(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนที่ 4-1

ตอนที่ 4-1 ข้ามผ่าน

 

 

 

 

กรุ๊ง กริ๊ง 

 

 

“เชิญเลยครับ” 

 

 

เมื่อเสียงกระดิ่งที่เชื่อมติดกับประตูดังขึ้นภายในร้านค้าขนาดเล็ก เสียงทุ้มต่ำก็เอ่ยต้อนรับลูกค้าออกไปในทันที ‘day, after, tomorrow’ ร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองของโซล วันนี้ก็ยังคงดำเนินไปอย่างเชื่องช้าและเงียบสงบดังเช่นที่ผ่านมา 

 

 

“อ้าว พี่มาแล้วเหรอครับ” 

 

 

ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของลูกค้าผู้มาเยี่ยมเยือนที่คาเฟ่แห่งนี้ตั้งแต่เช้า ใบหน้าของบาริสต้าหนุ่มก็มีรอยยิ้มระบายออกมาจนเต็มหน้า 

 

 

เด็กหนุ่มที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมออกสองเม็ด แขนเสื้อทั้งสองข้างพับทบขึ้นมาที่ต้นแขน สวมผ้ากันเปื้อนสีดำไว้ด้านหน้า และผมที่ยาวลงมาปิดบังใบหน้าไปเกือบครึ่ง 

 

 

เขาคือคิมจองอูนั่นเอง 

 

 

“สบายดีนะ” 

 

 

“อะไรกันครับ ก็เหมือนเดิมแหละครับ ตื่นเช้ามาที่ร้าน เลือกกาแฟ พอเลิกงานแล้วก็กลับไปนอนพัก” 

 

 

“เจ้าเด็กนี่ เลิกเก็บเอาไว้คนเดียวสักทีเถอะ เพราะพวกนายทั้งคู่ ฉันถึงต้องลำบากใจแทบตายแล้วเนี่ย” 

 

 

“…ขอโทษครับ” 

 

 

จองอูค้อมศีรษะลงให้กับคุณลูกค้า พร้อมพึมพำคำนั้นออกมาด้วยรอยยิ้มจางๆ อีกคนลอบสังเกตสีหน้าของจองอู ก่อนคุณลูกค้าจะสั่งเครื่องดื่ม 

 

 

“ขอไอซ์มอคค่าให้ฉันแก้วนึง” 

 

 

“ครับ รอสักครู่นะครับ” 

 

 

คุณลูกค้าจ้องมองไปทางจองอูที่ก้าวฉับๆ ออกไปด้วยใบหน้าที่ระบายยิ้มพรายออกมา แล้วเจ้าตัวจึงแอบถอนหายใจออกมาโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้สังเกตเห็น 

 

 

ตัวตนที่แท้จริงของลูกค้าคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นดงฮยอนนั่นเอง 

 

 

ไม่นานหลังจากนั้น ถาดใบเล็กก็ถูกนำมาวางลงตรงหน้าดงฮยอนที่ยังคงพยายามซุกซ่อนสีหน้ากระวนกระวายใจเอาไว้ บนนั้นมีแก้วกาแฟที่อัดแน่นด้วยวิปปิ้งครีมและไซรัปช็อกโกแลตอีกแก้วหนึ่ง กับแซนวิชอีกสองชิ้นวางอยู่ 

 

 

“ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าใช่ไหมครับ อันนี้เป็นเซอร์วิสของร้านน่ะครับ” 

 

 

“เจ้าของร้านก็ไม่ใช่ ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ไม่โดนหักเงินบานเลยรึไง” 

 

 

“ไม่หรอกครับ พี่เจ้าของร้านก็บอกแล้วว่าถ้ามีคนรู้จักมา ก็ทำให้ได้เลย” 

 

 

“ทำธุรกิจแบบไหนกันเนี่ย ไม่นับเงินเดือนนาย ยังจะเหลือกำไรอะไรอีกเนี่ย” 

 

 

“ที่นี่ไม่ได้เปิดร้านกาแฟเพื่อค้ากำไรอยู่แล้ว แต่ทำกำไรจากการส่งออกเมล็ดกาแฟที่คั่วเองครับ ดังนั้นไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ อีกอย่างผมก็แค่เข้ามาช่วยดูแลร้านพักนึงเท่านั้น ในช่วงที่ยังจัดการเรื่องที่หลับที่นอนก็เท่านั้นน่ะครับ” 

 

 

จองอูเดินตรงไปทางประตูทางเข้าคาเฟ่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะจับพลิกป้ายที่แขวนอยู่ด้านหน้า เป็นคำว่าปิดร้าน 

 

 

ภายในคาเฟ่ขนาดเล็กที่ถูกปิดให้บริการลงอย่างง่ายดายในชั่วพริบตา ทำเอาดงฮยอนได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง 

 

 

“เฮ้อ…แบบนี้ก็ได้เหรอ” 

 

 

“ครับ ที่นี่ไม่เปิดร้านตอนเช้าครับ แต่เพราะว่าพี่บอกจะมาตอนนี้ ผมก็เลยเปิดร้านให้น่ะครับ” 

 

 

จองอูพูดเช่นนั้น พร้อมกับขยับมานั่งตรงข้ามกับดงฮยอน 

 

 

“ช่วงนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ” 

 

 

สีหน้าของจองอูตอนที่ถามคำถามนั้นออกมาดูกระวนกระวายอย่างชัดเจน ดงฮยอนจ้องมองจองอูที่มีสีหน้าเช่นนั้นอยู่ครู่ ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา 

 

 

“ไอ้เจ้าเด็กนี่ ทำไมมาถามเอาตอนนี้” 

 

 

“…ขอโทษ…” 

 

 

“เลิกพูดคำว่าขอโทษสักที ถ้านายอยากจะขอโทษจริงๆ คงไม่ทำแบบนี้หรอก คำนั้นนายควรจะบอกกับซองจูมากกว่าที่จะเป็นฉันไม่ใช่รึไง? ฉันคิดว่าจะได้จัดงานศพแล้วซะอีก ใครจะไปคิดว่าคนอย่างเจ้านั่น จะมีสภาพเป็นคนป่วยใกล้ตายได้แบบนั้น เฮ้อ จริงๆ เลย อยากจะบ้าตาย” 

 

 

เรื่องที่ทำเอาอึ้งจนพูดไม่ออกพวกนั้น พอดงฮยอนบ่นออกมาแล้ว สุดท้ายเจ้าตัวก็ใช้หลอดที่ส่วนปลายเป็นเหมือนช้อนนั่นตักครีมขึ้นมาคำโต ก่อนจะเอายัดใส่ปากตัวเองเสีย คงเพราะอายุที่เพิ่มขึ้น เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็พาลทำให้รู้สึกสูญเสียน้ำตาลไปมากเหลือเกิน หากยังเป็นแบบนี้มีหวังโรคเบาหวานคงได้ถามหา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ยกแก้วขึ้นดื่มได้เลย 

 

 

“ฉันจะมาตายแบบนี้ไม่ได้นะ เฮ้อ…” 

 

 

เมื่อบ่นคำพูดไร้สาระออกมา ก็จัดการดื่มกาแฟเข้าไปอีกอึกใหญ่ จองอูที่มองเห็นสภาพเช่นนั้นของดงฮยอนก็ถึงกับทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา 

 

 

“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมครับ ดีขึ้นมากแล้วใช่ไหม” 

 

 

“ห่วงด้วยรึไง” 

 

 

“ก็ต้องอย่างนั้นสิครับ…” 

 

 

เมื่อถูกถามย้ำๆ จองอูก็ทำสีหน้าเศร้าสลด ดงฮยอนที่เห็นสีหน้าเช่นนั้นของจองอู ก็ไม่ได้มีใจเข้าข้างอีกฝ่ายเลยสักนิด 

 

 

 

 

 

ในเวลาที่ซองจูที่ค่อยๆ สูญเสียตัวตน และมีสภาพแหลกสลายไปอย่างช้าๆ ตอนนั้นก็มีเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรเข้ามาหาดงฮยอน 

 

 

คนที่โทรเข้ามาไม่ได้โทรเข้าเบอร์ที่เอาไว้สำหรับติดต่องาน แต่โทรมาเบอร์ส่วนตัวของเขา ที่รู้กันเฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น เขารับสายที่ติดต่อเข้ามาในทันที เขากลัวว่าหากเขาไม่รับสายนี้ บางทีเขาอาจจะต้องเสียใจภายหลังก็ได้ 

 

 

แล้วการตัดสินใจครั้งนั้นมันก็คือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เจ้าของเบอร์ที่โทรเข้ามา ก็คือคนที่เขาพยายามตามหามาตลอดอย่างจองอูนั่นเอง 

 

 

เจ้านั่นบอกว่าตัวเองอยู่ที่คาเฟ่แถบชานเมืองของโซล บอกว่าทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ที่คาเฟ่นั่น เหมือนกับที่เคยทำงานเป็นบาริสต้า ในสมัยที่ยังใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาจึงได้พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วดงฮยอนก็ถามกลับไปทันทีว่าที่นั่นคือที่ไหน ก่อนจะตรงไปหาอีกฝ่ายในทันที 

 

 

เมื่อรีบไปตามที่อยู่ที่ได้รับจากมือถือ ก็ได้พบจองอูที่กำลังรออยู่ แม้อีกฝ่ายจะดูผอมลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีสภาพดีกว่าที่เขาคิด เมื่อได้เห็นหน้าของอีกคน ดงฮยอนก็ถึงกับเข่าอ่อน ทรุดลงนั่งอยู่ตรงหน้าคาเฟ่อย่างคนหมดแรงในทันที 

 

 

 

 

 

‘นี่ ไอ้เจ้าเด็กบ้านี่ นายคิดจะหนีไปใช้ชีวิตลำพัง โดยไม่สนว่าใครจะเป็นห่วงบ้าง นายทำแบบนี้ได้ยังไงกัน! ให้ความสนิทกันแล้ว ทำแบบนี้จะให้เข้าใจว่าอะไรนอกจากว่าถูกทิ้งแล้วน่ะ หา?’ 

 

 

 

 

 

ดงฮยอนนึกถึงวันนั้นที่เขารู้สึกใจหาย พร้อมกับเอ่ยตำหนิจองอูออกไป 

 

 

จองอูนั่นแหละที่ห้ามไม่ให้ดงฮยอนบอกเรื่องนี้กับซองจู เจ้าตัวเอาแต่ร้องไห้อ้อนวอนอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่สามารถจะช่วยอะไรซองจูได้อีก และหากตัวเองยังคงอยู่ข้างๆ ซองจูต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายทุกอย่างก็อาจจะพังลงจนไม่เหลืออะไรอีก ดงฮยอนที่เห็นสภาพนั้นของอีกคน จึงไม่กล้าที่จะบอกความจริงทั้งหมดออกไป 

 

 

แต่ทว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิด ซองจูที่มีสภาพแหลกสลายเช่นนั้น ไม่ได้ดีขึ้นมาเลยสักนิด จองอูที่ได้ยินเรื่องนั้น ก็ไม่มีกำลังใจเช่นกัน นั่นคือเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้เท่านั้น 

 

 

หลังจากที่ซองจูตระหนักแล้วว่าตัวเองนั้นมีใจให้จองอู จึงได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง ร่างกายก็กลับฟื้นฟูจนแข็งแรงขึ้น ไม่นานมานี้ก็เริ่มกลับไปออกกำลังกายอีกครั้ง เรื่องที่จองอูไม่รู้ คือก่อนหน้านี้อีกฝ่ายนั้นจมอยู่ในสภาพปางตายขนาดไหน ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ร่างกายที่แทบแหลกสลายนั้นกลับคืนมาเหมือนเดิม จองอูกำลังรับฟังเรื่องราวทั้งหมดนั้นผ่านทางดงฮยอน 

 

 

“มาถึงขนาดนี้แล้ว กลับไปหาไหมล่ะ” 

 

 

“จะทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะครับ ผมหนีออกมาเองแท้ๆ ถ้าให้กลับไปมันก็ยังไงๆ อยู่” 

 

 

“เลิกดื้อด้านสักทีได้ไหม พวกนายนี่มันดื้อด้านด้วยกันทั้งคู่เลย ฉันเองไม่ใช่เหรอที่เอาพวกนายมายัดอยู่ในที่เดียวกันน่ะ ทั้งหมดมันเป็นความผิดฉันเอง ใครมันจะไปคิดล่ะว่าพวกนายจะเกิดตกหลุมกันขึ้นมาซะได้….” 

 

 

พูดแล้วก็ได้แต่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมขมับ พร้อมกับแหงนหน้าขึ้นอย่างคนอับจน สีหน้าของจองอูที่จ้องมองมายังสภาพเช่นนั้นของดงฮยอน ดูราวกับเด็กน้อยที่กำลังถูกตำหนิ ไม่สิ หากมองดูดีๆ แล้ว ก็เหมือนจะดูโกรธอยู่ด้วย เป็นสภาพที่บ่งบอกว่าตัวเองก็มีส่วนผิดด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับเรื่องนั้น จองอูที่พอจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของดงฮยอน จึงเอ่ยปากออกมา 

 

 

“เดี๋ยวพอนานไปก็ลืมไปเองแหละครับ ถึงยังไงเขาก็ไม่คิดจริงจังอะไรอยู่แล้ว” 

 

 

“หา? นี่ คนที่ไม่จริงจังน่ะ แค่นายหายไป ถึงกับไม่ยอมกินไม่ยอมนอน ทำตัวเละเทะจนมีสภาพแทบไม่ต่างอะไรกับคนป่วยใกล้ตายแบบนี้เลยเหรอ? คิดให้ดีๆ นะ พวกนายพัฒนาความสัมพันธ์ในเวลาแค่ไม่กี่เดือน ตลอดช่วงเวลานั้นพวกนายทั้งตกหลุมรักกัน มีความสัมพันธ์แบบแนบชิด แล้วยังใช้เวลาร่วมกันอีกขนาดนั้น ไม่คิดว่าใจคนเรามันจะเปลี่ยนกันบ้างเหรอ? ถ้าคิดแบบนั้นทำไมไม่ยอมแพ้ซะตั้งแต่แรก ไม่งั้นก็ควรมาปรึกษาฉันสิ เมื่อก่อนแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องนายก็ยังมาโอดครวญกับฉัน หรือคิดว่าตัวเองโตแล้ว จัดการเองได้ ไม่ต้องสนใจพี่อย่างฉันก็ได้อย่างงั้นเหรอ จริงๆ เลย อย่าเป็นแบบนั้นเลยนะ ไม่งั้นก็ช่วยใส่ใจพี่ชายคนนี้บ้างสักนิดเถอะ” 

 

 

“ขอโทษครับ…” 

 

 

“เนี่ย อีกแล้ว! นายเลิกพูดคำว่าขอโทษสักทีได้ไหม! ถ้ารู้สึกผิดจริงๆ ล่ะก็ รีบกลับไปหาซองจู แล้วก็ไปคุกเข่าบอกว่าตัวเองผิดแล้วเดี๋ยวนี้เลย!” 

 

 

“เรื่องนั้น…ยังไงซะอีกไม่นานเขาก็จะลืมไปเองแหละครับ เขายังมีคนๆ นั้นอยู่นี่ครับ” 

 

 

คนๆ นั้น? นี่มันบ้าบออะไรอีกล่ะ คำพูดที่คาดไม่ถึงนั้น ทำเอาดงฮยอนต้องเงี่ยหูมาฟัง เขายัดแซนด์วิชที่ยังคงอุ่นๆ อยู่เข้าปากไปชิ้นหนึ่ง พร้อมทั้งส่งสายตาสั่งให้จองอูพูดต่อไป 

 

 

“ยังอยู่นี่ครับ คนๆ นั้นน่ะ” 

 

 

“ใคร?” 

 

 

“คนที่เคยคบ…” 

 

 

ที่หน้าตาดีคนนั้นน่ะ เจ้าตัวไม่กล้าเอ่ยประโยคสุดท้ายออกไป ได้แต่กัดริมฝีปากเอาไว้เช่นนั้น ดงฮยอนที่เห็นจองอูเช่นนั้น จึงได้แต่ถอนหายใจออกมา 

 

 

“เฮ้อ…เด็กนั้นเจอคนของตัวเองแล้ว แล้วก็จากไปไกลแล้วด้วย ไม่กลับมาอีกแล้ว อีกอย่างซองจูก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับอีกคนแล้วด้วย นายไม่รู้รึไง? คนที่ฮันซองจูชอบก็คือนาย นายนั่นล่ะ คิมจองอู” 

 

 

“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ เพราะเขาต้องทรมานจากการที่ลืมคนๆ นั้นไม่ได้มาตั้งแต่ต้น กับผมถึงได้เป็นแบบนั้น…” 

 

 

ท่าทางของจองอูที่พยายามโต้แย้งว่าคำพูดพวกนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้ ทำให้สีหน้าของดงฮยอนเริ่มมีรอยยับย่นเพิ่มขึ้น 

 

 

“จองอู นี่มันคือเรื่องของหัวใจนะ ไม่มีทางที่จะเหมือนกันหรอก นายเอง ตอนแรกก็ไม่ได้มองว่าซองจูเป็นคนดีนี่ แต่พอได้อยู่ด้วยกัน ได้เห็นข้อดีของอีกคน มันเลยกลายมาเป็นแบบนี้ได้…” 

 

 

“ตั้งแต่แรกแล้วล่ะครับ” 

 

 

“…หา?” 

 

 

“ก็ ตั้งแต่แรกเห็นแล้วที่รู้สึกว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอะไร” 

 

 

คำพูดที่ไม่คาดคิดของจองอูทำเอาดงฮยอนถึงกับเลิ่กลั่กจนทำอะไรไม่ถูก หลังจากซดกาแฟเข้าไปอึกหนึ่ง เขาถึงสามารถเอ่ยปากพูดออกมาได้ 

 

 

“รสนิยมของนายนี่มันช่างพิสดารซะจริงนะ” 

 

 

จองอูยิ้มนิดๆ ให้กับคำพูดนั้น 

 

 

“ยังไงก็ลองเก็บไปคิดดูละกัน ซองจูค่อยๆ ดีขึ้นแล้วก็จริง แต่ที่ฉันเห็นมันยังห่างไกลจากคำว่าดีอยู่โขเลยแหละ นายต้องกลับไป เจ้านั่นถึงจะสามารถดีขึ้นได้โดยสมบูรณ์แบบ” 

 

 

“…ผมจะลองคิดดูครับ แต่มันอาจเป็นคำตอบที่ไม่ได้เป็นไปในทางที่ดีก็ได้นะครับ” 

 

 

“นายนี่มัน ยังจะทำตัวดื้อด้านจนถึงที่สุดจริงๆ เลยนะ ไม่รู้ล่ะ ฉันต้องรีบกลับไปบริษัทแล้ว ต้องไปจัดการกับงานที่ค้างอยู่ซะก่อน ขอบใจสำหรับไอ้นี่นะ เดี๋ยวอีกสักสองสามวันฉันจะกลับมาใหม่ อยู่ที่นี่อย่าคิดหนีไปไหนอีกล่ะ” 

 

 

“ครับ ขับรถดีๆ นะครับ ถ้ามีเรื่องอะไรก็ติดต่อมาด้วยนะครับ” 

 

 

“เออ ไม่ต้องไปส่งนะ” 

 

 

ดงฮยอนที่ในมือข้างหนึ่งถือแก้วที่ยังมีกาแฟเหลืออยู่กว่าครึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็จับยัดแซนด์วิชที่เหลือเข้าปาก พร้อมกับเดินออกไปจากร้าน จองอูมองตามเจ้าตัวที่เดินไปขึ้นรถ ก่อนจะปิดล็อกประตูร้านอีกครั้ง และจัดการเตรียมเปิดร้านต่อไปอย่างเงียบๆ  

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset