(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนพิเศษ 1-15 สถานที่

ตอนพิเศษ 1-15 สถานที่

 

 

 

 

คำพูดของซองจูทำให้คิ้วของจีฮุนขมวดเข้าหากัน มีเหตุผลอย่างอื่นอีกเหรอที่ทำให้ต้องเชื่อฟังคำพูดของซองฮี เขาจ้องมองใบหน้าของซองจูอย่างเงียบๆ 

 

 

“เจ้าของห้องทำงานนี้ ถึงจะดูปกติดีและดูเข้มแข็งแค่ไหนก็ตาม แต่ภายในใจกลับไม่ใช่เลย เรื่องไม่เป็นเรื่องสำหรับคนอื่นกลับสร้างบาดแผลให้เขา แล้วยังฟื้นฟูกลับมาได้ยากเย็นจนน่าหงุดหงิด อ่อนแอมากถึงขนาดที่ไม่อาจเดาได้เลยจะวิ่งหนีไปตอนไหน แต่ว่าพวกนายก็ยังคอยรังแกกันอยู่ตลอด โรยเกลือลงมาบนบาดแผลที่ยังไม่ทันหายสนิทนั้น” 

 

 

“พวกเราไม่เคยทำแบบนั้น!” 

 

 

“แน่สิ การมีตัวตนอยู่นั่นแหละคือปัญหา” 

 

 

“อะไรนะ” 

 

 

นี่มันเรื่องบ้าอะไร จีฮุนได้แต่อึ้งจนพูดไม่ออก 

 

 

คิมจองอูที่เขาเคยได้ยินข่าวคราวมาบ้างนั้น นี่นับเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน ไม่ยุติธรรมเลยที่เหมือนถูกกล่าวหาว่าทำตัวตามติดมาตลอด สถานการณ์ที่ถูกเข้าใจผิดจากคนที่แปลกหน้าแบบนี้ มันน่าหงุดหงิดไปหมด จีฮุนโพล่งถามออกมาด้วยสีหน้าเกินบรรยาย 

 

 

“แล้วยังไง มันเป็นปัญหาอะไร” 

 

 

“ก็หมอนั่นไม่สบายใจไง เหมือนฉันจะกลับไปหาเซจองได้ทุกเมื่อ” 

 

 

“ไม่เชื่อใจนายอย่างนั้นเหรอ” 

 

 

“ไม่ใช่หรอก ก็แค่ไม่เคยมั่นใจกับตัวเอง” 

 

 

ใบหน้าเรียบนิ่งของซองจูที่กล่าวคำนั้นออกมา ปรากฏรอยยิ้มเศร้า 

 

 

“ให้ตายเถอะ ทำไมถึงได้ไปชอบคนแบบนั้นล่ะ แค่ดูท่าทางก็รู้แล้วว่านายจริงใจหรือไม่จริงใจ การกระทำของนายที่มีให้เขามันคือของจริง ทำไมถึงได้ไม่เข้าใจสักที” 

 

 

“เวลาที่ฉันได้อยู่กับคิมจองอู ฉันไม่ต้องแสดงเป็นฮันซองจู สนุกได้เต็มที่ เจ็บปวด และมีความสุขได้ทั้งที่ยังเสียใจอยู่ มันหมายความว่ายังไง จนตายนายก็คงไม่มีทางเข้าใจ” 

 

 

จีฮุนไม่รู้ว่าซองจูกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ 

 

 

ฮันซองจูน่ะ ไม่ใช่คนที่เอาแต่ทำตามใจตัวเองเหรอ ต้องการจะบอกอะไรกันแน่ กับเรื่องที่แสดงความรู้สึกออกมาขนาดนี้น่ะ ซองจูที่มองมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายดูราวกับกำลังจะร้องไห้ออกมา 

 

 

“เป็นไปไม่ได้ ยังไงซะฉันกับเซจองก็จบกันไปนานแล้ว ฉันไม่สามารถทำให้คนสำคัญแบบนั้นต้องเจ็บปวด ด้วยการลากคนในอดีตเข้ามาในปัจจุบัน” 

 

 

“เปลี่ยนไปจริงๆ” 

 

 

เสียงพึมพำแผ่วเบานั้นทำให้ซองจูหัวเราะเสียงดังออกมาทันที 

 

 

“ฮ่าๆ! เปลี่ยนไปเหรอ ไม่หรอก ฉันยังเหมือนเดิม ยังคงเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว ดังนั้นถึงปล่อยคิมจองอูไปไม่ได้” 

 

 

คำพูดที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแบบนั้นทำให้จีฮุนมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง อยากจะพูดอะไรออกมากันแน่ จีฮุนได้แต่สงสัยว่าซองจูคงไม่ได้เสียสติไปแล้วหรอกนะ แต่ทว่าก็เพียงแค่ใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยมองไปยังใบหน้าของฮันซองจู 

 

 

“ไม่รู้หรือไง ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคิมจองอู คนที่ทำให้ฉันยังคงเป็นฉันได้อยู่แบบนี้ก็มีแค่เขาเท่านั้น เพราะฉะนั้นจะปล่อยให้เกิดเรื่องที่สร้างความเจ็บปวด จนทำให้เจ้านั่นหนีไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉันเองก็ยังต้องอยู่ต่อไป เพราะฉันต้องการเขา” 

 

 

ดวงตาสุกใสของซองจูมีน้ำตาเอ่อคลอออกมาโดยไม่รู้ตัว 

 

 

เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นฮันซองจูในแบบนี้ คนบ้าคลั่งที่เคยเห็นมาตลอดนั้นหายไปไหนกัน เหลือเพียงชายคนหนึ่งที่ผูกชีวิตเอาไว้กับใครอีกคนเช่นนี้ จีฮุนได้แต่พึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่กระท่อนกระแท่น 

 

 

“นาย…เป็นใคร…กันแน่” 

 

 

แต่ทว่ากลับไม่มีคำตอบใดกลับมา ซองจูเพียงหันหน้ามองไปทางประตู สายตาเหมือนจะไล่ตามแผ่นหลังของจองอูที่เดินลงไปยังชั้นสอง ท่าทางของซองจูที่ยืนพิงตัวกับกำแพงอย่างน่าสงสารนั่น ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนซองจูมีชีวิตขึ้นมาบ้าง 

 

 

“นายน่ะ ใช่ฮันซองจูที่ฉันรู้จักจริงๆ น่ะเหรอ” 

 

 

จีฮุนเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง คำถามที่ถูกถามออกมาพร้อมสายตาที่ทอดมองไปตรงท้ายทอยที่ดูหม่นหมองอย่างน่าประหลาดนั่น แต่คราวนี้กลับได้คำตอบกลับมา 

 

 

“ใช่ไม่ใช่ก็ไม่รู้สิ มันสำคัญนักหรือไง” 

 

 

จีฮุนเผลอพยักหน้ารับคำพูดนั้นโดยไม่รู้ตัว 

 

 

กับคนที่ดูไม่มีการวางแผนอะไรนั่น ได้มาเห็นท่าทางยึดติดแบบนั้นแล้ว มันช่างดูแปลกตา แต่ถึงอย่างไรนั่นก็คือฮันซองจู ถึงจะดูเปลี่ยนไปบ้าง แต่ทว่าเนื้อแท้นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เป็นคนที่อยู่ในโลกที่ตัวเองยอมรับแค่เท่านั้น ซึ่งในนั้นไม่มีที่ของจีฮุนและเซจองอีกต่อไป นั่นแหละความจริงในตอนนี้ จีฮุนลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างช้าๆ 

 

 

“เข้าใจแล้ว จะบอกว่าสบายดีก็แล้วกัน แค่นี้คงได้นะ” 

 

 

ซองจูหันกลับไปหาจีฮุนที่กล่าวคำถามนั้นออกมา ในดวงตานั้นเกิดเป็นริ้วสีแดงเมื่อหยาดน้ำตาเลือนหายไป 

 

 

“อื้อ อย่าพูดอะไรไร้สาระก็พอ” 

 

 

“ยังไงก็ส่งข่าวมาบ้างล่ะ จะบอกผ่านซองฮีหรือประธานชินก็ได้” 

 

 

“ไม่จำเป็นหรอก ตอนนี้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว ฉันไม่อยากทำอะไรที่มันชวนให้เข้าใจผิดด้วย ถ้าบังเอิญเจอกันก็แค่ทักทายกันสักสองสามคำก็พอ ถึงจะไม่ได้พูดเล่นได้แบบเจ้าซองฮี แต่นั่นก็ดีแล้ว แค่นั้นคงพอใช่ไหม” 

 

 

“เป็นเอามาก สามารถจัดการกับความรู้สึกที่ยื้อมานานขนาดนั้นได้ในพริบตาเลยหรือไงกัน” 

 

 

คำพูดทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มขมขื่นนั่นทำให้ซองจูหลุดขำออกมา 

 

 

“ก็เจอที่ของตัวเองแล้วไง” 

 

 

เมื่อจีฮุนที่ได้ฟังคำตอบของซองจู ก็รู้สึกเหมือนความคิดที่เคยสับสนนั้นสลายหายไปในพริบตาเดียว 

 

 

ที่ของตัวเอง 

 

 

คำพูดนั้นไม่ได้ฟังผิดแปลก ก็เพราะเซจองนั่นแหละ เซจองที่หลงทางไปเรื่อยเพื่อตามหาที่ที่จะสามารถใช้ชีวิตอย่างราบรื่นได้จึงได้มาปักหลักที่เขา ซองจูเองก็เหมือนจะเจอที่อยู่ของตัวเองแล้วเหมือนกัน จีฮุนตระหนักได้แล้วว่า เขาไม่มีความจำเป็นต้องมาถกเถียงกับซองจูอีกต่อไปแล้ว 

 

 

“งั้นเหรอ ฉันเข้าใจที่นายอยากจะสื่อนะ ครั้งหน้าถ้าได้เจอกับนายอีก ฉันเองก็คงสบายใจขึ้นเหมือนกัน” 

 

 

“ไม่ได้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเหรอ เห็นเจอฉันทีไรก็เอาแต่พูดจาฉอดๆ ทุกที” 

 

 

“นั่นมันก็ทั้งคู่นั่นแหละ” 

 

 

ทั้งสองสบตากัน จากที่ไม่เคยยิ้มให้กันเลยสักครั้ง ในตอนนี้บนใบหน้าที่ไม่เคยมีรอยยิ้มปรากฏอยู่มาก่อนของทั้งคู่นั้น มันถูกระบายไว้ด้วยรอยยิ้มกว้าง 

 

 

“นายกับฉันน่ะ แค่นี้ก็ดีแล้ว ถ้าเถียงกันทุกครั้งที่เจอหน้า แล้วยังกลับไปรายงานที่บ้านว่าสบายดีแบบนั้น คงได้โดนด่ากลับมาด้วย แบบนี้คงพอใจแล้วแหละ เอาตามเหตุผลแล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรที่อึดอัดใจต่อกันอยู่แล้ว มิตรภาพระหว่างแฟนเก่ากับแฟนใหม่ก็คงได้อยู่” 

 

 

“งั้นเหรอ เข้าใจก็ดี” 

 

 

จีฮุนกล่าวออกมาเช่นนั้น พร้อมกับยื่นมือข้างขวาไปทางซองจู ทีนี้ก็เหลือแค่การประกาศบอกลาความไม่ปรองดองอันแสนยาวนาน ที่พวกนั้นคงไม่รู้ 

 

 

“ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็ต้องทำแบบนี้ซะหน่อย” 

 

 

“งั้นเหรอ” 

 

 

ซองจูที่มีสีหน้าอึดอัดใจ จิ๊ปากอย่างหงุดหงิด ก่อนจะยื่นมือไปจับมืออีกฝ่าย 

 

 

“ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ ยังไงก็ขอให้ดูแลสุขภาพดีๆ อย่าทะเลาะกันละ” 

 

 

“พูดมากน่า” 

 

 

ท่าทางของซองจูที่ยังคงไร้มนุษยสัมพันธ์นั้นทำให้เขาได้แต่หลุดหัวเราะออกมา แต่ว่าทั้งคู่กลับได้บอกลากันก่อนแยกจากอย่างสมบูรณ์แบบกว่าที่คาดคิด 

 

 

ตึก 

 

 

หลังเสียงตึก ประตูเหล็กก็ถูกปิดลง จีฮุนมองภาพสุดท้ายนั่นแล้วภาพของฮันซองจูก็ผุดวาบขึ้นมา 

 

 

แม้จะยังคงมีท่าทางไม่แยแสใครอย่างเดิม แต่อีกด้านนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว ฮันซองจูในตอนนี้พอจะมีกลิ่นอายที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง แล้วมันก็ดูเข้ากับอีกด้านของเจ้าตัว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม หากเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว เหมือนจะเติบโตขึ้นไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว 

 

 

“ที่ของตัวเอง” 

 

 

จีฮุนพึมพำออกมา พร้อมกลับหันหลังให้ประตูเหล็กนั่น 

 

 

หนึ่งก้าว สองก้าว ค่อยๆ ก้าวลงมาตามบันไดไปยังชั้นสอง คำพูดที่ผุดวาบขึ้นมานั้นทำให้เขาเงยหน้าขึ้นไปมองทางชั้นบน ประตูเหล็กสีเทาที่ปิดสนิทอยู่นั้นก็เหมือนกับหัวใจของซองจู 

 

 

ไม่สิ ตรงข้ามอาจจะเหมือนกับคิมจองอูก็เป็นได้ 

 

 

แต่ทว่าการที่ซองจูเรียกที่นั่นว่าที่ของตัวเอง คงต้องถามหาความแตกต่างระหว่างคิมจองอูกับฮันซองจูออกมาเสียก่อน อย่างไรเสียมันก็เป็นปัญหาที่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ 

 

 

แล้วคำพูดที่ราวกับการถอนหายใจก็ออกมาจากปากของเขาที่มองประตูที่ปิดสนิทอยู่เงียบๆ  

 

 

“เท่านี้ก็คงเรียบร้อยแล้วสินะ” 

 

 

จีฮุนยังคงยืนมองไปยังบานประตูเหล็กอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งคำพูดพึมพำสุดท้ายนั้นสลายไปกับบรรยากาศเยือกเย็นภายนอกจนหมด ทั้งที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมา 

 

 

 

 

 

* * * 

 

 

 

 

 

“ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมาช้านัก” 

 

 

เย็นวันนั้น พอการถ่ายทำที่รวมกับการอัดเสียงนั้นจบลง จองอูก็พุ่งตรงมาที่ชั้นสี่ในทันที หอบหายใจแฮกๆ ในตอนที่เข้ามาข้างในบ้าน ภาพซองจูที่ฝังตัวไปกับโซฟา ขณะที่อ่านหนังสืออยู่นั้นก็ปรากฏขึ้นในทันที จองอูถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่ออีกคนเหลือบมองมาทางเขาพร้อมกับพึมพำเหมือนพูดกับตัวเองออกมา 

 

 

“เฮ้อ…วันนี้เทคเยอะเลย” 

 

 

“พูดอะไร อธิบายอะไรที่ฟังเข้าใจหน่อยสิ” 

 

 

ซองจูวางหนังสือที่อ่านอยู่ลงกับโต๊ะ 

 

 

“ก็เล่นไม่ได้อย่างที่ต้องการ แล้วต้องอัดใหม่อยู่หลายรอบก็เลยมาช้า” 

 

 

“งั้นเหรอ เจ้าคนไหนล่ะ” 

 

 

“พี่ซองฮุนน่ะ” 

 

 

“เจ้าคนหัวดื้อนั่นเหรอ ไม่ได้เรื่องเลย” 

 

 

พอได้ยินว่าเป็นซองฮุน ซองจูก็เป็นอันต้องสบถออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สึกสาอะไร พร้อมกับยกขาเรียวยาวขึ้นไขว่ห้าง ท่าทางนั้นดูสง่างามอย่างมาก 

 

 

“ทำอะไร ไม่นั่งล่ะ” 

 

 

เขาเงยมองจองอูที่ยังคงยืนเหม่ออยู่ข้างๆ พร้อมกับตบปุๆ ลงตรงที่นั่งด้านข้าง จองอูที่ได้สติจากคำพูดนั้นก็ค่อยๆ นั่งลงอย่างเรียบร้อย 

 

 

“ไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม” 

 

 

“อะไรล่ะ” 

 

 

“เมื่อกี้ไง” 

 

 

“ในสายตานาย ฉันดูเหมือนมีเรื่องอะไรมาหรือไง” 

 

 

“ก็ไม่ แต่ว่า…” 

 

 

ซองจูเหลือบมองไปยังจองอูที่พูดงึมงำออกมา ก่อนจะค่อยๆ เอียงศีรษะซบลงบนไหล่ของอีกคน 

 

 

“ถ้าเป็นห่วงก็ส่งข้อความมาสิ” 

 

 

คำพูดนั้นทำให้ข้างในใจที่แสนอึดอัดของจองอูหายวับไป

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset