ครับ พี่ต้องบอกให้เรารู้ก่อน พวกเราจะได้รู้ว่าจะสามารถเปิดเผยได้แค่ไหน” 

 

 

คำพูดของเซจุนทำให้ซองจูค่อยๆ สงบลง ซองฮุนที่เห็นท่าทางของอีกฝ่าย จึงกำหนดลมหายใจเข้าออกอยู่อย่างนั้น ขณะที่กำลังเรียบเรียงคำพูด เขาก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง ออกไปเอาน้ำเย็นมา ซองจูที่รับมันมาไว้ หลังจากดื่มน้ำนั่นแล้ว ก็สูดหายใจอย่างช้าๆ 

 

 

“หลายเดือนมานี้ เราอยู่ด้วยกัน” 

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset